เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

Review: Garmin vivofit ฟิตเนสแบนด์ในร่างนาฬิกาข้อมือ กันน้ำลึก 50 เมตร



       หลังจากอุตสาหกรรมไอทีเริ่มมีหมวดหมู่อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามการใช้ชีวิตตั้งแต่การเดิน การนอนหลับไปถึงการเผาพลาญพลังงาน ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทุกวัยจนเริ่มเกิดกระแสฟิตเนสแบนด์ขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

       และในประเทศไทยเองก็เริ่มมีการนำเข้าอุปกรณ์ฟิตเนสแบรนด์เพิ่มขึ้น อย่างเช่นในวันนี้กับแบรนด์ Garmin (การ์มิน) เจ้าพ่ออุปกรณ์นำทางติดตั้งในรถยนต์ก็ขอกระโดดเข้ามายังตลาดคนรักสุขภาพกับ “vivofit” (วิโว่ฟิต) พร้อมทำตลาดอย่างเป็นทางการในไทย

การออกแบบ สเปกและฟีเจอร์เด่น




       สำหรับการออกแบบ vivofit จะมาในรูปแบบนาฬิกาข้อมือ มีสายรัดทำจากยาง มีให้เลือก 5 สี คือ ดำ เทา เขียว น้ำเงินและม่วง สายในกล่องมีให้เลือกเปลี่ยนได้ 2 ขนาด ได้แก่ สายยาวมาตรฐานจะมีความยาวอยู่ที่ 152-210 มิลลิเมตร ส่วนสายสั้น (Small) จะมีความยาวอยู่ที่ 120-175 มิลลิเมตร ในส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 25.5 กรัม และอุปกรณ์ทุกส่วนสามารถกันน้ำลึก 50 เมตรได้




       ด้านตัวอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สามารถถอดแยกออกจากสายรัดข้อมือได้ จะเป็นอุปกรณ์ประเภท 24/7 หรืออุปกรณ์ที่สามารถเปิดใช้งานได้ตลอดทั้งวันไม่จำเป็นต้องปิด เพราะทางการ์มินเครมไว้ว่าแบตเตอรี 2 ก้อนภายในสามารถทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 1 ปี โดยถ้าแบตเตอรีหมดสามารถถอดเปลี่ยนเองได้ด้วยถ่านก้อนกลมรหัส CR1632

อีกทั้งแนวทางการออกแบบของ vivofit ยังผนวกความเป็นนาฬิกาข้อมือเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นตัวเครื่องจะมีหน้าจอ Reflective LCD แบบ Always on (หน้าจอเปิดพร้อมใช้งานตลอดเวลา) แบบเดียวกับนาฬิกาข้อมือดิจิตอลทั่วไป


การเชื่อมต่อ vivofit กับ Garmin ANT Stick



การเชื่อมต่อ vivofit กับ Bluetooth ผ่านแอปพลิเคชัน Garmin Connect


       แต่สิ่งที่พิเศษกว่าก็คือ vivofit สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่กับสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณไร้สาย Bluetooth Smart Technology ร่วมกับแอปพลิเคชัน Garmin Connect ส่วนพีซีและแมคจะสามารถทำผ่าน USB ANT Stick ที่แถมมาให้ร่วมกับซอฟต์แวร์ Garmin Express



       ด้านหน้าจอแสดงผล ที่นอกจากแสดงเวลา วันที่และเดือนได้แบบหน้าจอติดตลอดเวลาแล้ว vivofit ยังสามารถแสดงจำนวนก้าวเดิน เป้าหมายการเดินในหนึ่งวันไปถึงจำนวนแคลอรี่ที่เผาพลาญไปแล้วในตอนนี้แบบเรียลไทม์ด้วยการกดปุ่มที่สายรัดข้อมือข้างๆ หน้าจอแสดงผล

       และยังมีโหมดพิเศษเมื่อกดปุ่มที่สายรัดข้อมือค้างไว้จะเป็นการเข้าสู่โหมดพิเศษ 3 โหมด (อยากเข้าใช้งานโหมดไหนก็กดค้างให้ตัวอักษรบอกโหมดขึ้นมาแล้วปล่อยปุ่มที่กดค้างไว้ทันที) ได้แก่

Sync สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลกับ USB ANT Stick
SLEEP สำหรับติดตามการนอนหลับของเรา ว่าในหนึ่งคืนเรานอนหลับสนิท นอนนิ่งหรือมีการเคลื่อนไหวมากน้อยเพียงใด (ต้องกดเข้าสู่โหมดนี้ก่อนนอนทุกครั้งเพื่อเก็บข้อมูล)
Pair สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลกับ Bluetooth บนสมาร์ทโฟน



       อีกทั้งระหว่างสวมใส่ vivofit ถ้าสังเกตที่หน้าจอให้ดีจะเห็นว่า บางครั้งถ้าเรานั่งเป็นเวลานานจะมีเส้นขีดสีแดงปรากฏขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มแถบบนของหน้าจอ โดยขีดสีแดงนี้มีชื่อเรียกว่า “Move Bar” หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือเป็นขีดที่บอกให้ผู้สวมใส่ vivofit ทราบว่า “คุณไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนานเกินไป ลุกออกจากเก้าอี้มาเดินหรือแกว่งแขนสักหน่อยก็ยังดี” โดยเมื่อคุณเริ่มเคลื่อนไหวสักพักหนึ่ง ขีดสีแดงจะเริ่มจางหายไปจนหมดทั้งแถบ และจะปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งถ้าคุณไม่ขยับร่างกายเป็นเวลานาน


       เนื่องจาก vivofit เป็นอุปกรณ์เน้นตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายเรา เมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง ผู้ใช้สามารถซิงค์กับ Garmin Connect หรือ Garmin Expreess เพื่อนำข้อมูลจากสายรัดข้อมือนี้ไปประมวลผลโดยระบบส่วนกลางของการ์มิน (//connect.garmin.com/) และแสดงผลลัพท์ออกมาเป็นกราฟ (สามารถเรียกชมได้ทั้งจากเว็บไซต์และสมาร์ทโฟนผ่านบัญชีผู้ใช้เราใน Garmin Connect) ทำให้เราทราบว่าในแต่ละวันเราเดินไปกี่ก้าว กี่กิโลเมตร นอนหลับช่วงเวลาใดเป็นอย่างไรบ้าง ไปถึงสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมที่รองรับการเชื่อมต่อ ANT+ เช่น สายรัดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitor) เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์รวมกับข้อมูลที่ได้จาก vivofit ได้

ทดสอบประสิทธิภาพและสรุป



   ยอมรับในเรื่องการออกแบบของ Garmin vivofit ครับว่าทำได้ดีทั้งเรื่องน้ำหนัก วัสดุและรูปแบบที่เน้นไปทางนาฬิกาข้อมือ เวลาสวมใส่ดูไม่แปลกประหลาดและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ดี ไม่ต้องกลัวว่าคนจะมองจนเป็นเหตุให้ถูกขโมยได้ง่าย



       อีกทั้งการออกแบบสายรัดที่ใช้เป็นล็อคเจาะรูแบบเดียวกับนาฬิกาวัยรุ่นสมัยใหม่ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งคนข้อมือใหญ่และเล็ก ไม่ต้องวัดข้อมือก่อนซื้อให้เสียเวลาเหมือนแบรนด์อื่น และที่สำคัญ vivofit สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร และสามารถใส่ใช้งานได้ตลอดเวลาแม้ตอนอาบน้ำ

       ส่วนการใช้งานเรื่องหน้าจอ LCD แบบ Always on หน้าจอติดตลอดเวลา ส่วนนี้ทำได้ดี ไม่มีความร้อนเกิดขึ้นระหว่างใช้งาน แต่ขาดไฟส่องสว่างเวลาใช้งานกลางคืน เนื่องจากจอลักษณะนี้จะไม่มีไฟ Backlight ด้านหลัง เวลาอยู่ในที่มืดจอจะดำสนิทจนมองไม่เห็นข้อมูลในหน้าจอและสร้างความลำบากในการดูข้อมูลในที่มืดอย่างมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากโหมดปกติไปสู่โหมด SLEEP ช่วงเวลาเข้านอนทำได้ยากลำบากเหลือเกิน

       ด้านการตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำได้ดีและแม่นยำ ข้อมูลหน้าจอที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้สวมใส่ได้รับรู้ว่าต้องมีการเคลื่อนไหวบ้างถ้านั่งทำงานนานเกินไป

       ส่วนสรุปผลสามารถแบ่งเป็นหัวข้อได้ดังต่อไปนี้

ข้อดี

       - มีหน้าจอแสดงผลครบครันทุกฟีเจอร์ที่ vivofit รองรับ
       - ตรวจจับการนอนหลับได้
       - เชื่อมต่อ ซิงค์ข้อมูลแบบไร้สาย Bluetooth และ ANT+
       - อุปกรณ์เป็นแบบ 24/7 ใส่ได้ตลอดปีไม่ต้องปิด
       - แบตเตอรีสามารถเปลี่ยนเองได้ และมีอายุนานถึง 1 ปี
       - มีฟีเจอร์กระตุ้นให้ผู้สวมใส่ต้องขยับร่างกาย (Move Bar) ถ้านั่งอยู่กับที่นานเกินไปและเป้าหมายการเดินประจำวัน
       - Water Resistant 50 เมตร
       - เปลี่ยนเป็นโหมดนาฬิกาข้อมือดิจิตอลได้และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้

ข้อสังเกต

       - การเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth 4.0 Smart ทำได้ยากลำบากในสมาร์ทโฟนหลายรุ่น เช่น Nexus 5 ต่อติดยากมาก
       - ระบบซิงค์ข้อมูลแบบไร้สายชอบล้มเหลว ต้องพยายามเชื่อมต่อหลายครั้งกว่าจะซิงค์ข้อมูลกันได้
       - ไม่มีระบบวิเคราะห์การนอนหลับลึก งีบหลับ หรือตรวจจับการนอนแล้วตื่นกี่ครั้งในหนึ่งคืน รวมถึงฟีเจอร์ตรวจจับการรับประทานอาหารในหนึ่งวันแบบเดียวกับคู่แข่ง
       - ไม่มีระบบแบ่งกิจกรรมออกกำลังกายในแต่ละช่วงเวลาด้วยการกดปุ่มครั้งเดียว ผู้ใช้ต้องเข้าไปแบ่งกิจกรรมผ่านเว็บไซต์กลางหลังจากซิงค์ข้อมูลแล้ว

       โดยรวม Garmin vivofit ก็มีฟีเจอร์และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีและเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ Lifestyle คนยุคใหม่ โดยเฉพาะการเป็นได้ทั้งนาฬิกาดิจิตอลและฟิตเนสแบนด์ได้ในเครื่องเดียวกัน รวมถึงการป้องกันน้ำเข้าลึกถึง 50 เมตร

สำหรับราคาขาย Garmin vivofit อยู่ที่ 4,800 บาท และสามาร์ทโฟนที่สามารถใช้งานไร้สายร่วมกันได้ต้องรองรับ Bluetooth 4.0 แอนดรอยด์ 4.3 ขึ้นไป และ iOS 7 สำหรับอุปกรณ์ iOS Device

Company Related Link :
Garmin


Create Date : 29 มีนาคม 2557
Last Update : 29 มีนาคม 2557 20:40:06 น. 0 comments
Counter : 3643 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]