เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
ด้านหน้าสุสานโฮจิมินห์
“ซินจ่าว เวียดนาม” - “สวัสดีเวียดนาม”

       เป็นคำพูดแรกที่ "ตะลอนเที่ยว" กล่าวเมื่อก้าวเท้าลงจากเครื่องบินที่สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย และถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินขื่อเสียงของเมืองฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม แต่ภาพของฮานอยก็ยังไม่แจ่มชัดเท่าไหร่ จนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง

       ฮานอยในความคิดของหลายคน เป็นเมืองที่มีสาวๆ แต่งชุดอ่าวหญ่าย ชุดประจำชาติของเวียดนาม ใส่หมวก ปั่นจักรยานไปตามทาง แต่ทุกวันนี้ ฮานอยคือเมืองหลวงที่มีรถราแออัดมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บนถนนในยามเช้าและเย็นจะเต็มไปด้วยรถรา โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่ขี่กันฉวัดเฉวียนราวกับเป็นขบวนมดงานที่จะออกไปทำมาหากินในยามเช้าตรู่ และพากันกลับบ้านในยามค่ำ

ฮานอย เป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวมาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 11 จนกระทั่งมาเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือ และกลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
สะพานแสงอาทิตย์ กลางทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม
       และถึงแม้ว่าสงครามเวียดนามจะจบไปนานแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงเห็นร่องรอยของความเป็นฝรั่งเศสแทรกซึมอยู่ในทุกอนู ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่องที่เป็นสไตล์ฝรั่งเศส หรืออาหารเวียดนามอย่างบาแกต ก็รับเอาวัฒนธรรมขนมปังของฝรั่งเศสมา แต่ถึงกระนั้น ไกด์ชาวเวียดนามก็บอกว่า คนเวียดนามยังคงชิงชังฝรั่งเศสอยู่จนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากในยามที่เข้ามาปกครองเวียดนาม ฝรั่งเศสได้ขนทรัพยากรอันมีค่าของพวกเขาไปมากมาย แต่กับอเมริกาที่มาทิ้งบอมบ์ไว้ที่นี่ ทุกวันนี้กลับญาติดีกัน รักกันดุจพี่น้องเลยทีเดียว

       ว่ากันถึงเรื่องที่เที่ยวในเมืองฮานอย ก็ย่อมต้องมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมกัน อย่างจุดแรกนี้คือ “สุสานโฮจิมินห์” ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสบาดิงห์ อันเป็นจัตุรัสกลางเมืองที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพเวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเวียดนามที่มาชุมนุมกันมากกว่า 500,000 คน เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1945

       สำหรับสุสานโฮจิมินห์นี้ ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อน หินแกรนิต และไม้มีค่าจากทั่วประเทศ หากมองจากด้านนอกเข้าไปแล้ว อาคารแห่งนี้ดูงดงามและขรึมขลัง น่าเสียดายที่ในวันที่เราไปนั้น ทางสุสานปิดทำการเนื่องจากมีงานประชุมสำคัญของประเทศ จึงทำได้แค่เพียงชื่นชมอยู่ภายนอก ไม่ได้เข้าไปเคารพศพประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ลุงโฮ” รวมไปถึงบ้านที่โฮจิมินห์เคยอาศัยอยู่ และเจดีย์เสาเดียว ที่อยู่ด้านในบริเวณของสุสานด้วย

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
ภายในวัดหง็อกเซิน
       สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ใครๆ ก็ต้องไปเมื่อมาถึงฮานอย ก็คือ “ทะเลสาบฮว่ายเกี๊ยม” หรือ “ทะเลสาบคืนดาบ” ที่ตั้งอยู่กลางเมืองในพื้นที่เมืองเก่า ซึ่งเหตุที่ได้ชื่อว่าทะเลสาบคืนดาบนั้น ก็มีที่มาจากตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการสร้างชาติเวียดนาม ว่า จักรพรรดิเล เหล่ย แห่งราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนแห่งราชวงศ์หมิงที่รุกราน ให้ออกไปจากเวียดนาม ในขณะที่พระองค์ประทับบนเรือ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ก็มีตะพาบยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกให้พระองค์ส่งดาบนั้นกลับคืนแด่จ้าวมังกร ดาบนั้นก็ได้พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบแห่งนี้ ส่วนบริเวณกลางทะเลสาบ มีหอคอยโบราณที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา มีชื่อว่า “ทาปลัว” ที่มีความหมายว่า หอคอยเต่า หรือ หอคอยตะพาบ

       ปัจจุบัน ทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม หลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวฮานอยและนักท่องเที่ยว ยิ่งในช่วงเย็นๆ ก็จะมีผู้คนมานั่งเล่นพักผ่อนกัน บ้างก็มาวิ่งออกกำลังกาย มาเต้นแอโรบิก หรือมานั่งจิบกาแฟอยู่ริมทะเลสาบ เรียกว่าเป็นประหนึ่งสวนสาธารณะใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้

       ส่วนทางด้านเหนือของทะเลสาบ มี “วัดหง็อกเซิน” ตั้งอยู่บนเกาะหยก กลางทะเลสาบ หากว่าอยากจะเข้าไปที่วัดก็ต้องข้ามสะพานไม้สีแดง ชื่อ “สะพานเทฮุก” หรือ “สะพานแสงอาทิตย์” เมื่อข้ามสะพานไปแล้วก็จะเป็นทางเข้าวัด ซึ่งภายในวัดแห่งนี้คนจะนิยมมาสักการะรูปเต่าศักดิ์สิทธิ์ และสักการะอนุเสาวรีย์ตรันคว็อกตวน ผู้เป็นแม่ทัพเอกที่ต่อสู้ชนะทัพมองโกลถึงสามครั้ง และกลายมาเป็นหนึ่งในเทพเจ้าของชาวเวียดนาม

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
ส่วนหนึ่งของการแสดงละครเชิดหุ่นกระบอกน้ำ
       ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องตำนานพื้นบ้านของชาวเวียดนามแล้ว ใกล้ๆ กับทะเลสาบฮว่านเกี๊ยมก็มีโรงละครที่เปิดทำการแสดง “ละครเชิดหุ่นกระบอกน้ำ” ที่จะแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเวียดนามในสมัยก่อน และเรื่องราวเกี่ยวกับทะเลสาบคืนดาบให้ได้ชมกัน

       ความเป็นมาของละครหุ่นกระบอกน้ำนี้ ก็เนื่องจากว่าในสมัยก่อนบริเวณพื้นที่ราบลุ่มต่ำจะมีน้ำท่วมทุกปี ชาวไร่ชาวนาที่ไม่มีอะไรทำในช่วงน้ำท่วมนี้ก็จับหุ่นละครมาเชิดกันในน้ำ ซึ่งเมื่อเรามานั่งดูละครหุ่นกระบอกน้ำ ก็ต้องทึ่งกับความสามารถของคนเชิดหุ่นที่ยืนอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ ใช้การบังคับหุ่นจากไม้ยาวๆ ทำให้หุ้นแต่ละตัวดูมีชีวิตชีวา มีอารมณ์ไปกับการแสดงในแต่ละตอน และถึงแม้ว่าจะฟังภาษาเวียดนามไม่รู้เรื่อง แต่ภาษากายและดนตรีที่แสดงประกอบไปในแต่ละท่วงท่านั้นก็ทำให้คนดูสามารถเข้าใจสิ่งที่จะสื่อออกมาได้

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
ริมถนนในเมืองฮานอย
       มาเยือนในเมืองฮานอยแล้ว ถ้าหากมีโอกาสก็น่าจะลองเดินเล่นดูรอบๆ เมือง ชมตึกเก่าสไตล์ฝรั่งเศสที่ทางสีในโทนเดียวกัน สลับกับความเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นกับคนเดินถนน แต่หากออกไปนอกเมืองสักนิด จะเริ่มเห็นบ้านเรือนแบบคนเวียดนาม ที่ต้องสร้างบ้านในทรงสูง ดูด้วยสายตาก็จะเห็นว่าเป็นบ้านที่สูงประมาณ 3-4 ชั้น แต่หน้าแคบ และสร้างกันอยู่อย่างแออัด บ้านสูงๆ แบบนี้ก็จะมีแทงก์น้ำอยู่บนดาดฟ้า มีสายล่อฟ้าติดอยู่บนหลังคาทุกหลัง และที่สำคัญ มักจะทาสีบ้านเพียงด้านหน้าด้านเดียวอย่างสวยงาม แต่ด้านข้างและด้านหลังนั้นปล่อยว่างไว้ บ้างก็เป็นปูนเปลือย หรือบางหลังก็ไม่ได้ฉาบปูน เห็นไปถึงอิฐที่ก่อไว้เลยทีเดียว

       สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ว่าออกมานอกตัวเมืองฮานอยแล้วก็คือ เมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแดงมาแล้ว ก็จะเริ่มเห็นทุ่งนาและสวนผักที่ทำให้สองข้างทางดูเขียวสดใสสบายตา คนที่ทำงานอยู่ในนาหรือในสวนนั้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ส่วนคนหนุ่มสาวนิยมจะเข้าไปทำงานในโรงงานเสียมากกว่า และการทำการเกษตรของที่นี่จะไม่เน้นเครื่องทุ่นแรงเท่าไหร่นัก หากจะไปตักน้ำรดผักก็จะหาบถังไปตักเอง หรือการไถนาก็จะเลือกใช้วัว-ควายมากกว่าเครื่องไถนา นั่นก็เนื่องจากราคาค่าน้ำมันที่ต้องใช้กับเครื่องจักรมีราคาแพง คิดคำนวณแล้วหันมาใช้แรงงานคนดูจะได้ผลกำไรที่ดีกว่า

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
กระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่เขาเอียนตื๋อ
       เดินทางออกจากเมืองฮานอยได้ 3 ชั่วโมงเต็ม ก็มาถึงจุดแวะพักสำคัญระหว่างทางไปยังฮาลองเบย์ นั่นคือ “เขาเอียนตื๋อ” ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญและอารามศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนยอดเขากลางสายหมอกที่มีให้เห็นอยู่ตลอดทั้งปี

       การเดินทางขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านบน ที่มีทั้ง วิหารแดง อารามใหญ่ และสถูปเจดีย์ที่มีอายุหลายร้อยปี ในสมัยก่อนนั้นต้องใช้ความศรัทธาอย่างแรงกล้า ด้วยว่าต้องเดินปีนป่ายเขาสูงชันขึ้นไป โดยใช้ระยะเวลาถึง 4 วันเต็ม แต่ปัจจุบันนี้มีกระเช้าไฟฟ้าให้บริการแล้ว

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดด่ง
       ใช้เวลาบนกระเช้าไฟฟ้าเพียงไม่ถึง 10 นาที ได้ชมวิวสวยๆ ในมุมสูงสักพักเดียวก็ถึงทางขึ้นยอดเอียนตื๋อ อันเป็นที่ตั้งของ “วัดด่ง” หรือ “วัดทองแดง” ภายในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยอย่าง “ตะลอนเที่ยว” ก็ทำได้เพียงสักการะพระพุทธรูปอยู่ที่วัดด่งแห่งนี้ ส่วนถ้าใครมีเวลามากกว่านี้ ก็สามารถเดินทางขึ้นไปสู่ยอดเขาเอียนตื๋อ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านบนได้

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
ฮาลองเบย์
       ลงมาจากเขาเอียนตื๋อแล้วก็ออกเดินทางสู่จุดหมายต่อไป นั่นคือ “ฮาลองเบย์” ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ ฮาลองเบย์ในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นแหล่งเศรษฐิกจแห่งใหญ่ มีโครงการมากมายเริ่มก่อสร้างขึ้นที่นี่ ใครที่เคยไปเยือนฮาลองเบย์มาแล้วหลายปี หากมาในตอนนี้อาจจะจำรูปลักษณ์เดิมของฮาลองเบย์ไม่ได้แล้ว

       ความสำคัญของฮาลองเบย์ คือ การถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ฮาลองเบย์นั้นมีเกาะแก่งต่างๆ มากมายกว่า 3,000 เกาะ ซึ่งล้วนแต่เป็นเกาะหินปูนที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ภาพจำของฮาลองเบย์ก็คือเรือใบแบบย้อนยุคที่ลอยล่องอยู่บนผืนน้ำ ท่ามกลางเกาะน้อยใหญ่ แต่ตอนนี้ หากมาเที่ยวที่นี่ก็คงจะเห็นเพียงแต่เรือท่องเที่ยวที่แล่นรับส่งนักท่องเที่ยวให้ออกไปชมความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา

เตร็ดเตร่ใน “ฮานอย” ลอยล่องกลางทะเลที่ “ฮาลองเบย์”
หินงอกหินย้อยภายในถ้ำเทียนกุง
       มาฮาลองเบย์ ก็ต้องแวะไปชมความงามของ “ถ้ำเทียนกุง” หรือ “ถ้ำสวรรค์” ที่ภายในมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปร่างต่างๆ มีการจัดแสงไฟส่องไปให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น อย่าง หินมังกร หินเต่า หรือหินรูปเจ้าแม่กวนอิม แต่นอกจากภายในถ้ำแล้ว บริเวณฮาลองเบย์ก็มีทัศนียภาพงดงามไม่แพ้กัน ล่องเรือออกไปชมเกาะหินปูนรูปร่างต่างๆ เช่น เกาะช้าง เกาะหลังคา เกาะไก่ชน เป็นต้น

       ได้ล่องเรืออยู่ในฮาลองเบย์ ลมเย็นๆ ที่พัดมากระทบกายทำให้บรรยากาศยิ่งน่านอนมากยิ่งขึ้น “ตะลอนเที่ยว” เลยขอลาไปนอนพักผ่อนอยู่บนเรือกลางฮาลองเบย์สักครู่ เดี๋ยวค่อยกลับเข้าฝั่ง แล้วแพ็กกระเป๋าขึ้นเครื่องกลับมาสู่อ้อมกอดของเมืองไทย

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางไปยังฮานอย มีหลายสายการบินที่ให้บริการ โดย สายการบินเจ็ตสตาร์แปซิฟิก ให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพมหานคร (สนามบินสุวรรณภูมิ) - กรุงฮานอย (สนามบินนอยไบ) ทุกวัน วันละ 1 เที่ยวบิน โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางกระมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ดูรายละเอียดเพิมเติมที่ //www.jetstar.com หรือ โทร. 0-2267-5125

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ที่มา  //manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000048519



Create Date : 28 เมษายน 2558
Last Update : 28 เมษายน 2558 22:24:38 น. 0 comments
Counter : 980 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]