| ตลาด Lau Pa Sat ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจการเงินของสิงคโปร์ | | | การไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่ง แล้วอยากสัมผัสถึงรสชาติอาหาร และวัฒนธรรมการกินอยู่ของคนที่นั้นๆ อย่างเต็มที่ ก็ต้องไปตามแหล่งที่ผู้คนในแถบนั้นใช้ชีวิตอยู่จริงๆ อย่างเมื่อมาที่ประเทศสิงคโปร์ คนสิงคโปร์เองก็ไม่ได้เข้าไปกินอาหารในร้านหรูทุกมื้อ มื้อง่ายๆ สบายๆ ก็เลือกกินอาหารถูกใจกันที่ศูนย์อาหารต่างๆ ที่มีให้เลือกอยู่ทั่วทุกแห่ง |
| ตัวตลาดที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ | | | อย่างที่ Lau Pa Sat อันเป็นศูนย์อาหารที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของสิงคโปร์ จริงๆ แล้วที่นี่จะเรียกว่าเป็น ฮอว์เกอร์ (Hawker Food Center) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินอาหารของคนสิงคโปร์ แต่เดิมนั้นจะเป็นร้านริมทาง ร้านรถเข็น หรือหาบเร่ที่มารวมกลุ่มกันขาย แต่เพื่อความสะอาดและสุขอนามัย ทางรัฐบาลสิงคโปร์จึงจัดระเบียบร้านต่างๆ ให้มาขายในลักษณะของศูนย์อาหาร ซึ่งก็ขายเมนูจานเด็ด และอาหารท้องถิ่นของสิงคโปร์ และมีให้ชิมตั้งแต่ของคาว ของหวาน และเครื่องดื่มต่างๆ Lau Pa Sat เป็นฮอว์เกอร์ในบรรยากาศสุดคลาสสิกภายใต้อาคารโครงสร้างสไตล์วิคตอเรียนที่หลงเหลือมาจากอดีต ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1894 จากที่เคยเป็นตลาดเก่ามาก่อน ได้ทำการปรับปรุงเป็นฮอว์เกอร์ใหญ่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
| ลักษณะเป็นศูนย์อาหารที่โปร่งโปล่ง | | | คำว่า Lau Pa Sat เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน แปลว่าตลาดเก่า ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางศูนย์กลางทางการเงินของสิงคโปร์ในย่าน Raffle มีตึกสูงล้อมรอบมากมาย แต่ตลาดแห่งนี้ก็ยังคงโครงสร้างและหน้าตาในยุคอาณานิคมไว้อย่างครบถ้วน ตัวตลาดเป็นอาคารโปร่ง โครงสร้างเป็นเหล็กซึ่งว่ากันว่าเหล็กนี้ขนมาจากประเทศรัสเซียเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดนี้ เพิ่งมีการปรับปรุงตลาดครั้งใหญ่ ฉะนั้นหากใครไปเยือน Lau Pa Sat ในเวลาอันใกล้นี้ก็จะได้เห็นตัวตลาดที่สะอาดสดใสเป็นอย่างมาก |
| Kway Teow หรือ ก๋วยเตี๋ยวผัด เมนูชวนชิม | | | ผู้คนที่มากินของอร่อยในตลาด Lau Pa Sat มีทั้งชาวสิงคโปร์ ทั้งคนที่ทำงานในย่านการเงินแห่งนี้ ลูกเด็กเล็กแดง รวมไปถึงชาวต่างชาติที่อยากลองชิมอาหารแบบสิงคโปร์ ซึ่งที่นี่ ก็มีเมนูเด็ดหลายอย่างที่น่าลองชิม อย่างแรกที่น่าลองก็คือ Kway Teow (ก๋วยเตี๋ยวผัด) ที่หน้าตาละม้ายกับของบ้านเรา สามารถเลือกเส้นได้ เลือกเครื่องที่จะใส่ เลือกผัก และเลือกซอสที่จะใส่ เลือกเสร็จแล้วก็จ่ายเงิน และรอให้พ่อครัวแม่ครัวปรุงออกมาให้ร้อนๆ เสร็จแล้วก็ยกใส่ถาดเดินกลับมานั่งกินที่โต๊ะ ซึ่งนอกจากก๋วยเตี๋ยวผัดแบบนี้แล้ว ก็ยังมี Char Kway Teow ที่หน้าตาคล้ายกับผัดซีอิ้วบ้านเรา เป็นอาหารที่ขึ้นชื่ออีกหนึ่งอย่าง |
| Satay Street มีร้านสะเต๊ะให้เลือกกินหลายร้าน | | | และหากมาที่ตลาด Lau Pa Sat อีกเมนูที่ต้องลองชิมก็คือ Satay (สะเต๊ะ) ซึ่งบริเวณด้านข้างของตลาดจะเป็นแหล่งรวมของร้านสะเต๊ะ มีชื่อว่า Satay Street ซึ่งจะมีร้านขายสะเต๊ะเรียงรายอยู่หลายร้าน แต่ละร้านก็จะมีกลวิธีเรียกลูกค้าที่ต่างกันไป แต่ที่เหมือนๆ กันก็คือเมนูที่มี และควันจากการย่างสะเต๊ะที่โชยมายั่วน้ำลายอยู่ตลอด สะเต๊ะที่สิงคโปร์จะแตกต่างจากบ้านเรา เนื่องจากที่สิงคโปร์มีชาวมุสลิมอยู่เยอะ จึงไม่มีหมูสะเต๊ะแบบที่เราคุ้นเคยให้ลองชิม ที่นี่จะมี สะเต๊ะไก่ เนื้อแกะ เนื้อวัว กุ้ง กินคู่กับน้ำจิ้มสะเต๊ะเข้มข้นเครื่องเทศ แต่ไม่หวานมากนัก ส่วนตัวสะเต๊ะแต่ละอย่างก็จะหอมเครื่องเทศโดดเด่น มีการหมักเครื่องปรุงมาแล้วกลมกล่อมดี และกินคู่กับแตงกวาและหอมแดงซอย แต่จะไม่มีอาจาดเหมือนกับบ้านเรา |
| สะเต๊ะไก่ เนื้อวัว และกุ้ง | | | ซึ่งนอกจากสองเมนูที่บอกไปแล้ว ที่ตลาด Lau Pa Sat ก็ยังมีเมนูแบบสิงคโปร์ให้อร่อยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น บะหมี่หมูแดง เกี๊ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ข้าวราดแกงแบบมาเลย์ หรือจะเป็นเมนู Chilly Crab ก็มีแบบราคาย่อมเยาให้ลิ้มลองด้วย |
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * |