| บริเวณทางเข้าศาลเจ้าเมจิ ณ สวนโยโยงิ | | | มหานครโตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น จากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางทางทหาร และพัฒนาเรื่อยมาจนเป็นหนึ่งในเมืองหลวงทันสมัยที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวมากมายจนได้กลายมาเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ที่ต้องการจะมาสัมผัสกับความศิวิไลซ์และความทันสมัยของมหานครหลวงแห่งนี้ แต่เบื้องหลังตึกระฟ้าที่เบียดเสียดและความชุลมุนวุ่นวายของผู้คนมากมาย มหานครแห่งนี้ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวหรือป่ากลางใจเมือง ที่ให้ผู้คนได้เร้นกายมาพักผ่อนสายตาจากความเจริญ อีกทั้งป่ากลางใจเมืองเหล่านี้ ยังได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ว่าจะฤดูไหนๆ ก็ไม่เคยขาดผู้ที่จะมายลความงดงามภายในป่ากลางเมือง ในครั้งนี้จึงอยากแนะนำ 4 สวนสวยที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่และมีประวัติยาวนานของมหานครโตเกียวให้ได้รู้จัก |
| บรรยากาศภายในศาลเจ้าเมจิ | | | เริ่มต้นด้วยสวนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโตเกียว สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ สวนสาธารณะแห่งนี้แม้จะอยู่ติดกับย่านฮาราจุกุอันเป็นย่านท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโตเกียว แต่บรรยากาศภายในสวนโยะโยะงิกลับร่มรื่นเงียบสงบ เหมือนอยู่คนละภพเมื่อเปรียบเทียบกับความจอแจของผู้คนในย่านฮาราจุกุ พื้นที่ของสวนโยโยงิมีขนาดกว้างใหญ่มาก เมื่อครั้งอดีตเคยถูกใช้เป็นพื้นที่ทดสอบเครื่องบินในการบินขึ้นสู่ท้องฟ้า และกัปตันโยชิโทชิ โทคุงาวะ ได้นำเครื่องบินบินขึ้นสู่ฟ้าได้สำเร็จบินเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น ต่อมาในช่วงสงครามสวนแห่งนี้ได้กลายมาเป็นพื้นที่สำหรับเคลื่อนกำลังทหาร ปัจจุบันนี้ สวนโยโยงิได้กลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้พื้นที่ในการเล่นดนตรีหรือแสดงผลงานศิลปะของตนเองได้ |
| ต้นไม้ใหญ่มากมายภายในสวนโยโยงิ ระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้าเมจิ | | | อีกทั้งที่สวนโยโยงิแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) โดยเป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ ผู้ที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยกเลิกระบบโชกุนและนำพาประเทศญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ศาลเจ้าเมจิถูกสร้างโดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่น และแล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ.1920 และช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น จนได้กลายมาเป็นป่ากลางเมืองแห่งมหานครโตเกียวขึ้น ซึ่งในจุดนี้ได้กลายมาเป็นไฮไลต์ของสวนโยโยงิ เพราะบริเวณโดยรอบและทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้าเมจินั้น จะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศเหมือนเดินในป่าจนแทบไม่น่าเชื่อว่าในโตเกียวจะมีป่าต้นไม่ขนาดใหญ่แบบนี้ และระหว่างเส้นทางเข้าสู่ศาลเจ้านั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของ เสาโทริอิขนาดใหญ่ให้ได้ชม โดยเสาโทริอินี้คือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่น ตั้งไว้เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ว่าอาณาเขตเบื้องหลังเสาโทริอินี้เป็นอาณาเขตของเทพเจ้า เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่เผลอกระทำการอันจะเป็นการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ |
| กำแพงปราสาทเอโดะ แห่ง สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล | | | พื้นที่สีเขียวแห่งถัดมาคือ สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace East Gardens) ตั้งยู่ที่เขตชิโยดะ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของพระราชวังโตเกียวอิมพีเรียลที่มีคูคลองล้อมรอบ จึงทำให้สวนแห่งนี้เปรียบเสมือนเกาะสีเขียวกลางใจเมืองโตเกียว เมื่อครั้งอดีตพื้นที่ภายในสวนนั้นนั้นเป็นที่ของ ปราสาทเอโดะ อันเป็นปราสาทที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ถูกใช้เป็นที่พักของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ปราสาทเอโดะเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1457 จนกระทั่งโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นโชกุนแห่งตระกูลโทะกุงะวะ ก็ได้ย้ายเข้ามาพักที่ปราสาทแห่งนี้ หลังจากนั้นโชกุนคนต่อๆ มาก็อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด 200 กว่าปี จนในที่สุดเมื่อตำแหน่งโชกุนได้ถูกยกเลิกไปในปี ค.ศ. 1868 |
| บรรยากาศ สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล | | | และต่อมาภายหลังปราสาทแห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้อันเนื่องมาจากเหตุอัคคีภัยเผาเมืองครั้งใหญ่ในราวปี ค.ศ.1657 ซึ่งในปัจจุบันยังหลงเหลือฐานของปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและยังมีกำแพงปราสาทหลงเหลือให้ได้ชม ในพื้นที่ของสวนตะวันออกแห่งนี้ มีสนามหญ้ากว้างขวางและสวนที่ถูกตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีพรรณไม้นานาชนิดให้ได้เดินชม ไปพร้อมๆ กับการได้สัมผัสถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของยุคสมัยเอโดะอันยิ่งใหญ่ ยุคสมัยที่ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองโดยรัฐบาลโชกุน |
| ฐานปราสาทเอโดะที่หลงเหลือให้ได้ชม ภายใน สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล | | | |
| ผู้คนมากมายเข้ามาชมดอกซากุระบานที่ สวนชินจูกุ ในฤดูใบไม้ผลิ | | | สวนชินจูกุ (shinjuku gyoen national garden) เป็นอีกหนึ่งสวนขนาดใหญ่ของมหานครโตเกียว ที่ตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ พื้นที่สีเขียวแห่งนี้มีลักษณะที่ตั้งคล้ายๆ กับสวนโยโยงิ เพราะตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ อีกหนึ่งย่านที่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเป็นย่านที่มีแสงสีของโตเกียว และเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟชินจูกุ อันเป็นสถานีรถไฟที่พลุกพล่านที่สุดของโตเกียว แต่บรรยากาศภายในสวนชินจูกุกลับแตกต่าง เพราะความวุ่นวายของผู้คนจะหยุดลงเมื่อได้เดินเข้าสวนแห่งนี้ และแปลเปลี่ยนไปเป็นความเงียบสงบท่ามกลางแมกไม้นานาพรรณ |
| ซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ที่ สวนชินจูกุ | | | และสวนชินจูกุแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งสวนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานของโตเกียวด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อครั้งอดีตนั้นเป็นบ้านพักของไดเมียวแห่งตระกูลนาอิโตะ(Naito) และเป็นสวนของจักรพรรดิและพระราชวงศ์มาก่อน จนกระทั่งในปี ค.ศ.1974 ได้เปิดเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้เข้าชม ที่สวนแห่งนี้มีต้นซากุระมากถึง 1,500 ต้น จนได้เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระในอันดับต้นๆ ของโตเกียว ยามเมื่อดอกซากุระพร้อมใจกันเบ่งบานนั้น สวนแห่งนี้จะกลายเป็นเกาะสีขาวอมชมพูที่มีตึกสูงรายล้อม และบรรยากาศของสวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างเดินทางมาชมความดงามของดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิ ภายในสวนชินจูกุนั้นมีการจัดสวนทั้งแบบญี่ปุ่น อังกฤษ และแบบฝรั่งเศส และยังมีโรงเรือนกระจกให้ได้ชมพันธุ์ไม้นานาชนิดกันอีกด้วย แต่ที่สวนชินจูกุจะต่างจากสวนอื่นๆ คือจะมีต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 200 เยน |
| บรรยากาศภายใน สวนชินจูกุ ในฤดูใบไม้ผลิ | | | |
| ผู้คนชื่นชมต้นซากุระที่ออกดอกก่อนต้นอื่นๆ ใน สวนอุเอโนะ | | | เมื่อได้พูดถึงพื้นที่สีเขียวในโตเกียว ถ้าไม่พูดถึง สวนอุเอะโนะ (ueno park) ที่ตั้งอยู่ในเขตไทโต ก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ของโตเกียว โดยสวนมากผู้คนมักจะพูดถึงสวนแห่งนี้ ในการเป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งแห่งของโตเกียว แต่ในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลินั้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่งดงามไม่แพ้กัน เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นต้นซากุระบางต้น แตกดอกอ่อนและใบอ่อนก่อนต้นอื่นๆ ซึ่งเมื่อมองแล้วก็เปรียบเสมือนเดือนที่ถูกล้อมไปด้วยดาว ที่สวยเด่นกว่าต้นไหนๆ |
| บรรยากาศในศาลเจ้าโกโจเทน ที่ตั้งอยู่ใน สวนอุเอโนะ รายล้อมด้วยซากุระที่เริ่มเบ่งบาน | | | และสวนอุเอโนะแห่งนี้ยังเป็นสาธารณะสวนสาธารณะแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ถูกสร้างบนที่ดินของจักรพรรดิไทโช ในปี ค.ศ. 1924 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อุเอะโนะ อนชิ โคเอ็ง แปลว่าสวนอุเอะโนะของขวัญจักรพรรดิ และเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1873 ซึ่งก่อนหน้านั้นพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นของวัดคันเอจิ ซึ่งโชกุนตระกูลโตะกุงะวะเป็นผู้สร้างวัดนี้เพื่อคุ้มครองปราสาทเอโดะจากการโจมตีของฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ วัดนี้ถูกทำลายในช่วงสงครามโบะชิน |
| ดอกอ่อนและใบอ่อนของต้นซากุระที่เพิ่งเบ่งบาน ในสวน อุเอโนะ | | | ภายในสวนอุเอโนะนั้นนอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหลากหลายมุมแล้ว ภายในยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและศาสนสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ วัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) , ศาลเจ้าโกโจเทน (gojoten shrine) และยังเต็มไปด้วยแหล่งศึกษาหาความรู้หลายแหล่งตั้งแต่เรื่องวิทยาศาสตร์ไปจนกระทั่งศิลปวัฒนธรรม อาทิ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum), พิพิธภัณฑ์ศิลปะกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) , สวนสัตว์อุเอะโนะ (Ueno Zoo) และหากใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนมหานครโตเกียวแล้ว ก็อย่าลืมแวะไปสัมผัส 4 สวนกลางเมือง ที่ไม่ว่าจะมาเยือนในฤดูไหนแล้ว ก็งดงามตราตรึงในความทรงจำ ********************************************************************************************************************** สวนโยโยงิ (Yoyogi Park) เปิดบริการทุกวัน เวลา 05.00-18.00 ยกเว้นวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace East Gardens) เปิดบริการวันจันทร์-เสาร์ เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:00 น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สวนชินจูกุ (shinjuku gyoen national garden) เวลาเปิด-ปิด: 09.00-16.30 น. ปิดวันจันทร์ (ยกเว้นช่วงปลายมีนาคม-ต้นเมษายน และต้นพฤศจิกายน เปิดทุกวัน) ค่าเข้าชม: 200 เยน สวนอุเอะโนะ (ueno park) เปิดให้บริการทุกวันตลอดเวลา ********************************************************************************** |