| ส่วนสัตว์ป่าแอฟฟริกา | | | "เสาร์ที่สองของเดือนมกรา ทุกคนได้มาสนุกสนาน" ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเพลงวันเด็ก ซึ่งใครๆ ก็รู้เหมือนกับฉันว่า วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม (ของทุกปี) เป็น วันเด็กแห่งชาติ ซึ่งในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นจัดงานวันเด็กครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2498 โดยในระยะแรกนั้นกำหนดให้เป็นวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม จนกระทั่งมาถึงปี พ.ศ.2508 ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม จนถึงทุกวันนี้ ในวันนี้เป็นวันที่เด็กๆ ตั้งตารอคอยให้ผู้ปกครองพาไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งในกรุงเทพมหานคร ตามสถานที่สำคัญต่างๆ จะมีการจัดกิจกรรมไว้สำหรับเด็กๆ และผู้ปกครอง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ พิพิธภัณฑ์ องค์กรเอกชน หรือศูนย์การค้าต่างๆ ก็จะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจไว้อย่างมากมายเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่เด็กๆ อย่างเมื่อสมัยฉันยังเด็กๆ สถานที่ที่ฉันตื่นตาตื่นใจและรู้สึกชอบมากที่สุดก็คือ สวนสัตว์ดุสิต หรือ เขาดินวนา นั่นเอง |
| เจ้ายีราฟ ขายาวคอยาวสะดุดตา | | | "สวนสัตว์ดุสิต" หรือ "เขาดินวนา" ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. โดยเป็นสวนสัตว์ และสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย สวนสัตว์แห่งนี้ได้มีการจัดกิจกรรมในวันเด็กแห่งชาติของทุกปี ฉันคิดว่าที่สวนสัตว์เป็นสถานที่ที่น่าสนใจก็เพราะว่าเด็กๆ จะได้รู้จักกับเพื่อนร่วมโลกหลากหลายชนิด ที่ให้ความเพลิดเพลินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ |
| นักท่องเที่ยวชม อุรังอุตัง ที่ส่วนจัดแสดงลิง | | | แต่ก่อนจะเดินเที่ยวเพื่อทักทายเพื่อนตัวน้อยตัวใหญ่ ฉันจะขอเล่าประวัติความเป็นมาของสวนสัตว์แห่งนี้ก่อน สวนสัตว์ดุสิตเดิมนั้นเป็นพระราชอุทยานส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 โดยสร้างขึ้นในพื้นที่ของพระราชวังดุสิต ซึ่งพระราชอุทยานแห่งนี้ใช้เป็นที่เสด็จประพาสเพียงอย่างเดียว โดยยังไม่มีการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยง เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต พระราชอุทยานแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเป็นเวลาหลายสิบปี ต่อมาในรัชกาลที่ 8 จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ขอพระราชทานสวนดุสิตมาปรับปรุงให้เป็นสวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน โดยให้อยู่ในความดูแลของเทศบาลนครกรุงเทพ จนกระทั่งถึงเมื่อ พ.ศ.2497 จึงมีการจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบโดยตรง |
| "เสือโคร่งเผือก" เจ้าป่าแห่งพงไพร | | | สวนสัตว์ดุสิตมีพื้นที่กว้างขวาง โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 118 ไร่ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด แบ่งออกเป็นประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ซึ่งจะมีทั้งสัตว์ป่าทั่วไป สัตว์ป่าหายาก และสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยได้มีการแบ่งส่วนพื้นที่ในการเข้าชมตามชนิดและประเภทของสัตว์ ภายในสวนสัตว์แห่งนี้ยังมีต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม เหมาะเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์ และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย ฉันได้เริ่มต้นจากประตูทางเข้าฝั่งถนนราชวิถี โดยวิธีการชมสัตว์นานาชนิดภายในสวนสัตว์นั้นทำได้หลายวิธี อาทิ เดินชมเรื่อยๆ ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน หรือจะนั่งชมชิลล์ๆ บนรถพ่วงหรรษาก็ได้ ในส่วนตัวฉันใช้วิธีเดินจะได้มีเวลาสัมผัสกับสัตว์ต่างๆ ได้ตามชอบ หลังจากเดินผ่านประตูทางเข้ามา สิ่งที่เห็นสะดุดตาสิ่งแรกของฉันนั้นอยู่ที่ด้านขวามือ คือ "ส่วนสัตว์ป่าแอฟฟริกา" โดยสิ่งที่ทำให้ฉันสะดุดตาได้นั้นคือ เจ้ายีราฟตัวใหญ่ขายาวคอยาว มีม้าลายและนกกระจอกเทศเดินอยู่ใกล้ๆ ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่อย่างฉันตื่นตาตื่นใจมาก ลองคิดว่าถ้าเป็นเด็กๆ จะตื่นเต้นขนาดไหน เมื่อได้ชมเจ้าเพื่อนตัวโตพวกนี้ |
| เก้งหม้อเผือก | | | หลังจากนั้นฉันก็หันหลังกลับและเดินตรงไปยังฝั่งตรงข้าม ในส่วนนี้เป็นที่อยู่ของ "ลิงและค่างชนิดต่างๆ" ที่ส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ้าว ไม่อยู่นิ่งๆ ให้ฉันได้ถ่ายรูป สมกับฉายา ซนเหมือนลิง ที่ผู้ใหญ่มักใช้เรียกเด็กๆ ที่ซนไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ระหว่างที่ฉันกำลังชมเจ้าเพื่อนตัวน้อยอยู่นี้ ฉันก็พบกับผู้ปกครองที่พาเด็กๆ มาเที่ยวชม และเป็นอย่างที่ฉันได้คิดไว้ เด็กๆ นั้นต่างตื่นเต้นและเพลิดเพลินไปกับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่เหล่านี้เป็นอย่างมาก |
| ต้นไม้ร่มรื่น เเละ อนุสาวรีย์เนื้อสมัน | | | ถัดมาไม่ไกลมาก ฉันได้มาเจอกับสัตว์ที่อยู่ส่วนบนสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นผู้ล่าที่สง่างาม ซึ่งก็คือ "เสือชนิดต่างๆ และสิงโต" นั่นเอง ที่เป็นไฮไลต์ของส่วนนี้ก็คือ เสือโคร่งเผือก ที่ดูน่าเกรงขามและสง่างาม ในส่วนนี้มีพื้นที่ในการชม 2 ชั้น โดยด้านบนชั้นสองจะสามารถมองลงมาได้ ส่วนด้านล่างจะกั้นระหว่างคนดูและกรงเสือด้วยกระจกใส ทำให้สามารถชมเหล่าเจ้าป่าได้แบบใกล้ชิด ชมเหล่าผู้ล่าแห่งพงไพรมาแล้ว ฉันก็เดินมาชมใน "ส่วนสัตว์เลื้อยคลาน" ซึ่งจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด มีทั้งเต่า งู กิ้งกา โดยเฉพาะงูและกิ้งกา แต่ละตัวนั้นมีสีสันสดใสแปลกตาน่าชมจริงๆ |
| "นกฟลามิงโก" หนึ่งในนกหลากชนิดที่มีให้ชม | | | หลังจากนั้นฉันก็ได้มาพบกับบรรดาหมีนานาชนิด ในส่วนที่เรียกว่า บ่อหมี ซึ่งจะมีน้ำล้อมรอบมีเกาะกลางให้หมีได้อยู่อาศัย โดยไม่มีกรงกั้นทำให้ฉันมองเห็นเจ้าหมีได้อย่างสบาย มีทั้งหมีหมา และหมีควายน่ารักดูปุกปุย และก็ไม่ควรพลาดที่จะมาชม "ส่วนจัดแสดงสัตว์ป่าสงวนของไทย" ทั้ง 15 ชนิด ซึ่งที่ฉันเห็นก็มี เลียงผา ละมั่ง สมเสร็จ และไฮไลต์ในส่วนนี้อยู่ที่ "เก้งหม้อเผือก" แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีให้ชมครบทุกชนิด เช่น สมันหรือเนื้อสมัน เพราะได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ซึ่งเจ้าเนื้อสมันนี้ ก็ได้กลายมาเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของสวนสัตว์ดุสิต และได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นสัญลักษณ์ในสวนสัตว์ ที่ให้ผู้เข้ามาชมได้ตระหนักถึงการล่าจนสูญพันธุ์ เพียงเพราะว่ามันมีเขาที่สวยงาม เรื่องเจ้าเนื้อสมันนี้จึงทำให้ฉันเศร้าใจของการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของสายพันธุ์กวางที่สวยงามของไทย |
| บึงน้ำใจกลางสวนสัตว์ดุสิต | | | นอกจากนี้ยังมีสัตว์ชนิดต่างๆ ที่ฉันไม่ได้พูดถึงอยู่อีกมากมาย อาทิ นกชนิดต่างๆ สัตว์ป่าจากต่างแดน เช่น ลีเมอร์ เมียร์แคต แมวน้ำ และสัตว์ป่ากลางคืน ให้ได้ชมอย่างจุใจจริงๆ นอกจากจะเป็นสวนสัตว์แล้ว พื้นที่ภายในยังร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อน อีกทั้งยังมีบึงน้ำที่มีปลาหลากชนิดให้ได้ชม หากใครว่างๆ แล้วก็สามารถที่จะเช่าเรือจักรยานนาวา ปั่นเล่นชมวิวในสระก็ได้อีกด้วย ในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ คุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังมองหาสถานที่ที่จะพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมครอบครัว "สวนสัตว์ดุสิต" หรือ "เขาดินวนา" นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ทางสวนสัตว์ดุสิตได้เปิดให้เด็กๆ เข้าชมสวนสัตว์ฟรี อีกด้วย |
| เจ้าอูฐและแพะน้อย แบ่งปันอาหาร | | | * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * สวนสัตว์ดุสิต ตั้งอยู่ที่ ถนนพระราม 5 แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เวลาเปิดทำการ 08.00-18.00 น. ติดต่อสอบถาม โทร. 0-2281-2000 อัตราค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ - 70 บาท , ครู ทหาร ตำรวจ -30 บาท , นักศึกษา -30 , นักเรียน - 10 บาท , ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ - 100 บาท , เด็ก - 50 บาท ค่าเช่าจักรยาน : 50 บาทต่อชั่วโมง , ค่าบริการรถพ่วงหรรษา : ผู้ใหญ่ 25 บาทต่อรอบ เด็ก 10 บาทต่อรอบ , เรือจักรยานนาวา 40 บาทต่อครึ่งชม. * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * |