All New Mazda MX-5 แรกขับประทับใจ...เนียนแน่นไม่ทิ้งความสนุก
ในรถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 (MX-5) ถือเป็นรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวสู่ตลาดครับ ด้วยแนวคิดการออกแบบ โคโดะ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ซึ่งรถในยุคนี้นอกจากพัฒนาสมรรถนะขึ้นไปอีกระดับแล้ว เส้นสายลายอารมณ์ของรูปลักษณ์ ก็จะดูไปในทิศทางเดียวกันหมด ไล่ตามการเปิดตัวในตลาดโลก ตั้งแต่ ซีเอ็กซ์-5,มาสด้า6,มาสด้า3,มาสด้า2,มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 (รุ่นหลังนี้ก็กำลังจะขายในบ้านเราช่วงปลายปีนี้เช่นกัน) ดังนั้นคำถามอยู่ตรง เอ็มเอ็กซ์-5 ที่เป็นแบรนด์ไอคอนของมาสด้า มีความโดดเด่นต่างจากรถยนต์ทุกรุ่นที่กล่าวถึงด้านบน ด้วยความเป็นโรดสเตอร์ (สองประตู สองที่นั่ง เปิดประทุน) เน้นสมรรถนะ หรือไม่ใช่รถบ้านใช้งานอเนกประสงค์ทั่วๆไป จึงน่าสนใจว่าในรุ่นใหม่ เจเนอเรชันที่4 รหัสตัวถัง ND มาสด้าจะผสานความลงตัว ของทุกความต้องการต่างๆได้อย่างไร โดยที่รถไม่เสียบุคลิกอันโดดเด่น และคุณค่าที่สั่งสมมานานลงไป คุณค่ากว่า 20 ปีของ เอ็มเอ็กซ์-5 ที่ระบุได้ก็คือ ต้องเป็นรถยนต์ที่ขับสนุก บนตัวถังโรดสเตอร์ เปิดประทุน ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง การกระจายน้ำหนักหน้าหลังสมดุล และสุดท้ายเมื่อขับแล้ว คนกับรถยนต์จะต้องหลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเพื่อพิสูจน์ความจริง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผู้เขียนมีโอกาสไปลอง เอ็มเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ พร้อมๆกับผู้สื่อข่าวไทยและในอาเซียน ที่สนามทดสอบรถยนต์ของมาสด้า (Mazda Proving Ground) ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็พอจะสิ้นสงสัยได้ระดับหนึ่งครับ โดย เอ็มเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ ที่ลองขับเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี ขนาด 1.5 ลิตร ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (ในส่วนของเกียร์อัตโนมัติ ยังไม่ใช่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ แต่ยังเป็นแบบเดิมของซัพพลายเออร์รายเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่โฉมที่แล้ว) โครงสร้างการเปิดประทุน ช่วงแรกจะมีแต่หลังคาผ้าใบ หรือซอฟต์ท็อปทำตลาดก่อน ส่วนรุ่นหลังคาแข็งควบคุมการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า (PRHT - Power Retractable Hard Top) น่าจะต้องรออีกสักระยะ (อาจจะ 1-2 ปี) ทั้งนี้มาสด้ายังยืนยันว่า เอ็มเอ็กซ์-5 เจเนอเรชันที่ 4 เป็นรถขนาดกะทัดรัดที่สุดในบรรดา 3 เจเนอเรชันแรก พร้อมลดน้ำหนักได้เบากว่ารุ่นเดิม (รหัส NC) ถึง 100 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและออปชัน) ด้วยน้ำหนักตัว 990 กิโลกรัม (รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา หลังคาผ้าใบ) ถือว่าเบาสุดๆ บนโครงสร้างที่พัฒนาใหม่ ขณะที่ความยาวลดลง 105 มิลลิเมตร เป็น 3,915 มิลลิเมตร เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร เป็น 1,235 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร เป็น 1,730 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อลดลง 15 มิลลิเมตร เป็น 2,315 มิลลิเมตร การทดสอบในสนามแบบปิดระยะทาง 3.3 กิโลเมตรต่อรอบ ผู้เขียนได้ลองขับรวม 8 รอบ (ไม่รวมการนั่งเป็นผู้โดยสาร) ทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ การเข้าออกก็ลำบากอยู่สักนิด(ถ้าปิดหลังคาน่าจะยิ่งลำบาก) ด้วยตำแหน่งนั่งเตี้ยๆเรื่ยพื้น ขับๆไปเหมือนอยู่ใกล้กับพื้นถนน ขณะที่เบาะนั่งออกแบบใหม่ให้โอบกระชับตัว มาสด้าเรียกว่า S Fit ใช้วัสดุแบบใหม่และแผ่นยูรีเทนช่วยให้เบาะนั่งรองรับตัวผู้ขับได้แน่นพอดีตัวทันทีที่ลงนั่ง (แต่ไม่ถึงกับอึดอัดเหมือนเบาะรถแข่ง) จริงอยู่ครับที่ตำแหน่งการนั่งต่ำ แต่มาสด้าออกแบบโครงสร้างใหม่ ด้วยการขยับเสาเอ (A - Pillar) เข้ามาด้านใน (ใกล้ตัวคนขับ)มากขึ้น ช่วยให้ทัศนวิสัยด้านหน้าขยายกว้างขึ้น เมื่อบวกกับการออกแบบอื่นๆ อย่างการขยับตำแหน่งล้อใหม่ ส่งผลให้ช่วงขาและการวางตำแหน่งเท้า (แป้นคลัทช์ เบรก คันเร่ง) ก็ดูขยับขยายมากขึ้น จะติดตรงพวงมาลัยขยับตำแหน่งได้แต่สูงต่ำ ไม่สามารถเลื่อนเข้า-ออกจากตัวได้ ทั้งหลายทั้งปวงเน้นให้ผู้ขับเป็นศูนย์กลางในการควบคุมรถได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงไว้ซึ่งการสัมผัสอาการต่างๆของรถได้อย่างชัดเจน สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากการขับการนั่งคือ ความสะเทือนจากพื้นถนนที่เข้ามาสู่ตัวน้อยลงกว่าเดิม ช่วงล่างดูประณีประนอมกับพื้นถนนมากขึ้น (ยังจำได้ว่าในรุ่นเก่าที่ผู้เขียนเคยขับไปพัทยาใช้เส้นมอเตอร์เวย์(สมัยนั้น) ถึงที่หมายก็มีปวดตับ เพลียตัวอยู่เล็กน้อย) ส่วนรุ่นใหม่ยังให้ความหนึบแน่นในโค้ง พร้อมซับแรงกระแทกลงไปได้พอสมควร โดยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกสองชั้น หลังเป็นมัลติลิงค์ รูปแบบเดียวกับรุ่นเก่า ทว่ามาสด้าได้พัฒนาใหม่ตามเทคโนโลยีสกายเอคทีฟ ที่เน้นเสถียรภาพสูง แต่ยังแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ขณะที่ยางใช้ของโยโกฮามา รุ่นแอดวานซ์ สปอร์ต ขนาด 195/50 R16 เมื่อบวกกับการกระจายน้ำหนักหน้าหลังเท่ากัน 50/50 และการเป็นรถที่จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ให้ประสิทธิภาพของการเกาะถนนแน่นๆ พร้อมการบังคับพวงมาลัยที่แม่นยำมากๆ สั่งงานตรงไปตรงมา รถมุ่งไปให้ตามทิศทางที่สมองสั่ง แรงแขนเหวี่ยง ราวกับล้อหน้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคนขับตามที่มาสด้าคุยไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม การเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ตัวถังขนาดเล็กแบบนี้ เวลาหักเลี้ยวแรงๆ ยังสัมผัสได้ถึงการดิ้นของล้อหลังที่มีให้ลุ้นเล็กๆ ขณะเดียวกันช่วงสาดใส่ไปในโค้งแรงๆ คล้ายมีอาการโอเวอร์สเตียร์ เหมือนรถจะหมุน เหมือนจะหลุด แต่สุดท้ายก็ยังดึงกลับมาได้ และพร้อมจะเข้าไปจิกในโค้งถัดไปได้ทันที
ดังนั้นในประเด็นที่ว่าคนกับรถเปรียบเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ยังถือเป็นความจริงที่มีอยู่มากใน เอ็มเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซินวางตามยาว แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1.5 ลิตร (1,496 ซีซี) ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด การตอบสนองของคันเร่งสัมพันธ์กับแรงฉุดดึงอย่างรวดเร็ว แต่จะว่าไปเรี่ยวแรงไม่ถึงกับดุดันพุ่งพล่าน ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนชอบสมรรถนะของเกียร์ธรรมดามากกว่าเกียร์อัตโนมัตินะครับ การเปลี่ยนเกียร์ทำได้คล่องมือ ใครไม่คุ้นชิ้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าเกียร์ผิด เหมือนรถมีระบบที่ป้องกันเอาไว้แล้ว น้ำหนักคลัทช์กำลังดี เกียร์เข้าง่าย พร้อมตอบสนองด้วยอาการกระชากนิดๆ (ผู้เขียนเลือกเปลี่ยนเกียร์ แถวๆ 4,000 รอบ) ส่วนเกียร์อัตโนมัติมีแพดเดิลชิฟต์หลังพวงมาลัย ที่ผู้เขียนว่าเล็กไปนิด ถ้าไม่ชอบก็มาเลือกเล่นเปลี่ยนเกียร์ที่คันเกียร์ได้ ให้ความรวดเร็วพอสมควร แต่อารมณ์ยังต่างจากเกียร์ธรรมดาเยอะ แต่ถ้าอยู่ในเกียร์ D แล้วปล่อยให้ระบบทำงานเองก็นุ่มนวลดีครับ
ที่ญี่ปุ่นมาด้าเริ่มวางขาย MX-5 หรือ โรดสเตอร์ รุ่นเครื่องยนต์1.5 ลิตร เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ด้วยราคาเริ่มต้น 2.494 - 3.142 ล้านเยน หรือประมาณ 7.37 - 9.29 แสนบาท สำหรับเมืองไทย มาสด้าเตรียมนำเข้ามาเปิดตัวช่วงเดือนตุลาคมนี้ และมีให้เห็นแน่ๆในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 แต่การทำตลาดในไทยจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี ขนาด 2.0 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนราคาก็น่าจะอยู่แถวสองล้านบาทกลางๆครับ รวบรัดตัดความ...ด้วยเป้าหมาย สร้างสิ่งใหม่เพื่อรักษาแก่นดั้งเดิม ถือเป็นความท้าท้ายในการพัฒนา เอ็มเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ จากการลองขับสั้นๆ ผู้เขียนยืนยันความชัดเจนของคุณค่าและบุคลิกดังกล่าวได้ และต้องชื่นชมทีมงานมาสด้า ที่สามารถรักษาความโดดเด่นของโรดสเตอร์ระดับตำนานเอาไว้ บนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทั้งเป็นรถที่ให้ความประทับใจตั้งแต่แรกขับ แสดงออกผ่านสมรรถนะด้านการควบคุม สั่งงาน สัมผัสจากการตอบสนองต่อสภาพการขับขี่ต่างๆของรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันหาได้ยากจากรถยนต์รุ่นอื่นๆในโลก
//manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9580000098521
| |
Create Date : 01 กันยายน 2558 |
Last Update : 1 กันยายน 2558 8:28:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2007 Pageviews. |
|
|
|
|
| |