Group Blog
สาปรัก...บท 5/1
เป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำถึงความเป็นคนพิเศษของอัปสร เมื่อทันทีที่เธอเดินนำสมาชิกของครอบครัวสุขารมณ์เข้าไปในห้องคนไข้ภายหลังคณะแพทย์เดินออกไปบอกพวกเขาว่าอาการของคุณปิยชาติทรุดลงถึงขีดสุด ไม่มีความหวัง ขอให้พวกเขาเข้ามาล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย หากพอพวกเขาเดินตามอัปสรเข้ามา คุณปิยชาติก็ฟื้นขึ้นมาในทันทีราวกับมีอภินิหารทั้งที่ตลอดเวลาที่อยู่ในมือหมอ คุณปิยชาติไม่รู้สึกตัวตลอด ทุกคนรู้สึกทึ่งโดยเฉพาะปฐวี เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มลังเลว่าอัปสรอาจจะมีญาณล่วงรู้พิเศษอย่างที่มารดาว่าจริงๆ

ทุกคนเข้าไปเกาะขอบเตียง ร้องห่มร้องไห้แสดงความดีใจที่คุณปิยชาติฟื้นขึ้นมา คุณพุดซ้อนคร่ำครวญว่า คิดว่าจะไม่ได้เจอคุณปิยชาติอีกแล้วเพราะแพทย์บอกให้เข้ามาล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ลูกสาวเสริมว่า หมอแจ้งว่าหัวใจของคุณปิยชาติยุดทำงานเป็นพักๆ เมื่อไหร่ที่รู้สึกตัวขึ้นมาก็เอาแต่เพ้อถึงแต่วิญญาณภูตผีปีศาจ ส่วนปฐมกาลเล่าว่าเมื่อครู่ใหญ่ๆ ที่ผ่านมาหัวใจของคุณปิยชาติหยุดทำงานไปนาน หมอบอกว่าโอกาสฟื้นคงไม่มีอีกแล้ว แล้วทั้งปฐมกาลและปฐวีก็กล่าวแสดงความยินดีที่บิดารอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชมาได้

สมาชิกในครอบครัวต่างห้อมล้อมเตียงของคุณปิยชาติแล้ว กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีด้วยน้ำตาที่คลอหน่วยตา... อัปสรมองภาพนั้นด้วยแววตาราบเรียบ ปราศจากความรู้จัก

ขณะที่คุณปิยชาติกล่าวโต้ตอบสมาชิกในครอบครัวด้วยอาการยินดีปานกัน เขากล่าวว่า “พ่อรู้สึกราวกับตัวเองเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากความตาย ก่อนที่คุณพุดกับลูกๆ จะเข้ามา พ่อกำลังเดินอยู่บนสะพานแคบๆ กับคนที่ไม่รู้จักอีกหลายร้อยหลายพัน ทุกคนถูกต้อนให้เดินไปในทางเดียวกัน ไปไหนไม่รู้ ระยะทางหลายร้อยหลายพันกิโลเมตร ข้างล่างมีมือเป็นร้อยเป็นพันพยายามยื่นขึ้นมาฉุดพวกเราให้ตกลงไปข้างล่าง เราไม่เห็นหน้าตาของเจ้าของมือที่กำลังหรอกนะเพราะสะพานสูงมาก พวกเราพยายามชะโงกมองลงไป แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากมือที่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ราวกับว่าข้างล่างลึกมากจนหาก้นบึ้งไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวพ่อ บอกว่าอย่ามองลงไปข้างล่าง พ่อตะโกนถามว่าเป็นใคร เธอคนนั้นค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นเหนือหัวพ่อ เธออยู่ในชุดขาวแล้วบอกพ่อว่าพ่อยังไม่ถึงเวลาไป ขอให้บริกรรมคาถาตามเธอแล้วจะได้กลับมาหาครอบครัว แล้วพ่อก็สวดมนต์ตามเธอ มันไม่ง่ายหรอกเพราะเสียงดังอยู่รอบตัวไปหมด แต่ที่สุดพ่อก็สวดตามเธอได้ แล้วพ่อก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลูกๆ เข้ามานี่แหละ ความรู้สึกของพ่อว่าชีพราหมณ์คนนั้น เป็นคนช่วยพ่อขึ้นมาจากนรก” คุณปิยชาติเล่าด้วยอาการเหนื่อยปนหอบ แต่ไม่มีการไอเหมือนเมื่อเช้าอีก

“ชีพราหมณ์ที่คุณว่าใช่หนูอัปสรคนนี้หรือเปล่าคะ” คุณพุดซ้อนถามพลางเบือนหน้าไปทางอัปสรซึ่งยืนอยู่ข้างหลังด้วยอาการสำรวม สงบเสงี่ยม ถึงตอนนี้คุณพุดซ้อนก็น้ำตาเหือดแห้งแล้ว มีแต่ความยินดีเข้ามาแทนที่

คุณปิยชาติชะงัก เขาเพิ่งรับรู้ถึงการมีคนนอกอยู่ในห้องนั้นด้วย เขาอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “นั่นเธอหมอจับยามคนเมื่อเช้านี้ ไหนว่าคุณไล่เธอไปแล้วคุณพุด แล้วทำไมถึงยังยืนอยู่นี่ล่ะ...”

คุณพุดซ้อนรีบชิงกระแอมก่อนสามีจะพูดจบ ให้ได้อับอายกันทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเธอและอัปสร “คืองี้ค่ะ เมื่อตอนหัวค่ำอาการของคุณแย่มาก เป็นตายเท่ากัน พวกเราก็เลยตัดสินใจกันว่าควรจะต้องขอความช่วยเหลือจากหนูอัปสร พอหนูอัปสรเดินทางมาช่วยคุณที่โรงพยาบาล อาการคุณก็กระเตื้องขึ้นมานี่แหละค่ะ... ความจริงจะว่ากระเตื้องก็ไม่ถูก เพราะคุณสามารถฟื้นขึ้นมาและพูดได้เป็นปกติโดยไม่เหนื่อยด้วย อย่างนี้เห็นทีต้องขอบใจหนูอัปสรที่ช่วยพาคุณกลับมา...ขอบใจหนูอัปสรมากนะลูก” ประโยคหลังหันไปทางร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างหลัง

อัปสรเพียงแค่ยิ้มรับ “ไม่เป็นไรค่ะ”

“แล้วที่คุณชาติเจอมันคืออะไร เขากำลังถูกพาไปไหน” คุณพุดซ้อนถามต่อ แววตาสนใจใคร่รู้

“คุณปิยชาติกำลังไปเจอมัจจุราชเพื่อรับการพิพากษาโทษค่ะ ด้านล่างที่มองไม่เห็นก้นบึ้งนั่นคือนรก และมือยั้วเยี้ยที่คุณปิยชาติเห็น คือเปรตที่พยายามฉุดวิญญาณให้ตกลงไปในนรก”

“แปลว่าตอนนั้นคุณพ่อตายแล้วเหรอ” ปานวาดถามเสียงรัวเร็วด้วยความตกใจ

อัปสรตอบเลี่ยงไปว่า “วิญญาณออกจากร่างค่ะ”

ทุกคนหน้าซีดอย่างตกใจ ขณะที่คุณปิยชาติแหวขึ้นพร้อมชี้หน้าด่าว่า “อย่ามาแช่งฉันนะนังอัปลักษณ์” แล้วเขาก็หันไปทางคุณพุดซ้อนและลูกๆ บอกเสียงกร้าวว่า “นังคนนี้ลวงโลก หล่อนโกหกอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่ไม่ใช่คนที่ไปช่วยผม แต่กลับสวมรอยอย่างหน้าด้านๆ ชีพราหมณ์ที่ผมเจอตอนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นคนนั้นเธอสวยมากๆ สวยจนผมบรรยายไม่ถูก ความรู้สึกของผมบอกว่านั่นคือนางฟ้านางสวรรค์ แลเธอคนนั้นก็สามารถลอยอยู่เหนือหัวผมได้ แต่ผู้หญิงคนนี้...ดูหน้าตาหล่อนสิ อัปลักษณ์ยังกับอะไรดี แล้วจะว่าเป็นนางฟ้าที่ไปช่วยผมได้อย่างไร”

ทุกคนหน้าเสีย เกิดความรู้สึกคลางแคลงใจและต่างรู้สึกนึกคิดไปต่างๆ นานา คุณปิยชาติเห็นภรรยาและลูกๆ ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงย้ำว่า “พ่อจะให้จิตกรเก่งๆ วาดภาพเธอออกมาให้ดูก็แล้วกัน ในความทรงจำของพ่อยังเด่นชัดอยู่เสมอ พ่อยังจำใบหน้าของเธอมาได้จนถึงตอนนี้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แล้วลูกๆ กับคุณ” ประโยคหลังหันไปทางภรรยา ก่อนกล่าวต่อว่า “จะเชื่อว่านังคนนี้ไม่มีทางจะเป็นนางฟ้าไปได้ ถึงจะมีชื่ออัปสรเหมือนกัน แต่รับรองว่าหน้าตาต่างกันคนละขั้วราวกับฟ้ากับเหว สวรรค์กับนรกเลยทีเดียว”

ทุกคนอึ้ง ปฐมกาลหันไปมองผู้ที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนา อัปสรหน้าเสียแต่วูบเดียวก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม วูบหนึ่งปฐมกาลรู้สึกสงสารและเห็นใจ เขาจึงกล่าวเปลี่ยนเรื่องว่า “เราอย่ามาถกเถียงกันด้วยเรื่องนี้เถอะครับ คุณพ่อถึงฟื้นขึ้นมา เราควรจะตามอาหมอมาดูอาการดีกว่า”

แววตาของปฐมกาลแสดงถึงความรู้สึกภายในใจชัดเจน อัปสรเข้าใจการกระทำของเขาดี จึงรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจเงียบๆ หากทว่าอาการใจเสียของเธอมาจากคนละเหตุผลกับที่เขาเข้าใจ เธอกำลังหวั่นไหวว่าหากใบหน้าที่แท้จริงได้รับการเปิดเผยออกไป สังคมและผู้คนที่เธอต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวในโลกมนุษย์ จะไม่สงบสุขอีกต่อไป ฉะนั้นเมื่อเขาพยายามช่วยเธอโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เธอจึงรู้สึกขอบคุณแกมยินดีอยู่ในใจ

“นั่นสิ...ลูกรีบกดออดตรงหัวเตียงเถอะ” คุณพุดซ้อนรีบสนับสนุน

“เดี๋ยวค่ะคุณปฐมกาลอย่าเพิ่งเรียกพยาบาลหรือหมอเข้ามาในตอนนี้ เราควรให้คุณปิยชาติทำพิธีขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเรียกเข้ามา”

“พิธีขมาขอขมาอะไรกัน” คุณปิยชาติถาม หน้ามุ่ยอย่างไม่ชอบใจ

คุณพุดซ้อนหันมาตอบสามีว่า “ก็ฉันบอกคุณแล้วเราตัดสินใจรับความช่วยเหลือจากหนูอัปสร และตอนนี้เธอจะช่วยคุณด้วยการทำพิธีขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร เพื่อว่าคุณจะได้ยืดการชดใช้เวรกรรมออกไป คุณอยากจะไปเจอยมบาลอีกหรือไง”

“แล้วเรื่องแต่งงานกับตากาลล่ะ...” คุณปิยชาติไม่สนใจคำเหน็บแนมตอนท้ายของภรรยา เขาท้วงขึ้นอย่างจดจำหัวข้อสนทนาเมื่อเช้าได้

“ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วคุณชาติ อาการป่วยของคุณมีความสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เราเลยต้องเปลี่ยนใจมารับความช่วยเหลือจากหนูอัปสร แต่ยังไงเรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะนะคะ ตอนนี้เรามาทำพิธีขอขมากันก่อนเถอะ...”

“ไม่...จะไม่มีการทำพิธีอะไรทั้งนั้นจนกว่าเราจะคุยกันเข้าใจ เมื่อเช้าผมคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกคุณพุด ผมบอกว่าถึงจะต้องแลกด้วยชีวิต เราก็จะไม่ยอมให้...”

คุณพุดซ้อนชิงพูดขึ้นก่อนที่สามีจะทันพูดจบ เธอพูดแทรกว่า “หนูอัปสรจ๊ะ แม่ขอเวลาคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณพ่อสักนาทีสองนาที เรายังจะพอมีเวลาไหมจ๊ะ”

“ตามสบายค่ะ” อัปสรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าและท่าทางยังคงสงบนิ่ง ก่อนจะเดินจากไปด้วยกิริยาสำรวม

คุณปิยชาติมองตามหลังจนอัปสรหายลับสายตาและประตูดีดกลับตามหลัง จึงหันกลับมาถามภรรยา “คุณมีอะไร ก็ว่าไปคุณพุด”

“คุณชาติฟังนะคะ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ตอนที่คุณอยู่ในสภาพเป็นหรือตายเท่าๆ กัน ฉันกับลูกๆ ปรึกษากันว่าเราจะสูญเสียคุณไปไม่ได้ ก็เลยตกลงกันว่าเราจะยอมรับความช่วยเหลือจากหนูอัปสร” คุณปิยชาติเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนั้นเองว่าเวลาพูดถึงอัปสร น้ำเสียงของภรรยาเต็มไปด้วยรอยปรานีและเทิดทูนอย่างมาก แล้วคุณพุดซ้อนก็พูดต่อว่า “แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คุณเห็น หนูอัปสรไปช่วยคุณมาจากเงื้อมมือมัจจุราช เธอมีญาณพิเศษที่นอกจากจะล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้แล้ว ยังสามารถติดต่อวิญญาณและช่วยแก้กรรมได้อีกด้วย” สำหรับคนทั่วไปอาจเชื่อว่ากรรมเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่สำหรับคุณพุดซ้อน เชื่อเต็มหัวใจว่าเป็นสิ่งที่สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบา และชะลอการชดใช้ออกไปได้

“แต่ผมบอกแล้วว่าชีพราหมณ์ที่ผมเจอตอนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเธอสวยมากยังกับนางอัปสร ไม่ใช่นังอัปสรหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้” ถึงตอนนี้คุณปิยชาติก็สามารถพูดได้เป็นปกติ แทบไม่มีอาการเหนื่อยปนหอบอย่างทุกคราวอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทว่าดูเหมือนไม่มีใครสังเกตเห็น ยกเว้นปฐมกาล เขาเฝ้าสังเกตอาการของบิดาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเงียบๆ เพราะดูเหมือนอาการดังกล่าวจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงในระยะเวลาไม่ถึง ๑๐ ชั่วโมงนับตั้งแต่อัปสรเดินทางมาถึงโรงพยาบาล

“เอาเถอะ... คุณจะพูดจะคิดยังไงก็แล้วแต่ มันเรื่องของคุณ” ที่สุดคุณพุดซ้อนก็พูดขึ้นอย่างอ่อนใจ ก่อนกล่าวต่อ “แต่สำหรับฉัน... ฉันก็ยังเชื่อไม่เปลี่ยนแปลงว่าเพราะหนูอัปสร คุณถึงได้ฟื้นขึ้นมา ก่อนที่เราจะตกลงใจรับความช่วยเหลือจากเธอ อาการของคุณยังทรุดหนักถึงขั้นหมอเดินมาบอกให้ทำใจเพราะเป็นตายห้าสิบห้าสิบเท่ากัน แต่พอเราโทร.ติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากเธอ และเธอได้ทำพิธีช่วยคุณไปเบื้องต้นตอนที่นั่งรถมาที่โรงพยาบาล อาการของคุณก็ดีขึ้นตามลำดับ จนตอนนี้คุณสามารถฟื้นขึ้นมาคุย มาเถียงกับฉันได้ฉอดๆ นี่ คุณคิดว่าเพราะอะไรกัน?”

“อาจเพราะผมยังไม่ถึงคราวตาย จริงๆ นะคุณพุด ผู้หญิงที่ไปช่วยผม เธอสวยจริงๆ ไม่ใช่นังอัปลักษณ์คนนี้ เอาเถอะ...ผมจะให้จิตกรมือหนึ่งของประเทศวาดภาพนางอัปสรที่ผมเห็น แล้วคุณจะเชื่อผมว่าผมพูดจริง นังอัปลักษณ์คนนี้ไม่มีทางจะเป็นนางฟ้าไปได้” คุณปิยชาติไม่ยอมแพ้ ยังคงปักใจเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นในห้วงครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น

คุณพุดซ้อนถอนใจ “แล้วแต่คุณล่ะกันคุณชาติ จะทำอะไรก็แล้วแต่เถอะ แต่สำหรับฉันและลูกๆ คิดว่าเป็นเพราะเธอ คุณถึงรอดมาได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำตามเงื่อนไขของเธอ”

“แต่ผมไม่อยากให้ตากาลแต่งกับหล่อน”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะคนที่เธออยากแต่งงานด้วยและยื่นเงื่อนไขขอให้เป็นเจ้าบ่าวไม่ใช่ตากาล แต่เป็นตาวีต่างหาก”

“อะไรนะ?” คุณปิยชาติย้อนถามเสียงสูง ตกใจเป็นสองเท่า

“ใช่...ตอนแรกพวกเราทุกคนก็ตกใจเหมือนอย่างคุณ แต่นั่นคือความจริง ผู้ชายคนที่หนูอัปสรต้องการแต่งงานด้วยคือตาวี ไม่ใช่ตากาล”

“แต่ว่า...ไหนตอนแรกนังผู้หญิงคนนั้นขอเป็นตากาลล่ะ”

“นั่นเป็นความเข้าใจผิดของคุณและคุณก็ทำให้พวกเราทุกคนหลงเชื่อไปแบบนั้นด้วย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่...พวกเราเข้าใจผิดกันมาตลอด ลองนึกให้ดีเมื่อเช้าเธอบอกว่าต้องการแต่งงานกับลูกชายเรา แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นคนไหนไม่ใช่เหรอ”

คุณปิยชาติทบทวนความทรงจำ ที่สุดจำต้องพยักหน้ายอมรับ “ผมอาจเข้าใจผิดไปจริงๆ ก็ได้ เพราะตอนนั้นฟังแค่ลูกชายก็หูอื้อแล้ว เลยไม่คิดอยากซักอะไรต่อ แต่ยังไงหล่อนก็มักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว กล้าที่จะมาขอคนในสกุลสุขารมณ์แต่งงานด้วย ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย”

“ช่างเถอะค่ะข้อนั้น ฉันกับลูกๆ วิพากษ์จบไปแล้ว ตอนนี้คุณก็รอดกลับมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องทำตามเงื่อนไขของเธอค่ะ จะบิดพลิ้วไม่ได้ไม่ว่าเธอจะขอแต่งกับตาวีไปเพื่อเหตุผลอะไรก็ตาม”

“สรุปหล่อนอยากจะแต่งกับตาวี ไม่ใช่ตากาล” คุณปิยชาติย้ำกับตัวเองอีกรอบ อย่างพยายามทำความเข้าใจกับตัวเองเสียใหม่

“ใช่ค่ะ” คุณพุดซ้อนตอบรับเสียงหนักแน่น

คุณปิยชาติหันไปทางลูกชายคนรอง ถามว่า “แล้วเจ้าเต็มใจหรือเปล่า ถ้าไม่เต็มใจ พ่อยื่นข้อต่อรองกับหล่อนให้เอาไหม บางทีเงินสักล้านสองล้าน ขี้คร้านหล่อนจะตาโต คนแบบนี้เกิดสักกี่สิบชาติก็ไม่มีทางได้จับเงินล้านหรอก” น้ำเสียงของคุณปิยชาติดูถูกเต็มที่

“คุณชาติอย่าสบประมาสหนูอัปสรเชียวนะ แล้วอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันคนหนึ่งล่ะจะไม่ยอมให้เราผิดคำพูดกับเธอแน่ อีกอย่างเธอก็ยังทำพิธีขอขมาให้คุณไม่เสร็จ ไม่สิ...ไม่ใช่แค่ทำไม่เสร็จ แต่ไม่ทันได้เริ่มเลยต่างหาก เพราะฉะนั้นระวังเถอะ เธอโกรธคุณขึ้นมา จะพานไม่ช่วยแล้วเราจะทำยังไง”

“ก็อย่าโง่สิ... รอให้หล่อนทำพิธีกรรมอะไรของหล่อนนั่นให้เสร็จก่อน แล้วจากนั้นผมก็จะเจรจาต่อรองกับหล่อนเอง”

“แต่...คุณกำลังจะบิดพลิ้วนะ”

“ไม่ใช่การบิดพลิ้ว แต่มันคือการต่อรอง เอาล่ะ...ไม่มีแต่ เราตกลงกันแบบนี้แหละ วีล่ะจะเอาวิธีพ่อไหม” ตอนท้ายคุณปิยชาติหันไปถามปฐวี

ปฐวีพยายามเก็บงำความรู้สึกลิงโลดไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า เขาตอบอย่างสำรวมว่า “ผมแล้วแต่คุณพ่อเลยครับ อะไรที่เป็นความสุขของคุณพ่อคุณแม่ ผมยินดีทำให้ทั้งนั้นครับ”

ฉลาดตอบ... ปฐมกาลนึกในใจ ขณะปรายตามองน้องชายด้วยแววตารู้ทัน แต่ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร ด้วยวิสัยไม่ใช่คนขัดบุพการีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แล้วคุณปิยชาติก็พูดต่อว่า “เอาล่ะ...ถ้าไม่มีใครขัดอะไรแล้ว ก็ไปตามผู้หญิงคนนั้นให้เข้ามาทำพิธีให้พ่อเถอะ”


………………………………..








Create Date : 27 มีนาคม 2557
Last Update : 28 มีนาคม 2557 9:40:33 น.
Counter : 1249 Pageviews.

10 comments
  
คนอะไรเนี่ยดูถูกกันซะไม่มีดีเลย น่าจะให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกสักรอบ
โดย: orn IP: 110.78.144.215 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:2:14:00 น.
  
หวัดดีค่ะคุณ orn คุณ orn กับคุณอร ใช่คนเดียวกันหรือเปล่าคะ อุ๋ยกำลังจะเริ่มเล่นเกมทีเผลอน่ะค่ะ ^_^ ถ้าใช่คนเดียวกัน จะได้รวบไว้คนเดียวกันค่ะ
โดย: คณิตยา วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:7:47:05 น.
  
โอ้ ปมใหญ่ที่ทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงคือพ่อที่ไม่ยอมสำนึกกับการกระทำในอดีตของตัวนี่เอง ถ้างั้นต่อให้ทำพิธีขอขมาไปแล้ว แต่ไม่จริงใจแบบนี้ ผลกรรมก็ยังไม่เบาบางลงสินะ

แอบคิดต่อไปว่า คุณอุ๋ยจะทำไงอัปสรถึงจะคลายความอัปลักษณ์ลงไปจนปฐวีเห็นเค้าความสวยงามของเธอ
โดย: susi IP: 115.31.137.102 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:8:15:17 น.
  
โห้ย คิดจะบิดพลิ้วหรอ ยังงี้ต้องเอาให้เข็ด จัดหนักสักหน่อยสิ
โดย: sakeena IP: 58.11.243.71 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:9:07:23 น.
  
อ่านแล้วก็รู้สึกสะท้อนอะไรบางอย่างค่ะ คนมักมองคนที่ภายนอกและตัดสินคนจากภายนอกมากกว่าที่จะดูให้ลึกคุณงามความดีและจิตใจสวยงามที่อยู่ภายใน
โดย: pantan IP: 58.11.26.90 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:9:38:14 น.
  
หนอยนายวี ไหนว่าไม่ลงลอยกัคุณพ่อ คราวนี้นี่เต็มใจตอบตกลงเลยนะยะ เดี๋ยวเปลี่ยนให้พี่กาลเปนพระเอกเลย ฮึ่ม
โดย: Kwanita IP: 115.67.5.29 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:11:31:56 น.
  
แสดงว่า คุณชาติเห็นร่างจริง ไม่ใช่ร่างจำแลง แต่จำเสียงไม่ได้หรือคะ แถมขนาดจะถึงฆาต มีคนมาชี้กรรมให้เห็น ยังไม่ยอมรับ แถมยังจะพาลบิดพริ้วข้อตกลงซะอีก คนอย่างนี้ อัปสรไม่น่าจะช่วยเลย จิตใจดำมืดจริงๆ
ส่วนนายวี คิดจะตามน้ำละสิ คุณพุดคงขวางการเบี้ยวสัญญาแน่
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:16:36:06 น.
  
คุณ susi : คุณกานต์คะ ขอ้สงสัยของคุณกานต์ มีคำเฉลยตอน 6/1 ล่ะค่ะ ^_^ แต่ๆๆๆ ปมใหญ่ก็ยังมิใช่คุณพ่อน้า.... เดี๋ยวคุณพ่อจะหันมาโอ๋หนูฟ้าเหมือนกับคุณแม่อีกคนค่า

คุณ sakeena : คุณ sakeena ใจร้ายยยยย ฮ่าๆๆ

คุณเอ๋ : คุณเอ๋คะอ่านเมนท์แล้วชื่นใจค่ะ สารภาพว่านี้คือพล็อต เป้าหมายของเรื่องนี้เลยค่ะ เมื่อมีผู้อ่านสักคนสัมผัสได้ถึงปมนี้ ก็รู้สึกว่าไม่เสียเที่ยวล่ะ บรรลุวัตถุประสงค์ค่ะ ^^

คุณ kwanita : ฮ่าๆสารภาพว่าเมนท์ของคุณ kwanita เมนท์นี้มีประโยชน์มากเลยค่ะ อุ๋ยได้เอาไปเพิ่มเติมในตอนท้ายของบทแล้วด้วยเพื่อความชัดเจนมากขึ้นต้องขอบคุณมากๆๆค่ะ

คุณ goldensun : จำเสียงไม่ได้ค่ะเพราะอคติด้วยความเกลียดชัง ^_^
โดย: คณิตยา วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:16:58:06 น.
  
มิน่าสถานเสริมความงามถึงได้ขึ้นเป็นดอกเห็ด

งานเข้าซะแล้ว อดอ่านตอนต่อไปเลย ไปทำธุระก่อนนะคะ เด๋วมาอ่านต่อ
โดย: alanta IP: 49.0.68.68 วันที่: 30 มีนาคม 2557 เวลา:10:31:45 น.
  
คุณ alanta : ได้เลยค่ะอุ๋ยเสิร์ฟตอนใหม่แล้วด้วยค่า ^^
โดย: คณิตยา วันที่: 1 เมษายน 2557 เวลา:1:23:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments