Group Blog
สาปรัก...บท 8/2
ชีวิตเขาไม่เคยวุ่นวายชนิดที่เรียกว่าตีลังกากลับครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน... ปฐวีนึกพลางทำหน้ามุ่ย ด้วยทันทีที่เดินไปถึงประตูโรงพยาบาล บรรดาช่างภาพและนักข่าวต่างผลักประตูกระจกออกมาจากโรงพยาบาล กรูเข้ามาหาเขาพร้อมด้วยแสงแฟลชที่ประดังมารอบทิศและไมโครโฟนที่ทิ่มมาตรงหน้าเขา เขาหยีตา ยกมือป้องแสงแฟลชตามสัญชาตญาณ

“เกิดอะไรขึ้น ผมคงไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใครมาหรอกนะครับ พวกคุณถึงได้มารุมตอมผมแบบนี้”

“คุณปิยชาติจะแถลงข่าวเรื่องออกจากโรงพยาบาลครับ” หนึ่งในนักข่าวที่ห้อมล้อมเขาตอบขึ้น

ปฐวีเลิกคิ้ว “นั่นก็ดีแล้วนี่ คุณพ่อผมคงรออยู่ที่ห้องรับรองของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ถ้าพวกคุณไปไม่ถูก...ซึ่งความจริงก็ไม่น่าเป็นแบบนั้นเพราะพวกคุณก็มาทำข่าวที่นี่บ่อยๆ แต่ยังไงผมจะบอกเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้มาพาพวกคุณไปที่ห้องรับรองล่ะกัน”

“พวกเรามารอสัมภาษณ์คุณด้วยค่ะ ได้ข่าวว่าคุณปฐวีกำลังจะแต่งงาน วันนี้มารับว่าที่เจ้าสาวไปตัดชุดแต่งงานไม่ใช่หรือคะ” นักข่าวโทรทัศน์อีกคนกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ

จำเริญจริง นี่แปลว่าแม่คงให้ข่าวกับนักข่าวไปแล้ว ปฐวีนึกอย่างไม่ชอบใจนัก ลมแทบออกหู เมื่อนึกว่าบางเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัว บางเรื่องเป็นเรื่องครอบครัว และใช่...บางเรื่องเป็นเรื่องงาน แต่ทว่ามารดาเขาดูจะเอามาปะปนกันมั่วไปหมด แต่ทว่าเขาไม่ทันได้ทำอะไร นอกจากบ่นงึมงำในใจ เมื่อปฐมกาลเดินออกมาจากทางไหนเขาไม่ทันสังเกต เขายืนหลังวงล้อมของนักข่าว กล่าวขึ้นเสียงไม่เบานักว่า

“ขอโทษพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกคนท่านครับ ตอนนี้คุณพ่อพร้อมที่จะแถลงข่าว และตอนนี้ท่านไปรอทุกท่านที่ห้องรับรองของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นรบกวนทุกท่าน เชิญครับ”

“คุณปฐวีจะเข้าไปแถลงข่าวด้วยไหมครับ” นักข่าวอีกคนถามขึ้นอย่างพะว้าพะวัง

“ไม่ครับ ผมมีธุระ” เขาคงตอบผิดเพราะทันทีที่หลุดปากออกไป บรรดานักข่าวก็ปักหลักอยู่ต่อทันที… ปฐวีนึกอยากตบปากตัวเอง

“งั้นรบกวนสัมภาษณ์เรื่องงานแต่งงานหน่อยได้ไหมคะ จริงไหมคะที่คุณปฐวีกำลังจะแต่งงาน”

ปฐวียิ้มเจ้าชู้ใส่ตานักข่าวคนถาม ฝ่ายนั้นยิ้มเอียงอายทันที ปฐวีกล่าวว่า “ผมขออนุญาตตอบวันหลังได้ไหมครับ วันนี้ผมมีธุระจริงๆ... นะครับ”

เจอใบหน้าหล่อๆ ของปฐวี บอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนราวกับมอดกัดไม้ กลุ่มนักข่าวสาวๆ ก็ใจอ่อนยวบ ต่างพร้อมใจกันชวนไปทำข่าวคุณปิยชาติ คงทิ้งให้ปฐวียืนอยู่ข้างหลังกับปฐมกาล

“นายใช้คารมและความหล่อได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอ” ปฐมกาลกล่าวขึ้น

ปฐวีไหวไหล่ กล่าวไปอีกทางว่า “ทำไมคุณพ่อต้องแถลงข่าว”

“คุณแม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

ทายาทคนรองถอนหายใจ “คุณแม่ปล่อยข่าวเรื่องที่ฉันจะแต่งงานด้วย”

“แล้วไง...ทำไมต้องเดือดร้อน หรือว่าบอกลาสาวๆ ไม่ทัน?” น้ำเสียงเย้าอยู่ในที

“อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดเล่น... ฉันไม่ขำไปด้วยหรอก ว่าแต่อัปสรจะแถลงข่าวกับคุณพ่อด้วยหรือเปล่า”

“เปล่า... คุณพ่อไม่ยอมให้เธอออกมาแถลงข่าวด้วย เธอรอนายอยู่ในห้องพักของคุณพ่อ”

ปฐวีพยักหน้ารับรู้ “งั้นฉันฝากนายรับคุณพ่อกลับบ้านด้วย”

“แล้วนายล่ะ”

“ฉันจะไปรับอัปสรแล้วจะพาออกทางลิฟต์ส่วนตัวกลับไปบ้านเลย คุณแม่รอวัดตัวตัดชุดเจ้าสาวอยู่”

ข่าวคราวฤกษ์แต่งงานของปฐวีกับอัปสรสัปดาห์หน้า สมาชิกทุกคนในครอบครัวรู้แล้ว

ปฐมกาลพยักหน้ารับรู้ “งั้นนายไปเถอะ เดี๋ยวเรื่องของคุณพ่อ ฉันจัดการเอง”

ผู้เป็นน้องชายพยักหน้า แววตาแสดงความขอบคุณ ปฐวีเดินแยกจากพี่ชาย ตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวเพื่อขึ้นไปยังห้องไอซียู ผลักประตูเข้าไปแล้วเขาก็ต้องชะงักกับภาพวาดเหนือหัวเตียงของบิดาเป็นลำดับแรก ปฐวีอึ้งไปพักใหญ่ๆ ด้วยภาพวาดสีน้ำมัน ฝีมือจิตกรมือเอกเบื้องหน้าสะท้อนถึง...นางฟ้า ปฐวีอยากใช้คำๆ นั้นด้วยว่าเธอสวยหยาดฟ้ามาดินจนไม่อาจหาคำใดๆ มาบรรยายได้ นึกพลางมองภาพผู้หญิงในชุดปฏิบัติธรรมสีขาวซึ่งกำลังประสานมือบนหน้าขาด้วยสีหน้าสงบนิ่งน่าเลื่อมใส ใบหน้าเรียวรูปไข่ล้อมรอบด้วยผมดกสีนิลมัดเป็นมวยสูงทางด้านหลัง อวดเครื่องหน้าขาวผ่องงดงามสมบูรณ์แบบชนิดที่ไม่ว่ามองพิศหรือมองผาด ก็สวยทุกมุมมอง หน้าผากกลมมนรับกับนัยน์ตาคู่งามคมซึ้ง เห็นแล้วรู้สึกคุ้นตาเจนใจอย่างบอกไม่ถูก จมูกโด่งปลายงอนและริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสด เป็นเรียวปากคู่ที่น่าจูบที่สุดนับตั้งแต่เขาเจอเพศตรงข้ามมา เธอดูสูงโปร่ง ถึงจะดูบอบบางผิดสเป็กนางในฝันของเขาไปนิด เพราะเขาชอบประเภทอวบอึ๋ม นมโตๆ ชนิดกอดแล้วล้นไม้ล้นมือ แต่ไม่เป็นไรด้วยหน้าตาและอะไรอีกหลายๆ อย่างของเธอ ซึ่งดูโดดเด่นมากกว่าทำให้เขาพร้อมที่จะให้อภัยกับข้อด้อยดังกล่าว

สวรรค์ช่วย...คนนี้หรือคือนางฟ้าที่บิดาเขาพูดถึงเมื่อคืน? ปฐวีไม่รู้ว่านางฟ้าในความฝันของบิดาจะสวยอย่างนี้จริงๆ หรือว่าเป็นแค่จินตนาการของจิตกรที่วาดฝันไปเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด...ที่เขารู้แน่ๆ คือ เธอสวย สง่างาม ดูมีคุณค่าและในเวลาเดียวกันก็ดูเปราะบางน่าทะนุถนอม ใช่...ผู้หญิงในภาพวาดดูจะเป็นนิยามใหม่ของคำว่า...สวยเกินมนุษย์เดินดิน เขาไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ รู้แต่ว่าเห็นแล้วเลือดลมในกายสูบฉีดและส่วนที่ควบคุมไม่ได้ก็กำลังบวมเป่งราวกับมีชีวิตของมันเอง

คุณพระ...ถ้าหากเธอมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพวาด สาบานได้เลยว่าเขายอมแลกทุกอย่างที่ตัวเองมี ขอแค่ได้นางฟ้าในภาพวาดนั่นมาอยู่บนเตียงสักคืน แค่ครั้งเดียวแล้วเขาจะไม่ลืมพระคุณ


อัปสรลืมตาจากการนั่งวิปัสสนาเมื่อรู้สึกได้ว่าปฐวีเข้ามาในห้องนานแล้ว แต่ไม่ขยับเขยื้อนกายหรือเอ่ยทักใดๆ เธอปรายตาดูว่าเขากำลังให้ความสนใจกับอะไร พลันที่เห็นภาพวาดเหนือหัวเตียงคือเป้าสายตาเขา อัปสรก็อึ้งไปเสี้ยววินาที ตอนที่เข้ามาเห็นภาพนี้เมื่อเช้านี้ เธอก็ตกใจไปครั้งหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่าคุณปิยชาติจะจดจำกายทิพย์ของเธอได้อย่างแม่นยำและที่น่าทึ่งกว่านั้นคือฝีมือของจิตกรที่สามารถถ่ายทอดคำบอกเล่าของคุณปิยชาติออกมาได้ไม่ต่างจากกายทิพย์ของเธอเลย

ชั่ววูบที่เธอรู้สึกกังวล…

“ผมไม่อยากเข้ามาขัดการสั่งสมบารมีของคุณหรอกนะคุณอัปสร” ปฐวีพูดขึ้นโดยไม่เหลียวมองหลังไปทางอัปสร “แต่ขอโทษ ข้างนอกมีนักข่าวเต็มไปหมด ถ้าคุณไม่อยากอยู่รอให้พวกเขามาเจอ คุณก็ควรออกไปกับผมตอนนี้”

“ความจริงดิฉันไม่มีเหตุผลต้องกลัวนักข่าว”

“คุณไม่กลัว แต่ผมกลัวนี่” ปฐวีย้อนหน้าตาเฉย เขาแสร้งรวนมากกว่าจะหมายความตามคำพูด ปฐวีหันกลับมาเผชิญหน้ากับอัปสร พลางพูดต่อว่า “ผมไม่อยากเป็นข่าว”

น่าชื่นชมที่ไม่มีแววหวั่นไหวในดวงตาคู่งาม... ปฐวีนึกอย่างชื่นชม ด้วยว่าอัปสรลุกขึ้นไปเก็บสัมภาระส่วนตัวของเธอเงียบๆ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก มีเพียงผ้าขนหนูและชุดปฏิบัติธรรมไม่กี่ชิ้น แววตาเธอยังคงสงบนิ่ง เมื่อหันมาตอบเขาว่า

“ดิฉันต้องกลับโรงแรมไปเก็บเสื้อผ้า”

ปฐวีหรี่ตา “นี่อย่าบอกนะว่า...”

“ถูกต้อง... คุณแม่ของคุณให้ดิฉันย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณตั้งแต่วันนี้”

“แล้วคุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านว่าที่สามีก่อนแต่งน่ะ”

“ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” อัปสรตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ปฐวีนิ่วหน้า “คุณไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยเหรออัปสร พ่อแม่พี่น้องคุณจะไม่ว่าอะไรเลยเหรอกับการที่คุณย้ายไปอยู่บ้านผู้ชายโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานน่ะ” จงใจว่าเหน็บแนม

“ถ้าต้องการเสียดสีให้ดิฉันเจ็บแสบล่ะก็ ไม่สำเร็จหรอกค่ะ ดิฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ตัวคนเดียว และดิฉันพร้อมแล้ว เชิญนำไปได้เลยค่ะ”

ปฐวีมองอีกฝ่ายด้วยสายตาร้อนแรง แต่เธอก็จ้องตอบกลับมาด้วยแววตานิ่งๆ ไม่หวั่นไหว...เยี่ยม เขาชอบคนที่สู้ยิบตาแบบนี้

“นั่นรูปนางฟ้าที่คุณพ่อพูดถึงใช่ไหม” ปฐวีถามขึ้นอย่างต้องการเล่นสงครามประสาท สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของอัปสร สีหน้าของเขากวนโอ๊ยอยู่ในที

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ” อัปสรตอบโดยไม่ละสายตาไปจากเขาเช่นกัน

“เธอดูสวยและเซ็กซี่อย่างที่คุณพ่อว่าจริงๆ... เป็นยังไงนะถ้าได้อึ๊บนางฟ้าสักครั้ง คุณว่าความรู้สึกจะเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ไหม”

อัปสรเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังพยายามดูหมิ่นศักดิ์ศรีเธอ

“อย่าแม้แต่จะมีความคิดบัดสีแบบนั้น”

“คุณห้ามความคิดผมได้ด้วยเหรอ? ทำไม...อิจฉารึไง?”

อัปสรจ้องไปในนัยน์ตาของคู่ตุนาหงันมาแต่ชาติปางก่อนด้วยแววตาอัดอั้นตันใจระคนจนหนทาง วูบหนึ่งรู้สึกว่าคำตัดสินหรืออีกนัยหนึ่ง “คำสาป” ของท้าวภูวทัศน์รุนแรงและหนักหนาเกินกว่าเธอจะแก้ไขได้ แต่เมื่อคิดว่าทั้งหลายทั้งปวงล้วนเกิดจากเธอเป็นต้นเหตุ เขามารับเคราะห์แทนเธอก็เพราะ รัก เธอ หาไม่แล้วคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์ขณะนี้อาจเป็นเธอไม่ใช่เขาก็ได้ เมื่อคิดได้แบบนั้นใจก็สงบและเย็นลง กำลังใจเกิดตามมา อัปสรเกิดแรงฮึดที่จะเอาชนะคำสาปของท้าวภูวทัศน์ เธอกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า

“คุณเคยคิดบ้างไหมว่าชีวิตนี้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า ก็สามารถอยู่ได้”

“ไม่...สำหรับผมมันไม่ต่างจากปัจจัยที่ห้า”

“แล้วถ้าหากคุณสามารถหยุดคิดถึงมันได้สักอาทิตย์... คุณอยากจะได้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยน”

“นอนกับนางฟ้าในภาพวาดนั่น...” อะไรไม่รู้ดลใจให้เขาหลุดคำนั้นออกไป

อัปสรอึ้ง เพราะแม้แต่ข้อแลกเปลี่ยนก็ยังไม่พ้นเรื่องอย่างว่า อัปสรถอนหายใจ

“คุณสามารถให้ได้หรือเปล่าล่ะ” ปฐวีตอแยต่ออย่างต้องการยียวนกวนประสาท

คนถูกกวนประสาทไม่ตอบคำถาม เธอเดินผ่านหน้าเขาไปเงียบๆ ปฐวีได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่ออัปสรเดินผ่าน

“เดี๋ยว...คุณยังไม่ตอบคำถาม” ปฐวีคว้ามือบางก่อนที่เธอจะเดินผ่าน แล้วปฏิกิริยาที่เกิดตามมา ทำให้เขาคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน เมื่ออัปสรสะบัดหนี เธอผงะหนีอย่างคนตกใจสุดชีวิต ก่อนถอยไปตั้งหลักนอกห้องเสียไกลลิบ ใบหน้าซีดเผือดราวกับคนขวัญเสีย ปฐวีมองภาพนั้น กึ่งขำกึ่งบึ้ง

“นี่...ทำยังกับผมจะกินเลือดกินเนื้อ ผมไม่ได้จะฆ่าจะแกงคุณสักหน่อยทำไมถึงทำท่าขวัญผวาขนาดนั้น” ลึกๆ ปฐวีรู้สึกหงุดหงิดที่อัปสรทำท่าเหมือนหวาดระแวงและกลัวเขาสุดชีวิต

“คุณไม่รู้เหรอ คุณถูกเนื้อต้องตัวดิฉันไม่ได้” อัปสรพูดด้วยความรู้สึกที่ยังไม่หายตกใจ

“คุณไม่ได้เป็นภิกษุณีนี่ ผมถึงจะแตะต้องตัวไม่ได้”

“แต่ดิฉันถือศีลเคร่งครัด คุณไม่ควรทำให้ศีลดิฉันด่างพร้อย”

“ก็แล้วถ้าอย่างนั้นเราจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไรคุณอัปสร ไหนลองบอกผมทีสิ ถ้าคุณไม่อยากให้ผมถูกเนื้อต้องตัวนักแล้วคุณจะมาขอผมแต่งงานทำไม” น้ำเสียงหงุดหงิดอย่างพาลเต็มที่ เมื่อไม่เห็นอัปสรตอบอะไร เอาแต่เม้มริมฝีปาก เขาก็พูดต่อว่า “เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะคุณอัปสร อาทิตย์หน้าคุณก็จะได้ชื่อว่าเป็นเมียผมแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าผมจะทำมากกว่าจับมือถือแขน ยังมีสิทธิ์เลย”

“แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยากันเด็ดขาด”

“ผมก็บอกแล้วเหมือนกันภายใต้เงื่อนไขข้อเดียวว่า ถ้าไม่นอนด้วยกัน คุณก็ต้องอนุญาตให้ผมมีบ้านเล็กบ้านน้อย” ดูเหมือนจะกลายเป็นความต้องการเอาชนะไปแล้ว ไม่ได้เกิดจากความเสน่หาหรือต้องการหลับนอนกันจริงๆ จังๆ และดูเหมือนอัปสรเองก็ประจักษ์ถึงความจริงข้อนี้ดี เพราะเธอตอบกลับมาว่า

“ดิฉันก็บอกแล้วเงื่อนไขข้อเดียวของดิฉันคือ...ต้องเกิดจากความรู้สึกนั้นจริงๆ ไม่ใช่เกิดจากความรู้สึกต้องการเอาชนะ”

แล้วบทสนทนาครั้งสุดท้ายก็แวบเข้ามาในความคิด ‘ผมไม่ตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้นคุณอัปสร เงื่อนไขข้อเดียวของผมก็คือ คุณเรียกร้องผมมากเท่าใด คุณก็ควรสนองตอบในเรื่องเดียวกันมากเท่านั้น หวังว่าคุณจะเข้าใจโดยผมไม่ต้องขยายความ และนี่เป็นเงื่อนไขข้อเดียวของผม... ถ้าคุณตกลง การแต่งงานระหว่างเราถึงจะเริ่มต้นขึ้น’

ครั้งนั้นเธอตอบไปว่า ‘ตกลง... ดิฉันรับเงื่อนไขของคุณ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อหนึ่งว่า คุณจะต้องเกิดความรู้สึกแบบนั้นกับดิฉันจริงๆ ไม่ใช่แค่ต้องการเอาชนะ เมื่อนั้นดิฉันจึงจะยอมมีอะไรกับคุณ’ เป็นหนทางที่นำไปสู่หายนะและอันตรายอย่างมาก และเห็นลางแพ้ตั้งแต่เธอยังไม่ออกสตาร์ทด้วยซ้ำ...อัปสรรู้ดี เนื่องจากเมื่อใดที่เธอสูญเสียพรหมจรรย์ โอกาสที่จะกลับมารักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่อาจทำได้อีกต่อไป แต่กระนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ในเมื่อดูเหมือนปฐวีไม่พยายามที่จะให้ความร่วมมือเลย

‘คุณหมายความว่าไง ผมชักได้กลิ่นตุๆ ว่าใครบางคนกำลังจะหัวหมอนะ’ ครั้งนั้นปฐวีตอบโต้มาแบบนั้น

‘ดิฉันเปล่าหัวหมอ ภายใต้เงื่อนไขของเราทั้งคู่สรุปว่าเราจะแต่งงานกัน แต่จะไม่ใช้ชีวิตฉันสามีภรรยา โดยที่คุณต้องไม่หาเศษหาเลยนอกบ้านด้วย แต่ถ้าคุณอดอยากปากแห้งจนรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ หนทางเดียวที่คุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการ คือทำให้ตัวเองรู้สึกต้องการดิฉันขึ้นมาจริงจัง ไม่ใช่เกิดจากความอยากเอาชนะ เมื่อนั้นคุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการ’

‘แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงอย่างคุณ ผมจะทำใจให้เกิดความต้องการได้จริงๆ นี่นะ? ตลกไปแล้ว อย่าตั้งเงื่อนไขที่เพ้อฝันพิศดารแบบนั้นสิยาหยี คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นจริงไปไม่ได้’

‘นั่นเป็นปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของดิฉัน สรุปกันตามนี้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ’

‘ก็แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าผมจะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือเกิดความต้องการขึ้นมาเมื่อไหร่ บางทีผมอาจเกิดความรู้สึก ‘กำหนัด’ ในตัวคุณขึ้นมาแล้ว แต่คุณอาจเสแสร้งหรือแกล้งไม่ยอมรับก็ได้’ ปฐวีจงใจเน้นคำว่า ‘กำหนัด’ อย่างต้องการทำให้อัปสรขัดเขินระคนอับอาย

‘ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดิฉันเป็นคนแฟร์พอ และเป็นคนมีสัจจะวาจา เมื่อใดที่ลั่นคำไหนไป ทุกอย่างจะเป็นจริงตามนั้น’



………………………………..







Create Date : 08 เมษายน 2557
Last Update : 8 เมษายน 2557 22:54:27 น.
Counter : 949 Pageviews.

13 comments
  
เหนื่อยแทนอัปสร

p.s. อ่านแล้วกลัวบาปกรรมมากมาย
โดย: theme IP: 171.96.243.109 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:21:10:21 น.
  
คุณ theme หมายความว่าไงคะที่ว่าอ่านแล้วกลัวบาปกรรม ไม่ได้หมายความว่าอุ๋ยเขียนหมิ่นเหม่ ล่อแหลมน้าาาาาาา ตอนต่อไปล่อฯ กว่านี้อีก
โดย: คณิตยา วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:21:16:07 น.
  
ไหนลองผมทีสิ ต้องเป็น ไหนลองบอกผมทีสิ

นายวีนี่สุดยอดจริง ๆ คิดจะอึ้บนางฟ้าด้วย
โดย: alanta IP: 49.0.68.135 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:21:43:58 น.
  
ขอบคุณค่าคุณอลันตา สำหรับคำผิด อุ๋ยแก้ไขตามล่ะค่ะ ^^
โดย: คณิตยา วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:21:46:38 น.
  
พ่อคุณ พ่อทูนหัวเอ๊ย วาจาของพ่อสองแง่สามง่าม แถมมือไวใจเร็ว แบบนี้ นางฟ้าได้ศึลขาดเร็วขึ้นแน่ๆ
โดย: susi IP: 1.10.199.142 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:22:00:35 น.
  
มาอ่านสองตอนรวดเลยค่ะ อยากรู้ว่าอัปสรจะทำวิธีไหนให้ภารกิจสำเร็จ
เอาใจช่วยค้า
โดย: orn IP: 125.26.109.214 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:22:19:37 น.
  
หนูอัปสรจะพ้นมือนายวีร์มั้ยคะเนี่ย ลุ้นสุดๆมาต่อเร็วไวนะคะ ขอบคุณค่ะ
วันนี้หยิบ อริที่รัก มาอ่านอีกรอบ ก็ยังอมยิ้มไปด้วย
โดย: Vergo IP: 171.101.60.186 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:22:27:35 น.
  
ขอบคุณคุณ vergo สำหรับอริที่รักค่ะ จุ๊บๆๆ ^_^ ส่วนบทที่ 9/1 ปั่นจบแล้วค่ะ แต่รอเกลาแป๊บนะคะ แอบหวั่นๆๆ ว่าทำให้พระเอกเห็นกายทิพย์นางเอกไวไปไหม >_< หรือพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ มองว่าไงคะ ถึงเวลาหรือยังที่นางเอกจะเอาคืน

ป.ล.หวัดดีค่ะคุณกานต์ คุณอร ^_^ ตอนหน้าศีลนางเอกเกือบขาดล่ะค่ะ แต่เริ่มขาดจริงๆ ก็น่าจะอีกสองสามตอนข้างหน้าอันเนื่องจากแรงหึง ^_^
โดย: คณิตยา วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:22:39:53 น.
  
คุณอุ๋ยจงใจแต่งตอนแรกๆ ให้คนอ่านรู้สึกติดลบมากๆ กับนายวีรึป่าวคะ เพื่อที่ตอนเห็นนายวีอดอยากปากแห้งจะได้รู้สึกสะใจเป็นพิเศษ
ขอบอกเลยค่ะ อยากเห็นตอนนายวีโดนเอาคืนอย่างเป็นที่สุดเลยค่ะ รอสะใจล่วงหน้านะคะ อิอิ
โดย: pantan IP: 61.90.100.236 วันที่: 8 เมษายน 2557 เวลา:23:52:00 น.
  
คุณเอ๋ ไม่ตั้งใจน้าาาาา ก็แค่เรื่องนี้อยากเห็นพระเอกเก็บกด ระบายไม่ได้แม้ว่าต้องการนางเอกมากๆๆฮ่าๆๆๆ แต่คงหมายถึงหลังจากทำลายมนตร์นางเอกแล้วน่ะค่ะ แหะๆ หลังจากนั้นพระเอกถึงจะหื่นแต่ก็ต้องเก็บกดไว้
โดย: คณิตยา วันที่: 9 เมษายน 2557 เวลา:0:07:03 น.
  
จะสงสารใครดีหน่า คนนึงก็พยายามช่วยให้หลุดพ้น อีกคนต่อจากนี้จะอดอยากปากแห้ง คริคริ
โดย: sakeena IP: 124.121.239.107 วันที่: 9 เมษายน 2557 เวลา:9:38:43 น.
  
นายวี เป็นมนุษย์ธรรมดานี่ มีเมียก็ต้องอยากอึ๊บเมีย
โดย: สกุล IP: 171.96.198.124 วันที่: 9 เมษายน 2557 เวลา:13:54:59 น.
  
ปฐวีนี่ อัปสรจะฉุดดึงให้ศีลสูงขึ้นได้ไง ใจฝักใฝ่แต่เรื่องอย่างว่า
โดย: goldensun IP: 27.55.163.76 วันที่: 14 เมษายน 2557 เวลา:15:08:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments