ข่าววันนี้
 
เรือไททานิค รำลึกครบรอบ 102 ปี โศกนาฏกรรมแห่งท้องทะเล

เรือไททานิค

          อาร์เอ็มเอส ไททานิก (อังกฤษ: RMS Titanic) เป็นเรือโดยสารซึ่งจมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 หลังชนภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางเที่ยวแรกจากเซาท์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา การจมของไททานิก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,514 ศพ นับเป็นภัยพิบัติทางทะเลในยามสงบครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไททานิก เคยเป็นสิ่งของเคลื่อนได้ที่ใหญ่ที่สุดที่ทำด้วยฝีมือมนุษย์ในขณะการเดินทางเที่ยวแรก เป็นหนึ่งในสามเรือโดยสารชั้นโอลิมปิกซึ่งดำเนินการโดยไวต์สตาร์ไลน์ สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1909-1911 โดยอู่ต่อเรือฮาร์แลนด์แอนดวูล์ฟฟ์ในเบลฟาสต์ บรรทุกผู้โดยสาร 2,223 คน

          ผู้โดยสารบนเรือมีบรรดาบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เช่นเดียวกับผู้อพยพกว่าพันคนจากบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย เป็นต้น ซึ่งกำลังแสวงหาชีวิตใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือ เรือได้รับการออกแบบให้มีความสะดวกสบายและความหรูหราที่สุด โดยบนเรือมียิมเนเซียม สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ภัตตาคารชั้นสูงและห้องจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขไร้สายทรงพลังซึ่งจัดเตรียมไว้เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร เช่นเดียวกับการใช้เชิงปฏิบัติการ แต่แม้ ไททานิก จะมีคุณลักษณะความปลอดภัยที่ก้าวหน้า เช่น ห้องกันน้ำและประตูกันน้ำที่ทำงานด้วยรีโมต ก็ยังขาดเรือชูชีพที่เพียงพอสำหรับบรรทุกผู้โดยสารทุกคนบนเรือ เนื่องจากระเบียบความปลอดภัยในทะเลที่ล้าสมัย จึงมีเรือชูชีพเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 1,178 คนเท่านั้น เกินครึ่งของผู้ที่เดินทางไปกับเรือในเที่ยวแรกเล็กน้อย และหนึ่งในสามของความจุผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดเท่านั้น

          หลังเดินทางออกจากเซาท์แทมป์ตันเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ไททานิก ถูกเรียกที่เชอร์บูร์ก (Cherbourg) ในฝรั่งเศส และควีนส์ทาวน์ (ปัจจุบันคือ โคฟ, Cobh) ในไอร์แลนด์ ก่อนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกมุ่งสู่นิวยอร์ก วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ห่างจากเซาท์แทมป์ตันไปทางใต้ราว 600 กิโลเมตร ไททานิก ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเมื่อเวลา 11.40 น. (ตามเวลาเรือ GMT-3) การชนแฉลบทำให้แผ่นลำเรือไททานิก งอเข้าในตัวเรือหลายจุดบนฝั่งกราบขวา และเปิดห้องกันน้ำห้าจากสิบหกห้องสู่ทะเล อีกสองชั่วโมง สามสิบนาทีต่อมา น้ำค่อยๆ ไหลเข้ามาในเรือและจมลง ผู้โดยสารและสมาชิกลูกเรือบางส่วนถูกอพยพในเรือชูชีพ โดยมีเรือชูชีพจำนวนมากถูกปล่อยลงน้ำไปทั้งที่ยังบรรทุกไม่เต็ม ชายจำนวนมาก กว่า 90% ของชายในที่นั่งชั้นสอง ถูกทิ้งอยู่บนเรือเพราะระเบียบ "ผู้หญิงและเด็กก่อน" ตามด้วยเจ้าหน้าที่ซึ่งบรรทุกเรือชูชีพนั้น ก่อน 2.20 น. เล็กน้อย ไททานิก แตกและจมลงโดยยังมีอีกกว่าพันคนอยู่บนเรือ คนที่อยู่ในน้ำเสียชีวิตภายในไม่กี่นาทีจากภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) อันเกิดจากการจุ่มในมหาสมุทรที่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง ผู้รอดชีวิต 710 คนถูกนำขึ้นเรืออาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย (RMS Carpathia) อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง

          ภัยพิบัติดังกล่าวทำให้ทั่วโลกตกตะลึงและโกรธจากการสูญเสียชีวิตอย่างใหญ่หลวง และความล้มเหลวของกฎระเบียบและปฏิบัติการซึ่งนำไปสู่ภัยพิบัตินั้น การไต่สวนสาธารณะในอังกฤษและสหรัฐอเมริกานำมาซึ่งพัฒนาการหลักในความปลอดภัยในทะเล หนึ่งในมรดกสำคัญที่สุด คือ การจัดตั้งอนุสัญญาความปลอดภัยของชีวิตในทะเลระหว่างประเทศ (SOLAS) ใน ค.ศ. 1914 ซึ่งยังควบคุมความปลอดภัยในทะเลตราบจนทุกวันนี้ ผู้รอดชีวิตหลายคนสูญเสียเงินและทรัพย์สินทั้งหมดและถูกทิ้งให้อดอยากแร้นแค้น หลายครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสมาชิกลูกเรือจากเซาท์แทมป์ตัน สูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากความเห็นใจสาธารณะและการบริจาคของมูลนิธิที่หลั่งไหลเข้ามา

          ขณะที่อุบัติภัยที่เกิดขึ้นกับเรือเซวอล ในช่วงสายวันที่ 16 เมษายน 2557 นั้น จนถึงขณะนี้ (18 เมษายน 2557) พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 28 ราย แต่ยังมีผู้สูญหายไปกับเรือที่จมดิ่งลงในทะเลมากเกือบ 300 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาที่มาทัศนศึกษา ส่วนสาเหตุของการอับปาง ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด แต่มี 3 ข้อสันนิษฐานที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ นั่นก็คือ อาจเกิดจากกระแสลมแรง หรือเรืออาจหักเลี้ยวกะทันหัน ทำให้ตู้สินค้าและยานพาหนะที่บรรทุกไปใต้ท้องเรือเลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม จนทำให้เรือเสียการทรงตัว และข้อสันนิษฐานที่ 3 ก็คือ เรืออาจชนกับหินใต้น้ำ เพราะจุดที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเขตน้ำตื้นที่มีหินใต้น้ำเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางข้อสงสัยที่ว่า เรือเซวอลมีการแล่นออกนอกเส้นทางจริงหรือไม่

            อย่างไรก็ตาม กับเหตุการณ์เรือเซวอลที่เกิดขึ้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในตัวกัปตันผู้ควบคุมเรือ ที่ประกาศบอกให้ผู้โดยสารอยู่ภายในเรือเพื่อหวังจะรักษาสมดุลของเรือ แต่ตัวเขากลับเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่อพยพหนีออกมาจากเรือจนรอดชีวิต ซึ่งก็มีคนนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์เรือไททานิค ที่ครั้งนั้น กัปตัน เอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธ เป็นผู้สั่งการให้ผู้โดยสารรีบอพยพ และเขาก็ยืนหยัดที่จะอยู่กับลูกเรือและผู้โดยสารกว่า 1,500 คน ก่อนที่เรือจะจมดิ่งลงสู่มหาสมุทร ปิดฉากวาระสุดท้ายของกัปตันวัย 62 ปี ไว้กับเรือไททานิคอันเป็นตำนานที่น่ากล่าวขานต่อไป





Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 19 เมษายน 2557 12:35:43 น. 0 comments
Counter : 1959 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

สมาชิกหมายเลข 1220209
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 1220209's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com