Group Blog
 
 
มิถุนายน 2557
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 3

 เกมส์รักเดิมพันหัวใจ

ตอนที่ 3

ธนูกลับมาห้อง เขาล้มตัวลงนอนแล้วเอามือก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิด แค่เห็นเพียงแว่บแรกเขายังไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ ดูท่าทางการแต่งตัวอย่างกับผู้ชายไม่มีผิด ไม่มีเสน่ห์ตรงไหนที่จะทำให้เขาสนใจเธอได้เลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาไร้ซึ่งสัญชาติญาณของผู้ชายได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจ ขณะนั้นเอง หมอเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนมีท่าทีแปลกไป จึงถามอย่างสงสัย

“เฮ้ย...แกเกิดเป็นอะไรขึ้นมาวะ เมื่อกลางวันนี้ยังเห็นกระดี๊กระด๊าเที่ยวตะโกนตามหาน้ำค้าง น้ำค้างอยู่เลย วิ่งซะทั่วมหา’ลัย จนใครๆ เขานึกว่านายจะจีบยัยน้ำค้างนั่นเสียแล้ว”

“ฉัน..เจอเธอแล้ว”

“อะไรนะ นายเจอน้ำค้างแล้วเหรอ แล้วเป็นไง คุยอะไรกันบ้าง”

“น่าผิดหวัง น่าผิดหวังสุด ๆ ทำไม ๆ แกไม่ยอมบอกฉันว่าสาวงามคนนั้นคือประกายดาว แกรู้ไหมว่าฉันทำเรื่องน่าอับอายมากมายแค่ไหน” ธนูเขย่าตัวหมออย่างคลุ้มคลั่ง

“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะก็แกไม่ยอมฟังฉันเอง น้ำค้างกับประกายดาวน่ะ มันแตกต่างกันสิ้นเชิงใช่ไหมล่ะ แกถึงได้ผิดหวังถึงขนาดนี้” ธนูปล่อยหมอ แล้วกลับมานั่งเศร้า

“ใช่แล้ว นายพูดถูก ฉันผิดหวังสุดๆ ฉัน...ไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว” เขาตอบอย่างเซื่องซึม ราวกับกำลังมีไข้

“หา...หมายความว่าไง”

“ถ้าเป็นประกายดาวฉันจะรุกได้อย่างไม่อายใคร แต่นี่ยัยท่อนไม้นั่นทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก ฉัน...ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพูดยังไง จะทำยังไง หรือว่าจะต้องเริ่มต้นด้วยคำทักทายแบบไหน ฉันไม่รู้อะไรสักอย่าง ...แว่บแรกฉันคิดว่ายัยนั่นเป็นผู้ชายเสียด้วยซ้ำ”

“เฮ้ย แกอย่าบอกนะว่าแกไม่ได้จีบเธอ” ธนูพยักหน้าช้า ๆ อย่างอ่อนแรง หมอมองดูเพื่อนแล้วขยี้สายตา

“เพราะเธอใช่ไหม ถึงทำให้แกเป็นแบบนี้ไปได้ ฮะ ฮะ ฮ่า ๆ ไม่อยากจะเชื่อ ยัยน้ำค้างนี่ร้ายไม่ใช่เล่น ถึงกับทำให้ไอ้เสื้อสิ้นลายได้ โอ๊ย... อยากขำฮ่า ๆ ๆ”

“ไม่ได้สิ้นลายเฟ้ย แค่ไม่อยากเข้าใกล้ก็แค่นั้น ขำอะไรนักหนาวะ ”

“ฮะ ก็ขำท่าทีคนขี้แพ้น่ะสิ ฉันเคยเห็นแกแพ้แค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นอาการของแกเหมือนตอนนี้เปี๊ยบเลยว่ะฮะ ฮะ”

ธนูได้ฟังแล้วก็โมโหขึ้นมาทันที ร่างกายที่อ่อนแรงเมื่อสักครู่กลับมามีพลังตะคอกใส่เพื่อนอย่างไม่ยั้ง

“แกว่าไงนะ ใครกันไอ้ขี้แพ้ ไม่ใช่ฉันโว้ย”

“ฮะ ฮะ เออ ไอ้เด็กที่ขี้จักรยานแพ้ผู้หญิงคนนั้นมันไม่ใช่แก ฮะ ฮะ แกน่ะไม่เคยแพ้ใคร แม้สักครั้งก็ไม่เค้ย ไม่เคย ไม่เคยเลยจริง ๆ”

“หุบปากเถอะน่า คนยิ่งกลุ้ม ๆอยู่”

“ว่าแต่ ยัยน้ำค้างนั่น สุดยอดเลย ทำให้เสือผู้หญิงอย่างนายกลายเป็นกบอยู่ในกะลาไปได้ ฮะ ฮะ นับถือจริง ๆ ”

“นี่แกจะถากถางฉันไปถึงไหน อยากตายรึไง”

“เฮ้ย ฉันไม่กล้าหรอก กับแกใครจะกล้า แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ ทำไมแกไม่จีบเธอล่ะฮะ เสือเห็นเนื้ออยู่ตรงหน้า แต่กลับวิ่งหนี มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะ”

“ฉันก็กำลังคิดอยู่นี่ไง ว่าทำไมถึงไม่กล้าจีบหล่อน บอกตรง ๆ นะ แค่คิดฉันยังไม่ทำเลย”

“โห เป็นไปได้ไงวะเนี่ย หรือว่ารังสีเรด้ากับผู้หญิงของแกมันจะเสื่อม เอ๊ะ หรือว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิง”

“ใช่...ต้องใช่แน่ ๆยัยนั่นต้องไม่ใช่ผู้หญิง เธอต้องเป็นทอมแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่ ...”

“ไม่หนีหางจุกตูดมาอย่างนี้ใช่ไหมล่ะฮ่า ฮ่า สะใจจริง ๆ โว้ย ในที่สุดเสือผู้หญิงก็กินทอมไม่ได้ ฮ่า ฮ่า”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะไอ้หมอ ไม่งั้นคนที่จะตายก็คือแก ย๊า” ธนูแค้นใจในคำพูดของเพื่อนรัก เขาระบายมันออกมาด้วยการวิ่งไล่เตะหมอ ทั้งที่รู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงแค่การแก้ไขภาวะจิตใจของตัวเองในเบื้องต้น แค่ระงับความเครียดของตนเพียงชั่วคราวเท่านั้น

……………………………………………………….

รุ่งเช้า ตะวันดวงใหม่โผล่พ้นเหนือทิวเขา น้ำค้างปั่นจักรยานเข้ามาในมหาวิทยาลัยเหมือนเช่นทุกที เพียงแต่วันนี้ ผู้หญิงทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ ไม่ว่าจะผ่านตรงจุดไหน ก็ล้วนแต่มีคนจับกลุ่มซุบซิบนินทา แต่น้ำค้างก็ไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเดินปรี่เข้าไปทักทายเพื่อนรักทั้งสองคือตุ่น และประกายดาว สองสาวร่าเริงรับรอยยิ้มของน้ำค้าง ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องต่างส่งสายตามองมาที่เธอ น้ำค้างหันมองรอบด้าน แล้วเดินไปหน้าชั้นเรียนเธอวาดรูปลงบนกระดานดำ ภาพนั้นคือภาพของคนห้อยหัว เชือกที่ถูกผูกติดปลายเท้าทั้งสองข้างเธอทำลูกศรเน้นย้ำไปที่มันและกระแทกมือแรง ก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนทุกคน

“ฉันพูดไม่เก่งหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนคนในภาพนี้ และฉันก็คิดว่าพวกเธอคงไม่อยากเป็นด้วยเหมือนกัน” น้ำค้างพูดจบก็กลับมานั่งที่ เพื่อน ๆในห้องทุกคนต่างหลบสายตาและไม่หันไปมองเธออีก ตุ่นและประกายดาวต่างส่งยิ้มให้กับความเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรัก

เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน น้ำค้างจึงได้รู้ว่าทำไมคนทั้งมหาวิทยาลัยถึงมองเธอด้วยท่าทางแปลก ๆ

“มีคนมาตามหาฉันอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่...เขาน่ะวิ่งตามหาเธอซะทั่วมหา’ลัยเลย ปากก็ร้อง น้ำค้าง น้ำค้างอยู่ที่ไหน คุณครับคุณครับเห็นน้ำค้างบ้างไหมครับ โอ๊ย...วิ่งไปทางไหน สาว ๆ หัวใจพองโต นี่นะตาถลนอย่างนี้อกเด้งออกมาอย่างนี้” พูดไปตุ่นก็ทำท่าไปจนประกายดาวต้องทัก

“ตุ่น...พูดเกินไปหรือเปล่า”

“แหมดาว...ใส่ไข่นิด ๆ หน่อย ๆเพื่อเพิ่มรสชาติน่ะ ไม่อย่างนั้นยัยน้ำค้างจะเห็นภาพได้ยังไงกันเนอะ” น้ำค้างยิ้มแบบฝืน ๆแล้วปล่อยให้เพื่อนพูดต่อ

“หมอนั่นทั้งหล่อทั้งรวย หุ่นก็ดี เท่ห์ระเบิด เที่ยวมาตามหาเธอต่อให้ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าเขาเป็นแฟนเธอแน่ พวกนั้นถึงได้มองเธอไม่วางตาไง แต่สุดท้ายกลับมาจีบยัยดาวซะนี่” น้ำค้างหันมองประกายดาวอย่างสงสัย

“เอ่อ ...ไม่มีอะไรหรอกน้ำค้าง เขาแค่เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นเธอน่ะ”

“เข้าใจผิดเหรอ ฉันเห็นนะหมอนั่นน่ะมองเธอตาลุกวาวเป็นประกายแบบนี้เลย จะให้คิดว่าเข้าใจผิดได้ไง ยิ่งพอบอกว่าเธอไม่ใช่น้ำค้างนะ หมอนั่นก็หุบยิ้มลงทันทีเลย ดูก็รู้แล้ว ว่ามีแผนมาจีบยัยดาวของเรา” น้ำค้างพยักหน้า

“อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นฉันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหมอนั่น ดีล่ะหมดเรื่องแล้ว ฉันไปก่อนล่ะนะ”

“ดะ เดี๋ยวสิน้ำค้าง” ประกายดาวร้องเรียกเพื่อนกลับมาอธิบายเรื่องนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเธอหรือตุ่นจะร้องเรียกอย่างไร น้ำค้างก็ปั่นจักรยานคันโปรดหนีไปไกลเสียแล้ว ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจพร้อมกัน

“เฮ้อ...นี่เมื่อไหร่ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ของเราจะกลายร่างเป็นหงส์งามเสียที ฉันเห็นแล้วเหนื่อยใจแทนจริง ๆ”

“ก็คงนานเท่าที่บ้านสีรุ้งจะเพียบพร้อมทุกสิ่งล่ะมั้ง ไปเถอะเราต้องรีบทำรายงานกันต่อไม่ใช่เหรอ”

ตุ่นพยักหน้าตามคำชวนของประกายดาว แล้วทั้งสองก็มองตามเพื่อนรักไปอย่างห่วงใย

……………………………………………………….

และสถานที่ที่น้ำค้างมาในวันนี้ก็คือร้านกาแฟ เธอมาทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสริฟ์อยู่ที่นี่ ด้วยร้านไม่ได้ห่างใกลจากมหาวิทยาลัยนัก ธนูกับหมอจึงมานั่งทานอาหารที่นี่

“จะรับอะไรดีคะ” เสียงอันแหบห้าวนั้น ทำให้สองหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหน้าเธอธนูก็รีบก้มหน้าลงอ่านเมนูทันที ผิดกับหมอที่ยังคงร่าเริงซักถามเธอถึงเมนูเด็ดประจำร้าน

“ทุกอย่างค่ะ”

“เอ๋ น้องนี่ ก็พี่ไม่รู้ว่าจะกินอะไร น้องก็ควรต้องแนะนำอาหารที่อร่อยที่สุดในร้านนี้สิ”

“คุณชอบอะไรล่ะคะ”

“อืม... ชอบเหรอ กุ้ง พี่ชอบกินกุ้ง”

“ก็สั่งกุ้งสิคะ” น้ำค้างตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คำตอบนั้นกลับยิ่งทำให้หมอหงุดหงิด

“เอ๋ น้อง ถ้าพี่รู้พี่จะถามเรอะว่าอะไรคือจานเด็ดของร้าน แบบว่าพี่อยากกินอาหารจานเด็ดของร้านน่ะ ไม่เข้าใจที่พูดเรอะ” หมอเริ่มใส่อารมณ์จนคนในร้านหันมามอง ธนูบอกให้หมอใจเย็น ๆ เพื่อนพนักงานเสริฟ์ในร้านทำท่าจะเข้ามาช่วยน้ำค้าง

“ถ้าคุณชอบกุ้ง ก็ควรจะสั่งกุ้ง สั่งในสิ่งที่ชอบ ถึงอาหารจานเด็ดจะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีสิ่งที่คุณชอบมันก็ไม่อร่อยหรอก” เสียงตอบอันเรียบเฉยแต่มันกลับบาดลึกลงไปในหัวใจของทุกคน แขกข้างโต๊ะถึงกับยิ้มให้กับเธอแล้วมองหน้าหมอราวกับผู้พ่ายแพ้หมอเองก็ไม่รู้จะถามอะไรเธออีก เขาจึงสั่งต้มยำกุ้งแบบไม่กล้าสู้สายตา

“ต้มยำกุ้งน้ำใสหรือน้ำข้นคะ”

“น้ำ...น้ำใส”

“รับข้าวเปล่าหนึ่งจานนะคะ” น้ำค้างบังคับขายแต่หมอก็ไม่กล้าหือ

“คะ..ครับ”

“ต้มยำกุ้งน้ำใสหนึ่งที่นะคะ แล้วคุณล่ะคะ” น้ำค้างหันมาถามธนู เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้วตอบแบบไม่คิดมาก

“ผมขอข้าวผัดกุ้งครับ”

“เครื่องดื่มล่ะคะ”

“น้ำโค้กครับ” น้ำค้างหันมามองหมอ หมอรีบตอบโดยอัตโนมัติว่าน้ำโค้กเหมือนกัน เล่นเอาทุกคนในร้านพากันอมยิ้ม น้ำค้างทวนเมนูอีกครั้งก่อนจะบอกให้ทั้งสองรอสักครู่แล้วเธอก็เดินไปส่งเมนูให้กับห้องครัว เพื่อน ๆพนักงานเสริฟ์ต่างเข้ามาชื่นชมในความกล้าหาญของเธอที่ตอกหน้าลูกค้าเรื่องมากเสียหน้าหงาย

“ฉันไม่ได้กล้าหาญอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้เรื่องมากซะหน่อย” น้ำค้างยิ้มแล้วไปทำงานต่อ เพื่อน ๆ เธอต่างยืนมองอย่างชื่นชม

“เฮ้อ... เมื่อไหร่น๊า ฉันถึงจะมีคำพูดดี ๆ แบบนั้นได้บ้าง”

“ยัยน้ำค้างน่ะ ไม่ว่าจะเจอลูกค้าแบบไหน ก็จัดการได้หมด โดยที่ไม่ทำให้ลูกค้าโวยวายได้เลยสักคน สุดยอดจริง ๆ เพื่อนเรา” สองสาวยังมองน้ำค้างด้วยความชื่นชม เช่นเดียวกับหมอและธนู ที่มองน้ำค้างเป็นผู้หญิงที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้สีหน้าและคำพูดจะเรียบเฉย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้าอารมณ์ขุ่นเลย

“แกว่า เมื่อกี้นี้ ฉันเหมือนตัวตลกหรือเปล่า”

“หืม...ทำไม แกไม่เห็นสายตาของคนในร้านที่เขามองแกหรือไง น่าอายเป็นบ้า”

“นั่นสิ ทำไมฉันต้องอายด้วยวะ แล้วทำไมฉันถึงไม่กล้า”

“หึ...ทีนี้แกเข้าใจความรู้สึกของฉันหรือยัง” หมอทำหน้าสงสัย เขาถามธนูว่าความรู้สึกอะไร

“ก็ผู้หญิงที่ทำให้ฉันต้องวิ่งหนี คนที่นายชื่นชมนักหนา น้ำค้างยังไงล่ะ” หมอถึงกับอ้าปากค้าง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธนูต้องจีบผู้หญิงคนนี้

“แย่แล้วไอ้ธนูเอ๊ย แกเจอศึกหนักแน่ ผู้หญิงที่แข็งทื่อเหมือนตอไม้ แถมยังคารมเชือดเฉือนขนาดนั้น ฉันเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าแกจะเข้าหาเขาด้วยวิธีไหน ดูเธอสิ ท่าทางเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่ร้องไห้ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น เฮ้อ...แค่คิดก็กลุ้มแล้ว”

“สมเป็นพ่อฉันจริง ๆช่างคิดนัก เอาผู้หญิงพรรค์นี้มาให้ฉัน หึ นึกเหรอว่าฉันจะยอมแพ้”

“เฮ้ย... แกเอาจริงเหรอ”

“มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ ฉันต้องทำ และต้องรีบตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย” ท่าทางของธนู ทำให้หมอกลัว และแล้ว แผนแรกก็เริ่มต้นขึ้น

……………………………………………………….

ธนูขับรถสปอร์ตหรูมาดักรอรับน้ำค้างที่หน้าคณะ ชายหนุ่มก้าวออกมาจากรถเขาใส่แว่นกันแดดสีดำยืนรอคอยใครบางคนอย่างมาดมั่น สาว ๆ ในคณะต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บ้างก็ทำเป็นเดินเฉียดเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อที่จะได้อยู่ในสายตา ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับอย่างเป็นมิตรเขายังคงมุ่งมั่นรอคอยเธอต่อไป และเมื่อน้ำค้างเดินลงมาจากบันได เขาก็เดินปรี่เข้าไปทัก น้ำค้างไม่รู้จักเขาและทำท่าจะเดินหนีจนธนูต้องถอดแว่นกันแดดออก และเผยให้เธอมองเห็นเสน่ห์ในสายตาของเขา

“ฉันเอง เธอจำฉันไม่ได้เหรอ” น้ำค้างจ้องมองดู พินิตแล้วพินิตอีก แต่เธอก็ยังย้ำชัดว่าจำไม่ได้

“อะไรกัน เราเจอกันตั้งสองครั้งแล้ว เธอยังจำฉันไม่ได้อีกเหรอ”

“ขอโทษนะ ฉันไม่เคยจำใครถ้านายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันก็พูดมาเลย” ธนูได้โอกาสจึงรีบบอกว่ามารับเธอไปที่ทำงาน เขาขับรถสปอร์ตหรูมารับเธอโดยเฉพาะ สาว ๆ แถวนั้นได้ยินเข้าถึงกับร้องโอ้โห เสียงดังลั่น ธนูยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขานึกในใจว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขา และเธอก็ต้องยอมไปกับเขาแต่โดยดีแน่ แต่ทว่า

“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มีน้ำใจ แต่ฉันชอบนั่งรถคนเดียวมากกว่า” น้ำค้างเดินไปขี่จักรยานของตัวเองแล้วปั่นออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองดูธนูเลยแม้แต่น้อย เล่นเอาชายหนุ่มหน้าเศร้าแทบจะสิ้นหวังในชีวิต ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเสียหน้ามากเท่าครั้งนี้เลย ถ้าเป็นสาว ๆ รอบข้างที่กำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ตรงนี้ ป่านนี้เขาคงได้กลับไปรับมรดกของพ่อเรียบร้อยแล้ว ทำไมต้องเป็นเธอด้วย ธนูเตะรถตัวเองอย่างสิ้นหวัง และในเวลานั้นเอง ประกายดาวกับตุ่นก็เดินลงจากบันไดมาเห็นเขาเข้าพอดี

“เอ๊ะ นั่นมันคนที่ตามจีบเธอนี่นายัยดาว”

“อืมใช่ ... เอ๊ย ไม่ใช่ เขาไม่ได้ตามจีบฉัน แต่ตามหาน้ำค้างมากกว่า”

“เออ ยังไงก็ช่างเถอะ ว่าแต่หมอนั่นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” สาว ๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆจึงรีบเข้ามาเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้สองสาวฟัง ตุ่นถึงกับของขึ้น

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง หมอนั่นมันไม่น่าไว้ใจจริง ๆดูสิวันแรกก็มาจีบยัยดาว วันนี้ดันมาจีบยัยน้ำค้างอีก เฮอะ คิดว่าสาวศิลปะจีบง่ายเหมือนขนมหรือไง พวกเราไม่ใจง่ายอย่างนั้นหรอกเฟ้ย ไอ้หน้าจืด”

“ตุ่น พูดเกินไปแล้ว บางทีเขาอาจมีเรื่องที่ต้องให้น้ำค้างช่วยก็ได้ดูสิ สภาพแบบนั้นมันเหมือนกับพวกนักจีบหญิงหรือไง” ประกายดาวชี้ให้ตุ่นมองดูท่าทางอันเซื่องซึมของธนู ที่คอตกทรุดลงนั่งกับพื้นข้างรถสปอร์ตคันหรูของตัวเอง ตุ่นเห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็ย้ำให้ประกายดาวอย่าไปหลงเชื่อคำพูดของคนพรรค์นั้น

“ขึ้นชื่อว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้นะดาว” ประกายดาวพยักหน้า แต่เธอก็ยังคงไม่เข้าใจในความคิดของเขาอยู่ดี

……………………………………………………….




Create Date : 09 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 14:49:16 น. 0 comments
Counter : 642 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaewkla_ok
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kaewkla_ok's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.