Group Blog
 
All Blogs
 
ปรับ 4 นิสัยให้รวยรับปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ถ้าพูดถึงกีฬาที่เล่นเป็นทีม คนนิยมเล่น นิยมดู หรือเรียกว่าใครๆ ก็รู้จัก คงหนีไม่พ้น กีฬาฟุตบอลค่ะ ซึ่งการที่ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งจะสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้ต้องอาศัยการประสานงานที่ดีทั้งผู้เล่นที่เป็นตัวรุกและตัวรับ จะว่าไปแล้วการจัดการการเงินของตัวเราก็มีส่วนคล้ายกับการวางตัวผู้เล่นในทีมฟุตบอล ซึ่งไม่สามารถชนะได้เพียงเพราะผู้เล่นทุกคนเป็นดาวยิงทั้งหมด แม้ว่าเราจะทำแต้มได้เยอะแค่ไหน แต่ถ้าแนวรับของทีมอ่อนแอ สุดท้ายเราก็มีโอกาสแพ้ได้ ก็เหมือนกับบางคนที่ลงทุนเก่งมาก แต่พลาดเรื่องการใช้จ่าย ทำให้หาเงินได้มากแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่เหลือเก็บออมได้เสียที ดังนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผน ทั้งการสร้างรายได้และการจัดการค่าใช้จ่าย ซึ่งปีใหม่นี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการบริหารจัดการเงินทองของเรา ซึ่งมีเรื่องไหนบ้างนั้นที่ควรให้ความสำคัญ K-Expert มีแนวทางมาฝากเพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองค่ะ

แนวคิดที่ 1 ลงทุนให้เป็น ต้องรู้จัก “ปล่อยให้กำไรวิ่ง” และ “ตัดขาดทุน”

เชื่อว่าผู้ที่ลงทุนในหุ้นหลายๆ คนมีประสบการณ์ ซื้อหุ้นแล้ว กำไรน้อย แต่ขาดทุนเยอะ เป็นเพราะว่าพอหุ้นขึ้น เราก็มักขายเร็วเกินไป โดยลืมดูว่าราคาหุ้นตัวนั้นยังสามารถวิ่งขึ้นต่อไปได้อีก ทำให้มาบ่นว่า “ขายหมู” หรือพอหุ้นตก เราก็มักเข้าซื้อเร็วเกินไป แล้วก็มาเจ็บใจว่า ไม่น่ารีบซื้อเลย พอราคาถูกมากๆ จะเข้าซื้อก็ไม่มีเงินแล้ว หรือ “กระสุนหมด” นั่นเอง ซึ่งเทคนิคลงทุนที่ดี ก็คือ เวลาตลาดเป็นขาขึ้น แล้วหุ้นที่ถือยังมีอนาคต ดูแล้วราคายังขึ้นต่อได้ ก็ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไปก่อน (let profit run) แต่ถ้าตลาดเปลี่ยนเป็นขาลง แล้วหุ้นที่มีในมือ ราคามีโอกาสร่วงลงได้อีก ก็ควรรีบตัดขาดทุน (cut loss) ก่อนจะขาดทุนมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างนักลงทุนชื่อก้องโลกที่น่าสนใจคือ เซอร์ จอห์น เทมเพิลตัน (Sir John Templeton) ว่ากันว่าเขากล้าเข้าซื้อหุ้นในช่วงสมัยสงครามโลกซึ่งดัชนีหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก แล้วใช้เวลาสี่ปีในการรอคอยเพื่อให้หุ้นกำไรเต็มที่ เบ็ดเสร็จได้เงินกลับมาสามเท่าตัว คิดเป็นผลตอบแทนต่อปีก็เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว โดยรวมแล้วถือว่า “นิ่ง” เพียงพอที่จะไม่ขายเร็วเกินไป เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของ let profit run ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนหลายๆ คนก็มีลักษณะเช่นนี้

แนวคิดที่ 2 ค้นหา “อาชีพเสริม” เพิ่มรายได้

สำหรับผู้ที่อยากมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาจากการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเสมอไป เช่น หุ้น อสังหาฯ แต่สามารถสร้างได้จากการทำอีกอาชีพหนึ่งควบคู่ไปกับงานประจำ หรือเรียกว่า “อาชีพเสริม” ซึ่งการทำอาชีพเสริมนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การสร้างรายได้เพิ่ม แต่ยังช่วยให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หรือคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็ได้ลองทำธุรกิจควบคู่กับงานประจำดูก่อน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการออกไปทำธุรกิจเต็มตัวเลย เพราะถ้าธุรกิจไม่ได้ดีอย่างที่คิด อย่างน้อยก็ยังมีรายได้จากงานประจำรองรับอยู่  แต่ถ้าธุรกิจที่ทำเป็นอาชีพเสริมไปได้สวย ยอดขายเติบโต ก็ถือเป็นโอกาสที่วันหนึ่งอาชีพเสริมอาจกลายมาเป็นอาชีพหลักหรือธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นในอนาคตได้ แต่สิ่งสำคัญของการทำอาชีพเสริมก็คือ รู้จักแบ่งเวลาโดยต้องให้ความสำคัญกับอาชีพหลักมากกว่าอาชีพเสริม

แนวคิดที่ 3 ปิด “หนี้ดอกเบี้ยสูง” ต้องลดที่เงินต้น

พฤติกรรมการเงินที่น่ากังวลโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ คือ มองว่าเป็นหนี้ไม่ผิดอะไร บางคนที่ใช้บัตรเครดิตก็ยินดีที่จะผ่อนขั้นต่ำไปเรื่อยๆ แทนที่จะจ่ายเต็มจำนวน แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ลืมนึกไปก็คือ ดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% ต่อปี ซึ่งการผ่อนขั้นต่ำก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงไข้ตัวเอง ปล่อยให้เงินในกระเป๋ารั่วไหลออกไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้น ปีใหม่เมื่อได้เงินโบนัสมา เอามาปิดหนี้บัตรทั้งหลายให้หมดจะดีกว่า


สำหรับผู้ที่ผ่อนบ้านอยู่ ก็ควรนำเงินโบนัสมาจ่ายหนี้บ้านให้มากขึ้น แม้ไม่สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยโปะเงินต้นให้ลดลงก็ยังดี เพราะรู้มั้ยว่าในช่วงปีแรกๆ ของการผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยจะคิดเป็นตัวเงินสูงถึงสามในสี่ของเงินผ่อน ส่วนที่เหลือจึงจะไปลดที่เงินต้น ดังนั้น ถ้าลดเงินต้นลงไปได้ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ในการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอเงินก้อนหรือเงินโบนัสอย่างเดียว แค่แบ่งเงินรายได้ในแต่ละเดือนมาผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นสัก 10% ของยอดผ่อนก็ช่วยลดดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนลงได้

แนวคิดที่ 4 ทำ “ประกันภัย” ป้องกันความเสี่ยง

การทำประกันเปรียบได้กับผู้รักษาประตู ซึ่งดูเหมือนจะมีบทบาทน้อยที่สุดในทีมฟุตบอล แต่พอเกิดวิกฤตหรือเหตุคับขันขึ้นมา อาจเป็นตัวตัดสินชะตากันเลยทีเดียว การทำประกันก็เช่นกัน หลายคนปฏิเสธการทำประกันเพราะคิดว่าไม่น่ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเราไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้เลย ลองคิดดูว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุที่เราเห็นในทีวีหรือหน้าหนังสือพิมพ์ ก็คงไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับอุบัติเหตุแน่ๆ และที่สำคัญ ผลกระทบหรือความสูญเสียที่ตามมาจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหนก็ไม่สามารถรู้ได้ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลขึ้นมา ค่ารักษาอาจเป็นหลักแสนถึงหลักล้าน เงินออมที่เก็บมาทั้งชีวิตอาจหมดได้ด้วยเหตุที่ไม่ได้ทำประกัน

แนะนำว่า ทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมควรมีไว้อย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี ซึ่งการเลือกแบบประกันชีวิตก็สำคัญ ถ้าเน้นคุ้มครองครอบครัวหรือคนที่รัก ควรเลือกแบบตลอดชีพ เพราะด้วยทุนประกันที่เท่ากัน แบบตลอดชีพจะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบสะสมทรัพย์ แต่ถ้าอยากให้มีเงินก้อนในอนาคต เช่น เป็นทุนการศึกษาของลูก ก็สามารถเลือกแบบสะสมทรัพย์ และอย่าลืมทำประกันเพื่อคุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และทรัพย์สินอย่างบ้าน รถ เพื่อคุ้มครองเงินออมของเราไม่ให้หมดไปกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น

ปีใหม่ที่มาถึงนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้นกว่าเดิม

ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิต รวมทั้งการบริหารการเงินส่วนบุคคล สวัสดีปีใหม่ 2559

------------------------------------------------------

Recommended! ตัวช่วยที่เกี่ยวข้องกับบล็อกวันนี้
>>> K-Expert Tool: โปรแกรมเลือกแบบประกันอย่างง่าย <<< โหลดฟรี




Create Date : 06 มกราคม 2559
Last Update : 6 มกราคม 2559 11:22:27 น. 0 comments
Counter : 933 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

K-Expert
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




ข้อมูลดี ฟรี มีประโยชน์ เพื่อชีวิตดีๆ ที่มีได้ทุกคน
Friends' blogs
[Add K-Expert's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.