จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดขึ้น เนื่องจากได้มีการตรวจสอบ พบข้อบกพร่องหลายประการของการผ่านเข้า-ออกหมู่บ้าน เช่น ส่วนของ รปภ.ไม่ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์อย่างจริงจัง ทำให้รถของบุคคลภายนอกผ่านเข้า-ออก โดยไม่ได้แลกบัตร และจดบันทึก รวมไปถึงสมาชิกหมู่บ้านบางท่านไม่ติดสติ๊กเกอร์ที่รถยนต์ ทำให้เมื่อรปภ.จะขอทำการแลกบัตร แต่สมาชิกก็ไม่ยอมแลกบัตร ซึ่งทำให้รปภ.ทำงานยากในเรื่องของความเข้มงวดที่ต้องมีมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงยังพบปัญหารถยนต์ติดสะสมจากการที่รถของสมาชิกในหมู่บ้านต้องรอคิวผ่านเข้า-ออกหมู่บ้านนานในบางครั้งเพราะต้องรอรถยนต์ของบุคคลภายนอกแลกบัตร

ทั้งนี้ ในแต่ละวันจะมีรถยนต์ผ่านเข้า-ออกหมู่บ้านประมาณ 2,500 - 3,500 ครั้งต่อวัน ในจำนวนนี้จะเป็นรถยนต์ของบุคคลภายนอกประมาณ 10% หรือ ประมาณ 250-350 คันต่อวัน ที่ต้องทำการแลกบัตร และลงบันทึกรายละเอียดของรถยนต์ที่ผ่านเข้า-ออก เช่น เข้ามาติดต่อบ้านเลขที่ วันเวลาเท่าไร เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้ส่วนของเจ้าหน้าที่รปภ.ได้มีเวลาไปเข้มงวดกับการตรวจสอบ และสังเกตพฤติกรรมรถยนต์ของบุคคลภายนอก รวมไปถึงเพื่อเป็นการลดปัญหาดังกล่าวข้างต้น กรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัย จึงเสนอโครงการจัดทำระบบผ่านเข้า-ออก แบบอัตโนมัติของสมาชิก หรือที่เรียกกันจนคุ้นชินว่า “KeyCard” ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการทำงานของการรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน

การทำงานของระบบผ่านเข้า-ออกอัตโนมัติที่หลายท่านคุ้นเคย เวลาไปตามสถานที่จอดรถหรือคอนโดมิเนียม จะเป็นระบบเอาบัตรไปทาบหรือแตะกับแผ่นจานสี่เหลี่ยมแล้วไม้กั้นก็เปิดออก ระบบนี้เป็นระบบที่ตัวรับกับตัวส่งสัญญาณต้องอยู่ห่างกันโดยประมาณ 0 - 60 เซนติเมตร ระบบนี้เวลาใช้งานต้องจอดรถยนต์ให้กระจกด้านคนขับตรงกับจานส่งสัญญาณแล้วเอากระจกลงเพื่อเอื้อมมือเอาบัตรไปทาบกับเครื่องอ่านบัตร ซึ่งอาจจะประสบปัญหากับฝนที่จะสาดเข้าไปภายในรถยนต์ได้(ขณะฝนตก) ซึ่งวิธีแก้ก็คือต้องทำหลังคาเพิ่มขึ้นมาบริเวณป้อม(โดยตัวหลังคาเองคงต้องเผื่อรถขนาดใหญ่ที่จะผ่านเข้า-ออกหมู่บ้านรวมทั้งรถดับเพลิง หากมีเหตุที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น รวมไปถึงคงจะต้องคำนึงถึงเรื่องของความสวยงามด้วย) ประกอบกับที่เราต้องการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบบุคคลภายนอกของเจ้าหน้าที่รปภ. และลดปัญหาการติดสะสมบริเวณหน้าหมู่บ้าน จึงทำให้เราต้องการแบ่งช่องจราจรออกมาให้ชัดเจนระหว่างสมาชิกกับบุคคลภายนอก ซึ่งหากเราใช้ระบบนี้ก็จะทำให้สมาชิกต้องชิดเลนซ้าย ส่วนบุคคลภายนอกก็จะต้องชิดเลนขวาเพราะเจ้าหน้าที่รปภ.จะอยู่ตรงกลาง จึงทำให้เราต้องตั้งเครื่องรับสัญญาณอยู่ตรงกลางระหว่างสมาชิกและบุคคลภายนอก ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกรถยนต์ชนได้รับความเสียหาย (แต่หากกลับกัน ให้สมาชิกอยู่เลนขวา ส่วนบุคคลภายนอกให้อยู่เลนซ้าย การทำงานของเจ้าหน้าที่รปภ.ก็จะไม่สะดวกและอาจจะประสบอุบัติเหตุได้ หากต้องเดินข้ามไปมาระหว่างเลนขณะปฏิบัติหน้าที่) ข้อต่าง ๆ เหล่านี้คืออุปสรรคของการเลือกใช้ระบบนี้

ทั้งนี้ ยังมีระบบอัตโนมัติอีกแบบที่ไม่ต้องเอากระจกรถลงเพื่อเอื้อมมือไปทาบบัตร ระบบนี้ทำงานด้วยคลื่นวิทยุเหมือนกันแต่เป็นการอ่านบัตรจากระยะไกลกว่าคือ ประมาณ 1 ถึง 5 เมตร ที่เราคุ้นเคยกันก็คือระบบ EasyPass ของทางด่วน ตัวบัตรหรือ Tag ของ EasyPass เรียกว่า Active Tag คือ Tag จะมีแบตเตอรี่เป็นตัวให้พลังงานกับ Tag ระบบนี้ทำงานได้ดีแต่ข้อเสียคือ Tag จะมีราคาอันละ 650 – 800 บาท ซึ่งหากเรานำมาใช้ในหมู่บ้านซึ่งมีรถประมาณ 2,000 คัน เฉพาะมูลค่าของ Tag ก็จะประมาณ 1.3 - 1.6 ล้านบาท (ไม่รวมระบบตรงกลาง) เราจึงไม่เลือกใช้ระบบนี้เพราะเห็นว่าราคาแพงไป

โดยระบบที่เราเลือกใช้นี้จะเป็นการอ่านบัตรระยะประมาณ 1-4 เมตร (โดยฝนมีผลต่อการอ่านบัตรแต่จากการทดสอบ ระบบยังทำงานได้แต่ช้าลงเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตจริง ๆ อาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำไป) ระบบ Tag ที่เราเลือกใช้นี้เรียกว่า Passive Tag คือไม่ต้องใส่แบตเตอรี่เข้าไปใน Tag เมื่อจานส่งสัญญาณ (ความจริงจานเป็นทั้งตัวรับและตัวส่ง จานเป็นสี่เหลี่ยมสีขาวๆขนาดประมาณ 25 X 25 เซนติเมตร ติดอยู่ที่เสาของป้อมข้างทั้งขาเข้าและขาออก ฝั่งละสองจาน) จานจะส่งคลื่นไปหา Tag (Tag มีขนาดประมาณ 2 X 9.5เซนติเมตร มีความหนาเท่ากับฟิล์มถ่ายภาพสมัยก่อน) เสาอากาศของ Tag จะรับคลื่นที่ส่งมา ส่งไปให้ตัววงจรแปลงคลื่นเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อให้วงจรมีพลังงานพอที่จะโต้ตอบกับจานส่งสัญญาณได้ (Tag ที่เราใช้มีราคาประมาณ 20 บาท ที่ประมาณเพราะเราสั่งเองจาก USA จึงขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการออกสินค้า หากซื้อจากผู้ขายในประเทศที่เป็นของ USA จะตกอันละ 55 บาท อีกทั้งรุ่นที่เราซื้อเองยังมีความสามารถในการรับสัญญาณดีกว่าที่จะซื้อจากตัวแทนในประเทศ) เมื่อเอาราคา 20บาทเทียบกับ Active Tag 800 บาท เราจึงเลือกทางเลือกนี้(ระบบนี้ใช้ความถี่ UHF 925MHz. ตัวอุปกรณ์จะได้รับอนุญาติจาก กสทช.)

โดยจากการทดสอบมาประมาณ 4 สัปดาห์ ได้มีการปรับแต่งรายละเอียดอย่างใกล้ชิดกับผู้ขาย และเนื่องจากระบบนี้เพิ่งจะเป็นที่นิยมไม่นานมานี้เอง อีกทั้งเรื่องของลำดับในการทำงานของ Software ก็ไม่สามารถยกของระบบแตะบัตรมาใช้ได้ เช่นระบบแตะบัตรเครื่องจะอ่านรถทีละคันตามลำดับก่อนหลัง แต่ระบบอ่านจากระยะไกลเครื่องอาจเห็นรถสองหรือสามคันในเวลาเดียวกัน นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการปรับทั้งในส่วนของHardware และ Software หลายครั้ง แต่สุดท้ายนี้ รถที่ทำการติดตั้ง Tag อย่างถูกต้องและทำการชะลอรถก่อนถึงจานอ่านประมาณ 2-3 เมตร ก็สามารถทำให้ไม้กั้นเปิดทำงานตามปกติได้ทุกครั้ง (รวมไปถึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณ 2-3 เมตรเช่นเดียวกัน)

จากการทดสอบที่ผ่านมา การอ่านสัญญาณ Tag จะดีหรือไม่ กระจกรถและชนิดของฟิล์มกรองแสงที่ติดที่กระจกจะมีผลต่อการอ่าน Tag มาก (ฟิล์มที่มีปรอทมาก ฟิล์ม V-Cool จะทำให้การอ่าน Tag จากในรถทำได้ยากมาก) เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมู่บ้าน (เรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกท่านด้วย) เรากำหนดให้ติด Tag ที่มุมซ้ายบนของกระจกหน้า (ห่างจากเสาเหล็กของหลังคา 8 เซนติเมตร ห่างจากขอบบนของกระจก 5 เซนติเมตร) โดย ติดที่กระจกนอกตัวรถ

ขั้นตอนคือทำความสะอาดบริเวณที่จะติด Tag เช็ดให้พื้นผิวแห้ง หลังจากนั้นติด Tag ลงบนกระจก (Tag มีกาวในตัว) แล้วใช้ Sticker 3M ใสติดทับ Tag อีกครั้ง (Sticker มีจัดเตรียมไว้ให้) มีข้อเป็นห่วงบางประการหลังจากที่ทางคณะทำงาน ลองสุ่มถามความคิดเห็นสมาชิกเรื่องการติด Tag นอกรถ ดังนี้:-

1. ถ้ามีคนมาขโมยแกะ Tag ออกไป :
ถ้าTag ถูกแกะ วงจรจะเสียทันทีไม่ว่าจะแกะอย่างระมัดระวังเพียงใด

2. ล้างรถแล้วหลุดไหม :
เรื่องนี้ทดลองแล้วในสองอาทิตย์แรกอาจจะต้องระวังหน่อยหลังจากนั้นล้างได้ตามปกติ นึกถึงSticker โรงเรียนหรือร้านอาหาร พวกนี้อยู่ได้เป็นปี แต่เกรดของ Sticker ที่เราใช้ดีกว่าพวกนั้น

3. น่าเกลียดไหม :
ถ้ามองจากภายนอกจะเห็น Tag สีเงินกว้าง 2ซม. ยาว 9.5ซม. และแทบไม่มีความหนาที่จะนูนออกมาจากกระจก (มีความหนาเหมือนเอา Sticker มาติดกระจก จะไม่เหมือน Tag EasyPass ของทางด่วน)

สุดท้ายนี้โครงการระบบผ่านเข้า-ออกอัตโนมัติ ได้มีความพยายามจะติดตั้งมาตั้งแต่ปีแรกของกรรมการชุดนี้ตามได้ที่มีการขออนุมัติตั้งโครงการไว้ แต่ผลสรุปสุดท้ายของโครงการอาจจะไม่ได้ตรงตามความคิดเห็นของท่านใดทั้งหมด โดยการทำงานอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่หวังดีกับหมู่บ้าน โดยเสร็จงานแล้วก็ยังคงเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน และหากพบว่าระบบที่จัดทำขึ้นนี้ มีข้อบกพร่องประการใด ก็ใคร่ขอความร่วมมือทุกท่านช่วยกันแจ้งข้อมูลให้กับนิติฯ เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง และท้ายที่สุดก็เพื่อให้หมู่บ้านสีวลียังคงเป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่สำหรับเราทุกคน (และขอขอบคุณสมาชิกที่ร่วมให้ข้อมูลและทดสอบทุกท่านคุณเจี่ย, คุณโอ๋, คุณเมย์, คุณวิโรจน์, คุณน้อยหน่า และที่ไม่ได้เอ่ยนาม)
(เครดิต: พิสิษฐ/กรรมการนิติฯ/นิติบุคคลฯ)

[Source: ขั้นตอนการติดแทคคีย์การ์ด จากนิติบุคคลสีวลี (PDF file)]

1. หาผ้าสะอาดจุ่มนํ้าบิดให้แห้งแล้วเช็ดทีกระจกรถยนต์ในตําแหน่งทีจะติดแทค (Tag) ตามรูป A

2. รอให้กระจกทีเช็ดแห้งสักครู่ (ทิ้งไว้สักประมาณ 1-2 นาที )

3. นําแทค (Tag) ทีได้รับมา (รูป B) ลอกกระดาษด้านหลังออกอย่างระมัดระวัง พยายามอย่าให้มือสัมผัสแทค (Tag) ด้านทีเป็นกาว เพราะมันคือตัวรับสัญญาณ (รูป C)

4. การติดแทค (Tag) สังเกตุ ง่าย ๆ เห็น "หมายิ้ม" คือวางได้ถูกตําแหน่ง (รูป B)

5. ค่อย ๆ ติดแทค (Tag) ลงบนกระจกทีตําแหน่งทีเช็ดไว้อย่างละมุนละม่อม ถ้ามั่นใจแล้วติดเลย โดยอย่าติดแล้วดึงออกอีก เพราะตัวแทค (Tag) อาจจะเสียหายได้ รวมไปถึงในการติดแทค (Tag) อย่าทําให้แทค(Tag) พับหรือหัก เพราะอาจทําให้แทค (Tag) เสียหายได้

6. หลังจากติดแทค (Tag) ไปแล้ว ให้ใช้มือลูปไปมาอย่างอ่อนมือและให้เรียบอย่างทัวถึง (รูป D)

7. จากนั้นนําสติ้กเกอร์ ทีได้รับมา ลอกกระดาษออก แล้วติดทับลงบนแทค (Tag) ตามรู ป E

8. หลังจากที ติดสติ้กเกอร์แล้ว ใช้มือลูปไปมาอย่างอ่อนมือและให้เรียบอย่างทัวถึง

9. เป็นอันเสร็จขั้นตอนการติดแทค (Tag) เรียบร้อย

10. ลองนํารถยนต์ไปทดสอบการเข้าออกว่าพบปัญหาอะไรหรือไม่ (มีข้อแม้นิดหนึงสําหรับการทดสอบ โดยตอนนี้ระบบจะล็อคไว้ว่า หากมี การวิ่งรถยนต์ซํ้ำในทิศทางเดียวกันภายใน 1 นาที ไม้กั้นจะไม่ยกเปิดให้ เพือเป็นการป้องกันการอ่านแทค (Tag) ซ้ำ

เช่น หากขับรถยนต์ออกจากหมู่บ้านผ่านไม้กันไปแล้ว และวนรถยนต์กลับ
เข้าหมู่บ้านอีกครั้งในทันที โดยผ่านไม้กั้นขาเข้ามาแล้ว อย่างนีไม้กั้นจะเปิดให้ตามปกติ แต่หากจะวนออกอีกครั้งในทันที ตรงนี้จะต้องรออีกประมาณ 1 นาที เพือให้ระบบเคลียร์ ค่าของแทค (Tag) ถึงจะขับเข้าช่องคีย์การ์ดได้อีกครั้ง ซึงไม้กั้นก็จะเปิดให้ตามปกติ)

Create Date : 04 ธันวาคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2557 14:19:05 น.		1 comments
Counter : 3645 Pageviews.
Share Tweet