โซเซียลมีเดียรวมตัวแอนตี้ กฎหมายสั่งจองจำ แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะถูกลงทัณฑ์อย่างไร 'นาธาน โอมาน' ศิลปินค่ายเพลงดังในอดีต ผู้สร้างเรื่องโกหกรับค่าตัว 100 ล้านเล่นหนังฮอลลีวู้ดโดนแฉจนฉาวไปทั่วเมือง ทั้งยังเป็นนักโทษคดีฉ้อโกง ฯลฯ แม้เพิ่งออกมาจากเรือนจำได้ไม่นาน แต่ก็กลับมาพร้อม 'การมโนครั้งใหม่' ที่สร้างความเสื่อมเสียแก่หน่วยงานรัฐราวกับถูกสายฟ้าฟาด
เท้าความเมื่อครั้งอดีต เรื่องฉาวของผู้ชายคนนี้ถูกบรรดานักสืบไซเบอร์สาวไส้ออกมาจนไม่เหลือหลอ สร้างเรื่องหลอกลวงเสียจนถูกประทับตราเป็นสัญลักษณ์ของการโกหก ล่าสุด นาธาน ยิ้มร่าสร้างเรื่องผ่านสื่อทำนองว่าได้รับการทาบทามให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แน่นอน ผู้เกี่ยวข้องออกมาปฏิเสธทันควัน เพราะการอ้างขอเสื่อมเสียแก่หน่วยงานภาครัฐของตนอย่างมาก
ชนักติดหลังจอมลวงโลก
ดราม่าฉาวที่ถูกตีแผ่ของ นาธาน โอมาน เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า ได้แสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Prince Of Red Shoe ของบริษัทบิกบลู ในเครือค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ หลังจากนั้นมีผู้คนให้ความสนใจ และสืบค้นข้อมูล แม้เจอภาพถ่ายที่อ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างถ่ายทำ จนแล้วจนรอดข้อเท็จจริงจากการสืบค้นของนักสืบไซเบอร์ก็ปรากฎว่าเจ้าตัวสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางประการ
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเข้าวงการบันเทิง เขายังสร้างประวัติเท็จว่าเป็นคนเชื้อสาย ไทย-เนปาล สื่อสารได้ถึง 5 ภาษา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องโกหกที่ถูกจับได้ในภายหลัง ต่อมาเรื่องราวของ นาธาน ไม่ใช่เพียงการโหกเพียงเพื่อสร้างความสับสนต่อประชาชน แต่เขาเข้ามาเกี่ยวพันธ์กับคดีฉ้อโกงเงิน จากการสืบค้นข้อมูล อาทิ ฉ้อโกงเงินหุ้นส่วนร้านอาหาร, ฉ้อโกงเงินแม่บ้านของตัวเอง, ฉ้อโกงเงินเด็กดักแด้ผู้ป่วยเป็นโรคผิวหนังแห้งตกสะเก็ด, ฉ้อโกงเงินญาติตัวเองโดยนำสินทรัพย์ไปจำนอง ฯลฯ
ต่อมาปี 2554 นาธาน โอมาน ถูกตัดสินให้จำคุกในคดีฉ้อโกงเป็นเวลา 2 ปี แต่ทำการรับสารภาพจึงได้รับลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ในเวลาถัดมาเขาได้รับการปล่อยตัว พร้อมเปิดใจผ่านสื่อว่ารู้สึกสำนึกผิดต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และขอโอกาสให้ตนได้มียื่นและเติบโตในวงการบันเทิง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นาธาน พยายามสร้างกระแสให้ตนเป็นบุคคลในข่าว ล่าสุด กรณีแอบอ้างว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ ของ สคบ. เจ้าตัวออกมายอมรับด้วยใบหน้าไร้สำนึกในความผิด โดยเปิดใจผ่านสื่อตนติดนิสัยโกหกและยินดีให้ผู้คนตบเพื่อลงโทษ โดยอ้างว่าที่พูดไปก็เพราะอยากช่วยประชาสัมพันธ์องค์กร สคบ. ให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะ ทั้งอ้างว่า อยากเปลี่ยนโลโก้ตนเอง เพราะเมื่อก่อนถ้าพูดถึงนาธานจะนึกถึงความโกหกหลอกลวง ตอนนี้ให้คนมองเป็นโลโก้ด้านสิทธิการดูแลผู้บริโภคแทน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นของจอมลวงโลกผู้นี้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง การโกหกเกิดขึ้นกับทุกคน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่สำหรับนาธาน ผมว่ามันเกิดขึ้นตลอดเวลา จนอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาควบคุมตัวเองไม่ได้หรือเปล่า ความคิดเห็นจากคุณ BufferWolfa
ที่แปลกคือคนแบบนี้ก็ยังมีที่ยืนในเมืองไทย แถมก็ยังมีคนที่เชื่อมันอีกเนอะ ความคิดเห็นจากคุณ Torwong Talomsin
อย่าออกมาทำร้ายสังคมอีกเลย ความคิดเห็นจากคุณ สำนึกดี
เปรียบตนเป็นองคุลีมาล สังคมควรให้โอกาส?
ผู้มีชื่อเสียงในด้านลบ นาธาน โอมาน เป็นข่าวทีไรเชื่อว่าหลายท่านที่กำลังเสพสื่อต้องออกส่ายหน้าหนี เพราะเอือมต่อพฤติกกรรมโกหกหน้าตายที่เขาปฏิบัติออกสื่อตลอดมา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 ดูเหมือนว่าเจ้าตัวพยายามสร้างข่าวเพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ฉาวโฉ่ของตัวเอง
ในวาระการประชุมนั้นมีการหารือถึงแนวคิดการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 2/2557 โดย พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นาธาน ปรากฎตัวร่วมเป็นหนึ่งในการประชุมครั้งนี้ เขาสวมเสื้อของพรรคเครือข่ายประชาชนเรียกความฮือฮาเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้าได้โพสต์ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวในทำนองว่า "ถ้าผมจะเล่นการเมือง ถ้าผมอยากเรียกสิทธิ์บางอย่างล่ะ" คล้ายเป็นคำถาม ก่อนเดินหน้าหาทางลงสนามการเมือง
ไม่กี่เดือนให้หลัง เขากลับมาฉุดกระแสตัวเองอีกครั้ง โดยการให้ข่าวว่าทำนองว่าได้รับการทาบทามจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะอยากจะได้ดาราคนดังในด้านที่ไม่ดีบ้าง และที่สำคัญตนผ่านประสบการณ์อะไรมามากมาย พร้อมขายฝันว่าอยากเป็น ปวีณา 2
เผือกร้อนที่จอมลวงโลกโยนเข้ามาในสังคม ส่งผลให้ ร้อยตรีไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สคบ. ออกมาปฏิเสธทันทีว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พร้อมให้เหตุผลว่าที่ต้องออกมาเพราะเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิดถูกแอบอ้างในทางเสื่อมเสีย
ทีมข่าวบันเทิง Astv ผู้จัดการ สัมภาษณ์นาธานในประเด็นดังกล่าว วันนั้นที่มโนพูดไปเพราะคุลิความสนุกปากค่ะ ยอมแพ้ ยอมให้ฆ่า ยอมโดนตบค่ะ ขอโทษฉันยอมรับผิด แต่เราอยากทำดีแล้วอ่ะ นี่กูเอาจริงแล้ว กูอยากทำความดีบ้าง แต่ก็นะติดนิสัยโกหก ตอแหล ขอเวลาปรับตัวหน่อย พออยากพูดความจริง อยากทำความดีไม่มีใครเชื่อกูเลย คนอยากกลับตัวก็เพลียเหมือนกันนะ นี่พูดเลย นาธาน กล่าวเปิดใจ
เราเหมือนเป็นตัวกระตุ้น ถ้านึกถึงนาธานจะนึกถึงอะไร ก็นึกถึงความโกหก ตอแหล ตอนนี้ก็เลยอยากจะเปลี่ยนสโลแกนใหม่ว่าถ้าให้นึกถึงนาธานก็อยากให้ทุกคนนึกถึงสิทธิการดูแลผู้บริโภคไง เข้าใจป่ะ? คือเหมือนเราเป็นองคุลีมาลกลับใจ อยากจะช่วยคนที่เขามีปัญหา แต่เรื่องที่เป็นพรีเซ็นเตอร์จะบอกว่าเป็นการอุปมาอุปไมยขึ้นเอง เชิ่ดใส่ ทำไมล่ะ? ในเมื่อเราทำงานในส่วนของเครือข่ายของพรรคพลังประชาชนไง
ถ้าจะบอกว่ามโนก็มโนค่ะ (ผู้สื่อข่าวแทรกถาม ไม่กลัวเลยหรอเอาเรื่องระดับชาติมาเล่น?) ไม่ บอกแล้วไงว่าเรื่องของสิทธิคุ้มครองผู้บริโภคเหมือนอยู่ในอากาศ คุณนึกถึงสิทธิผู้บริโภคคุณจะต้องนึกถึงนาธาน ก็เลยอยากจะช่วยเป็นตัวกระตุ้นเองภายใต้การทำงานของพรรคเครือข่ายประชาชน มันมีเรื่องราวนะ ใครจะบ้านั่งพูดเองเออเอง ในเมื่อเขาให้โอกาสเรา เอาคนดีๆ มาก็คงจะแบบธรรมดาไป ก็เลยมโนมาเลยตั้งสภานาธาน เราก็จะช่วยคนที่เดือดร้อน โดยการหาคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นมาช่วยในส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค
โอกาสสำหรับคนขี้โกหก?
โอกาสของคุณหมดแล้ว ตั้งแต่โกหกคนอื่น ฉ้อโกงความคิดเห็นจากคุณ กงเงินคนอื่น ตั้งแต่ติดคุกแล้ว อย่ามาขอโอกาสเลย ไม่มีให้ ไม่มีสักโอกาสที่คุณจะได้อีกแล้ว จงทำใจซ่ะ ความคิดเห็นจากคุณ746
อย่าเทียบกับองคุลีมานเลย ตอนท่านบวชเป็นพระ ก็ยังไม่มีใครเชื่อ ท่านก็โดนก้อนหินปาเหมือนกัน จะให้คนเชื่อนาธาน เลยไม่มีทาง คุณต้องผ่านไรอีกเยอะ เครดิตของเด็กเลี้ยงแกะจะได้กลับมาง่ายๆ ฝันไปเหอะความคิดเห็นจากคุณ เฮ่าหนาน
เด็กคนนี้มันเสื่อมจนเกินแก้ไข ..หลอกลวงตลอดเวลา ไม่อาย ไม่เสียเวลาตัวเองบ้างเหรอ ความคิดเห็นจากคุณ ทองแดง
หากระแส ให้ตัวเองจนต้องใช้การโกหก โรคจิตชัดๆ ความคิดเห็นจากคุณ แมงทับสีเขียว
เหล่านี้เป็นความคิดเห็นเพียงบางส่วนที่เห็นพองไปในทำนองเดียวกันว่า โอกาสสำหรับสร้างเรื่องโกหกซ้ำซากนั้นแทบไม่มีที่ยื่นในสังคมไทย
กรณีดังกล่าว ดร. วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เคยให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมการโกหกเป็นกิจวัตรของ นาธาน โอมาน เบื้องต้นยืนยันว่ามีอาการทางจิต
"มีอาการทางจิตแน่นอน อยู่ในด้านทางจิตเวช จัดอยู่ในพวกบุคลิกภาพแปรปรวน พวกนี้จะมีปมด้อย แล้วอยู่ในโลกของความใฝ่สูงเพื่อที่จะแก้ปมด้อยตัวเอง การโกหกนั้นเขาถือเป็นการป้องกันตัว สมมติว่ามีใครมากระตุ้นหรือมาจับผิดแล้วเขาโกหกกลับไป อันนี้ถือว่าไม่เป็นโรค แต่เมื่อใดที่ไม่มีใครมาถามว่าเราจนหรือเปล่า เกิดที่ไหน แต่เรากลับโกหกไป อย่างนี้ถือว่าเป็นโรค โรคนี้เกิดจากการที่ตัวเองมีปมด้อย แล้วก็มีจินตนาการสูง"
พวกนี้ถือว่ามี 'พยาธิสภาพทางจิต' หรือจะเรียกว่าเป็นแผลใจ มันจะไม่มีวันหายถ้าไม่ล้างแผลใจ ภาษาไทยเรียกว่า ปมด้อย หรือเรียกว่าเอกลักษณ์สับสน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรที่แท้จริง หรือไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเป็น ไม่เคยยินดีในสิ่งที่ตนมี ต้องโกหกว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีอย่างนั้นอย่างนี้ตลอด
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาการให้คุณค่ากับคนประเภทนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ดราม่า อะไรที่เป็นข่าวก็มักแชร์เอามันเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง แสดงทัศนะว่า ในเรื่องการให้โอกาสมีที่ยืนทางสังคมที่เขาออกมาร้องขอคงต้องปล่อยไปตามดุลพินิจส่วนบุคคล กรณีของเขานั้นทำผิดพลาดมาทั้งชีวิต ถามว่าให้อภัยหรือได้หรือไม่ ท่านที่ติดตามข่าวล้วนมีคำตอบอยู่แล้ว
โอกาสนั้นมีเสมอสำหรับคนที่พลาดพลั้งไปชั่วครู่ แต่สำหรับประเภทที่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอาจต้องมาดูที่สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งทางการแพทย์ให้คำจำกัดความว่าเข้าข่าย ปัญหาทางบุคลิกภาพ ซึ่งตรงนี้ยังไม่สามารถตีธงได้ว่าผู้ที่ตกเป็นข่าวดังเข้าข่ายป่วยหรือไม่ เพราะต้องมีการตรวจพิสูจน์เพื่อความเป็นธรรมต่อไป
...............
เรื่องโดย ทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ LIVE
ข้อมูลโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [
