All Blog
ซามูไรกระหายเลือด เปิดบันทึกสงครามญี่ปุ่นบุกสยาม : ทัศนา ทัศนมิตร





ซามูไรกระหายเลือด 

เปิดบันทึกสงครามญี่ปุ่นบุกสยาม


ผู้เขียน : ทัศนา ทัศนมิตร


ISBN 978-616-7180-10-6 ฉบับปก สำนักพิมพ์สยามบันทึก. พิมพ์ครั้งที่ 1. 2553.

จำนวน 176 หน้า ราคา 145 บาท


---------------------------------------------------------------------------------

“...ผมไปร่วมงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว…

นายทหารที่เคยเป็นเชลยศึกกล่าวถึงอดีตอันทุกข์ยาก

ฟังสำเนียงไม่ชัดตามภาษาฝรั่งว่า

“ผมไม่นึกว่าจะมีวันนี้”

ผมได้ยินแล้วสะท้อนใจ แน่นอนใครจะนึกว่าจะมีวันนี้

ในวันนั้นแค่เอาชีวิตให้รอดก็แสนยากแล้ว

อย่าว่าแต่จะตั้งความหวังว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะชนะสงครามเลย

สภาพเหมือนตกอยูในขุมนรก

มีภัยคุกคามทั้งไข้ป่า ความอดอยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

การถูกทรมานอันแสนอมหิต…”

- ทัศนา ทัศนมิตร, ซามูไรกระหายเลือดฯ

---------------------------------------------------------------------------------


ช่วงสองสามเดือนมานี้ ผมอ่านหนังสือหลากหลายมาก แต่ทยอยอ่านนั้นนิด เล่มนี้หน่อย ก็เลยไม่จบเล่มใดเล่มหนึ่งเสียที แต่เอาเป็นว่าทุกเล่มที่กำลังอ่านมีความน่าสนใจในแบบของตัวเอง เพราะส่วนใหญ่เป็นหมวดสารดคีเสียเยอะ อย่างเล่มที่เพิ่งอ่านจบและนำมารีวิวในวันนี้ คือ ซามูไรกระหายเลือด เปิดบันทึกสงครามญี่ปุ่นบุกสยาม เล่าถึงเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นยกกำลังพลเข้ายึดเมืองไทย บีบให้รัฐบาลไทยต้องยอมเป็นพันธมิตรร่วมรบ เพื่อขอเดินทัพผ่านไปยึดดินแดนพม่า ซึ่งตกเป็นเมืองอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ผมคิดว่าซามูไรกระหายเลือดฯ เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งเลย แม้ว่าชื่อจะฟังดูรุนแรงไปสักหน่อย (คาดว่าคงเป็นชื่อแบบการตลาด) เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการรายละเอียดเยอะแยะ หรือวิเคราะห์จัด ๆ แบบตำราวิชาการ สำนวนภาษาก็อ่านง่าย ไม่งุนงง ใครสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถไปหาความรู้ต่อยอดเพิ่มเติมเองได้

ความรู้สึกว้าว! ของหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่การนำเสนอเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่คือการที่ผู้เขียนสามารถสรุปภาพรวม ตลอดจนลำดับเหตุการณ์ให้เราเห็นภาพความวุ่นวายสมัยสงครามโลกได้ค่อนข้างแจ่มชัด อาจเพราะตัวผู้เขียนเองมีชีวิตร่วมสมัยกับเหตุการณ์สำคัญนี้ด้วย ดังที่เขาได้กล่าวเอาไว้ในคำนำว่า


หนังสือ...เล่มนี้ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเขียนขึ้นจากความทรงจำ แม้วันเวลาจะผ่านพ้นไปถึง 60 กว่าปี ผมก็ยังจดจำภาพเชลยศึกและทหารญี่ปุ่นได้ ไม่เคยลืมเลือน...หน้าตาของบรรดาเชลยศึกเหล่านั้นอิดโรย ร่างกายผอมโซ ท่าทางเหมือนคนสิ้นหวังในชีวิต เห็นแล้วน่าอเนจอนาถ...


อีกหนึ่งประเด็นน่าสนใจที่ถูกกล่าวแทรกไว้ในหนังสือ คือเรื่อง “ค่ายนางบำเรอ” แม้ผู้เขียนจะกล่าวเอาไว้สั้น ๆ แต่ก็ชวนให้ตามหาข้อเท็จจริงอย่างยิ่ง เพราะหญิงบำเรอเหล่านี้ เป็นหญิงชนชั้นต่ำของญี่ปุ่นที่ถูกทางการจัดสรรมาให้เป็นทาสกามบำบัดความใคร่ของกองทัพทหารญี่ปุ่น นอกจากผู้หญิงญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมีผู้หญิงจีนและเกาหลีปะปนอยู่ด้วย หญิงกลุ่มนี้มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Comfort Women นับว่าเป็นชะตากรรมที่น่าเห็นใจมาก ๆ ผู้เขียนกล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “...เรื่อง “ค่ายนางบำเรอ” รู้กันไม่มากนักในสังคมวงกว้าง...” แสดงว่าทาสกามของทหารคงเป็นเรื่องลับ ๆ ของทางการญี่ปุ่น ที่ไม่อยากให้คนทั่วโลกรับรู้ แต่ถึงอย่างนั้น ในยุคสมัยปัจจุบันความฉาวโฉ่เรื่องหญิงบำเรอกำลังถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง ใครอยากทราบรายละเอียดลองค้นข้อมูลเพิ่มได้นะครับ


บันทึกเพิ่มเติม

ผมได้หนังสือ ซามูไรกระหายเลือดฯ มาจากแผงหนังสือลดราคา จากปกหลักร้อย เหลือเพียงเล่มละ 25 บาท ทีแรกคิดว่าจะไม่ซื้อแล้ว เพราะประเมินคุณภาพหนังสือจากราคาที่ถูกกดลงมาก (ปกติแล้วผมเองก็ชื่นชอบหนังสือลดราคานะครับ แต่ถ้าเป็นหนังสือความรู้หรือสารคดี ส่วนตัวรู้สึกว่าต่างจากนิยายลดราคา ถ้าราคาถูกลดลงมาก ๆ แสดงถึงความไม่น่าเชื่อถือด้านเนื้อหา) แต่พอได้ลองเปิดอ่านก็เปลี่ยนใจ เพราะถึงแม้ผู้เขียนจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลกทั่วไป แต่เป็นข้อมูลที่ผู้เขียนตกผลึกใจความสำคัญ และเรียบเรียงด้วยตัวเอง (ไม่ใช่การตัดแปะข้อมูล) ตรงไหนที่ยกมาจากที่อื่น ก็จะบอกแหล่งข้อมูลแทรกลงไปให้ทราบ ภาษาสำนวนอ่านเข้าใจง่าย ไม่สับสนเลย ผมเลยไม่รอช้าที่หยิบหนึ่งเล่มแล้วจ่ายเงินซื้อเลย

พออ่านจบก็เปลี่ยนความคิดใหม่ แทนที่จะนึกเสียดายว่าหนังสือดี ๆ นักเขียนดี ๆ ถูกทอดทิ้งอยู่ในกองหนังสือลดราคา ผมก็เลยคิดว่า ถ้าอ่านจบแล้วจะขอแนะนำเพื่อนนักอ่านให้ได้รู้จักกับหนังสือเล่มนี้ และนักเขียนนามว่า ทัศนา ทัศนมิตร แต่แล้วผมก็เจอเรื่องเซอร์ไพร้เสียเอง เพราะนักเขียนท่านนี้เป็นนักเขียนอาวุโส คนเดียวกับเจ้าของนามปากกา “ภราดร ศักดา” ซึ่งเขียนทั้งนิยายและสารคดีมาแล้วหลายเรื่องนั่นเอง และหนึ่งในนิยายที่เขาใช้ฉากเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเขียนก็คือเรื่อง “แสงเพลิงที่เกริงทอ” เคยถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์มาแล้วด้วย


Jim-793009

30 : 06 : 2017




Create Date : 30 มิถุนายน 2560
Last Update : 3 กรกฎาคม 2560 13:59:41 น.
Counter : 1215 Pageviews.

2 comments
  
เนื้อหาเบาโหวง. ความทรงจำที่ว่าไว้ในคำนำ มีอยู่สามบรรทัดจากทั้งเล่มได้มั้ง.
โดย: กิจจา. เสียดายตังค์..... IP: 182.232.236.223 วันที่: 7 ตุลาคม 2561 เวลา:20:29:50 น.
  
คุณกิจจา --- ผมมองว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการความรู้พื้นฐานแบบไม่ลงลึกนักนะครับ แต่ถ้าต้องการเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียด น่าจะศึกษาได้จากงานเขียนอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนความทรงจำที่ว่านั้น เห็นด้วยว่ามีไม่ได้เยอะ สังเกตจากเนื้อหาส่วนใหญ่น่าจะมาจากการค้นคว้าของผู้เขียนเป็นหลัก ไม่ใช่ในลักษณะของบันทึกความทรงจำซะทีเดียวครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:18:02:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jim-793009
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



"เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^

วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก
- กฤษณา อโศกสิน

"หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน"
- ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก]

"...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..."
- Finders Keepers, Stephen King
New Comments