บ้านตุ๊กตา มรดกของสะสม ของเจ้าจอมเลียมในรัชกาลที่ 5







บ้านตุ๊กตา

มรดกของสะสม ของเจ้าจอมเลียมในรัชกาลที่ 5


เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานเสวนาเรื่อง สมุดตราสะสมเจ้าจอมเลียมในรัชกาลที่ 5 จัดขึ้นโดยสำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์ (Siam Renaissance) ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร บรรยายโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ผู้เรียบเรียงหนังสือ “ตราสะสมเจ้าจอมเลียมในรัชกาลที่ 5”

เนื้อหาหลักของการเสวนา คือ เล่าถึงตราประจำพระองค์ ตราราชสกุล และสกุลต่าง ๆ ที่เจ้าจอมเลียมเป็นผู้สะสม และเก็บรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ ถือได้ว่าคุณจอมท่านนี้เป็นนักสะสมหญิงที่น่ายกย่องมากคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย เพราะตราสะสมของท่านนั้นหาชมยาก และน้อยคนนักที่จะสะสมไว้ได้มากมายถึงขนาดนี้ ใครที่สนใจชมภาพตราสะสมต่าง ๆ ที่มาจากสมุดสะสมของเจ้าจอมเลียม สามารถชมได้จากหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์แล้ว สวยงามมาก ไว้มีโอกาสคงได้นำมารีวิวให้ชมกันครับ








เจ้าจอมเลียม 
Cr.เพจ Siam Renaissance

ในวันนี้ ผมไม่ได้พาทุกคนไปรู้จักกับงานสะสมตราต่าง ๆ ของเจ้าจอมเลียม แต่จะพาไปรู้จักกับของสะสมอีกหนึ่งชิ้นของท่าน ที่ภายในงานเสวนาได้กล่าวถึงและพาผู้ร่วมงานไปชม นั่นคือ “บ้านตุ๊กตา” ผลงานประดิดประดอยของจิ๋วฝีมือเจ้าจอมเลียม ซึ่งท่านได้มอบให้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อเป็นสมบัติของชาติ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2494 จัดแสดง ณ ห้องมหรรฆภัณฑ์ ห้องด้านหลังอาคารพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย

ความน่าสนใจของบ้านตุ๊กตาของเจ้าจอมเลียม คือ ของจิ๋วทุกชิ้นที่จัดวางอยู่ภายในบ้าน คุณจอมท่านประดิษฐ์ด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้มีฝีมือด้านงานประดิษฐ์ อย่างแก้วน้ำใส ๆ ก็ใช้หลอดดูดใสมาตัดแล้วทำก้นแก้ว ข้าวของมีทั้งที่ใช้ไม้ทำ และใช้ดินปั้นแล้วลงสี ผมเห็นแล้วชอบและทึ่งมาก ไม่คิดว่าคนโบราณเขาจะทำออกมาได้ดีขนาดนี้ และถ้าจำไม่ผิด ผู้บรรยายยังบอกด้วยว่า ฝีมือการทำตุ๊กตาชาววังของเจ้าจอมเลียมนั้นก็งดงามไม่แพ้ใครเช่นกัน









บรรยากาศการชมบ้านตุ๊กตาของเจ้าจอมเลียม
มีผู้สนใจถ่ายภาพอย่างมากมาย

บ้านตุ๊กตาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มีเพียง หลังเท่านั้น (ขออนุญาตเรียกเป็นหลัง) แบ่งเป็นบ้านแบบไทยหนึ่งหลัง แบบฝรั่งอีกหนึ่งหลัง จัดแสดงอยู่ในมุมที่ค่อนข้างมืด ถ้าไม่มีใครแนะนำ หลายคนก็อาจจะเดินผ่านไปเลย และคงไม่รู้ว่าบ้านตุ๊กตาทั้งสองจะมีคุณค่าถึงขนาดนี้ แถมยังทำให้ผมนึกถึง TV Champion รายการโปรดสมัยเด็ก ๆ ที่มีการแข่งขันหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือแข่งทำบ้านตุ๊กตาและของจิ๋วที่ดูสมจริง


บ้านตุ๊กตาแบบไทย

อันที่จริงมีลักษณะเป็นตู้กระจกใสสองชั้น ภายในจัดวางข้าวของเครื่องใช้ที่คุ้นตาในบ้านของคนไทยยุคโบราณ ซึ่งเจ้าจอมเลียมแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนให้ดูง่าย เช่น โซนห้องศิลปะและดนตรีไทย โซนห้องพระ โซนเครื่องครัว ของจิ๋วแต่ละชิ้นถูกทำขึ้นอย่างประณีตและดูเหมือนของจริงมาก ภายในบ้านตุ๊กตาหลังนี้ ยังมีโปสการ์ดปัจฉิมโอวาทของเจ้าจอมเลียมที่ท่านเขียนขึ้น เพื่อตั้งใจมอบให้เป็นของที่ระลึกในงานศพของท่านเอง เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะน้อยคนนักจะคิดตระเตรียมเรื่องความตายของตนเองเอาไว้ล่วงหน้าเช่นนี้ แสดงถึงการที่คุณจอมท่านมองความตายเป็นของธรรมดาอย่างแท้จริงด้วย



โปสการ์ดปัจจิมโอวาทขนาดเล็กของเจ้าจอมเลียม


เครื่องบวชพระ


โต๊ะหมู่บูชา มีพระแก้วมรกต


โซนจัดแสดงเครื่องแก้ว


เครื่องครัวที่นิยมใช้ในวังและบ้านผู้ดี มีพานประดับมุข เครื่องแก้ว เครื่องถ้วยเบญจรงค์


เครื่องปั้นดินเผา และของใช้ในครัว


โซนห้องดนตรี


โซนห้องศิลปะ

บ้านตุ๊กตาแบบฝรั่ง

บ้านหลังนี้เป็นตู้กระจกทรงสี่เหลียม แบ่งพื้นที่ภายในเป็น 3 ชั้น 7 ห้อง และ 2 โถงทางเดิน ชั้นบนสุดเป็นห้องนอน ห้องน้ำ และห้องพระ ถัดลงมาชั้นสองเป็นห้องทำงาน โถงทางเดิน และห้องอาหาร ส่วนชั้นล่างสุดมีห้องครัว โถงทางเดินกับบันได และห้องนั่งเล่น 

แม้ว่าข้าวของส่วนใหญ่ในบ้านตุ๊กตาหลังนี้ จะมีลักษณะเป็นเครื่องเรือนแบบฝรั่ง แต่จะเห็นว่ามีเครื่องเรือนแบบไทยและวิถีชีวิตแบบไทยแฝงอยู่ภายในบ้านหลังนี้แถบทุกชั้น ซึ่งสังเกตได้ง่ายสุด คือ ห้องพระ และไม่เพียงการประดิษฐ์ข้าวของให้เหมือนจริงเท่านั้น แต่ผนัง เพดาน พื้นห้องยังได้รับการลงสีวาดลวดลายเลียนแบบบ้านสไตล์ฝรั่งจริง ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าน่าทึ่งในความพยายามของเจ้าจอมเลียมมาก ๆ



ห้องนอน


ลวดลายพรมดูสมจริง


ห้องน้ำสไตล์ตะวันตก


ห้องพระ


ห้องทำงาน


โถงทางเดินชั้นสอง มีตะกร้าผ้า


ห้องรับประทานอาหาร มีตู้โชว์เหล้า


ห้องครัว


เครื่องครัว จานชาม ดูสมจริง


โถงทางเดินชั้นล่าง มีบันได และห้องใต้บันได


ห้องนั่งเล่น


ชั้นสองและชั้นสาม


เครื่องเรือนภายในห้องครัว มีกระต่ายขูดมะพร้าว


ตู้หนังสือภายในห้องทำงาน

บ้านตุ๊กตาของเจ้าจอมเลียมในรัชกาลที่ 5 จึงถือเป็นมรดกของสะสมที่มีคุณค่า น่าไปชมด้วยตาตัวเอง เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงของทำเล่น แต่ยังบอกถึงรูปแบบสิ่งของที่สะท้อนรสนิยมในอดีตเอาไว้ด้วย




เจ้าจอมเลียม
Cr.เพจ Siam Renaissance

บันทึกเพิ่มเติม

เจ้าจอมเลียม ในรัชกาลที่ 5 เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2424 เป็นหนึ่งในเจ้าจอมจากตระกูล “บุนนาค” ด้วยท่านเป็นบุตรีคนที่สี่ของเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) กับ ท่านผู้หญิงตลับ (โอสถานนท์) จึงมีศักดิ์เป็นเหลนของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)

เมื่อเจ้าจอมเลียม อายุ11 ปี ท่านผู้หญิงตลับได้ส่งเข้าพระบรมมหาราชวัง มาอยู่ในสำนักของท่านเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (เจ้าจอมมารดาแพ) ผู้เป็นอา ต่อมาท่านได้ถวายตัวรับใช้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าจอม ในภายหลังเจ้าจอมเลียมได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตติยจุลจอมเกล้า เหรียญรัตนาภรณ์ เข็มพระชนมายุสมมงคล เข็มพระกำนัล เหรียญรัชฎาภิเษก ประพาสมาลา ทวีธาภิเษก และมีส่วนในพระราชพินัยกรรมด้วย

หลังจากในหลวงรัชกาลที่ 5 สวรรคตได้สองปี เจ้าจอมเลียมก็กราบถวายบังคมลาออกมาอยู่บ้านเดิม ณ ตำบลตลาดแขก ฝั่งธนบุรี แล้วต่อมาท่านจึงล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2503 จนถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2503 เวลา 15.50 น. สิริอายุ 78 ปี

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารนุกรมเสรี



ปัจจิมโอวาทของเจ้าจอมเลียม ที่ท่านเขียนไว้ก่อนถึงแก่อนิจกรรม
Cr. เพจ Siam Renaissance


Jim-793009

10 : 07 : 2017





Create Date : 10 กรกฎาคม 2560
Last Update : 10 กรกฎาคม 2560 20:30:02 น.
Counter : 9338 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jim-793009
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



"เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^

วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก
- กฤษณา อโศกสิน

"หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน"
- ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก]

"...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..."
- Finders Keepers, Stephen King
New Comments