JIAOGULAN -เจียวกู้หลาน
Group Blog
 
 
กันยายน 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
เจียวกู้หลานธรรมชาติช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงและควรเสริมด้วยโภชนาการ

เจียวกู้หลานธรรมชาติจากเจียวกู้หลานฟอร์ยูเจียวกู้หลานดีสำหรับคุณผ่านกรรมวิธีไม่ใช้สารเคมี เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่จะใช้ธรรมชาติของโอสถสารในเจียวกู้หลานมาป็นประโยชน์ในการฟื้นฟูร่างกายให้มีความแข็งแรงสามารถมีภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านกับปัญหาสุขภาพ ท่านที่กินยาโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคเบาหวาน โรคความดันสูงเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการข้างเคียงตามมาอาทิเช่น ไตวายเรื้อรัง ทำให้ต้องฟอกไตในอนาคตเป็นต้น เจียวกู้หลานจึงเป็นสมุนไพรที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ร่วมกับยาหมอให้คุณสามารถหยุดยาได้เมื่อคุณหมอสั่งให้หยุดโดยวัดจากผลการตรวจของหมอเป็นเกณฑ์เจียวกู้หลานธรรมชาติ
เจียวกู้หลานพืชสมุนไพร เป็นที่สนใจของคนทั่วไปและยังเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ในสภาวะสังคมที่มีความเสื่อมของสภาวะแวดล้อมไม่เป็นดีต่อสุขภาพของคนทั่วๆ ไปมีมลพิษสูง ความจำยอมสภาวะบังคับให้ต้องทานอาหารอุตสาหกรรมที่เน้นการเร่งการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์มีการใช้สารเคมีสูงมาก ก่อให้เกิดโรคกับทุกคนทั่วๆ ไปอย่างกว้างขวาง เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นกันมาก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันที่ต้องหาวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคดังกล่าว การศึกษาให้รู้ถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งหากเป็นโรคดังกล่าวแล้วการเข้าพบแพทย์เป็นสิ่งที่หลายคนไม่ต้องการและหลายคนจะเลือกใช้วิธีใช้สมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการของโรคต่างๆ เป็นเบื้องต้น ด้วยความเชื่อที่ว่า การใช้ธรรมชาติบำบัดโรคจะปลอดภัยกว่ากับผลข้างเคียงที่มักจะเกิดจากการรักษาด้วยยาเคมีและยาปฎิชีวนะรักษาโรคทั่วไป
     สมุนไพรเจียวกู้หลานที่พบได้ทั่วไปอาจได้ผลระยะสั้นแต่กลับเป็นการเติมปัญหามากมายที่มาจากสารเคมีในเจียวกู้หลานทั่วๆไป การเลือกใช้สมุนไพรเจียวกู้หลานที่ตรงกับความต้องการจึงควรพิจรณาเนื่องจากมีการผลิตสมุนไพรกันมาก บางชนิดคำนึงถึงแค่บรรจุภัณฑ์สวยงามแต่สมุนไพรเจียวกู้หลานที่บรรจุภายในผ่านกรรมวิธีไม่ถูกต้องจะไปลดสรรพคุณของโอสถสารในสมุนไพรเจียวกู้หลานลง ทำให้การใช้แล้วไม่ได้ผล หลายๆ คนถึงกับเลิกคิดถึงเรื่องสมุนไพรไปเลยน่าเสียดาย
เจียวกู้หลาน คำไทยให้ชื่อว่า ปัญจขันธ์ เป็นสมุนไพรปลอดภัยไม่มีอันตรายต่อผู้บริโภคใช้ได้ทั้งใบ ต้น ดอก และราก หากนำมาแปรรูปที่ถูกต้องสามารถให้โอสถสารมากหรือมากกว่า 80 ชนิด สามารถปรับสมดุลของร่างกายให้ต่อต้านอาการต่างๆ และในผู้ที่กำลังป่วยก็สามารถรับประทานเจียวกู้หลานได้โดยไม่มีผลข้างเคียงด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจียวกู้หลานได้รับความนิยมและในอนาคตอาจเป็นสมุนไพรที่ใช้ในโรงพยาบาลเพื่อทดแทนการใช้ยาที่ลดและรักษาอาการความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาล รักษาโรคหัวใจและโรคเบาหวานในโรงพยาบาลได้ เป็นต้น
งานวิจัยของสมุนไพรเจียวกู้หลานทำให้เราได้ทราบว่า สารสำคัญกลุ่ม Gypenosides พบมากในเจียวกู้หลานมากกว่า 82 ชนิด ล้วนมีส่วนสำคัญให้ภูมิต้านทานร่างกายมีความแข็งแรงเพื่อมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดและช่วยร่างกายให้แข็งแรงส่งผลให้ภูมิคุ้มกันร่างกายทำให้ต้านโรคได้ เจียวกู้หลานสมุนไพร

ขั้นตอนที่สำคัญต่อไป คือ ฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง

ฟื้นฟูร่างกายอย่างง่ายๆ ทุกคนทำได้ไม่ต้องพึ่งบุคลากรทงการแพทย์ 
     ร่างกายของเรามีความจำเป็นต้องใส่ใจให้มีความสมดุลและได้รับสารอาหารครบตามหลักโภชนาการ 5 หมู่ การได้รับสารอาหารมากไปจะได้สารอาหารกลุ่ม พลังงาน และ ไขมัน มากเกินไป จนก่อปัญหาสะสมให้ร่างกายและร่างกายจะปรับสมดุลให้สู่ปกติซึ่งต้องใช้สารอาหารโปรตีน เกลือแร่และวิตตามิน เราก็ทานขาดเป็นประจำไม่ครบอีกแล้ว และในสภาวะปัจจุบันมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมากมายจากจากมลภาวะเป็นพิษอีกซึ่งต้องใช้สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซนต์ได้มาจากพืช
     เราจะสุขภาพแข็งแรงไม่ได้เลยถ้าเราไม่ใส่ใจและคอยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกินตามปาก ดังนั้น การวางแผนกินอาหารครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อในแต่ละมื้อ
อาหาร 5 หมู่จำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างยิ่ง
     การได้รับสารอาหารครบนั้นเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นและอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นเช่นกันคือ อาหารนั้นต้องมีปริมาณและคุณภาพด้วย ไม่ใช่ว่าเป็นหมู่นั้นๆ ทานเข้าไปแล้วได้ประโยชน์หมดเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเราต้องคำนึงถึงความสำคัญของคุณภาพอาหารด้วย
สารอาหาร (nutrient) หมายถึง สิ่งที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายแล้วไม่เป็นโทษต่อร่างกายและมีประโยชน์โดยทำให้ร่างกายดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข และให้พลังงานแก่ร่างกาย ซึ่งพลังงานเหล่านี้นำมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ประกอบด้วยสารอาหารหลายประเภท  คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบในอาหารนั้นมีมากมายหลายชนิด จะรวมเรียกว่า “สารอาหาร” การจำแนกสารอาหารตามหลักโภชนาการจะพิจารณาจากปริมาณของสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารนั้นๆ มากที่สุดเป็นหลัก ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 5 หมู่ ดังนี้  คือ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เหล่านี้เมื่อรับประทานเข้าไปจะถูกเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงานและความร้อนเพื่อนำไปใช้ควบคุมการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น การเดิน การวิ่ง การยืน การนอน การหายใจ เป็นต้น ซึ่งหากแบ่งสารอาหารโดยใช้เกณฑ์การให้พลังงานของสารอาหาร จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
- กลุ่มสารอาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่  คาร์โบไฮเดรต  โปรตีนและไขมัน
– กลุ่มสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ได้แก่ วิตามิน  แร่ธาตุ และน้ำ
กลุ่มสารอาหารที่ให้พลังงาน
     สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน อาหารทั้งหมดในกลุ่มนี้จัดเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย และจะขาดไม่ได้
     1.คาร์โบไฮเดรต สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เป็นสารอินทรีย์ที่ให้พลังงานที่สำคัญแก่ร่างกาย มักพบอยู่ในรูปของแป้ง และน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ พบมากในข้าว แป้ง ขนมปัง ผัก ผลไม้ นม และผลิตภัณฑ์จากนม คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี หากปริมาณคาร์โบไฮเดรตในร่างกายมีมากเกินความต้องการ ร่างกายจะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินนี้ให้อยู่ในรูปของไกลโคเจนและเก็บสะสมไว้ในร่างกาย
     2.ไขมัน สารอาหารประเภทไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยกรดไขมันและ
กลีเซอรอล พบมากในไขมันจากพืช มันสัตว์ นม เนย ถั่ว กรดไขมันแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
2.1 กรดไขมันอิ่มตัว เป็นไขมันที่พบมากในเนื้อสัตว์ มันสัตว์ หนังสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง กุ้ง ปู นม และผลิตภัณฑ์จากนม ไขมันประเภทนี้ หากมีมากเกินไปจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน
2.2 กรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นไขมันที่พบมากในถั่ว เต้าหู้ เห็ด น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม) ช่วยลดการดูดซึมไขมันอิ่มตัว ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน
สำหรับไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี สารอาหารประเภทไขมันช่วยให้อาหารมีรส กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น ช่วยในการดูดซึมวิตามิน เอ ดี อี และ เค ไขมันที่มีมากเกินความต้องการของร่างกายจะถูกสะสมเป็นชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะภายใน ป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกาย
   3.โปรตีน สารอาหารประเภทโปรตีน เป็นสารอาหารที่มีในร่างกายมากเป็นที่สองรองจากน้ำ มี
หน่วยย่อยที่เล็กที่สุด คือกรดอะมิโน ซึ่งมีประมาณ 12 -22 ชนิด แบ่งเป็น กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย และกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย
สารอาหารประเภทโปรตีนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างสารควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น ฮอร์โมน และเอนไซม์ รักษาดุลยภาพของสารต่างๆ ในร่างกาย ให้พลังงานและความร้อน เช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตัน และสร้างภูมิคุ้มกันโรค โปรตีนจะพบมากในไข่ นม เนื้อสัตว์ ถั่ว ข้าว ข้าวโพด ผักและผลไม้บางชนิด โปรตีนในเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์เพราะมีกรดอะมิโนครบตามความต้องการของร่างกาย แต่หากผู้ใดไม่รับประทานเนื้อสัตว์ก็สามารถรับประทานอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด ผัก และผลไม้ชดเชยได้ แต่อาหารประเภทนี้ก็จะมีกรดอะมิโนไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี

วิตามิน
     เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็ไม่สามารถขาดได้ ถ้าขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติ หรือเกิดโรคต่างๆได้ วิตามินแบ่งออกเป็น 2 พวก ได้แก่
1. วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี เค
2. วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม
ประโยชน์ของวิตามินเอมีดังนี้
- หากขาดจะทำให้เป็นโรคมองไม่เห็นในที่มืด
- ช่วยป้องกันการแพ้แสงสว่างของบางคน
- ผู้ที่ต้องการวิตามินเอมาก คือผู้ที่ต้องใช้สายตามาก
- วิตามินเอมีมากในไขมันเนย น้ำมันตับปลา ไข่แดง กะหล่ำปลี พืชตระกูลถั่ว ผักสีแดง ผักสีเหลือง
วิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ป้องกันโรคกระดูกอ่อน และควบคุมปริมาณของแคลเซียมในเลือด อาหารที่ให้วิตามินดีมีน้อยมาก จะมีอยู่ในพวกน้ำมันตับปลา ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากรังสีอุลตราไวโอเลต ซึ่งมีอยู่ในแสงแดด
วิตามินซี (หรือกรดแอสคอร์บิก) ประโยชน์ของวิตามินซีคือ ช่วยในการป้องกันจากโรคหวัด สามารถลดระดับของซีรัมคลอเลสเตอรอล(เพราะวิตามินซีจะรวมตัวกับคลอเลสเตอรอลและแคลเซียม ทำให้คลอเลสเตอรอลแตกกระจายในน้ำได้) ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด คางทูม และโพลีโอไวรัส หากได้รับวิตามินซีในปริมาณสูงมาก จะช่วยเพิ่มความต้านทานต่อเซลล์มะเร็ง และสามารถทำลายเซลล์มะเร็งแบบmelanomaได้ มีผลให้สามารถยืดอายุของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งได้ วิตามินซีที่บริษัทยาผลิตจำหน่ายโดยปกติจะอยู่ในลักษณะเป็นเม็ดฟู่ซึ่งมีแคลเซียมอยู่ด้วย ถ้าหากผู้สูงอายุได้รับแคลเซียมมากเกินไปจะทำให้กระดูกงอก
วิตามินบีรวม 
วิตามินบี1 มีมากในเนื้อหมู ข้าวกล้อง เห็ดฟาง ฯลฯ มีหน้าที่เกี่ยวกับการใช้คาร์โบไฮเดรต การทำงานของหัวใจ หลอดอาหารและระบบประสาท
วิตามินบี2 พบมากในตับ ยีสต์ ไข่ นม เนย เนื้อ ถั่ว และผักใบเขียว ปลาและผลไม้จำพวกส้มแทบไม่มีวิตามินบี2เลย ถ้ากินวิตามินบี 2มากเกินไป ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย เพราะสามารถถูกขับถ่ายออกมาได้ วิตามินบี2มีความสำคัญต่อร่างกาย ดังนี้
- มีความเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมันที่เรียกกันในทางวิทยาศาสตร์ว่า ลิปิด
- ใช้ในการเผาผลาญกรดอะมิโนทริพโตเฟน กรดนี้มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และมีความจำเป็นต่อการเกิดสมดุลของไนโตรเจนในร่างกาย
- เป็นส่วนประกอบสำคัญของสีที่เรตินาของลูกตา ซึ่งช่วยให้สายตาปรับตัวในแสงสว่าง
- อาการที่เกิดจากการขาดวิตามินบี2 คือ เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร มีอาการทางประสาทการย่อยอาหารไม่ปกติ ถ้าเป็นมากๆปาก และลิ้นอาจแตก 
วิตามินบี3 บางทีเรียกว่า ไนอาซิน ประวัติของไนอาซินเริ่มมาจากการที่ประเทศอังกฤษเกิดโรคที่เรียกว่า เพลากรา(Pellagra) อาการของโรคนี้คือ เป็นโรคผิวหนัง ต่อมามีอาการท้องเดิน ในที่สุดก็จะมีอาการทางประสาทถึงขั้นเสียสติและตายไปในที่สุด ซึ่งในสมัยโบราณโรคนี้ไม่มีทางหายได้ ต่อมานักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ โกลเบอร์เกอร์(Goldberger)ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแบคทีเรีย ได้วิจัยโรคนี้ ซึ่งเขาได้สังเกตเห็นว่า ผู้ที่ป่วยโรคนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีฐานะยากจนที่ไม่สามารถกินอาหารจำพวกเนื้อ นม ไข่ ได้เขาจึงสรุปผลออกมาว่า โรคนี้เกิดจากการที่ขาดสารอาหาร ต่อมาเขาทำการทดลองให้อาสาสมัครกินอาหารประเภทเดียวกันกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเพลากรา และเมื่ออาสาสมัครเหล่านั้นเป็นโรคแล้ว เขาก็ทำให้หายโดยให้กินเนื้อสัตว์ นม และยีสต์ เมื่อผลเป็นเช่นนี้ ผู้คนจึงยอมรับว่า ยังมีวิตามินบีอีกชนิดหนึ่งอยู่ในอาหาร ภายหลังเรียกวิตามินนี้ว่า ไนอาซิน สามารถรักษาโรคเพลากราให้หายได้ ไนอาซินมีมากในตับและไต
- หน้าที่ของไนอาซิน
- ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
- นำไปใช้กับวิตามินชนิดอื่นๆเช่น วิตามินซี รักษาโรคชิโซฟรีเนีย
-  สามารถใช้ในการักษาโรคปวดศีรษะแบบไมเกรนไดผล
-  ความต้องการไนอาซิน
ควรได้รับวันละ 20 มิลลิกรัม การได้รับไนอาซินมากเกินไปไม่มีผลเสียต่อร่างกาย เพราะสามารถขับถ่ายออกมาได้ อาหารที่มีไนอาซินได้แก่ ไก่ ยีสต์ ถั่ว ตับ ไต หัวใจ
วิตามินบี6 มีชื่อทางเคมีว่า ไพริดอกซิน(Pyridoxin) ความสำคัญของวิตามินบี6 มีดังนี้ คือ
-  ใช้ในการผาผลาญกรดอะมิโนทริปโตเฟนในร่างกาย
- หากขาดจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ง่าย เพราะวิตามินบี6จะช่วยในการเผาผลาญคอเลสเตอรอลอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน
- ผู้ที่มักขาดวิตามินบี6 ได้แก่ สตรีที่กินยาคุมกำเนิด สตรีที่อยู่ในช่วงของการมีประจำเดือน และหญิงมีครรภ์
-  อาหารที่มีวิตามินบี6 ไก่ ยีสต์ ถั่ว ตับ ปลา ไก่ กล้วย ข้าวแดง ฯลฯ
วิตามินบี12 มีอยู่ในอาหารจากสัตว์ เช่น ตับ(มีวิตามินบี12มากที่สุด) นม ไข่ เนย วิตามินนี้มีอยู่ในพืชน้อยมาก ความสำคัญของ วิตามินบี12 มีดังนี้
-  มีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง
-  มีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท
-  มีส่วนในการสร้างกรดนิวคลีอิค(nucleic acid) ซึ่งเป็นพื้นฐานของกรรมพันธุ์
-  มีส่วนช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต
-  มีส่วนช่วยให้ร่างกายนำไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ไปใช้ได้อย่างสมบูรณ์
-  มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท
- ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ คือ มีความต้านทานต่อโรค มีน้ำหนักและส่วนสูงมากกว่าปกติ
วิตามินอี วิตามินอีได้มาจากพืชในธรรมชาติ ประโยชน์ของวิตามินอีมีดังนี้
-  ช่วยในการลดปริมาณคลอเลสเตอรอลที่ค้างอยู่ในหลอดเลือดในมนุษย์และสัตว์
- ช่วยบำบัดโรคหัวใจ
-  ช่วยในการป้องกันอันตรายจากโอโซนในบรรยากาศ
-  ใช้ในการรักษาโรคเลือดออกใต้ผิวหนัง
เกลือแร่
ร่างกายมีเกลือแร่ 4% ของน้ำหนักร่างกายทั้งหมด เกลือแร่ที่ร่างกายต้องการมีดังต่อไปนี้
แคลเซียม เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ และหัวใจ เป็นธาตุที่จำเป็นในการแข็งตัวของเลือด มีอยู่มากในนม และเนื้อสัตว์ประเภทที่กินได้ทั้งกระดูก เช่น กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร และทารกที่กำลังเจริญเติบโตไปจนถึงวัยรุ่นควรกินแคลเซียมมากกว่าปกติ
เหล็ก เป็นตัวนำออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย เป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดงในส่วนที่เรียกว่า ฮีโมโกลบินซึ่งเป็นตัวพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และพาคาร์บอนไดออกไซด์กลับไปยังปอดเพื่อขับถ่ายออกในรูปการหายใจ ในประเทศร้อน เมื่อเหงื่อออกมาก อาจมีการสูญเสียเหล็กออกไปกับเหงื่อได้ อาหารที่มีเหล็กมากได้แก่ เครื่องในสัตว์ ถั่วเมล็ด ผักใบเขียวบางชนิด
ไอโอดีน ส่วนใหญ่ไอโอดีนจะอยู่ในต่อมไทรอยด์ ซึ่งอยู่ที่คอส่วนล่าง ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อ มีหน้าที่สังเคราะห์ฮอร์โมนไทรอกซิน ถ้าหากร่างกายมีการขาดไอโอดีนตั้งแต่เด็ก จะทำให้เป็นโรคเอ๋อ ร่างกายแคระแกร็น และเป็นโรคคอพอก อาหารที่มีไอโอดีนได้แก่ อาหารทะเล และเกลืออนามัย วัยรุ่น หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตรต้องการไอโอดีนสูง
แมกนีเซียม มีมากในอาหารหลายชนิด เช่น ถั่ว ข้าวแดง ข้าววีท ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ผักใบเขียว(หากหุงต้มนานเกินไปจะทำให้แมกนีเซียมหลุดออกไปหมด) แมกนีเซียมมีประโยชน์ดังนี้
-  ทำงานร่วมกับแคลเซียม หากร่างกายขาดแมกนีเซียม ฟันจะไม่แข็งแรง
-  การที่ร่างกายมีแมกนีเซียมต่ำ จะทำให้ความดันโลหิตสูง และเป็นโรคหัวใจ
-  ผู้ใหญ่จะต้องการแมกนีเซียมประมาณ 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน
ซีลีเนียม เป็นธาตุที่มีสมบัติเหมือนกำมะถัน ร่างกายต้องการซีลีเนียมน้อยมาก หากได้รับมากเกินไปจะเป็นอันตราย 
-  อาหารที่มีซีลีเนียมมาก ได้แก่ ข้าวสาลี ตับ ไต ปลาทูน่า ประโยชน์ของซีลีเนียมมีดังนี้
-  มีการทำงานสัมพันธ์กันกับวิตามินอี ซึ่งมีผลในการป้องกันโรคหัวใจ
-  เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อว่า ซีลีโนโปรตีน เอนไซม์นี้ป้องกันไม่ให้สารพิษชื่อว่า ฟรีแรดิกัล เกิดขึ้นใน
-  ร่างกายมนุษย์
- ช่วยลดการแพ้เคมีภัณฑ์ต่างๆได้
-  ช่วยลดการแพ้มลพิษจากอากาศ
-  ช่วยป้องกันโรคมะเร็งหลอดอาหาร
สังกะสี เป็นธาตุที่เราต้องรับเป็นประจำในปริมาณที่น้อยมาก เพราะถ้ามากเกินไปก็จะก่อให้เกิดอันตราย อาหารที่มีสังกะสีมาก ได้แก่ ตับ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่ว หอยนางรม ประโยชน์ของสังกะสีมีดังนี้
-  หากกินอาหารที่มีสังกะสีในปริมาณต่ำมาก จะทำให้เจริญเติบโตช้า ขนร่วง
- มีความสำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน
- เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์อินซูลิน ซึ่งช่วยในการเผาผลาญน้ำตาลที่เรากินเข้าไป ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวาน ร่างกายจะมีสังกะสีต่ำกว่าคนปกติ
-  หากขาดจะเป็นโรคตาบอดสี(เรตินาในตาของคนจะมีสังกะสีอยู่ในปริมาณสูง)
-  ช่วยเพิ่มให้รู้สึกว่าอาหารหวานยิ่งขึ้น ทำให้คนกินหวานน้อยลง
-  บำรุงรักษาผิวหนัง และสิวฝ้า
โครเมียม ร่างกายต้องการน้อยมาก ถ้าได้รับมากเกินไปก็จะเกิดอันตราย อาหารที่มีโครเมียมมาก ได้แก่ ไข่แดง ตับ หอย มันเทศ ยีสต์หมักเหล้า ประโยชน์ของโครเมียมมีดังนี้
-  ช่วยในการเผาผลาญน้ำตาล
-  ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน



Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 5:46:25 น. 0 comments
Counter : 2765 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

chiangmai4u
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add chiangmai4u's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.