มิถุนายน 2558

 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Italy [Review] Part 10: Murano & Burano one day trip ชมเครื่องแก้วและตึกสีลูกกวาด
Murano and Burano

 2 เกาะฟรุ้งฟริ้ง ชอปปิ้งเครื่องแก้วและผ้าลูกไม้ พลัสเซลฟี่จุใจกับตึกสีลูกกวาด



blog ก่อนหน้า
Italy [Review] Part 1: Get Ready! จะไปอิตาลี รู้รึยัง?

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้ Jellyjourney จะพาไปเที่ยวเกาะกัน เกาะที่ว่าคือ เกาะ Murano (มูราโน่) และ Burano (บูราโน่) นั่นเอง

ขอเกริ่นก่อนว่า เกาะท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆเกาะเวนิสนั้นมีทั้งหมด 4 เกาะด้วยกัน คือ Murano Burano Torcello และ The Lido ซึ่งแต่ละเกาะก็จะมีความสวยงามตามแบบของมัน การท่องเที่ยวไปเกาะต่างๆนั้น เพื่อนๆสามารถท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง โดยการนั่งเรือไปทีละเกาะที่สนใจ หรืออีกวิธีหนึ่งก็ซื้อ one day tour ที่มีให้เลือกมากมายทั้ง 1 วัน 4 เกาะ ครึ่งวัน 3 เกาะ และอื่นๆ ซึ่งวิธีนี้เพื่อนๆจะไม่ต้องวุ่นวายไปหาเรือ รอเรือ สามารถที่จะเก็บครบทุกเกาะหมดได้ใน 1 วัน แต่ก็ต้องแลกมากับราคาที่จะสูงขึ้นกว่าซื้อตั๋วเอง และจะไม่มีโอกาสอ้อยอิ่งอยู่ที่เกาะใดเกาะหนึ่งเพราะมันมีเวลากำหนดไว้ค่ะ

หลังจากตกลงกับผู้ร่วมเดินทางแล้ว Jellyjourney ตัดสินใจไปแค่ 2 เกาะ Murano และ Burano นี้ เพราะมีเวลาแค่ครึ่งวัน และอยากเที่ยวแบบชิลล์ชิลล์มากกว่า อยากหยุดตรงไหน อยากแวะชอปปิ้ง หรือทานข้าวตรงไหน ก็ flexible ค่ะ ตามมาเที่ยวกันเล้ยยยย....

11.30: Murano Smiley

เราเริ่มจากการไปเกาะ Murano ก่อน การเดินทางจากเวนิสไปมูราโน่ ถ้าต่อเดียวต้องไปขึ้นเรือสาย 4.2 ที่ท่า Fondamente Nove ซึ่งเป็นท่าที่อยู่ค่อนข้างไกลจาก Piazza San Macro ค่ะ ดังนั้นเราจึงไปขึ้นเรือเบอร์ 4.2 ที่ท่า S.Zaccaria ก่อน ซึ่งท่านี้จะอยู่ริมน้ำใกล้ๆ Doge’s Palace เลย ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาทีในการไป Murano ค่ะ ขอบอกว่าคนเยอะมากๆ วันนั้นต้องรอเรือตั้ง 3 ลำกว่าจะได้ขึ้น แถมขึ้นไปไม่มีที่นั่งอีกค่ะ 

ท่าเรือบนเกาะ Murano มีหลายท่า เช่น Colonna, the Faro, Navagero, และ Museo แต่ละท่าจะใกล้สถานที่สำคัญไม่เหมือนกัน ถ้า Museo ก็จะใกล้ Glass Museum และ the Basilica of Santi Maria e Donato หรือ Colonna ก็จะใกล้แหล่งสาธิตการเป่าแก้ว... วันนั้นเราไม่มีเป้าหมายอะไรค่ะ อยากเดินดูเกาะทั่วๆไป จึงลงที่ท่าเรือแรกคือท่า Faro เลย คนอื่นๆในเรือก็ลงกันเกือบหมดเช่นกันค่ะ

Murano เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องแก้วมาก ผลิตภัณฑ์เครื่องแก้วจาก Murano นี้ก็โด่งดังไปทั่วโลก เพื่อนๆรู้มั๊ยเอ่ยว่าทำไม Murano ถึงมีชื่อเสียงในด้านนี้ สมัยก่อนเกาะนี้ก็เป็นเกาะธรรมดาที่มีรายได้จากการจับปลา การผลิตเกลือและการเป็นท่าเรือสำหรับค้าขายค่ะ ต่อมาในปี 1291 ผู้ปกครองของเวนิสก็เกิดหวาดกลัวการทำงานของช่างเป่าแก้วขึ้นมาว่าจะทำให้เกิดไฟไหม้ เนื่องจากช่างเป่าแก้วต้องใช้ไฟในการหลอมแก้ว และบ้านบนเกาะเวนิสก็ทำจากไม้ทั้งนั้น ดังนั้น ช่างเป่าแก้วจึง “ถูกไล่” ให้ไปอยู่บนเกาะ Murano นั่นเอง จนในปัจจุบันนี้การผลิตเครื่องแก้วก็เป็นอาชีพหลักของคนบนเกาะ Murano ไป

บรรยากาศบนเกาะ Murano นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรค่ะ




ภาพกว้างกันบ้าง





แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Ristorante Dalla Mora ร้านบรรยากาศดีค่ะ คนทานเยอะดี มีส่วนที่เป็น outdoor ด้วย คนอื่นเค้าแย่งกันนั่งตากแดดค่ะ ส่วนเราหน่ะหรอ.. indoor โลด (แนะนำว่าให้หาอะไรทานที่ Murano นะคะ เพราะว่าที่ Burano ไม่ค่อยมีร้านอาหารเลย)

ซุปทะเล รสชาติแบบอยากจะถามว่า..พี่ไปจับกุ้งจากทะเลมาเมื่อกี้รึปล่าวคะ? รสชาติเหมือนน้ำทะเลเลยค่ะ สดมาก อร่อยดีนะ


สปาเกตตี้เพิ่มพลังงาน


Calamari ปลาหมึกชุบแป้งทอด จานนี้อร่อยมาก


ประติมากรรมจากแก้ว รูปทรงแปลกบนเกาะ



ไม่ได้ถ่ายรูปของที่เค้าขายมาเลยเพราะแทบจะทุกร้านห้ามถ่ายรูปค่ะ โดยรวมแล้วเครื่องประดับจากแก้วก็สวยดีนะคะ นอกจากนั้นยังมี Chandelier ด้วย สวยมากและแพงมาก ถ้าใครสนใจซื้อเค้าก็มีบริการ ship กลับประเทศไทยเลย

แอบถ่ายคนตากผ้า



ได้เวลาไปเกาะต่อไปแล้วค่ะ เรากลับไปที่ท่าเรือเดิม แล้วนั่งเรือเบอร์ 12 ไป Burano ต่อ

15.00: Burano Smiley


บอกตามตรงเลยว่ามา Burano เพื่อถ่ายรูปค่ะ รูปบ้านหลากสีที่เคยเห็นคนอื่นเค้าถ่ายกันมันคือที่นี่!! พลาดไม่ได้ที่ Jellyjourney จะต้องมาเยี่ยมชมซักหน่อย นั่งเรือประมาณ 35 นาทีจาก Murano ยืนอีกตามเคยจ้า คนจะเยอะไปไหนนะ

Burano เป็นเกาะเล็กๆ มีประชากรแค่ประมาณ 2,800 คนเอง Burano มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าลูกไม้ถักมือซึ่งเริ่มถักกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 แต่ปัจจุบันหาผ้าลูกไม้ที่ถักด้วยมือยากมากแล้ว แม่ค้าหันมาใช้เครื่องจักรกันหมด เนื่องจากถักมือมันใช้เวลานาน ทำให้ลูกไม้ถักมือราคาก็แพงมากค่ะ ร้านค้าในเกาะนี้ก็จะขายของทำมือน่ารักๆ แอบมีร้านขายเครื่องประดับทำจากแก้วด้วย ดูไปดูมาน่ารักกว่าบนเกาะ Murano อีกแหน่ะ

ทัศนียภาพบนเกาะนี้มันช่างน่ารักฟรุ้งฟรึ้งมุ้งมิ้งสุดๆค่ะ มองไปทางไหนก็เห็นบ้านสีลูกกวาด สีนี่แทบไม่ซ้ำกันเลยนะ ที่ไม่ซ้ำกันนี่ก็เพราะว่าหากเจ้าของบ้านอยากทาบ้านสีอะไร ต้องทำเป็นหนังสือขออนุญาตจากเจ้าหน้าเลยนะคะ! บอกเลยว่าถ้าชอบถ่ายรูปนี่ให้มาเกาะนี้...ฟินสุดๆ ไม่พูดมากและ ดูจากภาพกันเลยดีกว่า






รูปสุดท้ายที่ Burano


ถ่ายรูปจนเหนื่อยก็ได้เวลากลับเวนิสค่ะ นั่งเรือสาย 12 ไปเวนิสเหมือนเคย ใช้เวลาประมาณ 34 นาทีถึง Fondamente Nove แล้วก็ต้องต่อเรือกลับท่า S. Zaccaria อีก เล่นเอาเหนื่อยไปเลยค่ะ..กลับถึงห้องพักสลบเลย พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปมิลาน our last destination!! ฝากติดตาม blog สุดท้ายของ Italy Trip ด้วยนะคะ


ฝากติดตามตอนต่อไปค่ะ

Day 10 : Milan (Duomo and Santa Maria Church for “The Last Supper”) here

ความเดิมตอนที่แล้ว



Create Date : 14 มิถุนายน 2558
Last Update : 25 มิถุนายน 2558 21:50:45 น.
Counter : 16289 Pageviews.

3 comments
  

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาตามเที่ยวด้วยคน บ้านเรือนเขาสีสวยมาก ๆ เลยครับ จงใจทาสีสวย ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพแน่ ๆ ดูบรรยากาศแล้วเหมือนในหนังฝรั่งเลยครับ ที่มีแล่นเรือไนคลองด้วย

โหวตให้ครับ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
jellyjourney Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 15 มิถุนายน 2558 เวลา:22:34:19 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 16 มิถุนายน 2558 เวลา:3:54:53 น.
  
สวยมากๆ ค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 17 มิถุนายน 2558 เวลา:17:10:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jellyjourney
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อ เยลลี่ นะคะ blog นี้สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการไปเที่ยวของเรากับเพื่อนๆทุกคน เข้ามาเยี่ยมชม มาคุยกัน หรือมีอะไรติชมแนะนำกันได้นะคะ

Facebook page: Jellyjourney

follow my Instragram @JELLYJOURNEY for extraordinary pics in my ordinary life
+++ Please stay tuned for "Norway" trip +++