Bloggang.com : มาเรีย ณ ไกลบ้าน : A Place We Stand - 3 สิ่งก่อสร้างรูปทรงเก๋ไก๋ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังที่หาดวอนนภา บางแสน

A Place We Stand - 3 สิ่งก่อสร้างรูปทรงเก๋ไก๋ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังที่หาดวอนนภา บางแสน

วันก่อนไปนอนเล่นที่พัทยาสองคืน ขากลับได้แวะบางแสนก่อนกลับกรุงเทพ บรรยากาศของบางแสนไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ร่มเยอะ คนเยอะ ไก่ย่าง แต่เป็นระเบียบดี ถือว่าเป็นชายหาดที่อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุดแล้วมั้ง

ขับรถไปเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้ายไปหาดบางแสนล่างหรือหาดวอนนภา ไม่เคยมาหาดนี้เลยซักครั้ง ปรกติจะเลี้ยววนขวาตลอด สุดหาดวอนนภามีหมู่บ้านชาวประมง เรือประมงจอดริมฝั่งเยอะแยะ เหมือนไม่ใช่บรรยากาศแถวบางแสน พัทยาเลยค่ะ สุดหาดตรงนี้มีสนามเด็กเล่นและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกตาอยู่ 3 อย่าง เหมือนในโฆษณาที่เคยเห็น ลงไปดูและอ่านรายละเอียดดูก็ทราบว่าเป็นโครงการที่ปูนตราช้าง สร้างไว้ให้เป็นสาธารณะประโยชน์และมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมคุณภาพที่อยู่อาศับให้กับชุมชนและเพื่อสร้่างแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่และวงการสถาปัตยกรรมไทยซึ่งได้แก่ห้องสมุด คอหอย สนามผู้ใหญ่ และศาลาอเนกประสงค์ ริมทะเล ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของเมืองไทยทั้งสิ้นค่ะ โดยใช้ชื่อโครงการว่า A Place We Stand 100 ปี ตราช้าง

แนะนำให้ไปช่วงบ่ายคล้อยนะคะ แสงสวยมาก แล้วรอพระอาทิตย์ตกเลยจะยิ่งชิลล์

บางแสนมากๆๆ ร่มเต็มหาด นักท่องเที่ยวมากมายแต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

ถนนสุดหาดวอนนภาที่นี่ค่ะ

เดินอ้อมไปหน่อยจะสามารถไปเดินเล่นที่สะพานปลาได้นะคะ ยามเย็นผู้คนออกมานั่งตกปลากันมากมายเลย

หมู่บ้านชาวประมงวิถีเดิมๆดูขัดแย้งกับคอนโดสูงด้านหลังจังเลย

สนามเด็กเล่นที่สวนสาธารณะริมทะเล ชิลล์ดีเหมือนกัน

มองกลับไปอีกด้าน ทางฝั่งบางแสน ที่ตอนนี้มองไม่เห็นหาดทรายแล้ว สงสัยน้ำจะขึ้น

ห้องสมุดรูปทรงสี่เหลี่ยมโปร่งแสง ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบโดยคุณดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดังกับแนวคิด Less for read ที่มีชื่อว่า Live for Reading Room ที่ต้องการให้ห้องสมุดเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและกลมกลืนกับวิถีชุมชน สามารถมองเห็นทะเลและเห็นร่มเงาของต้นไม้ สามารถสัมผัสถึงสายลมเย็นที่พัดผ่านโครงสร้างการออกแบบที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย โดยวัสดุที่สร้างขึ้นด้วยแผ่นโปร่งแสงตราช้างทั้งผนังทั้ง 2 ด้านและฝ้าหลังคาทำให้มีแสงธรรมชาติส่องผ่านทำให้ประหยัดพลังงานไม่ต้องเปิดไฟ และโปร่งเบา ไม้ก็มาจากป่าปลูกและปูนตราช้างทนน้ำทะเลที่มีคุณสมบัติทนการกัดกร่อนของสารซัลเฟตและต่อต้านของการซึมผ่านของสารคลอไรด์ที่มาจากทะเลได้ดีเลยค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีหนังสือมากนัก แต่เชื่อว่าต่อไปเมื่อมีหนังสือเต็มแล้วน่าจะดึงดูดเยาวชนให้เข้ามาอ่านหนังสือกับบรรยากาศห้องสมุดริมทะเลสุดชิลล์ที่ไม่เหมือนใครในประเทศ น่าอิจฉาคนที่นี่จริงๆเลยค่ะ

ประดูทำจากไม้สนจากป่าปลูกค่ะ เปิดเป็นบานพับใช้งานง่ายเลย

ชั้นวางหนังสือยังโล่งมากๆ เพราะไปมาตอนเพิ่งเปิดได้สองวัน อิอิ

ศาลาเอนกประสงค์ที่หันหน้าออกทะเลคือ The Flow ซึ่งออกแบบโดยคุณทวิตีย์ วัชราภัย เทพาคำ ซุ่งแผ่นพื้นถูกยกขึ้นมาให้คล้ายกับกระดาษพับเพื่อเปิดให้เป็นพื้นที่ไหลลื่นสำหรับกิขกรรมที่หลากหลาย พื้นบางส่วนถูกยกขึ้นให้เป็นเหมือนโต๊ะ เป็นที่นั่ง ดูคล้ายๆกับเวทีขนาดย่อม ที่นั่งชมคอนเสิรต์หรืออัฒจันทร์ดูกีฬา ดูแล้วเหมือนลานการแสดงริมทะเล ต่อไปน่าจะมีการแสดงของเด็กๆนักเรียนหรือน้องๆนักศึกษา หรือไม่ก็อาจจะเป็นวัยรุ่นมาฝึกเล่นกีฬาแนว extreme แล้วมีที่นั่งให้คนมานั่งชมชิลล์ๆเพลินๆกันที่ริมทะเลอีกด้วย อ้อ มานั่งเล่นที่นี่ได้ชมพระอาทิตย์ตกทะเลกันด้วยนะคะ มุมดีจัง ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้่าง The Flow นี่ก็จะให้เป็นที่รวมตัวทำกิจกรรมที่ว่านั่นแหล่ะค่ะ อาคารโปร่งโล่ง ลมพัดเย็นสบาย สะดุดตาด้วยหลังคาโปร่งแสงสีส้มตราช้าง ดูมีแสงเงาที่สวยงามค่ะ

สิ่งปลูกสร้างสีแดงหน้าตารูปทรงแปลกตาและสะดุดมาก ไม่รู้จะเรียกอะไรดี จะเป็นหอคอยไม่ใช่ ตึกก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่ใช่ทั้งนั้นเพราะนี่คือคือสนามผู้ใหญ่เล่นค่ะ (เข้าใจคิดจริงๆ)ซึ่งออกแบบโดยคุณปิตุพงษ์ เชาวกุล ซึ่งมีชื่อว่า The Labyrinth ซึ่งสามารถเป็นทั้งที่เดินเล่นชมวิวทั้งของผู้ใหญ่และเด็ก เดินเล่นขึ้นลงออกกำลังกายไปในตัว ตอนไปเห็นคนทั้งสองวัยมาเดินเล่นขึ้นลงเพื่อชมวิวกันค่ะ ลักษณะรูปทรงของ The Labyrinth จะคล้ายๆกับเขาวงกตนะคะ เดินวนกันงงๆเป็นการออกแบบที่มีชั้นเชิงมาก เก๋ไก๋ทีเดียวค่ะ ใครที่มาบางแสนแล้วอยากจะชมวิวในมุมสูงซักนิด แนะนำให้มาชมวิวที่นี่เลยค่ะ เราสามารถจะชมวิวได้รอบ 360 องศาเลยค่ะ ลักษณะโครงสร้างดูแข็งแรงทนทานเพราะสร้างด้วยปูนตราช้างจาก SCG สามารถวิ่งเล่นกันได้อย่างมั่นใจในความแข็งแรงทนทานเลยล่ะค่ะ