Bloggang.com : jackfruit_k : All You Need Is Kill

All You Need Is Kill - Edge of Tomorrow

--- SPOILER ALERT ---
เรื่อง All You Need Is Kill
ฮิโรชิ ซากุระซากะ เรื่อง, เรียวสึเกะ ทาเคอุจิ สตอรี่บอร์ด, โยชิโทชิ อาเบะ ออกแบบตัวละคร, ทาเคชิ โอบาตะ ภาพ

โลกถูกสัตว์ประหลาดต่างดาวที่เรียกกันว่ามิมิคบุก มนุษย์สู้ได้บ้างโดยใช้ชุดรบของทหาร อาวุธที่ใช้ก็มีปืนกลขนาน 20 มม. เครื่องยิงจรวด หรือ กระสุนระเบิดอากาศเชื้อเพลิง (fuel-air explosive bomb) ใช้ได้ไม่ค่อยดีนัก ที่ใช้ได้คือปืนเจาะเกราะที่หัวเจาะทำจากทังสเตนคาร์ไบด์ แต่เป็นอาวุธระยะประชิด และกระสุนมีเพียงยี่สิบนัด ญี่ปุ่นที่ผลิตเกราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ กองทัพพันธมิตรจึงส่งหน่วยรบพิเศษของอเมริกาที่นำโดยนังหมาบ้าแห่งสนามรบ ริต้า วราทัสกี้ ผู้สวมชุดรบสีกันเมทัลลิคเรดและใช้ขวานสงครามที่เก่งที่สุดในโลกมาช่วยเสริมกำลังที่ฐานทัพฟลาวเวอร์ไลน์ บนแหลมโบโซ

คิริยะ เคย์จิ เป็นทหารใหม่ ในการรบครั้งแรกถูกฆ่าตาย แต่ก็ตื่นย้อนเวลากลับมาตอนเช้าวันก่อนหน้าโดยไม่เสียความทรงจำ หลังจากผ่านไปห้าลูป คิริยะก็ตั้งใจสะสมประสบการณ์ต่อสู้ โดยฝึกกับสิบเอก บาร์โธโลเม เฟอร์เรล ก่อน ฝึกการโจมตีที่ลูปสิบสาม หัดใช้ขวานที่ลูปสี่สิบเจ็ด แต่เมื่อผ่านไปสภาพจิตใจและร่างกายก็แย่ลงโดยเฉพาะอาการปวดหัวรุนแรง จนเมื่อถึงลูปที่หนึ่งร้อยห้าสิบแปดก็กลายเป็นเครื่องจักรกลสังหารที่ริต้าถามว่าย้อนกลับมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว เรื่องคือริต้าก็เคยถูกจับอยู่ในลูปถึง 211 ครั้งก่อนที่จะหาทลายออกมาได้ ลูปเวลานี้มาจากมิมิคที่ย้อนเวลาด้วยอนุภาคแทคิออนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ ซึ่งต้องฆ่าตัวส่งสัญญาณ ตัวแบ็คอัพ และตัวเซิร์ฟเวอร์จึงจะออกจากลูปได้ ...

สำหรับเรื่องนี้ จขบ. ยังไม่ได้ดูภาพยนต์ 'Edge of Tomorrow' เลย เท่าที่อ่านก็เป็นการ์ตูนแอคชั่นหุ่นรบที่ปกติ จขบ. ไม่ค่อยอ่านด้วยเหตุผลที่งงเล็กน้อยและไม่อินกับอาวุธทั้งหลาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ด้วย อย่างปืนเจาะเกราะทำไมต้องประชิดตัว? แต่ก็เข้าใจว่าจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขเพื่อขวาน -_-" ลายเส้นแค่เห็นชื่อก็การันตีความเทพ ^^ ความชอบในภาพรวมหลังจบเล่มแรกคืออ่านได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ประทับใจเป็นพิเศษ แต่สำหรับเล่มสองรู้สึกว่าทำได้น่าสนใจดี มีแรงกระทบและการใช้สัญลักษณ์แบบเรื่องสั้นไซไฟที่เข้าท่าในระดับแนวหน้าเลยค่ะ ทำให้คิดอยากหานิยายมาอ่านดูบ้าง

[01/07/14, 14/08/14]

All You Need Is Kill
Original Story by Hiroshi Sakurazaka, Translated by Alexander O. Smith

เนื้อหาหลักก็ตามการ์ตูน โดยส่วนของ Keiji Kiriya จะเป็นการเล่าแบบบุคคลที่หนึ่ง แต่ของ Rita Vrataski เป็นแบบบุคคลที่สามจะทำให้ดูลักลั่นไปบ้างเมื่อมองในภาพรวม แต่เวลาอ่านแทบไม่รู้สึกเนื่องจากบท (หรือจะเรียกเป็นภาคยังไหว) ที่ยาวสุดๆ เลย นิยายมีรายละเอียดเยอะกว่ามาก ทำให้หายสงสัยไปได้หลายจุด แต่เรื่องการใช้ Jacket พร้อมขวานและการย้อนเวลาก็ยังงงอยูดี (จขบ. ชอบแบบ trouser of time มากกว่าค่ะ)

ตามความคาดหมายเลยค่ะว่าอ่านหนังสือต้นฉบับแล้วจะชอบกว่าการ์ตูน รายละเอียดประกอบและอารมณ์รู้สึกได้เด่นชัดกว่าค่ะ เนิ้อหาบางส่วนก็ไม่มีในการ์ตูน โดยเฉพาะเรื่องของตัวประกอบสำคัญ (อย่าง Bartolome Ferrell) แน่นอนว่าที่ไม่สำคัญก็เห็นบุคลิกชัดเจนขึ้น มีที่มาจากนอกโลกของ Mimic สภาพบนโลกทั้งสังคม/การเมือง การย้อนเวลาต่างๆ อาวุธยุทโธปกรณ์ และเหล่าคำสบถสาบานที่มาเป็นชุดยักษ์ และการจบเรื่อง

แต่การที่รายละเอียดในนิยายมากกว่าทำให้เริ่มสงสัยเรื่องอื่น อย่างแหล่งวัตถุดิบที่ใช้ในอาวุธยุทโธปกรณ์ (เช่นโรงงาน Jacket ที่ญี่ปุ่นซึ่งไม่ค่อยมีทรัพยากรอะไร) หรือการสร้างลิงก์จากการฆ่าในครั้งแรก (ที่คิดว่าเหมือนเป็นกรรมไปนิด คือเหตุผลในการถูกลากเข้าลูปโดยเฉพาะไม่เคลียร์ คนที่อยู่ใกล้คนอื่นล่ะ นอกจากนั้นกลไกในรอบถัดมาที่ทำให้ลูปไม่สิ้นสุดด้วย) หรือทำไม Mimic ต้องสร้างร่างให้ใหญ่ด้วยหรือมีการแพร่พันธุ์หรือไม่อย่างไร (คือถ้าแบ่งตัวได้มองไม่เห็นเลยว่าจะฆ่ากันอย่างไรถึงจะหมด ถ้าจำกัดจำนวนเท่าที่ลงมาตอนต้นค่อยพอมีลุ้นหน่อย)

สรุปว่าเรื่องนี้สนุกดีค่ะ ชอบเล่มนิยายมากกว่า แต่การ์ตูนก็รวมแก่นของเรื่องครบใช้ได้นะคะ คือถ้าไม่ได้อ่านนิยายก็คงไม่ได้รู้ว่าอะไรขาดหายไปอย่างเด่นชัด อย่าว่าแต่การ์ตูนอาจวาดจุดเล็กจุดน้อยไว้ซึ่งไม่สังเกตเอง แถมลายเส้นยังเทพซะขนาดนี้ ^_^ ส่วนการแปลก็ดี อ่านได้เรียบลื่น (พร้อมคำสบถสาบาน) มีจิกกัดพองาม 555 ขอให้เล่มนี้ตอบ Reading Bingo Challenge 2014 แบบ YA ข้อทำเป็นภาพยนต์นะคะ

[31/08/14]

เรื่อง Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
นำโดย ทอม ครูซ และ เอมิลี่ บลันท์

จขบ. นับได้ว่าเป็นพวกแปลกที่ดูหนังสุดท้ายนะคะ รู้สึกว่ามีการดัดแปลงเนื้อเรื่องให้เป็นหนัง Hollywood ที่เนียนดีค่ะ คือมิมิคบุกจากกลางทวีปยุโรป เหตุการณ์หลักในเรื่องเป็นการบุกที่หาดฝรั่งเศส (มีการรวมฝูงบินและลงหาดที่ทำให้นึกถึงภาพยนต์สงครามโลกครั้งที่สองมากเลย ถึงขนาดมีฉาก White Cliffs of Dover ด้วยนะ) มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวมิมิคพิเศษเป็นอัลฟ่าและโอเมก้าที่ง่ายกว่าเดิม การได้พลังย้อนอดีตก็ไม่มีเรื่องปวดหัวคือได้เลือดมิมิคอัลฟ่ามา และจะเสียพลังเมื่อมีการถ่ายเลือด ทำให้เวลาที่เคจเจ็บหนักตอนซ้อมหรือเกิดเรื่องต่างๆ โดนริต้ายิงตายเอาบ่อยมาก 555

แน่นอนว่าฉากบู๊กระจาย มิมิคค่อยดูน่ากลัวมากหน่อย (ที่อ่านมาไม่รู้สึกเท่าไหร่ โดยเฉพาะการ์ตูนที่ดูออกน่ารักกลมๆ ด้วยซ้ำ) แต่รู้สึกว่านางเอกดูจะฝีมืออ่อนกว่าที่เคยอ่านนะคะ สีแดงที่ทาเกราะก็ดูเหมือนพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนขวานเป็นใบพัดแทนมั๊ง ซึ่งก็ดูเข้าท่าดีนะคะ ระดับความสำคัญก็ลดไปมากแทบไม่เหลือ เฟอร์เรลนี่ความเท่ลดลงไปเยอะด้วย ส่วนช่างก็กลายเป็นผู้ชายไปเลย มีแต่เคจเท่านั้นแหละที่ดูเหมือนในนิยายหน่อย

สรุปสุดท้ายคือ จขบ. ว่าสนุกดีนะคะ เรื่องจบแบบเด็ดขาดแฮ๊ปปี้ด้วย แต่เรื่องความซาบซึ้งประทับใจสู้ในเล่มไม่ได้ (อาจเพราะมันโศกขนาดนั้น) แต่ยังไงก็ชอบกว่า 'Godzilla' เยอะนะคะ อ้อ ตอนดูแผ่นพากษ์ไทยรู้สึกว่าไหงแปลออกมาได้แย่งั้นล่ะ อย่างมี 'เราแพ้เยอรมัน เราแพ้ฝรั่งเศส' ที่ลองคิดดูแล้วน่าจะเป็น 'เสีย' ไม่ใช่ 'แพ้' หรือ 'การตรึงกางเขนคือการหล่อหลอมวีรบุรุษ' ที่สงสัยมากเลยว่า script อังกฤษคืออะไร

[11/10/14]

ที่มา
[1] Hiroshi Sakurazaka, Ryosuke Takuchi, Yoshitoshi Abe, Takeshi Obata. All You Need Is Kill. NED Comics, 2 เล่มจบ, 2557 (ต้นฉบับ 2014).
[2] Hiroshi Sakurazaka (Alexander O. Smith translated). All You Need Is Kill. Haikasoru, 230 pages, 2009 (Original Japanese Publication in 2004).

Create Date : 01 กรกฎาคม 2557

Last Update : 19 ตุลาคม 2557 19:21:03 น.

3 comments

Counter : 4420 Pageviews.

ดูหนังแล้วและอ่านแล้วค่ะ หายากมากที่รู้สึกว่าหนังฮอลลีวูดสนุกกว่า การ์ตูนมันระทมหม่นหมองไงไม่รู้

โดย: Froggie

วันที่: 1 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:28:09 น.

ชแบภาพกับความโหดครับ แต่ก็ทำให้เข้าใจบางจุดในหนังเพิ่มมากขึ้นนะครับ

โดย: ปีศาจความฝัน

วันที่: 25 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:18:14 น.

หดอผทเ้้่ผแ

โดย: ผผผผผ IP: 113.53.123.211 วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:10:58:52 น.