Group Blog
 
 
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
บอร์ดิการ์รักพิทักษ์เทอร์ ตอนที่ 1

ดำเนินเรื่องโดย

การแข่งขันกีฬาเทควันโดรอบชิงชนะเลิศ ระดับภาคอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย ของ 2 สถาบันที่ผ่านเข้ารอบ เมื่อสิ้นเสียงประกาศให้นักกีฬาทั้งคู่ออกมาเผยตัว สร้างเสียงเชียร์ที่ดังอยู่โดยรอบให้ดังมากขึ้น และการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น ผลปรากฏ นักศึกษาไตรภูมิ เป็นผู้ชนะนักกีฬาต่างสถาบันด้วยคะแนนขาดลอย และเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะจบการศึกษาปริญญาตรี จากสถาบันแห่งนั้น

ในวันรับปริญญา แม่และน้องของเขาก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย

“แม่ยินดี แล้วก็ดีใจด้วยนะลูก ที่ลูกประสบความสำเร็จ” เพ็ญพรรณกล่าวกับลูกชายคนโตด้วยความปลื้มปิติยินดี

“ขอบคุณครับแม่” ไตรภูมิไหว้ขอบคุณแม่ของตน ก่อนจะโอบกอดเพ็ญพรรณด้วยความรัก

ไตรภูมิเดินเข้ามาภายในห้องของตน ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่ม พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มนึกถึงพ่อที่ไม่ได้เจอกันมา 20 กว่าปี

“พ่อฝากแม่แล้วก็น้องด้วยนะลูก ภูมิ” ผู้เป็นพ่อ บอกกับไตรภูมิ ซึ่งเวลานั้นชายหนุ่มยังเด็กอยู่มาก แต่ก็พอจะรับรู้ทุกอย่างได้ดี

“คราวนี้ พ่ออาจจะไปนานหน่อย จนพ่อเองก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน” เขาพูดพร้อมกับโอบกอด ลูกชายไว้แนบอก มองไปที่เพ็ญพรรณซึ่งกำลังอุ้มลูกชายอีกคนไว้แนบอกเช่นกัน เขาคลายอ้อมกอดจากบุตรชายคนโตด้วยน้ำตานองหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอลูกเมียได้อีกเมื่อไร เพราะการไปครั้งนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน

“แต่ที่พ่อต้องไป ก็เพราะความเป็นอยู่ของพวกเรานะลูก” เขาพูดกับลูกชายคนโต ก่อนจะเดินไปหาภรรยาของตนที่อุ้มลูกน้อยไว้แนบอก

“เพ็ญผมรักคุณนะ” เขาพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่อยู่บนแก้มของเพ็ญพรรณ

“เพ็ญก็รักคุณคะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะ”

“อืมม...” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะลูบแก้มทารกน้อยเบา ๆ

“พ่อไปแล้วนะนัท” เขาพูดก่อนจะก้มลงจูบแก้มทารกน้อยที่อยู่กับอกเพ็ญพรรณ และหันมาลูบศีรษะบุตรชายอีกคน ก่อนจะหิ้วกระเป๋าแล้วเดินไปที่รถแท็กซี่ ซึ่งมาจอดรออยู่นานแล้ว ก่อนจะหิ้วกระเป๋าขึ้นรถและหันมาโบกมือให้ 3 แม่ลูกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ แท็กซี่ จะเคลื่อนตัวออกไป

“แม่คับ พ่อไปไหนหรอคับ” ไตรภูมิหันไปถามแม่ เพราะสังเกตเห็นว่า การจากไปของพ่อนั้น ทำให้แม่ร้องไห้และเป็นทุกข์

“พ่อไปทำงานจ๊ะลูก เดี่ยวพ่อก็กลับ” เพ็ญพรรณพูดกับลูกโดยที่น้ำตาก็ยังไม่เหือดแห้งไป แต่ก็แซมด้วยรอยยิ้ม

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ ชายหนุ่มได้เห็นพ่อของตน เขานึกย้อนไปถึงเวลาในช่วงนั้น และยังจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดี แม้ตอนนั้นเขาจะยังเด็กอยู่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เรือนลางเต็มที คือใบหน้าของพ่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคนเคาะ

“พี่ภูมิ อยู่ เปล่า”

“นัทเหรอ เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อค” ชายหนุ่มบอกก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก

“ทำไรอยู่คราบบบบ บัณฑิตใหม่”

“นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ชายหนุ่มพูดโดยที่ไม่ได้หันมามองน้องชาย นัทเดินมานั่งใกล้ ๆ กับไตรภูมิแล้วจึงถามต่อ

“คิดเรื่องอะไรพี่ หน้าเครียดจัง” นัทถามด้วยความสงสัย

“พี่คิดเรื่องพ่ออยู่ ไม่รู้ตอนนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง”นัทแสดงสีหน้าครุ่นคิด

“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แม้แต่หน้าตาของพ่อผมยังไม่เคยเห็น หรืออาจจะเคยเห็นแต่ว่าจำไม่ได้” นัทพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า ไตรภูมิลุกขึ้นนั่งแล้วเอามือจับไหล่น้องชาย

“เฮ้ย...จำได้ก็แปลกแล้ว ตอนนั้นแกยังเป็นทารกอยู่เลยนี่หว่า” ไตรภูมิพูดพร้อมกับอมยิ้ม

“ก็นั่นแหละ ผมถึงบอกว่าอยากเจอหน้าพ่อสักครั้ง แค่สักครั้งก็ยังดี” นัทพูดพร้อมกับแสดงสีหน้ามีความหวัง

“พี่เชื่อนะว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เจอพ่อแน่นอน”

“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะพี่” นัทพูดก่อนจะถอนใจ เหมือนกับเรื่องที่กำลังพูดอยู่นั้น มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากเหลือเกิน

บริษัท Diamond จิวเวอร์รี่ บริษัทเจียระไนเพชร ส่งออกชื่อดังอันดับ 1 ในเครืออัญมณีของไทย โดยมีปรัชญา สุรเดชากุล เป็นประธานกรรมการบริษัท และเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทแห่งนี้ ปรัชญาเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะเข้าไปหาเลขาส่วนตัวของตน

“คุณอรอนงค์ พรุ่งนี้มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“พรุ่งนี้บ่ายโมงครึ่ง ท่านมีนัดกับท่านทูตอังกฤษ มิลเลอร์กับภรรยาของเขา แคทเธอรีนค่ะ”

“อืมม...ผมรู้แล้ว”

ปรัชญาพูดก่อนจะเดินไปกดลิฟ เพื่อลงไปขึ้นรถกลับบ้าน

“ชิต ลูกปิ่นกลับบ้านหรือยัง” ปรัชญาถามลุงชิตคนขับรถคนสนิท หลังจากขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว

“คุณหนู กลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว ละครับท่าน”

“อืมม...ไปเถอะ”

“ครับ”

รถเบ็นซ์คันหรูเลี้ยวเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ และจอดแนบสนิทที่จุดจอดรถ ก่อนที่ปรัชญาจะเปิดประตูก้าวลงมา และเดินเข้าบ้าน ก่อนที่จะมีแหววคนรับใช้ในบ้านเข้ามารับกระเป๋าและเสื้อสูทในมือ

“วันนี้ทำไมกลับช้าจังค่ะ คุณพ่อ”

เสียงหวานใสของลูกสาวคนเดียว ดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาเกาะแขนผู้เป็นพ่อพร้อมกับยิ้มหวาน ปรัชญาลูบศีรษะลูกสาวคนเดียวด้วยความเอ็นดู ปิ่นแก้วถึงแม้จะเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ก็ยังเป็นเด็กที่น่ารักเสมอ สำหรับปรัชญา

“วันนี้พ่อมีประชุมนะลูก ก็เลยกลับช้า”

“ประชุมอะไรเหรอค่ะ”

“ก็เรื่องที่บริษัทของเราจะจัดแฟชั่นโชว์เดือนหน้านี้งัย พ่อเคยบอกลูกแล้วนี่”

“อ้อ...ค่ะปิ่นจำได้”

“และงานนี้ พ่อจะเปิดตัวลูกสาวคนเดียวของพ่อ”

“เปิดตัวปิ่น!!” ปิ่นแก้วพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าสงสัย

“อืมม...”ปรัชญาพยักหน้าเบา ๆ

“ยังไงค่ะ” ปิ่นแก้วไม่เข้าใจ

“พ่อจะให้ลูกใส่ชุดฟินาเล่ห์เดินแบบ เพื่อเปิดตัวลูกสาวของพ่อ”

“จริงหรอค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวพูดอย่างตื่นเต้น

“จริงสิจ๊ะ”

“หนูจะทำให้ดีที่สุดเลยค่ะคุณพ่อ”หญิงสาวโอบกอดผู้เป็นพ่อด้วยความยินดี

“ไปทานข้าวเถอะค่ะ คุณพ่อ วันนี้ปิ่นโชว์ฝีมือเองเลยนะค่ะ”

“จริงเหรอลูก”

“จริงค่ะ”

“อย่างนี้ต้องลองดูหน่อยแล้วว่าจะสู้ฝีมือแย้มได้หรือเปล่า” ปรัชญาพูดพร้อมกับมองไปที่แย้มที่ยืนรอ อยู่ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีอาหารวางอยู่เรียงรายบนโต๊ะ ก่อนที่จะโอบลูกสาวเดินไปที่โต๊ะอาหาร

“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยพี่ภูมิ” นัทถามขึ้นเมื่อเห็นไตรภูมิแต่งตัวออกไปข้างนอก

“พี่จะออกไปค่ายมวยครูแสงหน่อยนะ”

“ตกลงพี่จะเอาทุกอย่างเลยหรอครับทั้งเทควันโดยูโด มวยไทย ได้แชมป์เทควันโดแล้วยังไม่พอเหรอครับ”

“ที่พี่ฝึกวิชาป้องกันตัว ก็เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเว้ย...ไม่ได้ฝึกเพื่อจะไปข่มเหงรังแกใคร”

“ครับ...ครับ ร่ายยาวเชียวพี่ผม ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย”

“เออ...งั้น พี่ไปก่อนนะ”

“ครับพี่ ขับรถดี ๆ”

รถจักรยานยนต์ของไตรภูมิเลี้ยวเข้ามาจอดภายในค่ายมวยของครูแสง แล้วจึงลงจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในค่าย

“สวัสดีครับครู” ชายหนุ่มยกมือไหว้ครูมวยของตน

“อ้าว...ภูมิไม่ได้เจอกันซะนาน หายหน้าหายตาไปนานเลย”

“พอดีช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างนะครับ มัวแต่ยุ่งกับการทำเรื่องจบ”

“อ้อ...เออได้ข่าวว่าได้แชมป์เทควันโดด้วยเหรอ”

ไตรภูมิอมยิ้ม

“ครับ ผมได้แชมป์ก็เพราะครูนะครับเนี้ยะ”

“แหม...พูดอย่างนี้เดี่ยวคนที่เค้าสอนเทควันโดให้เค้าก็น้อยใจหรอก”

ครูแสงพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

“ไม่หรอกครับครู” ไตรภูมิหัวเราะตอบ

“แล้ววันนี้ มีอะไรหรอเปล่าถึงมาถึงค่ายครูได้”

“คือผมมาลาครูนะครับ”

“อะไรกัน เพิ่งได้เจอกัน จะมาลากันอีกแล้ว”

“ผมจะไปกรุงเทพนะครับ คงจะไปนานเลย ก็เลยเข้ามาลาครูก่อน”

“อืมม...แล้วจะไปวันไหนหละ”ครูแสงพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ

“อาทิตย์หน้าครับ”

“อืมม...”ครูแสงเหลือมมองนาฬิกา

“อ้าวเที่ยงแล้วนี่” ครูแสงพูดหลังจากเหลือบดูนาฬิกา

“ภูมิกินข้าวมาหรือยัง”

“ยังครับ” ชายหนุ่มตอบ

“งั้นไป...วันนี้กินข้าวกับครูสักมื้อนะ พอดีครูมีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย”

“ครับครู”ไตรภูมิตอบรับก่อนจะก้าวตามครูแสงไป

ปรัชญาพร้อมกับเลขาส่วนตัวของตนได้มาที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เพื่อพบลูกค้าทูตชาวอังกฤษ ตามที่ได้นัดหมายไว้

หลังจากคุยธุระต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว ปรัชญากับอรอนงค์เลขาส่วนตัว จึงได้ลาทูตอังกฤษทั้ง 2 คนเพื่อกลับบริษัท แต่ก่อนที่ปรัชญาจะก้าวขึ้นรถโดยที่มีชิตเปิดประตูให้ มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ชายฉกรรย์ 2 คนนั่งซ้อนมา จักรยานยนต์คันนั้นมาจอดเทียบใกล้ ๆ กับรถของปรัชญา ก่อนที่คนซ้อนข้างหลังจะควักปืนออกมา และเล็งปืนไปทางที่ปรัชญายืนอยู่ก่อนที่จะเหนี่ยวไก

“ระวังครับท่าน!!!”

“ปังปัง”

กระสุน 2 นัดเจาะทะลุไหล่ของชิตที่เข้ามารับกระสุนแทน

“ชิต”

ปรัชญาตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ตกใจ ขณะที่อรอนงค์ก็ร้องด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

“เฮ้ย...! ไปซิวะ จะรอให้พ่อมึงมาก่อนหรืองัย” ไอ้คนที่เป็นคนลงมือยิง ร้องบอกไอ้คนขับก่อนที่มันจะเคลื่อนรถออกไปด้วยความรวดเร็ว

ปรัชญามองตามพวกมันด้วยความเจ็บใจ ในขณะที่มือก็ประคองชิตอยู่

ปรัชญาพาชิตส่งโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน แพทย์ส่งตัวเข้าห้อง ICU โดยที่ปรัชญายังยืนรออยู่ข้างนอก

“คุณท่านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชิตถามเจ้านายตนทันทีที่รู้สึกตัวอยู่ในห้องพักฟื้นและเห็นปรัชญายืนเฝ้าอยู่

“ฉันไม่เป็นไรหรอก นายห่วงตัวเองเถอะ”

ชิตถอนใจอย่างหายห่วงก่อนจะขยับตัว แต่รู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาอย่างจับใจ

“โอ๊ย!!!~”

“อย่าเพิ่งขยับสิแผลของนายยังใหม่อยู่ ยังไม่หายดี” ปรัชญาพูดพร้อมกับเข้ามาช่วยประคอง

“อยากได้อะไรบอกฉันสิ”

“ผมหิวน้ำครับ”

ปรัชญาเดินไปรินน้ำใส่แก้วก่อนจะนำมายื่นให้ ชิตดื่มด้วยความกระหาย ปรัชญารอจนเขาดื่มน้ำเสร็จรับแก้วไปวางไว้

“เดี่ยวนายนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่แหละ รอจนกว่าจะหายดี ฉันโทรไปบอกให้แย้มมาเฝ้านายแล้ว สักพักคงจะมาถึง”

“ขอบคุณครับท่าน”ชิตยกมือไหว้ ปรัชญาไหว้รับ

“ไม่เป็นไรหรอก นายอยู่กับฉันมานาน เป็นทั้งเพื่อนแท้และคนสนิทของฉัน ตอนนี้นายถึงขนาดสละชีวิตเพื่อฉัน ฉันต่างหากที่สมควรจะขอบคุณนายมากกว่า”ปรัชญาพูดพร้อมกับแตะไหล่ ลูกน้องคนสนิทเบา ๆ

ชิตรู้สึกปลื้มใจ

“แล้วทราบตัวพวกที่มาดักยิงท่านหรือยังครับ”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ปรัชญาพูดพร้อมกับครุ่นคิด

“ผมว่าท่านควรจะมีบอร์ดิการ์ดนะครับ ผมว่าลองพวกมันทำถึงขนาดนี้แล้วคงไม่หยุดแค่นี้แน่” ชิตเสนอความเห็นของตน

“อืมม...ก็ดีเหมือนกันนะ”

“ก็อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก ปิ่นแก้วเข้ามาพร้อมกับแย้มภรรยาของลุงชิตพร้อมกับอาหารในมือ

“คุณพ่อ” ปิ่นแก้วทักผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปมองลุงชิตที่อยู่บนเตียง

“ลุงชิต เป็นยังไงบ้างค่ะ” หญิงสาวถามด้วยความกระตือรือร้นด้วยความเป็นห่วง

“ลุงไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนู ไม่ต้องเป็นห่วง”

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะคุณพ่อ ทำไมลุงชิตเป็นแบบนี้”

ป้าแย้มมองลุงชิตด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอกลูก เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยเท่านั้น แล้วลุงชิตก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ลูกอย่ากังวลไปเลย”

ปรัชญาบอกปัดไปเพื่อไม่ให้ปิ่นแก้วบุตรสาวคนเดียวเป็นกังวล

“อุบัติเหตุหรือค่ะ ลุงชิตโดนยิงนะค่ะ” ปิ่นแก้วไม่เชื่อตามที่พ่อบอก ปรัชญาไม่ได้ตอบอะไร แต่หันไปมองชิตที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะหันไปพูดกับแย้ม

“แย้มช่วงที่ชิต นอนอยู่ที่นี่ ก็ให้แย้มอยู่ดูแลชิตที่นี่เถอะนะ ส่วนงานที่บ้าน ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ค่ะ คุณท่าน” แย้มตอบรับเจ้านายตน

“เดี่ยวพ่อไปทำงานก่อนนะลูก”

ปรัชญาหันมาลูกศีรษะบุตรสาว ก่อนจะเดินออกไป

“ลุงชิต จะบอกปิ่นได้หรอยังค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวหันมาถามชิตที่นอนอยู่บนเตียงแทน

“อุบัติเหตุอย่างที่ท่านบอกนั่นแหละครับคุณหนู”

ปิ่นแก้วจ้องตาชิตแสดงอาการไม่เชื่อ

“ลุงชิตค่ะ”ปิ่นแก้วทำเสียงอ้อนแสดงสีหน้าเว้าวอนเพื่อให้ชิตพูดความจริง

“อะไรกันว่ะ งานแค่นี้พวกมึงยังทำกันไม่สำเร็จ”

“ขอโทษครับลูกพี่ ถ้าไม่มีไอ้แก่คนขับรถนั้นมาขวางซะก่อน ไอ้ปรัชญามันก็คงไม่รอด”

สมุนคนที่เป็นคนลงมือยิง พูดพร้อมกับก้มหน้างุดด้วยความแค้นใจที่ทำงานไม่สำเร็จ อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เช่นกัน

“เอาเถอะเดี่ยวกูจะรายงานเรื่องนี้ให้นายรู้เอง ส่วนพวกมึง 2 คนเอาเงินนี้ไป” เชิดยื่นเงินให้ก่อนจะพูดต่อ

“แล้วหลบกันไปซักพักก่อน ถ้ามีงานเดี่ยวกูจะเรียกเอง”

“ได้ลูกพี่” 2 สมุน พูดก่อนจะเดินออกไป

“คุณท่านโดนคนลอบยิงครับคุณหนู”

ในที่สุด ชิตก็ต้องพูดความจริงเพราะทนต่อความรบเร้าของปิ่นแก้วไม่ไหว

“คุณพ่อโดนลอบยิง” หญิงสาวทวนคำออกมาด้วยอารมณ์ตกใจหน้าซีดเผือด

“คุณพระช่วย” แย้มอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

“แล้วรู้หรือเปล่าค่ะ ว่าพวกนั้นเป็นใคร”

“ยังไม่ทราบครับคุณหนู ตอนนี้ตำรวจกำลังตามสืบอยู่” ปิ่นแก้วคิดถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาอย่างจับใจ





Create Date : 04 มีนาคม 2559
Last Update : 4 มีนาคม 2559 16:54:23 น. 0 comments
Counter : 323 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3011403
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่า อนาคตในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะสุขสมหวัง หรือทุกเศร้า

แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า หากว่าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว อนาคตข้างหน้า ต้องดีแน่นอน....
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3011403's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.