อำนาจอิหลักอิเหลื่อ
โดย เกษียร เตชะพีระ
หลังจากถูกอดีตนายกรัฐมนตรีพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ แหย่เรื่อง "ปฏิวัติซ้อน" แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงใน คมช.ก็เผยความในใจของประธาน คมช.และอดีตหัวหน้า คปค. ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ว่า "ประธาน คมช.รู้สึกเฉยๆ กับข่าวปฏิวัติซ้อนเพราะไม่เชื่อว่ามีจริง ไม่มีทหารกลุ่มไหนกล้าจะทำปฏิวัติ รวมถึงไม่มีกำลังทหารโดยจะเอากำลังมาจากที่ไหน ดังนั้น การปฏิวัติทางทหารไม่มีทางเป็นไปได้โดยเฉพาะเตรียมทหารรุ่น 9 ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ยังมีสิ่งบอกเหตุและเป็นข้อกังวลใจของประธาน คมช. คือหากมีการปฏิวัติจริงก็จะเกิดจากพลังของประชาชนเท่านั้น..." (มติชนรายวัน, 12 พ.ย.2549, น.16, เน้นโดยผู้เขียน) ถ้านี่เป็นข้อกังวลใจของประธาน คมช.จริง ก็คงเป็นเรื่องลำบากอิหลักอิเหลื่อไม่น้อยเพราะพูดให้ถึงที่สุด อำนาจรัฐของท่านและคณะเกิดจากปากกระบอกปืนเป็นมูลฐาน ทว่า ก็ดังที่นายกรัฐมนตรีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ท่านเลือกเองเคยกล่าวเตือนไว้นานมาแล้วว่า "ตอนนั้น (พฤษภาทมิฬ 2535-ผู้เขียน) ผมได้ให้ข้อคิดเห็นกับ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี ผบ.ทบ.ว่า ถ้าเราใช้กระสุน ก็หมายถึงว่าการที่จะได้ความยอมรับจากประชาชนหมดไป เมื่อตัดสินใจใช้ก็หมายถึงว่าจบ แพ้แล้ว..." (วาสนา นาน่วม, เส้นทางเหล็ก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, 2546, น.133-34) ตลกร้ายของสถานการณ์หลังรัฐประหาร 19 กันยาฯ จึงกลายเป็นว่า...
อำนาจที่ได้มาจากปืน เอาเข้าจริงกลับไม่สามารถยิงปืนนั้นได้! ในทางกลับกัน อำนาจที่คงไว้ด้วยเงิน ก็ไม่สามารถใช้เงินนั้นได้เช่นกัน! ในภาวะที่การนำทางการเมืองของอำนาจเก่าถูกปฏิเสธ แต่อำนาจใหม่กลับพะว้าพะวังลังเล ได้แต่พุ้ยน้ำตีกรรเชียงพยุงตัวประคองเรือหมุนเคว้งคว้างอยู่กลางวังวนคลื่นใต้น้ำไปวันๆ ด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะเลิกกฎอัยการศึกดีไหม? อดีตนายกฯทักษิณจะกลับมาเมื่อไหร่? นั้น อันที่จริงก็เป็นจังหวะโอกาสอันเหมาะที่เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนจะเสนอแนวทางการเมืองใหม่ของตนเพื่อเป็นทางเลือกทางออกต่อสาธารณะอย่างมีพลัง ทว่า จนแล้วจนรอดก็ไม่ปรากฏข้อเสนออันเข้มแข็งออกมา เพราะภาคประชาชนเองก็ทะเลาะกันแหลกจนสัมฤทธิผลแตกเป็นเสี่ยงไปแล้วตอนนี้ แหะๆ สังคมไทยจึงกำลังไหลล่องเลื่อนเปื่อนเรื่อยเปื่อยไป โลๆ เลๆ ว่าจะหันหัวเรือไปทิศไหน? จะมุ่งหน้าไปทางใด? สมานฉันท์หรือขุดรากถอนโคน? เศรษฐกิจพอเพียงหรือทุนนิยมโลกาภิวัตน์? อำมาตยาธิปไตยอุปถัมภ์หรือเสรีประชาธิปไตย? ศีลธรรมหรือกำไร? ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือระบอบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแต่ไม่ประชาธิปไตย? ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือความเป็นไทยแบบต่อต้านเผด็จการ? มีชัย ฤชุพันธุ์ หรือนวมทอง ไพรวัลย์? รถถังมาเกยหรือแท็กซี่พลีชีพเข้าชน? น่าจะเป็นการดีถ้าจะหยุดนิ่งสักนิดเพื่อทบทวนไตร่ตรองว่าโจทย์การเมืองที่เผชิญคืออะไร? สิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" ในแง่หนึ่งเป็นอาการแสดงออกของความตึงเครียดขัดแย้งระหว่าง ประชาธิปไตย กับ ทุนนิยม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบอบเสรีประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนที่ออกแบบมาให้พลังอำนาจทางการเมืองของประชาชนเสียงข้างมาก เป็นตัวคอยคะคานถ่วงดุลอำนาจเศรษฐกิจของชนชั้นนายทุนใหญ่จำนวนน้อยในประเทศนั้น มันเริ่มเสียดุลไปภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ (ดูเพิ่มเติมใน Benjamin R.Barber, "Can Democracy Survive Globalization?," Government and Opposition, 35:3 (Summer 2000), 275-301) เนื่องจากถึงจุดหนึ่ง อำนาจทุนใหญ่ผูกขาดในประเทศที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนโลกาภิวัตน์ ได้เข้าผนวกกลืนอำนาจการเมือง ด้วยการสะกดควบคุมอำนาจของเสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตยตัวแทน และกดขี่สิทธิของเสียงข้างน้อย ภาวะดังกล่าวนี้อยู่ในวิสัยที่พลังประชาสังคมฝ่ายค้านจะต่อต้านทัดทาน ค่อยๆ รวบรวมกำลังช่วงชิงขยายแนวร่วม เพื่อถ่วงคานปรับดุล [อำนาจทุน+อำนาจการเมืองเสียงข้างมาก] ในกรอบระบอบรัฐธรรมนูญเดิมได้หรือไม่? ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด? จะทันท่วงทีไหมหรือจะสายเกินไป? จะถึงขั้นนองเลือดหรือเกิดระบอบ "ฮิตเลอร์" อย่างที่ขู่ๆ กันหรือเปล่า? นี่เป็นปัญหาที่สังคมไทยไม่ทันได้ตอบเพราะ คปค.ได้ปิดโอกาสในการตอบโดยตัดตอนการเมืองแบบเปิดทิ้งไปเสียก่อน และเสนอคำตอบสำเร็จรูปของตนเองให้แทน แล้วอะไรคือคำตอบที่ คปค.เสนอให้สังคมไทยเล่า? ถ้าโจทย์คือการที่ อำนาจทุน เข้าคุกคามครอบงำ ประชาธิปไตย ภายใต้ "ระบอบทักษิณ" แล้ว คำตอบของ คปค.กับรัฐบาลสุรยุทธ์ ก็ได้แก่ [อำนาจนิยม+เศรษฐกิจพอเพียง] กล่าวคือ 1) ด้านหนึ่งก็พยายามรื้อฟื้นโครงสร้างอำนาจอันลดหลั่นเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมกันขึ้นมาใหม่ในทางการเมือง โดยอิงหลักการเรื่อง "ความเป็นไทย" ("ประชาธิปไตยแบบไทยๆ") และ "ความดี" เป็นอุดมการณ์ และมีระบบราชการกับเครือข่ายข้าราชการบริพารเป็นฐานเชิงสถาบัน พูดอีกอย่างก็คือ คนไทยควรมีอำนาจไม่เท่ากัน คนไทยบางคนควรมีอำนาจมากกว่าคนไทยคนอื่น เพราะคนไทยเหล่านั้นมี "ความเป็นไทย" มากกว่าและ/หรือมี "ความดี" สูงส่งกว่าคนไทยคนอื่นและเมืองไทยนี้ดีแล้วที่เป็นเช่นนี้ ส่วนปัญหาการตรวจวัด "ความเป็นไทย" และ "ความดี" ของใครต่อใครนั้น ไม่ต้องห่วง มีผู้หลักผู้ใหญ่คอยให้บริการเป็นไม้บรรทัดชี้วัดการันตีตามมาตรฐาน TSO&MSO 2549 (Thainess Organization for Standardization & Morality Organization for Standardization 2549) อยู่แล้ว (ดูเพิ่มเติมในสายชล สัตยานุรักษ์, "การสร้าง "ความเป็นไทย" กระแสหลักและ "ความจริง" ที่ "ความเป็นไทย" สร้าง", ฟ้าเดียวกัน, 3:4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2549), 40-67; และ ดร.เกษม เพ็ญภินันท์, สัมภาษณ์ "คุยกับนักปรัชญา: เมื่อ "ความดี" และ "คนดี" ทำให้ประชาธิปไตยถอยหลัง," เว็บข่าวประชาไท, 19 ตุลาคม 2549, //www.prachatai.com) 2) อีกด้านหนึ่งภายใต้คำขวัญ "สมานฉันท์", คปค.ได้ตัดตอนหรือลดทอน "การเมือง" โดยเฉพาะ "การเมืองภาคประชาชน" ลง (depoliticization) หรือนัยหนึ่งตัดตอนหรือลดทอนเงื่อนไขโอกาสแบบเปิดที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าร่วมกระบวนการทางการเมืองเพื่อทะเลาะกันอย่างสันติในประเด็นปัญหาขัดแย้งสำคัญๆ ของบ้านเมืองลง ทั้งโดยประกาศคำสั่งที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพฉบับต่างๆ ของ คปค.และโครงสร้างองค์การร่างรัฐธรรมนูญที่ระบบราชการคัดสรรและจัดให้แบบ "คุณพ่อรู้ดี" ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 3) ท้ายที่สุด แนวนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลนายกฯ พลเอก สุรยุทธ์ หยิบยกขึ้นมาต่อต้านทัดทานตีกรอบจำกัดแนวโน้มรวอำนาจเบ็ดเสร็จของทุนนิยมภาคใต้ "ระบอบทักษิณ" ก็คือเศรษฐกิจพอเพียง หรือนัยหนึ่ง "การเอาคุณธรรมมาใส่ทุนนิยม ซึ่งก็คือหลัก 4 ป.ของท่านนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.โปร่งใส 2.เป็นธรรม 3.ประหยัด และ 4.ประสิทธิภาพ" ตามคำอธิบายของโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกฯ และ รมว.อุตสาหกรรม (อ้างจาก วรินทร์ ตริโน, สัมภาษณ์พิเศษ "โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ วิถี "ทุนนิยม" ในกรอบ "พอเพียง"", มติชนรายวัน, 16 ตุลาคม 2549, น.11) เราคงต้องรอดูว่าแนวทาง [อำนาจนิยม+เศรษฐกิจพอเพียง] ของ คปค.กับรัฐบาลสุรยุทธ์ จะแก้ไขหรือบรรเทาปมความขัดแย้งระหว่าง ประชาธิปไตย กับ ทุนนิยม ที่ "ระบอบทักษิณ" ผูกไว้ได้หรือไม่อย่างไร? ระหว่างนี้ ผมขอแนะนำด้วยความปรารถนาดีว่าไม่ควรกลั้นใจ...
ที่มา //www.kitehost.com/puchai/5284/%22%CD%D3%B9%D2%A8%CD%D4%CB%C5%D1%A1%CD%D4%E0%CB%C5%D7%E8%CD%22.html
Create Date : 22 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 22 สิงหาคม 2550 18:34:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 857 Pageviews. |
|
|
|
|
|