Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
19 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
ชนชั้นนำสร้างแนวคิด จนกลายเป็น ประชาธิปไตยแบบไทยๆ



เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 50 มูลนิธิตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ จัดงานเสวนา ‘ครบรอบ 100 ปีปริทัศน์: รัฐธรรมนูญและกบฏปฏิวัติรัฐประหาร - การเมืองสยามประเทศไทยสมัยใหม่ พ.ศ.2454-2550’ ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หัวข้อหนึ่งในการเสวนาคือ ‘ปฏิวัติกระฎุมพี–ประชาธิปไตยไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข: จาก 14 ถึง 6 ตุลา และพฤษภาประชาธรรม'



'อ.เกรียงศักดิ์ เชษฐพัฒนะวนิช' อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของผลงานวิทยานิพนธ์หัวข้อ ‘แนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทย' (2536) ได้กล่าวถึง 4 กลุ่มใหญ่ในสังคมไทยที่ต่อสู้ทางการเมืองและความคิดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง น่าสนใจว่า วิธีคิดและการให้ความหมายต่อคำว่า 'ประชาธิปไตย' นั้น ช่างแตกต่างขัดแย้ง และนี่คือเรื่องราวของ กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า กลุ่มซอยราชครู กลุ่มสี่เสาเทเวศร์ และกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ รวม 4 กลุ่มใหญ่ภายใต้สังคม 'ประชาธิปไตยแบบไทยๆ'





เกรียงศักดิ์ เชษฐพัฒนะวนิช

อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่







หัวข้อที่ผมจะพูดในวันนี้ นำมาจากส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ที่ทำที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง แนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทย หวังว่ามันจะสอดคล้องกับหัวข้อในการสัมมนาครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม วิทยานิพนธ์เล่มนี้ แสดงให้เห็นถึงการก่อตัวของแนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทยซึ่งก่อร่างสร้างขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 2490 ถึงทศวรรษ 2510



ผมพบว่า แนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทย หาได้เป็นแนวความคิดที่มีเอกภาพ แต่สามารถแยกได้เป็น 4 แนวความคิดจากกลุ่มการเมือง 4 กลุ่มที่ปะทะกันอยู่



ในบริบททางการเมืองในช่วง 2490 - 2510 ได้ปรากฏกลุ่มทางการเมืองขึ้น 4 กลุ่มด้วยกัน ทั้ง 4 กลุ่มต่างช่วงชิงต่อสู้ทั้งทางปฏิบัติการทางการเมืองและทางความคิด เพื่อมีอำนาจในทางการเมือง



ทั้ง 4 กลุ่มนี้คือ กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า กลุ่มซอยราชครู (ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของจอมพลผิน ชุณหะวัน และพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์) กลุ่มสี่เสาเทเวศร์ (ซึ่งเป็นทหารภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และมีจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร) และกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่



โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า คือกลุ่มเจ้าและขุนนางซึ่งมีความสืบเนื่องกับการเมืองก่อน 2475 เช่น กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร กลุ่มอนุรักษใหม่ก็จะสืบเชื้อสายและความคิดจากกลุ่มขุนนาง เจ้า เช่น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช โดยความคิดของกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งเก่าและใหม่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์



แนวคิดประชาธิปไตยแบบไทยของแต่ละกลุ่ม ต่างมีคำอธิบาย ต่างมีปฏิบัติการทางการเมืองที่แตกต่างกันแต่สืบเนื่องกัน แนวความคิดของกลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า ปฏิบัติการในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 2490 ในขณะที่กลุ่มซอยราชครูคือครึ่งหลังของทศวรรษ 2490 กลุ่มสี่เสาเทเวศร์ในทศวรรษ 2500-2510 และกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ นับตั้งแต่กลางทศวรรษ 2510 เป็นต้นมา



ในที่นี้ ผมจะนำเสนอ 'ความคิดประชาธิปไตยแบบไทย' ของทั้ง 4 กลุ่มโดยสังเขป การสร้างความคิดดังกล่าว เป็นการสร้างที่ปะทะขัดแย้งกันใน 3 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก ว่าด้วยระบอบการเมืองแบบจารีต ประเด็นที่สอง ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และประเด็นที่สาม ว่าด้วยประชาธิปไตยแบบไทย





การเมืองแบบจารีต

เรื่องแรก การเมืองแบบจารีต เป็นการปะทะกันในแง่การให้ความหมายกับการให้อำนาจทางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการเมืองแบบจารีตของไทย



กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่ายืนยันว่า ระบอบการเมืองแบบจารีตของไทยนั้น พระมหากษัตริย์มิใช่มีอำนาจอย่างแท้จริง แต่ทว่ามีคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นรัฐธรรมนูญ คอยจำกัดพระราชอำนาจของพระองค์อยู่ อีกทั้งพระมหากษัตริย์ไทยนั้น ยังถูกควบคุมด้วยจารีตการปกครองแบบพ่อปกครองลูก นี่คือทัศนะของกลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า



อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มซอยราชครู กลับพิจารณาว่า ระบอบการเมืองการปกครองแบบจารีต เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจโดยเด็ดขาดสมบูรณ์



ขณะที่กลุ่มสี่เสาเทเวศร์พิจารณาในชั้นแรกว่า ระบอบการปกครองแบบจารีตของไทย ในช่วงสมัยสุโขทัย คือพ่อปกครองลูก แต่ทว่ามาถึงสมัยอยุธยาแล้ว ระบอบการปกครองแบบจารีตของไทย ก็มาเป็นระบอบเทวราชาที่มีพระมหากษัตริย์เปรียบประดุจดั่งเทวะ ในขณะที่ประชาชนคือไพร่ทาส



ส่วนกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่นั้นเสนอว่า ระบอบการเมืองแบบจารีต เป็นการผสมระหว่างระบอบพ่อปกครองลูกกับระบอบเทวราชา คือพระมหากษัตริย์ไทยมีทั้งด้านที่ทรงเป็นเทวะ และด้านที่ทรงมีพระเมตตากับประชาราษฎร์ในแบบพ่อปกครองลูก อีกทั้งในช่วงหลังๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์นั้น พระมหากษัตริย์ไทยก็ทรงมีจิตใจแบบเสรีนิยมด้วย นี่คือทัศนะของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ในช่วงเกือบทศวรรษ 2510



เราจะเห็นว่า ประเด็นเรื่องการเมืองแบบต่างๆ แต่ละกลุ่มต่างมีทัศนะที่ปะทะขัดแย้ง ไม่อยู่ในร่องรอยเดียวกันอยู่





การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

เรื่องที่สอง การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ในประเด็นนี้ เป็นการปะทะกันในแง่ความหมายของการเปลี่ยนแปลงในปี 2475 กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่าพิจารณาว่า เหตุการณ์ในปี 2475 นั้น เป็นเหตุการณ์ที่คณะราษฎร "ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ" ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนบางอย่างภายในระบอบการปกครองระบอบจารีตของไทยเท่านั้น เป็นเพียงการนำเอารัฐธรรมนูญมาใช้แทนหลักในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์



สำหรับกลุ่มซอยราชครู เห็นตรงกันข้าม โดยมีความคิดว่า การเปลี่ยนแปลงเมื่อ 2475 เป็นการยกเลิกราชาธิปไตย แล้วสถาปนาประชาธิปไตยขึ้นมา



ขณะที่กลุ่มสี่เสาเทเวศร์ มีความคิดที่แตกต่าง ด้านหนึ่งมีความคิดแบบเดียวกับซอยราชครูที่ว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมา แต่กลุ่มสี่เสาเทเวศร์พิจารณาต่อไปด้วยว่า การเปลี่ยนแปลง 2475 เป็นการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกขึ้นมา ซึ่งไม่สอดคล้องกับสังคมไทย เพราะก่อให้เกิดความปั่นป่วนไร้เอกภาพขึ้นมาในระบอบการเมืองของไทย



ต้องรอจนการปฏิวัติใน พ.ศ.2501 ระบอบประชาธิปไตยของไทยจึงเปลี่ยนมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบไทยที่สอดคล้องกับสังคมไทย



ในกรณีของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ พิจารณาเหตุการณ์ในปี 2475 ว่าเป็นตัวขัดขวางวิวัฒนาการในระบอบประชาธิปไตยของไทย เพราะกลุ่มอนุรักษ์ใหม่มีทัศนะว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยไทยกำลังเกิดขึ้นภายใต้การนำของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งทรงเป็นกษัตริย์เสรีนิยม นี่เป็นทัศนะของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ เช่น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งขบวนการนี้เป็นขบวนการที่ประชาชนเห็นพ้องด้วย



แต่ขณะเดียวกัน คณะราษฎรซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกลับมายึดอำนาจเสียก่อน ซึ่งทำให้สังคมไทยไม่สามารถสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาได้ แต่ทว่า กลายเป็นระบอบเจ้าหลายชีวิต นั่นคือ การยึดอำนาจเบ็ดเสร็จหมุนเวียนอยู่ในผู้นำไม่กี่คน





ประชาธิปไตยแบบไทย

ประเด็นที่สาม ว่าด้วยประชาธิปไตยแบบไทย ประเด็นนี้ก็มีการปะทะกันในแง่ของการให้ความหมายของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสังคมไทย และเป็นประชาธิปไตยแบบไทยที่แท้จริง



เริ่มต้นที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเก่า กลุ่มนี้อธิบายว่า มันมีความสืบเนื่องระหว่างการปกครองแบบจารีตของไทย กับระบอบประชาธิปไตยแบบไทย นั่นคือ ระบอบการปกครองแบบจารีตของไทยนั้น มีองค์ประกอบของระบบประชาธิปไตยอยู่แล้ว นั่นคือ มีกฎหมายพระธรรมศาสตร์ที่เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญที่จำกัดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ อีกทั้งการขึ้นสู่อำนาจของพระมหากษัตริย์แบบไทยนั้น ก็เป็นไปตามหลัก "อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ" นั่นก็คือการขึ้นสู่อำนาจโดยความเห็นพ้องของประชาชน



ระบอบประชาธิปไตยแบบไทย เป็นเพียงการปรับให้ระบอบการปกครองแบบจารีตทันสมัยขึ้นเท่านั้น นั่นคือ มีกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วก็มีสถาบันใหม่ๆ ขึ้นมาทำหน้าที่ในแง่บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ



แต่เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่เป็นตัวแทนอำนาจของปวงชนอย่างแท้จริง ตามหลักอเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ในแง่ความคิดของพวกอนุรักษ์นิยมเก่า สถาบันทั้งสาม คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ จึงต้องเป็นสถาบันที่ขึ้นต่อและได้รับการมอบหมายอำนาจจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่กรมหมื่นนราธิปพงษ์ประพันธ์ทรงกล่าวว่า อำนาจอธิปไตยมาจากปวงชน พระมหากษัตริย์เป็นผู้ใช้ คือทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา อำนาจนิติบัญญัติทางคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการทางศาล



ซึ่งหมายความว่า ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตย หรืออีกนัยหนึ่งคือทรงมีอำนาจที่แท้จริง



ในขณะเดียวกัน กลุ่มซอยราชครูกลับมีทัศนะที่แตกต่างกัน คือพิจารณาว่า จริงๆ แล้วมันไม่มีความสืบเนื่องระหว่างการปกครองในระบอบจารีตกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย



เพราะการปกครองแบบจารีตนั้น อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ รวมอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยนั้น อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน แต่อำนาจของปวงชนนั้นถูกใช้โดยสถาบันทั้งสาม โดยเฉพาะสถาบันบริหาร ก็จะมีแหล่งที่มาจากข้าราชการ และจะมีแหล่งที่มาจากสถาบันนิติบัญญัติประกอบไปด้วย



ในกรณีของกลุ่มสี่เสาเทเวศร์ พิจารณาเห็นด้วยกับกลุ่มซอยราชครู ว่ามันมีความแตกต่างไม่สืบเนื่องระหว่างระบอบการปกครองแบบจารีตกับระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย แต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คณะราษฎรได้นำเอาประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งเป็นประชาธิปไตยในแบบผู้แทนมาใช้ อันเป็นระบอบที่กลุ่มสี่เสาเทเวศร์เห็นว่า มันไม่สอดคล้องกับสังคมไทย



ประชาธิปไตยแบบไทยในทัศนะของกลุ่มสี่เสาเทเวศร์ จะต้องเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ใช่แบบผู้แทน ไม่ใช่ระบอบรัฐสภา ซึ่งเป็นการนำเอาหลักการแบบพุทธ อันเป็นมรดกตกทอดของสังคมไทยมาใช้ นั่นก็คือ หลักของความสมานฉันท์ และไม่มีฝ่ายค้าน



ขณะที่ผู้นำภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยที่ไม่มีฝ่ายค้าน ก็จะต้องเป็นผู้นำที่เปรียบเสมือนเป็นพ่อปกครองลูกของตัวเอง ที่เรียกว่าระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์นั้นเอง



ส่วนกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่เห็นว่า จริงๆ แล้วพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ทรงมีจิตใจเสรีนิยม ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาส ตลอดจนรัชกาลที่ 7 กำลังจะพระราชทานรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่คณะราษฎรเข้ามาขัดขวางกระบวนการเสียก่อน



ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยอันเป็นระบอบที่เหมาะสมกับสังคมไทยนั้น ควรจะต้องเป็นระบอบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้นำ และเป็นผู้รักษาดุลแห่งอำนาจ หมายความว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยนั้น แม้ว่าสถาบันนิติบัญญัติ และสถาบันบริหาร จะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ทว่า ตัว ส.ส.แต่ละคนนั้น ก็เป็นเพียงตัวแทนของคนเพียงกลุ่มเดียวที่เลือกเขาเข้ามา สถาบันที่เป็นตัวแทนของปวงชนที่แท้จริงนั้น คือสถาบันพระมหากษัตริย์



ในขณะเดียวกัน ในระบอบประชาธิปไตยนั้น มีการแยกหน้าที่กัน เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่งอาจเกิดความขัดแย้งคัดง้างกันบ้างระหว่าง 3 สถาบัน ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งได้รับความเคารพจากทุกฝ่าย จึงเหมาะสมจะทำหน้าที่รักษาดุลในหน้าที่ทั้งสามในฐานะที่เป็นองค์พระประมุข



ดังนั้น ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยนั้น จึงเป็นระบอบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั่นเอง



เราจะเห็นว่ามีทัศนะที่แตกต่างกัน ในแง่ของการสถาปนาแนวความคิด แนวความคิด ‘ประชาธิปไตยแบบไทย’ จากกลุ่มทางการเมืองต่างๆ ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า แนวคิดประชาธิปไตยแบบไทยซึ่งมักมีคนอ้างอิงอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งถึงปัจจุบัน แนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทยเป็นแนวความคิดที่ชนชั้นนำหรือ elite ไทยกลุ่มต่างๆ พัฒนา สร้างขึ้นมา เพื่อจัดสรรอำนาจระหว่างกันนั่นเอง ว่าใครจะเป็นผู้ที่สมควรมีอำนาจในระบอบการปกครองของไทย นี่ก็เป็นแนวความคิดประชาธิปไตยแบบไทย ในช่วงทศวรรษ 2490 - ทศวรรษ 2510 และอาจสืบเนื่องมาเรื่อยๆ ก็ได้



ที่มา : ประชาไท วันที่ : 17/9/2550




Create Date : 19 กันยายน 2550
Last Update : 19 กันยายน 2550 12:00:20 น. 0 comments
Counter : 1793 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.