|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คนกับต้นไม้
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ใน คอลัมน์ชั่ว ๆ ดี ๆ : มติชนรายวัน 12 ตุลาคม 2545
สําหรับผม...ข่าวกิ่งโพธิ์ธรรมศาสตร์หักลงมาเมื่อเช้าวันที่ 6 ตุลาคม นับว่ากระตุ้นความคิดได้พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ยินทรรศนะต่างๆ ของผู้คนในเรื่องนี้
บางท่านบอกว่าเป็นลางร้ายของระบอบประชาธิปไตย เพราะบริเวณลานโพธิ์ธรรมศาสตร์เคยเป็นสถานที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพมาเนิ่นนาน
บางคนไม่ได้ตีความถึงขนาดนั้น แต่ก็อดเสียดายกิ่งใหญ่ของไม้ต้นนี้ไม่ได้ เนื่องจากต้นโพธิ์ดังกล่าวเทียบได้ดังสัญลักษณ์ของความถูกต้องดีงาม
แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือความเห็นของนักศึกษารุ่นปัจจุบัน
ผมเห็นพวกเขาให้สัมภาษณ์นักข่าวโทรทัศน์ว่า "มันก็แค่ต้นโพธิ์ มันเก่า มันผุ ก็หักลงมา ไม่เห็นมีอะไร..."
ครับ ฟังแล้วอึ้งไปเลย
แต่เปล่า...ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือโกรธแค้นเด็กๆ เหล่านั้นแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่จะว่าไปคุณค่าความหมายบางส่วนของชีวิตผมก็งอกมาจากลานโพธิ์ท่าพระจันทร์อยู่เหมือนกัน
ผมอึ้งเพราะทรรศนะของเด็กๆ ทำให้ผมคิดอะไรไปไกล และที่คิดอะไรไปไกลก็เพราะความเห็นของนักศึกษา ฟังดูผิวเผินแล้วช่างไม่ต่างจากคำพูดของผู้บรรลุธรรม
คน สัตว์ หรือสิ่งของ...สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ จะมีคุณค่าอันใด ถ้าเราไม่ไปให้ความหมายมัน?
คำถามมีอยู่ว่า เด็กๆ รุ่นหลังมองโลกแบบไม่ตีความ หรือจริงๆ แล้วเขาเพียงแต่ไม่รู้เรื่องของลานโพธิ์ธรรมศาสตร์.....ไม่รู้เรื่องและไม่สนใจประวัติความเป็นมาของเสรีภาพในประเทศไทย ส่วนเรื่องอื่นที่เขารู้และพอใจก็ย่อมจะให้คุณค่าความสำคัญ
คำตอบดูจะเป็นประการหลังเสียมากกว่า
อันที่จริง ผมคงจะไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไรเลย และอาจจะรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ ถ้าชนรุ่นลูกมองโลกแบบเรียบง่าย ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรมากมาย
ในกรณีดังกล่าวคำว่า "มันก็แค่ต้นโพธิ์.." ย่อมไม่ต่างจากคำสอนของพระที่คอยบอกเราว่าชีวิตไม่จีรัง กายสังขารทั้งหลายล้วนเสื่อมทรุดไปตามกาลเวลา
แต่ในเมื่อเราทั้งปวงยังไม่ได้บรรลุธรรมกันจริง ก็คงต้องพูดกันในกรอบคิดของโลกียชน หรือปุถุชนธรรมดา
ห้วงเทศกาลเดือนตุลาปีนี้ จริงๆ แล้วข่าวโพธิ์หักไม่ใช่ข่าวเดียวที่คนรุ่นผมนำมาถกเถียงพูดคุยที่ น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือการมี "คนเดือนตุลา" อยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลายคน บางคนกระทั่งขึ้นไปสูงถึงในระดับรองนายกรัฐมนตรี
ผมถามพรรคพวกว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี...ความเห็นก็ออกมาหลากหลายคล้ายๆ เรื่องราวของต้นโพธิ์
โดยส่วนตัวแล้วทั้งหมดล้วนมีมุทิตาจิตกับบรรดาสหายเก่าที่ได้รับตำแหน่งใหญ่ แต่พวกเราก็จำต้องยอมรับว่าฐานะเช่นนี้มิใช่ทั้ง "วาสนา" และปรารถนาของ "คนเดือนตุลา" ทุกคน
พูดถึงคำว่า "คนเดือนตุลา" ผมเองเป็นคนคิดคำนี้ขึ้นมาในปี พ.ศ.2539 คราวปราศรัยเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของกรณี 6 ตุลาคม ครั้งนั้นผมเพียงแค่อยากลบช่องว่างที่มีอยู่บ้างระหว่างคนรุ่น 14 ตุลาคม กับ 6 ตุลาคม และอยากเห็นพี่ๆ น้องๆ รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ผมนึกไม่ถึงเลยว่าต่อมามันได้กลายเป็นยี่ห้ออะไรสักอย่างที่สังคมใช้เรียกขานพวกเรา รวมทั้งกลายมาเป็นสถานภาพรวมหมู่ที่หลายคนภาคภูมิใจ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ผลกระทบด้านลบของยี่ห้อรวมหมู่มันก็มีอยู่บ้าง อย่างน้อยเท่าที่ผมนึกออกอาจจะมีอยู่สักสองประการ
ประการแรก คำว่า "คนเดือนตุลา" บางทีก็ไปยั่วยุต่อมหมั่นไส้ของคน "เดือนอื่น" อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะชนรุ่นหลังที่รู้สึกว่าถูกบังคับให้ยอมรับบรรทัดฐานผิดถูกดีชั่วของคนรุ่นผม ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นคุณค่าอันใดของเหตุการณ์ในปี 2516 กับ 2519
ประการต่อมา ที่ผมเห็นว่าเป็นข้ออ่อนเสียยิ่งกว่าข้อแรก...คือคำว่า "คนเดือนตุลา" บอกได้แค่ที่มาของผู้คนจำนวนหนึ่งในประเทศไทย แต่ไม่ได้อธิบายลักษณะที่เป็นอยู่และยิ่งไม่ได้บอกสภาพของพวกเขาในอนาคต
พูดอีกแบบหนึ่งก็คือว่าแม้อดีตจะคล้ายกัน แต่ปัจจุบัน "คนเดือนตุลา" ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป
ทุกวันนี้ หลังจากผ่านกาลเวลามาสองสามทศวรรษ เราไม่ได้สักแต่ว่าเป็น "คนเดือนตุลา" ด้วยกัน หากยังแตกหน่อแตกกอออกไปเป็นรัฐมนตรีเดือนตุลา นักการเมืองเดือนตุลา นักวิชาการเดือนตุลา นักธุรกิจเดือนตุลา กรรมกรเดือนตุลา เกษตรกรเดือนตุลา เอ็นจีโอเดือนตุลา หรือแม้กระทั่งผู้ยากไร้เดือนตุลา ฯลฯ
แค่เรื่องของกิ่งก้านสาขาทางอาชีพและฐานะในสังคมก็นับว่าหลากหลายมากแล้ว ยังไม่ต้องเอ่ยถึงความแตกต่างห่างถี่ในเรื่องนิสัยใจคอตลอดจนความประพฤติของแต่ละปัจเจกบุคคล
ปัจจุบันในหมู่ "คนเดือนตุลา" เรา มีตั้งแต่ถือศีลกินเจเข้าวัดเข้าวาไปจนถึงพวกที่แคระแกร็นทางคุณธรรม มีตั้งแต่พวกที่เติบใหญ่ใสกระจ่างทางภูมิปัญญาไปจนถึงพวกศีรษะเป็นรูปสี่เหลี่ยน พูดง่ายๆ คือ มีปัจเจกภาพหลากหลายไม่แพ้คน "เดือนอื่น" เหมือนกัน
ในมิติเช่นนี้ยี่ห้อรวมหมู่จึงแทบไม่ได้บอกอะไรเลย
ใช่...ในแง่หนึ่งเราเป็นไม้พันธุ์เดียวกัน ความละม้ายคล้ายคลึงคงต้องมีอยู่บ้าง แต่พูดไปแล้วมันก็เหมือนต้นโพธิ์นั่นแหละ ไม่ใช่ทุกต้นจะอยู่ในฐานะเดียวกับที่ธรรมศาสตร์และยิ่งไม่ใช่ทุกต้นจะเคยเป็นที่ตรัสรู้ของศาสดา
ไม่ว่าเป็นคนหรือต้นไม้ สุดท้ายก็ต้องดูกันว่าไปงอกงามอยู่ ณ ที่ใด
สุดท้ายก็ต้องดูกันว่าไม้แต่ละต้นให้ร่มเงาดอกผลมากน้อยแค่ไหน และให้กับใคร
Create Date : 03 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2550 16:38:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 648 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|