Europe trip * : Marktschellenberg - Salzburg, ตามรอย The Sound of Music
24.10.2015



หลังจากไปเที่ยวยอด Zugspitze ไปในตอนที่แล้ว ตอนนี้เราจะย้ายประเทศ ไปออสเตรีย 
แต่มีแว็บๆ ข้ามชายแดนมาเที่ยวเขตเยอรมันด้วย โดยเราจะไปค้างคืนที่ Salzburg
ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังก้องโลก โมสาร์ทนั่นเอง

ตอนนี้เราจะรวบยอด 2 วันนะคะ คือ วันแรกเราจะไปขึ้นเขาที่เมือง Marktschellenberg อยู่เขตเยอรมัน
ตามรอยภาพยนตร์เพลงชื่อดังในอดีต The Sound of Music ที่มาเรียนางเอกของเรื่อง
ไปร้องเพลงฉากเปิดหนังที่ทุ่งหญ้าบนเขาแห่งนี้ .. เราจะไปถึงมั้ย ต้องติดตามดูนะคะ 555

ส่วนวันที่ 2 เราจะพาทัวร์เมือง Salzburg ประเทศ ออสเตรีย

เราเช็คเอ้าท์จากโรงแรมแต่เช้า หลังจากทานอาหารเช้าของโรงแรมเรียบร้อย 
เตรียมออกเดินทางจาก Munich ด้วยรถไฟเที่ยวที่ 2 ของวัน เวลา 7.55 น. รถไฟขบวน M 79009
วิ่งระหว่างเมือง Munich - Salzburg วิ่งตรงใช้เวลา 1.46 ชั่วโมง ถือเป็น Local Train 
สามารถใช้ Bayern ticket ได้ ซึ่งวันนี้เราก็จะใช้ Bayern Ticket สำหรับ 3 คน เพราะอย่างที่บอก
ตั๋วนี้เดินทางหลายคนแล้วคุ้มมาก ซึ่งนอกจากเราจะใช้วิ่งจาก Munich - Salzburg แล้ว
เรายังจะใช้ตั๋วใบนี้ขึ้นรถบัส สาย 840 จาก Salzuburg ไปขึ้นเขา Marktschellenberg  ที่อยู่ชายแดนเยอรมันได้ด้วย

รถไฟเที่ยวนี้คนเยอะกว่า หลายๆ ขบวนที่เราเคยขึ้นมา ที่นั่งเต็มเกือบทุกที่ เราใช้เวลา 1.46 ชั่วโมง
ก็มาถึง Salzburg บอกก่อนว่าวันที่เราไป เป็นช่วงผู้อพยพเข้าเมือง
ที่สถานีรถไฟ มีการกักตัวผู้อพยพทางเข้าออกสถานี แล้วบริเวณข้างนอกจากมีแคมป์ทหารที่ดูแลเรื่องนี้
และทหาร ตำรวจ เดินกันพลุกพล่านมาก (ตำรวจหล่อมาก 555 ) 
มีเรื่องทำให้พวกเราหน้าแตกคือ ตอนที่เราจะเดินออกจากสถานีรถไฟ เราก็ไปร่วมต่อแถวกับพวกผู้อพยพ 5555
แล้วตำรวจก็มาบอกเราว่า ยูไปได้ ไม่ต้องต่อ 5555 เราก็คิดว่าเค้าตรวจทุกคน สงสัยเหนหน้าเอเชีย
เลยไม่จำเป็นต้องต่อ วิ่งออกจากแถวแทบไม่ทัน 



ที่จอดจักรยานที่สถานีรถไฟ บ่งบอกได้ว่าคนเมืองนี้ชอบปั่นจักรยาน 



เราต้องเอากระเป๋าไปฝากที่โฮสเทลที่เราจะพักคืนนี้ก่อนที่จะออกเที่ยวตามแผนที่วางไว้
โฮสเทลเราจะพักตลอด 3 คืนใน Salzburg คือ YoHo International Youth Hostel 
โฮสเทลยอดฮิตของนักท่องเที่ยวนั่นเอง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟด้วยการเดินประมาน 10 นาที
สามารถเดินไปยังแหล่งท่องเที่ยว อย่างสวนมิราเบลได้ จะบอกว่าทริป Salzburg เราเดินเที่ยวอย่างเดียว
ที่เที่ยวอยู่ไม่ไกลกันมาก อากาศดีๆ ก็เดินชมบ้านชมเมืองไป 

ที่นี่เช็คอินได้บ่าย 3 มีครัวเล็กๆ ทำอาหารได้ แต่เป็นครัวรวมซึ่งมีแค่เตาไมโครเวฟ กาน้ำร้อน 
จานชาม ช้อนส้อม มีอาหารเช้าบริการ แต่ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก 
มีห้องดูทีวี นั่งเล่น แล้วเค้าจะเปิด The Sound of Music ตอน 2 ทุ่มให้ดูทุกวัน อินไปอีก 5555
เราจองห้องแบบ 3 คนเป็นเตียง 2 ชั้น ชั้นล่างนอนได้ 2 คน ชั้นบนนอนคนเดียว
ห้องไม่ใหญ่มาก มีอ่างล้างหน้าให้ ห้องน้ำรวมแยกหญิงชาย 



ข้อเสีย คือ ประตูห้องอาบน้ำสยิวมากมันขุ่นๆ เห็นทรวดทรงองเอวชัดเป๊ะ ไดร์เป่าผมเบาไปหน่อย ไม่มีสบู่ให้ด้วย 
ห้องสุขา มีน้อยไปหน่อยต่อ 1 ชั้น มีแค่ 2 ห้องเอง ฮือๆ 
Wifi จะเร็วมากที่บริเวณลอบบี้ แต่ในห้องคือช้ามาก ถึงมากที่สุด
ขอดี คือ เดินทางสะดวก ราคาไม่แพงมาก ตกคนละ 1 พันบาทนิดๆ ต่อคืน พนักงานโอเค 

เอาล่ะ พอเราฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินย้อนกลับมาที่สถานี แล้วไปออกประตูอีกฝั่ง
เพื่อจะไปป้ายรถเมล์ 840 ซึ่งเป็นสายที่นั่งไป Berchtesgaden
เส้นนี้เป็นบัสสายเดียวของ Salzburg ที่ใช้ Bayern Ticket ได้นะคะ เพราะวิ่งข้ามเขตออสเตรีย - เยอรมัน 
หากใครไม่มี Baryern ticket สามารถซื้อตั๋ววันที่คนขับตกคนละ 9 Euro สำหรับบัสสายนี้ และสายอื่นๆ ใน Salzburg ด้วย

ป้ายบัส 840 จะอยู่หน้าห้าง Forum ตรงข้ามกับร้าน Mc ใหญ่ๆ หาไม่อยากค่ะ 
เรามี Bayern ticket แล้วเราก็ยื่นให้คนขับ แล้วเข้าไปนั่ง วันนี้นั่งท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ
ส่วนมากเค้าจะไป Berchtesgaden กัน แต่เราไม่ค่ะ ไว้ไปวันมะรืน เราขอแวะกลางทางลง Marktschellenberg ก่อน
บนรถบัสมีบอกเส้นทางนะว่าถึงป้ายไหนแล้วไม่ต้องกลัวหลง ป้ายที่เราลงคือ Marktschellenberg ไม่มีคนลงเลย 555555 
นั่งมาประมาน 30 นาที เราก็มาถึง พอมาถึงก็งงมากๆ ว่าเราจะไปทางไหนดี
ในแผนที่ที่โหลดมา ไม่ถึงเส้นทางนี้ด้วย โอ้ยแย่จังงงง 

บริเวณป้ายมีลำธารที่น้ำใสมากๆ เมืองเล็กๆ แห่งนี้เงียบสงบมีเพียงรถที่วิ่งผ่านไปมาไม่เยอะมาก



จากป้ายบัสก็ข้ามถนนมา เป้าหมายเราคือเขา Mehlweg ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ามาเรีย ฉากเปิดตัวในหนัง The sound of music นั่นเอง 
ทางเดินขึ้นเขาต้องผ่านหมู่บ้านในเมืองนี้ก่อน ซึ่งจะสร้างอยู่เนินเรียงซ้อนๆ กันขึ้นไป น่าอยู่มาก





แต่จะบอกว่าที่นี่มีหลายเขามาก หลายทุ่งมาก เพราะมันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับการมา Trek มาก
เราเดินตามป้ายไปมา ถามคนแถวนั้นเค้าก็ชี้ทางขึ้นเขาที่เป็นป่าให้เรา เราบอกพิกัดชัดๆไม่ได้
เพราะตอนเราไปเราก็คิดว่าเราหลงเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเราถึงเขาไหนแล้ว เราเดินตามทางที่เป็นป่ามาประมาน เกือบๆ ชั่วโมง



เราก็เจอทุ่งหญ้างแห่งแรก แต่เราว่ามันยังไม่ใช่ เพราะมันยังต่ำเกินไป ยังเห็นหมู่บ้านอยู่
เพราะในฉากหนังข้างหลังมันต้องเป็นภูเขาสินะ อะ แต่ฉากนี้ก็ทำเราสตั๊นไปเหมือนกัน
 เอออ มันสวย มันสวยมาก เราอิจฉาคนที่มีบ้านอยู่ตรงนั้น นั่งพักประมาน 10 นาทีแล้วเดินต่อไปอีก  





บอกเลยว่าเหนื่อยมากจริงๆ วันนี้แดดก็ดี๊ดีนะ 5555 อะไม่บ่น เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอถนนค่าา และทุ่งหญ้าแบบนี้




เห้ยมันสวย ดูชนบทๆ ถนนตัดผ่านภูเขา ทุ่งหญ้าเขียวๆ แล้วเราจะเดินไปทางไหนดีหว่า 
สรุปเดินไปตามความรู้สึก แต่รุ้สึกลึกๆ ว่ากูมาผิดทางละ นี่ไม่น่าใช่ทุ่งหญ้ามาเรียแบบใจเราต้องการ
พอหันไปซ้ายมือ เห้ยยย มันเหมือน แต่รู้ว่าไม่ใช่ แต่เหนื่อยละไง แค่ทุ่งนี้ก้พอละ เดินเข้าไปเลยจ้า
กางแขน ร้องเพลง 'The Hills are Alive' ประหนึ่งวิญญาณมาเรียเข้าสิง ฟินนนนค่า



เอาออริจินอลไปเทียบ นี่มาเรียตัวจริง แต่เรามันมาลาเรีย 5555






ถ้ามีโอกาสกลับไปซ้ำอีกรอบ เราจะไปให้ถึง Mehlweg ให้ได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า เรามาทางตรงข้ามกับ Mehlweg 5555555555 



ใช้เวลาอยู่กับจิตวิญานของมาเรียสักพักใหญ่ ๆ ตอนนี้ก็บ่าย 2 ได้ละ ถึงเวลาลง เราก็ลงทางเดิม
เจอฝรั่งมา Trek ก้ทักทายกัน เค้าน่ารัก อายุเยอะแล้ว แต่หาเวลามาออกกำลังกาย เดินป่า เดินเขา
ชีวิตเค้าดีเนอะ แก่ไปก็อยากมีชีวิตแบบนี้บ้าง 




เรากลับไปรอรถที่ป้ายเดิม เพื่อกลับ Salzburg แต่เราจะไปลงที่ป้ายสวน Mirabell เพื่อจะไปหาข้าวเย็นกิน
วันนี้เราอยากกินอาหารเอเชียมากกกก เสิชเจอในแผนที่ เห็นมีบุฟเฟ่อาหารจีนชื่อ Yuen อยู่ตรงถนน Getreidegasse 
ซึ่งเป็นถนนสาย shopping ของ Salzburg มีร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย รวมถึงร้านอาหาร ของที่ระลึก แต่เราว่าไม่ค่อยคุ้ม
เพราะราคาบุฟเฟ่ต์ไม่รวมน้ำ ตกหัวละ 12 ยูโร ของน้อยมากๆ แต่รสชาติก็พอได้ 

ถนน Getreidegasse 


สำหรับถนน Getreidegasse ตลอดเส้นจะเห็นร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับ Mozart ทั้งน้ำหอม ช็อคโกแลต ราคาก็ค่อนข้างแพง 



ถนนเส้นนี้จะคึกคักเป็นพิเศษตลอดทั้งวัน และไฮไลต์ของถนนเส้นนี้คือ Mozarts Geburtshaus หรือ Mozirt's birthplace 
บ้านเกิดของ โมสาร์ทนั่นเอง เราสามารถขึ้นไปได้ ข้างบนจะเป็นมิวเซียม รวบรวมเรื่องราวของโมสาร์ท
ใครใช้ Salzburg card เข้าฟรี แต่เราไม่ได้เข้าไปชม เพราะไม่ค่อยอินกับโมสาร์ทเท่าไหร่
บอกแล้วเรามาเป็นมาเรียไง จำไม่ได้หรอ 5555555




25.10.2015

... เช้าวันต่อมา วันนี้เรามีแผนเที่ยว Salzburg ทั้งวัน ท้องฟ้าวันนี้แจ่มใส เหมาะแก่การเดินเล่นในเมืองแห่งนี้
ที่เมืองนี้ เราสามารถเดินเล่นได้ทั่ว เดินเพลินๆ ไม่เหนื่อยนะเราว่า หากใครขี้เกียจเดินบวกกับมี Salzburg Card กลัวไม่คุ้มก็ใช้บริการรถเมล์ได้ 

จากที่พักเราไปยังที่หมายแรกที่ใกล้ที่สุดคือสวนมิราเบล ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในหนังที่มาเรียพาเด็กๆ มาร้องเพลง Do re mi 
ในสวนมิราเบลก็เป็นสวนดอกไม้ขนาดย่อม เราว่าเฉยๆ นะ 5555 ไม่ได้สวยอะไรมาก
ตอนไปดอกไม้ก้ไม่ค่อยเยอะ แต่นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว 





ตรงนี้ก็เป็นอีก 1 ฉากในหนังที่มาเรียกับเด็กๆ มาร้องเพลง โดเรมีที่บันไดตรงนี้




ถัดมาเราข้ามสะพานแม้น้ำซาลซัคมายังฝั่งเมืองเก่า สะพานนี้สามารถคล้องกุญแจได้ด้วยนะเธอ
ใครลืมพกกุญแจมาตามร้านขายของที่ระลึกมีขายนะ สีแดง ๆ คอลเลคชั่นคู่เลิฟราคาแรงไม่เบา
วิวจากสะพานมองเห็นป้อมปราการ Hohensalzburg วิวดีมากกกก





หลังจากข้ามสะพานมาเราขอเลาะเที่ยวฝั่งซ้ายมือของเมืองเก่าตรงไปทางป้อมปราการก็จะมีที่เที่ยวไฮไลต์มากมาย 
เราเดินไปตามความรู้สึก และ GPS นะ เจออะไรก่อนก้แวะอันนั้น 5555

ต่อมาเป็น mozart platz ตรงนี้เหมือนเป็นจตุรัสกลางเมือง มีรูปปั้นโมสาร์ท และร้านอาหาร ร้านกาแฟอยู่รอบๆ 
เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟ อาบแดดอุ่นๆ มองผู้คนเดินไปมา 



เดินขึ้นไปอีกนิดจะเจอ Residenzplatz ที่มีน้ำพุใหญ่ๆ อยู่ตรงกลาง เป็นอีก 1 ฉากในหนังที่มาเรียเอามือมาวักน้ำพุ 555
แต่ตอนที่เราไปมันปิดปรับปรุงพอดี เลยมองไม่เห็นน้ำพุเลย ฮือๆ 
อ้อ แถวนี้จะเป็นที่จอดรถม้าด้วยนะ ใครอยากนั่งรถม้าชมเมืองก็ได้บรรยากาศเหมือนกัน



ตรงข้ามกันนั้นก็เป็น Salzburg Cathedral โบสถ์ประจำเมือง Salzburg วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์พอดี
เค้ามาเข้าโบสถ์กัน เราเลยได้มีส่วนร่วมในพิธี แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูป ข้างในสวยงามเหมือนกัน
ข้างหน้ามีรูปปั้นพระแม่มารีย์ แต่เสียดายปิดปรับปรุงอีกแล้วว 



เดินผ่านไปอีกหน่อยก็จะเจอทางขึ้นปราสาท Hohensalzburg ตรงนี้จะมีลูกปั้นคนยืนอยู่บนลูกกลมๆ สีทอง



ระแวกนี้จะเป็นลานกว้างๆ เราไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้าง แต่วันนี้มีจัดวิ่งมาราธอน คนคึกคักมาก
ทั้งกองเชียร์และนักวิ่ง เราก็มีโอกาสไปร่วมยืนปรบมือกับนักวิ่งตอนวิ่งเข้าเส้นชัยเหมือนกัน
เค้าใช้มือตบแบบม็อบบ้านเราด้วย สงสัยมาเหมาไปจากกรุงเทพ 555555 





เราไม่ได้ขึ้นไปบนปราสาทนะคะ เวลาไม่พอ เพราะเราจะไปชมวิวมุมสูงที่ Museum der Moderne แทน
หากใครสนใจค่าขึ้น 11 ยูโร หากมี Salzburg Card ก็ขึ้นฟรีไปเลย 

จากนั้นเราเดินย้อนมา อีกฝั่งของเมืองเก่า เพื่อจะไป  Museum der Moderne บนยอดเขา Monchsberg

ระหว่างเจอโบสถ์ Kollegienkirche ให้เข้าฟรี อะเข้าไปสักหน่อย ตอนนั้นบ่ายแก่ๆ ละไม่มีพิธีอะไรแล้ว
เห้ยยย มันสวยมากก ข้างในเป็นสีขาวหมด กำแพงแกะสลักละเอียดสวยเลยอะ ต้องเข้านะ 



พอเดินมาถึง Museum der Moderne ที่นี่เราจะใช้วิธีเดินขึ้นเขาก็ได้ หากไหว หรือจะขึ้นลิฟท์ก็ได้ ราคาเที่ยวละ 2 ยูโร
อย่างเราอะหรอ ลิฟท์สิคะรออะไร แต่เราขึ้นอย่างเดียวนะ ตอนลงเราเดินลง

บรรยากาศข้างบนนี้เห็นวิว Salzburg ทั่วเมืองจริงๆ แล้วที่นี่ก็เป็นอีก 1 ฉากของหนัง
ที่มาเรียพาเด็กๆ มาร้องเพลง Do re mi ด้วย อินกับหนักไปอีก 55555
วิวบนนี้สวยมาก เราว่าสวยกว่าวิวบนปราสาท Hohensalzburg อีกนะ 
บนนี้มีร้านอาหารด้วย วิวโคดโรแมนติกเลย มาลองได้นะ



เห็นวิวแม่น้ำซาลซัคที่ไหลผ่านกลางเมือง 





ระหว่างทางเดินลงเขาก็จะเป็นอารมณ์เดินป่าอีกแล้ว 5555 แต่ไม่เหนื่อยไง เดินไปเรื่อยๆ ไกลเอาเรื่องเหมือนกัน
ไม่อยากจะคิดว่าคนที่เดินขึ้นมาจะเป็นยังไง 



ระหว่างทางมีหอนาฬิกา เราคิดว่าน่าจะเป็นโบสถ์รึป่าว 





พอใกล้ถึงข้างล่างจะมีสนามเด็กเล่นลอยฟ้า (นี่เราแต่งเอง)
คือวิวดีมากกกกกก บอกเลย ต้องไปแย่งเด็กเล่นดูนะ 5555 เครื่องเล่นเค้าสนุกดี




ในที่สุดเราก็ลงมาข้างล่าง เดินเลาะริมแม่น้ำซาลซัค ก่อนที่แสงสุดท้ายของวันจะหมด ...
Salzburg มันไม่ใช่แค่เมืองทางผ่าน เพราะมันมีอะไรที่มากกว่านั้น จงใช้เวลาซึมซับกับเสน่ห์ของมันเถอะ
แล้วคุณจะตกหลุมรักเมืองนี้แบบไม่รู้ตัว  :) ตอนหน้าเราจะกระโดดข้ามไปเยอรมันอีกครั้ง แล้วเจอกันนะ ^^








Create Date : 27 มกราคม 2559
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2559 21:08:15 น.
Counter : 4075 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉันจะเที่ยวให้รอบโลก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]