Keep Memories Alive in my Diary
Europe Grand Trip : Italy - Swiss - France มากี่ครั้งก็ยังรักยุโรป ภาคแรก


สวัสดีครับทุกท่าน

กลับมาพบกันอีกครั้งครับ รอบนี้หอบรีวิวมาฝากอีกครั้งกับทริปยุโรป 
รูทเบสิคที่หลายท่านคุ้นหูคุ้นตากันอย่างดีครับ

อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส ....
เย้ๆ สามประเทศนี้ทัวร์ขายกันมาอย่างยาวนานครับ
การันตีว่า ไปแล้วเต็มอิ่มได้สัมผัสกลิ่นอายของยุโรปแบบสวยงามและลงตัวครับ

ถ้าไปยุโรปครั้งแรก ... รูทนี้ผมว่าจะทำให้หลายๆคนประทับใจครับ 
เพราะได้ครบทุกรสชาติ

เอ้ามาดูกันครับ 9 วันของทริปนี้ผมไปที่ไหนมาบ้างครับ
ไฮไลท์ของทริปนี้คือ

Milan Expo 2015 - Jungfraujoch "Top of Europe" -
the Fantastic Alsace Wine Region - Paris

Day01: Italy : Milan

Day02 : Italy : Milan

Day03 : Swiss / Interlaken 

Day04 : Swiss / Jungfraujoch / Lucern

Day05 : France / Alsace Region

Day06 : France / Colmar

Day07 : France / Paris

Day08 : France / Paris



ทริปนี้ ช่วงต้นทริปคือการไปสัมผัสกับ World Expo 2015 ครับ
รอบนี้จัดกันที่มิลาน ..

สำหรับคนที่จะตามรอยหลังจากนี้ ผมแนะนำให้เปลี่ยนเป็น โรม ฟลอเรนซ์แทนครับ 
หรือถ้ามีเวลาอีกสักวัน สามารถนั่งรถไฟไปเวนิส ได้ครับ

ก็จะเป็นการเก็บอิตาลี ตอนกลางและบนได้พอสมควร 


(เว้นแต่ถ้าไปครั้งแรกแล้วอินดี้ ชอบทะเลสาบ ชอบขุนเขาก็ไปโซน
Lake Como แทนก่อนจะย้ายก้นไปสวิสก็เป็นรูทที่งดงาม ฟินกลับไทยครับ )



ทริปนี้ผมไปช่วงเดือน ตุลาคม ครับ ...
ไปช่วงนี้ยุโรปคือ
Autumn ฤดูใบไม้ร่วงก่อนเข้าหน้าหนาว

ความพิเศษคือใบไม้เปลี่ยนสีครับเสน่ห์ของยุโรปของใบไม้เปลี่ยนสีคือความกลมกล่อมของสถาปัตยกรรมสวยๆกับใบไม้หลากสี


นอกจากนี้ อากาศกำลังดีครับ เพราะกำลังเข้าหน้าหนาว
อุณหภูมิจะอยู่ช่วง
10-20องศา เหมาะกับการเดินเล่นมากกกก

จับมือกันเดิน กำลังโรแมนติกดีชะมัดครับ แต่ข้อเสีย คือ
อากาศจะเอาแน่นอนไม่ได้ แปรปรวนนิดหน่อย

ใครทำบุญมาดี อาจจะเจอฟ้าใสมีแดดแต่มีความเสี่ยงจะเจอฝนบ้างในบางพื้นที่ครับ



เรื่องวีซ่าคงไม่ลงลึกน่ะครับ ขอเชงเก้นวีซ่าตามปกติเลย
อยู่ประเทศไหนมากสุดก็ขอประเทศนั้นครับ

ครั้งนี้เป็นยุโรปครั้งที่สี่ของผมในรอบสองปีละ ...
ยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเดิมทุกครั้งครับ ....


เพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ก็พิเศษมากๆ
เพราะไปพร้อมกับ รายการหนีเที่ยว ของ คุณฟลุ้ก เกริกพลและคุณนาตาลี

ที่ไปถ่ายทำรายการเทปเที่ยวยุโรปพอดีครับ สนุกสนานกันตลอดทริปมาก
เพราะคุยกันถูกคน ชอบถ่ายรูป เอนจอยการกินการเดินเที่ยวเหมือนกันหมด

และแน่นอนว่าทัวร์ที่ใช้บริการครั้งนี้เป็นทัวร์เดียวกับที่ผมไปฮอกไกโด
มาเมื่อต้นปีก่อนครับ
 นั่นคือ Napira Travel Stylist

ประทับใจมากๆกับความพิเศษ อบอุ่นและกันเองจนปลายปีต้องจับจองมาทริปยุโรปนี้อีกครั้ง

กรุ้ปเราสิบคนครับ เป็นทีมงานรายการ สี่คนที่เหลือเป็นคนรักการเที่ยวที่โชคดีมากๆ วัยรุ่นๆเดียวกันหมด ฮ่าๆๆ เลยสนุกครับ ....

ถ่ายรูปกันมันมากกกกกก



ผมหยิบไฮไลท์ในแต่ละวันของทั้งทริปออกมาให้ดูกันครับ
ความพิเศษอีกอย่างของทริปนี้คือ ช่วงการไปตะลุย แคว้น อัลซาส ของฝรั่งเศสครับ

ซึ่งถ้าเราดูจากแผนที่จะคือพื้นที่ด้านขวาตอนบนครับมีชื่อเสียงเรื่องไร่ไวน์
เมืองเล็กๆ น่ารัก เช่น โคลมาร์ซึ่งถือเป็นเมืองที่ผมอยากมาเที่ยวนานมากๆแล้วเช่นกัน
 ดังนั้นทริปนี้จึงเป็นอีกทริปที่ผมตั้งใจมาและมีความสุขตลอดทุกวันครับ ...



รูทการเดินทางครับ เผื่อบางท่านนึกภาพไม่ออกว่า ที่เค้าจัดกัน สามประเทศนี่

 เดินทางยังไง ทำได้ยังไง เพราะสามประเทศนี้มีพรมแดนติดกันหมดครับ ...



Day01 : Milan 

มิลาน แดนแฟชั่น .. มีอะไรให้ดู
เอาจริงๆค่อนข้างจะเป็นเมืองที่วุ่นวายครับ เมืองใหญ่ ผมมารอบนี้ครั้งที่สองละ

ส่วนตัวเฉยๆกับมิลาน แม้จะมีดูโอโม่สวยๆแต่มาดูสักครั้งก็ถือว่าโอเค
ที่เรามามิลานรอบนี้เพราะ เวิร์ล เอ็กโปจัดกันที่นี่ครับ

เลยมาปักหลักสองคืนแรกกันที่นี่ 


เราพักกันที่ Star Hotel Rosa Grand ครับ โรงแรม 5 ดาว ที่โลเคชั่นสุดยอด

นั่นคืออยู่หลังดูโอโม่ ของเมืองมิลานครับ เรียกว่าใจกลางเมืองสุดๆ

ออกมาเดินเล่นรอบๆดูโอโม่ได้สะดวกมากถึงมากที่สุด



เดี๋ยวเอาบรรยากาศของงานเวิร์ลเอ็กโป มาให้ดูกันครับ 
ช่วงที่ไปเป็นช่วงท้ายๆ ของการจัดงานแล้ว 

คนเลยแห่กันมาก่อนงานปิดครับ คนเยอะมากกกกก เยอะจริงๆ ..
ยิ่งถ้าเป็นบูทดังๆ พวกญี่ปุ่น นี่ต้องมาต่อคิวกันตั้งแต่เช้าครับ

เพราะคิวจะยาวมากกกถึงมากที่สุดรอกันห้าหกชั่วโมงครับ ...
ชาวคณะกรุ้ปเรา ซาวด์เสียงกันแล้ว ขอไปเดินที่อื่นกันดีกว่าครับ

สรุปคร่าวๆที่ผมได้เข้าไปดู ...พวกประเทศตะวันออกกลาง
โปรดักชั่นดีงามครับ พวก ซาอุ กาต้าร์ นี่เนียนๆเลยครับ สงสัยเงินเยอะด้วย



ซึ่งความพิเศษคือทาง Napira Travel Stylist ได้ติดต่อมาเป็นกรุ้ปพิเศษครับ
ดังนั้นบูทที่เราไป เรา
จะถือเป็น VIP เข้าทาง Express ได้เลย 

ลดเวลาในการต่อคิวไปได้หลายบูทเลยครับ

ใครยังไม่เคยเข้าชมงานเวิร์ลเอ็กโป คงต้องรอรอบหน้าน่ะครับ

เป็นงานระดับโลกที่เหมือนเป็นการจับมือของเหล่าสมาชิกต่างๆทั่วโลกครับ

เหมือนเป็นงานแสดงความเป็นชาติพันธุ์ วัฒนธรรม
เสน่ห์ของแต่ละประเทศไว้ในพื้นที่เดียว

มาเดินงานเดียวเหมือนเราได้ไปเที่ยวรอบโลกครับ ...  


แน่นอนว่าไม่พลาดบูทของประเทศไทยเราครับ ...

บูทเราก็ใช่ย่อยน่ะครับชาวต่างชาติต่อคิวกันยาวเหยียดเช่นกันครับ

รอบนี้คอนเซ็ปของงานจะเป็นเรื่อง อาหารของโลกครับ
ไทยเราก็จะเน้นเรื่อง ข้าว ซึ่งเป็นเกษตรกรรมหลักของประเทศมาช้านาน

ด้านหน้าบูทมีการจัดแแปลงนาจำลอง มีน้องควาย หุ่นไล่กาคลาสสิคมากกกกกกกก



มื้อเย็นวันนี้ พิเศษหน่อยครับ ไปกินกันที่ร้านดังของมิลาน

Tatufe& friends ครับ ... ร้านดังของเห็ดทรัฟเฟิล ครับใครชอบเห็ดทรัฟเฟิล
ซึ่งถือเป็นเมนูอาหารที่แพงมากๆ จานนึงแนะนำให้มาลองร้านนี้ครับ

ไอ้ที่เราเคยเจอๆ กัน ผงเห็ดทรัฟเฟิล ชิ้นเล็กๆมาเจอร้านนี้นี่ตายไปเลยครับ เหมือนปลูกกันอยู่ที่หลังร้านครับ ให้เยอะมาก

ให้ทุกเมนูไม่เว้นแม้แต่ของหวาน
ก็ยังรังสรรค์ให้มีเห็ดทรัฟเฟิลในเมนูด้วย ...รสชาติโดยรวมอร่อยได้มาตรฐานมากๆครับ ... คนที่นี่ดินเนอร์กันดึกหน่อยครับสองสามทุ่มนู้น

ดังนั้นไทยๆ อย่างเรา มากินช่วง ทุ่มนึงกำลังสวยครับคนไม่เยอะมาก
แต่ก็แนะนำให้โทรมาจองที่นั่งไว้ก็ดีครับ



Day02 : Milan


วันนี้เหมือนเก็บตกมิลานเพิ่มเติมครับ
ช่วงเช้าก็เข้าไปเดินชม World Expo อีกรอบครับ คนเยอะเช่นเคยยยยยยย

อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ ถ้าจะลอกทริปตามผม หลังจากนี้

แนะนำให้เปลี่ยนสองสามวันที่มิลานเป็นพวก ฟลอเรนซ์ เวนิซ ก็จะลงตัวมากๆครับ เมืองเล็กๆของอิตาลีสวยงามและชิลจริงๆครับ ...

ส่วนใครชอบชอปปิ้งการมามิลานก็ไม่ผิดหวังครับเพราะย่าน กัลเลเรีย วิตโตริโอ เอมมานูเอล หรือย่านปิอาซซ่า เดล ดูโอโม่ ก็เป็นย่านละลายทรัพย์ชั้นดีเลยจริงๆ




Day 03 : Swiss - Lugano - Interlaken

เช้านี้เราย้ายก้น เข้าสู่สวิสเซอร์แลนด์ครับ โดยรถบัสส่วนตัวของคณะ

การมากับทัวร์จะดีตรงเรื่องการย้ายกระเป๋าไปมาแต่ละเมืองนี่แหละครับ
ก็จะสะดวกมีคนคอยจัดการ ไม่ต้องเหนื่อยเท่าไหร่ ยิ่งใครเป็นพวกพร็อบเยอะกระเป๋าหลายใบนี่สบายเลยครับ ...



มื้อเที่ยง เราแวะกินกันที่ Arte al Lago ห้องอาหารมิชลิน 1 ดาว ของโรงแรม 
Grand Hotel Villa Castagnola ครับ จุดเด่นอยู่ที่ห้องอาหารริมทะเลสาบครับ

วิวงามมมมมม เสียดาย วันนี้ฟ้าครึ้มๆ ไปหน่อยครับ ...

ทริปนี้สุดคุ้มค่าครับ เพราะได้ลิ้มลองร้านมิชลินติดตามสามร้านด้วยกันครับ
บอกเลยว่าทัวร์ทั่วๆ ไปไม่สามารถจัดให้ท่านได้แบบนี้แน่ครับ




นั่งรถต่ออีกราวๆ 3 ชั่วโมง ก็เข้าสู่เมือง อินเตอร์ลาเคน ครับ

เมืองที่นักท่องเที่ยวร้อยละ 90 มาปักหลักก่อนจะขึ้น ยอดเขาจุงเฟรา ของสวิส ครับ

Interlaken นี่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ 2 แห่งนั้นคือ ทะเลสาบธูน และทะเลสาบเบรียนส์

จริงๆ จะว่าไปแล้ว สวิสก็ให้อารมณ์อย่างนี้แหละครับ ขุนเขาและทะเลสาบ
รวมตัวกันอย่างลงตัว ออกมาเป็นทิวทัศน์สวยๆ งามตระการตา

สารภาพตามตรงว่า เมื่อก่อน ผมไม่เคยเมียงมอง สวิสเซอแลนด์เลยครับ 555+
รู้สึกไม่สวย ไม่อิน ไม่น่าจะมีอะไร ... แต่การมาเที่ยวรอบนี้เปลี่ยนความคิดผมเลย
สวิส สวยมากกกกก ... ขนาดอากาศไม่ค่อยดีน่ะครับ ... ยิ่งมุมสูงๆ

เห็นหุบเขา เห็นวัลเลย์ ทุ่งหญ้า เห็นน้องฮัว เดินอุ้ยอ้าย .. อากาศดี วิวดี
มิน่าละ ใครๆก็หลงรักสวิส ครับ ...


ที่อินเตอร์ลาเคน เราพักกันที่
Victoria Jungfrau ครับ
โรงแรมสวย ห้องพักสวย อาหารเช้าเลิศมากๆครับ
กินอิ่มพงกางก่อนไปขึ้นจุงเฟรากันเลย ...
ตลอดทริปเรานอน 4-5 ดาว เป็นหลัก 
กรุ้ปนี้เน้นกินดีอยู่ดี เที่ยวแล้วมีความสุขครับ ...



Day 04 : Jungfraujoch - Lucern





และแล้วก็มีถึงไฮไลท์ของทริปอีกหนึ่งวันครับ พลาดไม่ได้จริงๆ กับการขึ้นจุงเฟรา

เราตื่นกันแต่เช้าตรู่ครับ เพื่อไปยังสถานีรถไฟ Grindalwald Grund  
ซึ่งเป็นต้นสถานี ของรถไฟสายที่จะพาเราขึ้นไปยังยอดเขาจุงเฟราครับ


รถไฟเส้นนี้ถือได้ว่าเป็น Top of Europe ครับ .. เป็นสายรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป
วิวข้างทางงามมากกกกกกกก ... ตอนแรกง่วงๆพอรถค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป
นี่ตื่นตาตื่นใจจริงๆครับ ช่วงนี้กำลังจะเข้าหน้าหนาว หิมะเต็มภูเขาแล้ว

นั่งไปสักพักเราจะต้องไปต่อรถไฟอีกครั้งที่สถาที ไคลไชเดกซ์
อันเป็นสถานที่ที่รัชกาลที่ 5 
ของเราเคยเสด็จสมัยประภาสยุโรปด้วยครับ






ช่วงเปลี่ยนรถไฟจะมีระยะเวลาแป้บเดียวจริงๆครับ 10 นาทีได้
ใครจะเข้าห้องน้ำที่สถานีต้องรีบที่สุด ... ถ้าไม่ชัวร์ว่าขึ้นถูกขบวนมั้ยให้ถามเจ้าหน้าที่เลยครับ จะได้ไม่ผิดพลาด 




ยอดเขาจุงเฟรานั้นสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 11,333 ฟุต ครับ

ราวๆ 3 กิโลเมตร กว่าๆ ด้านบนอากาศค่อนข้างเบาบางครับ
เวลาเดิน หรือวิ่งจะเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ขึ้นมาถึงแล้วนั่งพักปรับสภาพร่างกายสักแป้บครับ ...

แนะนำเลยว่า ตอนเช้าควรหาอะไรกินเยอะๆ หรือพกพวกช็อกโกบาร์ติดไว้
เพื่อเพิ่มพลังงาน ไม่งั้นอาจจะหน้ามืดเป็นลม หมดสนุกกันครับ 





มีอะไรให้ทำบน สถานี จุงเฟรา ...

1.เดินชมถ้ำน้ำแข็งครับ เป็นทางเดินให้เราลัดเลาะไปเรื่อยๆ หลายร้อยเมตรครับ
ทางค่อนข้างแคบ ใครขี้กลัวหรือร่างกายไม่ฟิต ลองชั่งใจดูน่ะครับ ว่าไหวมั้ย

2.ถ่ายรูปกับธงสวิสกลางลานหิมะ อันนี้โคตรไฮไลท์ พลาดไม่ได้ มาแล้วยังไงก็ต้องถ่าย ตอนที่ผมไปนี่ ลมแรงมากกกก หิมะโปรยปรายยยย

3. ส่งโปสการ์ด จากจุดส่งไปรษณีย์ที่สุงที่สุดในยุโรป ... เลือกซื้อได้บนนั้นเลย
ส่งกลับมาหาตัวเองก็เกร๋ๆ ดีครับ





ด้านบนสถานีมีร้านอาหารพร้อมครับ ฝากท้องมื้อเที่ยงไว้ได้เลยครับ ...

โดยมากใช้เวลากันราวๆ 3 ชั่วโมงบนนี้ หลังจากนั้นให้ดูเวลาบนตารางครับ

ว่าขากลับเราจะลงเวลาประมาณกี่โมง ...
หลังจากนั้นก็กลับมาเดินเล่นพักผ่อนใน
อินเตอร์ลาเคนครับ







ตอนขาลงมาจากยอดจุงเฟรานั้น
เจอจังหวะที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงในวัลเล่ย์กลางหุบเข้าด้วยครับ
สวยงามมากกกกกกกกกก ...







เมนูแนะนำเมื่อมาเที่ยวสวิสน่ะครับ นั่นคือ ฟองดูๆๆๆ นั่นเองงงงงง

ใครชอบชีสต้องไม่พลาดเลยครับ ยิ่งหน้าหนาวแบบนี้น่ะครับ
หัวค่ำมาหาร้านนั่งกินฟองดูร้อนๆ เนื้ออร่อยๆ แบบนี้ เหมือนอยู่ในสวรรค์ครับ
มีความสุขกันถ้วนหน้าครับบอกเลย



Day 05 Lucerne

เมื่อวานหลังจากลงจุงเฟราเราเดินทางต่อเพื่อเข้าไปพักที่ เมืองลูเซิร์นครับ

เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์
เป็นอีกเมืองที่ถูกห้อมล้อมด้วย ขุนเขา และทะเลสาบเช่นกันครับ

แต่คณะเราทริปนี้โชคไม่ค่อยดีครับ วันที่มาลูเซิร์นนี้เจอฝนตก อากาศไม่ดี ฟ้าปิดครับ จริงๆดูในโปสการ์ด เซิชรูปในเนตนี่ มุมตรงทะเลสาบมันสวยมากกกกก

จะเห็นภูเขาอลังการห้อมล้อม  แถมด้วยสะพานไม้ชาเปล ก็กำลังซ่อมด้วยครับ
ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเลยยยย เสียดายครับ สงสัยต้องมาซ่อมรอบหน้า

เราเลยแวะเดินเล่นกันเบาๆ ชอบปิ้งในห้างกันนิดหน่อยในช่วงเช้า

แวะไปดูสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ซึ่งแกะบนผาหินธรรมชาติ
เพื่อรำลึกถึงการสละชีพของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1792

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางข้ามพรมแดน เข้าฝรั่งเศสในแคว้นอัลซาสกันต่อครับ ..





ขอจบภาคแรกไว้ที่เมืองลูเซินใน วันที่ 5 นี้ครับ ...
ทริปนี้ยาวนานสิบวันจะขอแบ่งเป็นสองภาค จะได้สะดวกในการรับชมครับ

เดี๋ยวภาคจบจะเป็นการลุยฝรั่งเศสแบบเต็มๆ ...

ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การตะลุยแคว้นอัลซาส แคว้นทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
ของฝรั่งเศส ที่โด่งดังเรื่องการทำไร่ไวน์ และเมืองเล็กๆ ที่สวยงามครับ ..
เป็นโซนที่ผมฝันอยากจะมาเที่ยวตั้งนานแล้วครับ ... ที่จองทริปมารอบนี้
ก็เพราะได้มาเที่ยวที่อัลซาดนี่แหละครับ รับประกันความสวยงาม จนร้องกรี้ดๆๆๆ

ติดตามชมกันได้เร็วๆนี้ครับ ..... 

จบภาคแรก ....


มีอะไรสงสัย ....
สอบถามได้ในข้อความแฟนเพจ theSixthFloor Gallery ตามนี้เลยครับ

หรือติดต่อทาง Line/ IG : thesixthfloor ได้ตลอดเวลาครับ

***********************************************************


ลงข้อมูลของทัวร์ไว้ให้เพื่อนๆที่สนใจครับ ผมประทับใจกับทริปนี้มากๆครับ

หลายปีมานี่ผมเที่ยวเกือบทุกเดือนทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งแบบแบกเป้เที่ยวเองและแบบทัวร์ครับ แล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย

มากับทัวร์จะสบายหน่อย และได้เที่ยวครบๆ ซึ่งกับ Napira TravelStylist
เป็นของรุ่นน้องผมเอง เชียร์เลย ไปเองมาแล้ววววว 

ถ้าไม่ดีจริงผมไม่เอาชื่อมาแนะนำกัน 555+

ครอบครัวใหญ่ๆ อยากเที่ยวต่างประเทศแบบอบอุ่น และคุ้มค่า
จัดกรุ๊ปส่วนตัวอยากไปไหน บอกเค้าได้ เดี่ยวเค้าจัดให้ ...


ใครสนใจจัดทริปสุดพิเศษกับ Napira Travel Stylist 
ลองติดตามและสอบถามได้ที่ ...

Website: //napiratravel.com/

Facebook: Napira TravelStylist

Instagram: napiratravelstylist

โทร. 662 -719-8009 (อัตโนมัติ)

อีเมล์ info@napiratravel.com

***********************************************************
รูปแบบ Package ของNapira Travel Stylist มี 3 รูปแบบได้แก่

NapiraTravel Stylist LUXE 

เป็น Package ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบหรูหราเหมาะสำหรับ
ผู้ที่รักการท่องเที่ยวสถานที่ในฝัน เข้าพักในห้องพักสุดพิเศษ
ของโรงแรมระดับ 5 ดาวเดินทางด้วยรถรับส่งสุดพิเศษ
พร้อมผู้ให้บริการส่วนตัวตลอดการเดินทาง (ทริปยุโรปผม เป็นแบบนี้ครับ)

NapiraTravel Stylist UNIQUE - 

เป็น Package ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบพิเศษและสามารถปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา โดยลูกค้าสามารถแจ้งรูปแบบ ในการท่องเที่ยว
แล้วทาง Napira Travel Stylist จะ Design โปรแกรมการท่องเที่ยว 

เฉพาะบุคคลให้

NapiraTravel Stylist TOGETHER - 

บริการ Package การท่องเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่เหมาะสำหรับองค์กรรัฐบาล

รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน ตลอดจนบริษัมหาชนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างประทับใจ





Create Date : 08 มีนาคม 2559
Last Update : 8 มีนาคม 2559 12:03:39 น. 3 comments
Counter : 11497 Pageviews.

 
สวย ดีงามมากเลย............


โดย: ถนนสายนี้เปรี้ยว IP: 118.172.169.82 วันที่: 8 มีนาคม 2559 เวลา:12:54:49 น.  

 
ชอบนะคะ
หนูดี. น่าโยนตัวลงที่นอนในทุกที่เลย
สวยงามมาเลย


โดย: Sisuda. Doungchan IP: 49.230.222.174 วันที่: 10 มีนาคม 2559 เวลา:23:15:49 น.  

 
เป็นทริปท่องเที่ยวที่บรรยากาศสวยงามจริงๆค่ะ
แล้วจะตามมาเที่ยวต่อนะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

the Sixth Floor Travel Blog ดู Blog

.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.-.


โดย: Sweet_pills วันที่: 28 มีนาคม 2559 เวลา:0:56:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ theSixthfloor Studio ครับ

บทความและภาพถ่ายทั้งหมดในบล็อคนี้
สงวนลิขสิทธิ์หากถ้าต้องการนำไปใช้หรือ
เผยแพร่เพื่อการศึกษาหรือการกุศล
ก็ยินดีครับแต่ก็ขอความกรุณาติดต่อผม
เพื่อให้ทราบรายละเอียด

สำหรับท่านที่ต้องการติดต่อเรื่องบริการ
ด้านการถ่ายภาพสามารถติดต่อโดยตรง
ได้ด้วยเช่นกันครับ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านแวะมาเยี่ยมชม
บล็อคของผมครับ
q( ^o^ )p
Click to





count web site traffic
Visitor


■ L&T 01 .. รอยยิ้มปนคราบน้ำตา บนท้องนาแห่งชีวิต ..
■ L&T 02 .."เชียงคาน" เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข ..
■ L&T 03 .. ผืนน้ำจรดขอบฟ้า ตะวันลับตาที่ Hilton Pattaya Hotel ..
■ L&T 04 .. นอนฟังเสียงสายน้ำคลอเคลียที่ Bamboo Hut Resort@ทองผาภูมิ ..
■ L&T 06 .. สโลโมชั่นชีวิตในวันที่เร่งรีบ ณ Anantara Bangkok Sathorn ..
■ L&T 07 .. ความสุขในมุมเล็กๆที่ Mimosa Resort & Spa @ Koh Samui ..
■ L&T 08 .. ออกไปลอยคอกลางทะเล ที่ มก.สุรินทร์ และ เกาะตาชัย ..
■ L&T 09 .. ความอบอุ่นถักทอบนความทรงจำสีจางที่ Villa Nalinnadda เกาะสมุย ..
■ L&T 10 .. บรรยากาศสบายๆที่ the Baths Medi Cottage Resort @ Cha-Am ..
■ L&T 11 .. สูดหายใจพร้อมรับ"ดับเบิ้ล"ประสบการณ์ที่ W Retreat @ Koh Samui . .
■ L&T 12 .. เหยียบไปบนพื้นทรายคลอเสียงคลื่นที่ Rasananda Resort เกาะพะงัน ..
■ L&T 13 ..ปัดฝุ่นความทรงจำที่ Cape Panwa Hotel ภูเก็ต#Day 1 ..
■ L&T 14 .. เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..
■ L&T 15 .. สะกดทุกสายตา เวลาหมุนช้าที่ Villa Maroc @ Pranburi ..
■ L&T 16 .. จินตนาการแห่งที่สุดของการสร้างสรรค์ ณ Casa de La Flora Resort ..
■ L&T 17 .. ลำปาง ปลายทางแห่งความสุข ..
■ L&T 18 .. สัมผัสมะลิงามที่เบ่งบานในวันหยุด Malisa Villa Suite @ Phuket ..
■ L&T 19 .. " เชียงใหม่ " . . . พอดีคำ กำลังดี . . . . .
■ L&T 20 .. มิอาจคลาดสายตาจากความงามของ the Baray Villa @ Phuket ..
■ L&T 21 .. Siam Kempinski Hotel เพชรเม็ดงามใจกลางมหานคร ..
■ L&T 23 .. เกาะตาชัย . . . จะไปด้วยกันรึเปล่า ?..
■ L&T 24 .. Ramada Resort Khaolak กับวันสบายริมหาดเขาหลัก ...
■ L&T 28 .. สงขลา ... เวลาใหม่ในขวดโหลใบเดิม ...
■ L&T 29 ... เนปาล Endless Journey ตอนจบ
■ L&T 31 ... ซีอาน กองทัพทหารดินเผาแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้
■ L&T 32 ... เดินเล่นใน "สุโขทัย" เนิบช้าและทรงคุณค่า
■ L&T 33 ... ยุโรปครั้งแรก "เนเธอร์แลนด์ และอัมสเตอร์ดัม
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add the Sixth Floor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.