h blog5

Group Blog
 
All blogs
 
แอ่วเมืองเหนือ 56

เริ่มต้น...จากคำถามที่ว่า "จะสิ้นปีแล้วจะไปเที่ยวไหนกันดี?" แต่ปีนี้มันยังไม่หนาวเลยเนะ

คุณสามีเลยบอกว่า "ถ้าหนาวเราไปกัน" คำถามต่อมา "แล้วจะไปไหนกัน"
อิฉันเลยบอกคุณสามีไปว่า "เก้าอยากไปภาคเหนือ ไปเชียงใหม่ ไปตามรอยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว"
คุณสามีบอกว่า "ดูอากาศก่อน ถ้าหนาวก้อไปภาคเหนือ แต่ถ้าแค่เย็นๆก้อไปแค่เขาค้อก้อพอ"
:
พอวันที่ 15 ธ.ค.56 ดูข่าวอุณหภูมิจะลดลง 7-8.c ตาลุกวาว เตรียม plan ว่าจะไปที่ไหนกันบ้าง
จุดหมายปลายทาง "ภาคเหนือ" อิอิ


เตรียมเก็บของ พร้อมลุย 










ออกเดินทางช้าหน่อย เพราะต้องพาโอไปเอารถที่้เอาไปติดทีวีดาวเทียม เตรียมตามไปเชียงใหม่ด้วยกัน
เราเดินทางวันพฤหัสที่ 18 ธ.ค. 56 ตอน 4 โมงเย็น  ส่วนครอบครัวโอจะตามไป ไม่วันศุกร์เย็นก้อเช้าวันเสาร์
:
เริ่มเดินทางกัน...เคยคุยกับคุณสามีว่า "เราจะไม่ขับรถตอนกลางคืนเนอะ ขับรถบนเขาต้อนกลางคืนมันอันตราย แม้..เริ่มการเดินทางซะเย็นขนาดนี้ ขับกลางคืนตั้งแต่ต้น trip กันเลยเชียว"

:
เตรียมของพร้อม คนขับพร้อม  คนบอกทางพร้อม เสบียงพร้อม รถพร้อม...ลุยกันเลย



เราเลือก  วิ่งเส้น ขอนแก่น-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่
จำได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วเรากลับเส้นนี้ เป็นทางราบ จนงงว่ามันเป็นทางไปภาคเหนือจริงๆ หรอเนี้ย อ้อม(ร้อยโล) หน่อย
แต่ก้อดึกว่าขับรถผ่านเขาช่วงแพร่ ตอนตี2-ตี3




การมาเยือนภาคเหนือ (เชียงใหม่) กับคุณสามีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเรา ซึ่งครั้งแรกมาเมื่อ 5 ปีที่ (พ.ศ. 2551) แล้วหลังแต่งงาน
ครั้งนั้นมาพร้อมๆกับเอ แต่เสียดายเราไม่ได้ไปปายกับเอ เพราะว่าโค้งเยอะกลัวรถเราไปไม่ไหวเลยตัดสินใจไม่ไป จำได้ว่าปีนั้น อำเภอปาย  บูมมากๆ มากจนต้องต่อคิวรอน้ำมันเพราะน้ำมันหมดปั้ม
:
ครั้งนี้เราเลยไม่พลาดที่จะไป "ปาย"


ถึงเชียงใหม่ (ใช้เส้นไฮเวย์ ทางหลวง 11 ) ประมาณตี 5 ขับรถไปต่อ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-แม่ริน-ปาย
แวะเติมน้ำมันที่ แม่ริน จนถึงแยกแม่มาลัยก้อเลี้ยวซ้าย
ก่อนเราจะไปเผชิญ 1864 โค้ง เราแวะปั้ม ปตท ตรงแตกแม่มาลัยซักหน่อย
คุณสามีหาอะไรร้อนๆกิน  ส่วนเราก้อถือโอกาศนี้ขอล้างหน้า แปรงฟัน กันซะีที่นี้เลย

:
ก่อนมุ้งหน้าสู้ปาย ณ.เวลา 06.00 น. ฟ้าสว่่างพอดี ลุยต่อกันเลย




โค้งเยอะ  มากสมชื่อเขาจริงๆ เอียงตัวตามซะเมื่อยเลยเรา
แต่บรรยากาศระหว่างทางอะซิ มันชั่งดีมากๆ โชคดีที่เรามาเช้า  รถน้อย สามารถขับรถช้าๆ ชิลๆ
เปิดกระจกรถ ซึมซับบรรยากาศดีดีไว้ เหลือบมาดูอุณหภูมิภายนอกที่หน้าปัดรถ 6 วงศา ว้าวว้าว หนาวๆ





ขับกันมาแบบชิลชิล หมองลงเยอะแต่พอมองเห็นทาง ซักพักเห็นอะไรขาวๆ ทะเลหมอก อลังการกว่าที่เขาค้อเยอะเลย
แวะจอดถ่ายรูป  กันตรง จุดชมวิวโค้งงาม
.........ไปกันต่อเลย


จากจุดชมวิวโค้งงาม ทางคดเคื้ยวเอาเรื่องเลย เราจะเจอป้าย กันตลอดทาง ไม่มีเวลาดูกลักกิโล

โผล่อีกที่ สะพานประวัติศาสตร์ปาย

แอบเถียงกัยคุณสามี
คุณสามี บอกว่า "ไม่ใช้หรอ"   อิฉัน "ใช้ ดูจิรถตู้จอดเต็มเลย" สรุปว่าใช้ค่ะ
มันอาจจะดูเล็กไปซักนิด สำหรับเรา แต่มีเสน่ห์นะ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปาย เหมือนมันกำลังบอกเราว่าคุณถึง ปาย แล้วนะ



ขอบคุณ ชาวต่างชาติใจดี ถ่ายรูปคู่ให้  ครั้งแรกเราเข้าใจว่า เขาจะให้เราถ่ายให้เขา แต่ฟังไปฟังมาอ๋อ เขาจะถ่ายให้เรา











ออกจากวัดคุณสามีบอกหิว มองไปเห็น ขนมจีนนำ้้้เงี้ยว

พอคุณสามีอิ่ม คุยกันต่อว่าเราจะนอนที่ปาย หรือจะขับรถกลับเชียงใหม่ดี
ถ้าเราอยู่ต่อ...ก้อได้เดินเล่นที่ถนนคนเดินกับได้ไปปางอุ่งตอนเช้าพรุ่งนี้ ถามกันไปถามกันมา สรุปว่า ขับกลับดีกว่าจ้า

มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่  พร้อม หาที่พักไปด้วย
เนืองจากว่าวันนี้วันศุกร์ ช่วงปลายปี โทรไปที่ไหนก้อเต็ม มองดูริสที่เราจดไว้ ที่พักยอดนิยม กอดเชียงใหม่ มันต้องไม่วางเหมือนที่อื่นแน่ แต่ลองโทรไปดีกว่าเพราะอิชันอยากนอนที่นี้

 ปรากฎว่า ว่าง 1 ห้องค่ะ เสียงสวรรค์จากน้องประชาสัมพันธ์
ตรงดิ่งไปที่นี้ทันที่ กอดเชียงใหม่




เราเก็บของเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณสามี ถ่ายรูปเสร็จ
อาบน้ำ เสร็จ
ออกไปหาอะไรกินกันทีกว่า
:
ปากซอยของ กอด เชียงใหม่ อยู่ใกล้ตลาดประตูเมืองเชียงใหม่ เราไปหาอะไรกินกันที่นั้นดีกว่า
จำได้ว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราก้อมากินข้าวกันที่นี้
เราข้ามไปกินก๊วยเตี๋ยวต้มยำกระดูกอ่อน ตรงเกาะกลางคูเมืองหน้า
ตลาดประตูเมืองเชียงใหม่
:
กินเสร์จแล้วไปเดิน  ตามหา เชียงใหม่ไนท์บาซาร์กันต่อ




กลับมานอนดีกว่า




   พรุ่งนี้จะได้ลุยกันต่อ




เริ่มเช้าวันใหม่กับมื้อเช้า  ที่นี้..กอดเชียงใหม่



อิ่มอร่อยกันเรียบร้อยแล้ว เก็บของเตรียมเช็กเอาท์



เสียดายอยากนอนที่นี้ต่อ แต่ของเขาดีจริงเต็มจนถึงต้นปีหน้าเลย

:
โปรแกรมการท่องเที่ยววันนี้ เข้าวัด ทำบุญ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายต้นๆ ที่เราตั้งใจมาในครั้งนี้
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราได้ไปแค่ วัดโลกโมฬี แค่วันเดียว จำได้ว่า เชียงใหม่มีวัดสวยๆเยอะ ปีนี้เลยจะไม่ให้พลาด



เริ่มต้น วัดแรกที่ วัดช่างแต้ม จอดรถกันหน้าวัดนี้ วัดเล็กๆ ที่มีอะไร
อะไรในที่นี้ของเรา คือ พระที่อุโบสถ์.....




จอดรถที่ วัดช่างแต้ม แล้วเริ่มเดิน  กันเลย (กลัวไม่มีที่จอดรถ)

วัดต่อมา คือ วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร วัดที่ทำให้คุณสามียืนอึ่ง



วัดพันเตา



วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร




ออกจากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เที่ยงพอดี แต่ยังอิ่มอยู่ ถ้างั้นไปพิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติกันก่อนละกัน เปิด GPS จิ้มไปที่ โรงแรมแชง กรี-ลา
เนื่องจากว่าอยู่ใกล้ๆกัน
(Art in Paradise อยู่ตรงห้างสรรพสินค้าสีสวนเก่า) หาเจอง่ายมาก

--Art in Paradise--




ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 180 บาท จ่ายเงินเรียบร้อย  เตรียมแอคชันกันได้เลย



เข้าไปกับคุณสามี ถ่ายภาพกันแบบงงว่าถ่ายภาพมุมไหนมันถึงจะ 3 มิติ



ออกจาก Art in Paradise บ่าย2 เมื่อยและหิว ไปหาที่นั้งกินข้าว พักขา
เลยชวนคุณสามีไปกินข้าวที่กาดสวดแก้วกัน
:
:
นั้งเล่นเพลิน มองนาฬิกา อ้าว 6 โมงเย็นแล้ว ไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์
เขามีงานเทศการดอกไม้บาน
เชียงใหม่รถติดขับรถแบบชิว ชิว ชมวิวไปเรื่อยๆ ถึงที่จัดงานก้อทุ่มแล้ว คุณสามีเห็นรถน้อยเลยไป
ถามคุณ รปภ.ว่ามีการจัดงานรึป่าว ปรากฎว่า มีจัดงาน..แต่เขาปิด 2 ทุ่ม มาช้าอด



:
ไปหาไส้อั่วที่ กาด (ตลาด)แม่เหียะ กินกันดีกว่า เราขับรถผ่านกันเมื่อตะกี้นี้
ร้านที่เคยซื้อ ปิดร้านแล้ว แต่ด้วยความอยาก กินเจ้าอื่นเผื่ออร่อยเหมือนกัน
:
วันนี้ขอ sleep in the car ตอนเช้ากะลุยต่อที่ ม่อนแจ่ม



:

ออกเดินทางกันตอนตี 3 แวะล่างหน้า แปรงฟันกันที่ปั้มสักหน่อย พร้อมออกเดินทางไป ม่อนแจ่ม
........
คุณสามีบอกว่า "ม่อนแจ่ม ไปทางแม่ริน"
อิฉันรีบหันไปหาคุณสามี "อ้าว...ทางเดียวกับปายอะดิ"
คุณสามีบอกพร้อมทำหน้าเซงๆว่า "ใช้ดิ หาข้อมูลยังไงนิ..ไม่รู้ทาง"
........
ม่อนแจ่ม..
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย
ห่างออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 นาที่(เขาว่ากันนะ) แต่เราคงใช้เวลามากกว่านั้นเพราะขับช้ามาก
กะให้ถึงม่อนแจ่มประมาณ  ตี5-ตีห้าครึ่ง เพราะม่อนแจ่มเปิดให้เข้าตอน 6 โมงจากที่หาข้อมูลมา
:
ทางไปม่อนแจ่มเป็นทางราบ มีขึ้นเขาช่วงกิโลท้ายๆ และทางแคบ (สวนกันไม่ได้) มากก่อนจะถึงม่อนแจ่ม
 ทำเอาคนขับ เมา เพราะมืดมองทางไม่เห็นเลยที่เดียว
:
ถึงม่อนแจ่มตอน ตี5 กว่าๆ มีรถนักท่องเที่ยวท่านอื่นมาจอดรอประมาณ 5-6 คัน
คุณสามีไปถามพี่แถวนั้นเขาบอกว่า ม่อนแจ่มเปิด 7 โมง เราว่าเราดูข้อมูลมาดีแล้วนะ



ขากลับตั้งใจว่าจะแวะ สวนเอเดน    ต่อด้วย ไร่สตรอเบอร์รี่  ขากลับ
แวะจิบกาแฟ  ที่
Tita Gallery เป็นร้านกาแฟ(วาวี)+แกลลอรี่
ปรากฎว่าเขาให้เดินรถทางเดียว ไม่ให้ย้อนกลับทางเดิมหรือว่าเราหลงก้อไม่รู้
เราเลยไม่ได้แวะอะไรเลย แอบเซ็ง
:
:
ขับรถกลับ    เชียงใหม่กันเลยละกัน หาที่นอน กันก่อนเลย

เราไปหาที่พัก
แถว ๆ ถนนนิมมานเหมินทร์กัน

ขับรถมาเจอที่นี้ นินมาน บูติก รีสอร์ท เห็นราคาน่าสนใจ 690 บาท เข้าไปถามห้องว่าง ปรากฎว่าห้องว่างค่ะ แต่ราคาช่วงไฮซีซัน+วันเสาร์อาทิตย์ ราคาเลยเป็น 990 บาท นอนก้อนอนเนอะ






ห้องยังไม่เรียบร้อย ต้องรอประมาณ 1 ชั่วโมง  ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า

นินมาน บูติก รีสอร์ท อยู่นิมมานเหมินท์ ซ.17 ใกล้ iberry ไปกินไอติมกันดีกว่า



กินขนมหวานแล้วมากินของคาว ผิดไหมเนี้ย



ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากๆ น้องพนักงานชายขยันมากๆ แต่พนักงานหญิงอะซิ ขอเมนูก้อไม่เอาให้ สั่งอาหารก้อไม่สนใจ เขาคงเลือกให้บริการ
:
เดินกลับไป เช็คอิน ที่โรงแรม กันดีกว่า









พักผ่อนกันเต็มที่ ถึงเวลาไปลั้ล ลา กัน นิมมาน กันแล้ว เริ่มการเดิน อีกครั้ง



เป้าหมาย มื้อเย็น ของเราคือ ที่นี้
ต๋อง.เต็ม.โต๊ะ
อยู่ซอยนิมมานเหมินทร์ 13 ร้านอาหารเหนือสุดฮิตของผู้มาเยือนย่านนี้ ซึ่งรวมถึงเราด้วย คริคริ



มองนาฬิกา เหลืออีก ครึ่งชั่วโมง ไม่เดินเล่นกันก่อน แล้วค่อยเดินย้อนกลับมากินข้าว



เดินไปต่ออีกประมาณ 3 ซอย   ใกล้ 5 โมงแล้ว เดินย้อนกลับไปกินข้าวกันดีกว่า
:
แอบเถียงกันกับคุณสามีเล็กน้อย
คุณสามี บอกว่า "เดินให้สุดทางก่อน แล้วค่อยกลับมากินก้อได้"
อีชัน "ไม่เอา กินก่อน ร้านนี้คนเยอะ"  ก้อไม่รู้ซินะ แต่เดินดุ่มๆ ตรงมาที่ร้าน
:
มาถึงหน้าร้าน 5 โมง นิดนิด โต๊ะเกือบเต็ม แล้ว
สั่งอาหารกันก่อน ได้ยินน้องพนักงานพูดว่า เราเป็นคิวที่ 10

น้ำพริกอ่อง แกงคั่วเห็ดเผาะ ลาบหมูคั่ว จิ้นส้มหมกไข่ ข้าว 2 จาน น้ำ 1 ขวด น้ำแข็ง 1 หมดไป 323 บาท  อร่อยคุ้มราคา
เสียดาย ลืบสั่งเพราะเห็นคนเยอะ ไม่ได้สั่ แป้งนมย่าง กับ ออเดิร์ฟเมือง อดชิม ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มของที่นี้เลย



อิ่มแล้ว ไปกันต่ิอ



เดินต่อไปถึง Shop 71 export  ไกลมาก มาก พอถึง shop หายเมื่อย แต่ได้เสื้อ sale มาเยอะเลย
ขากลับ โบกสองแถวกลับ คนละ 20 บาท
หมดไปอีก 1 วัน
:






แวะตลาดแม่เหียะ ซื้อ ไส้อั่ว ร้านที่เราเคยกินครั้งที่มาเชียงใหม่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จำได้ว่ามันอร่อยมาก มากกว่าร้านดังในตลาดวโรรสอีก
วันนี้เราจะไม่ให้พลาด ไส้อั่วเก๊าบ่าขาม
:
ส่วน แคบหมูร้านน้องเบียร์ อ่านเจอจาก รีวิวของ ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก (ณ. วันที่เขียนเขาได้จากเราไปแล้ว เศร้าจัง)
ขอบอกว่า ร้านนี้อร่อยมาก



แวะซื้อไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม เสียดายลืมซื้อข้าวเหนียวอ่ะ กลิ่นช่างหอมหวนช่วนกินไปทั่วรถ
:
ไปวัดอุโมงค์กันต่อ
บอกคุณสามีว่าอยากไป ชอบวัดนี้เป็นการส่วนตัว วัดนี้เพราะดูจากภาพที่มารีวิว



ออกจากวัดอุโมงค์ ขับตรง กลับไป
นินมาน บูติก รีสอร์ท เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมก่อนเลย ใกล้ 5 โมงแล้ว
:
เก็บของ กินข้าวกันหน้าที่พักกันเลยจะกัน



กินอาหารคาวแล้ว เราไปต่อที่อาหารหวานกันเลย
:
วันนี้เราตั้งใจจะไป ร้าน Librarista
นิมมาน ซอย 5



หมดเงินไป 230 บาท
:
ตามไปกิน ไอศกรีมกดกริ่ง ไอศกรีมอินดี้ ไม่เน้นขาย อยากกินกดกริ่งกันได้เลย
กดปุ๊บ สั้งปั๊บ ขายเสร็จ เดินเข้าบ้านเลยคับ อินดี้ดี ชอบ



ไอศกรีม Home Made ผลไม้ ผลไม้ ไม่หวานมาก จ่ายไป 36 บาท

ByB ByB
นิมมานเหมินทร์
:
วันนี้มีนัดกับครอบครัวโอ ช่วงเช้าโอไป ดอยสุเทพ ดอยปุย แต่ยังไม่ลงมาจากดอย
แล้วเราจะไปไหนกันดี
ไป งาน
เทศการดอกไม้บาน ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ กันดีกว่า



ทุ่มหนึ่งแล้ว มีนัดกับครอบครัวโอ..เดินถนนคนเดินตรงประตูท่าแพ
ถนนคนเดินท่าแพ

เริ่มตั้งแต่ประตูท่าแพ ตรงลานอเนกประสงค์ประตูท่าแพที่อยู่ตรงข้ามโรงแรม imm hotel แล้วเดินข้ามถนนต่ามายังถนนราชดำเนินจนถึงสี่แยกกลางเวียง เรื่อยไปถึงหน้าวัดพระสิงห์
-----
พอไปถึงคนเยอะมาก เด็กๆ หิวข้าว มื้อนี้เลยต้องฝากทางกับพี่แมค
McDonald's ตรง
โรงแรมอิมม์ (imm hotel) กินเสร็จ ถึงเวลานอนของเด็กๆ เลยตัดสินใจกลับ ก่อนกลับโรงแรมแวะกิน
น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง ร้านน้ำเต้าหู้สมเพขร น้ำเต้าหู้อร่อยๆ ใส่เครื่องแบบเยอะมาก กินคู่กับปาท่องโก๋ทำเอากินไม่หมด



แยกย้ายกันนอน วันนี้ขอ sleep in the car อีกสักวัน พรุ่งนี้เช้าพร้อมลุยกันต่อ


 เริ่มวันใหม่ กับมื้อเช้า โจ๊กสมเพชร อยู่ใกล้กับประตูช้างเผือก
สั้งอาหารกัน..โจ๊กหมู 2 ชาม    ข้าวหมูอบ  หมูชิ้นใหญ นุ่มๆ ช่ำด้วยน้ำราดอร่อยมากๆ โอวัลติลร้อน น้ำใบบัวบก 115 บาท คุ้มราคามากๆ กินโจ๊กเสร็จออกมา
ซื้อขนมถ้วยหน้าร้านโจ๊ก ห่อละ 10 บาท ซื้อมา 2 ห่อ 20 บาท อร่อยดี 




กินเสร็จ ไปหาครอบครัวโอที่โรงแรมกัน มีนัดไปฝางหรืออ่างขาง ต้องไปคุยกันอีกที

สรุปว่าไม่ได้ไปฝาง เปลี่ยนไปสวนสัตว์เชียงใหม่แทน

สวนสัตว์เชียงใหม่
อยู่ตีนดอยสุเทพ ฝังซ้ายมือ ขับรถ   เข้าไปเลยคะ ค่าเข้าคนไทย คนละ 50 บาท ค่านำรถเข้าคันละ 50 บาท จ่ายไป 150 บาท
เราไปถึงสวนสัตว์ ตอน 11 โมง วันนี้คนไม่เยอะนะ
เดินดูดอกไม้ น้องๆนักศึกษากำลังจัดเตรียมสำหรับปีใหม่  เดินต่อไปดูครอบครัวฮิปโป น่ารักมากๆ ต่อด้วย สักพักครอบครัวโอตามมาถึง พากันไปดูเสือลาว..อุ๋ย..เสือดาว  นกกาบบัว




เสียดายมาตอนหลินปิงกลับจีนแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปดูแพนด้า ช่วงนั้นช่วงช่วงท้องๆไม่ได้ออกแสดง
มีแต่หลินฮุยนอนหลับโชว์ (อิ๋มพาลูกๆเข้าไปดู เล่าให้เราฟัง)
:
ไปต่อกันที่ อควาเรียม เรา2คนไม่ได้เข้าเช่นกัน เพราะมาครั้งที่แล้วเขาไปแล้ว ไม่น่ามีอะไรแตกต่างจากเดิม ค่าเข้าคนละ 250 บาท
ไปรอตรงหมีโคล่านะ  อากาศดีนู๋เลยหลับ ตื่นมาอีกที่จะ6โมงเย็น เขาจะปิดแล้วนะ
 :

หนีเที่ยวกันหลายวันแหละ ขอตัวแยกกลับขอนแก่นก่อนหละกัน
ก่อนกลับแวะซื้อไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ตลาดแม่เหียะก่อน แต่นี้ก้อเย็นแล้วจะหมดยังก้อไม่รู้ ลุ้น ลุ้น
พอไปถึงตลาดแม่เหียะ ไส้อั่ว เหลือ 2 กิโลสุดท้าย โชคดีสุดๆ เสียดายน้ำพริกหนุ่มเหลือ 2 กระปุก (เอาเท่าที่มีดีกว่าไม่ได้)
แคบหมูร้านน้องเบียร์ได้กันใหม่ๆร้อนๆ เดินต่อไปซื้อข้าวเหนียวอีก 20 บาท
พอได้สะเบียง+ของฝาก พร้อมเดินทางกัน
ขากลับใช้เส้นเด่นชัย พิษณุโลก เห็นโอบอกว่าทางทำเสร็จแล้ว รีบไปจะได้ผ่านในเวลาที่ไม่ดึกมาก



ก่อนมาคุยกับคุณสามีว่า เราจะไม่ขับรถตอนกลางคืนกันเนอะ ไงขับมาก้อดึก ขับกลับมองนาฬิกา 18.30 น. รีบไปหละกัน
พัักรถ เติมน้ำมัน ที่ปตท. แถวลำปาง
คุณสามีถามว่า "เมียไหวไหม"
อีฉัน "ไหว พึ่งตื่นตอน 6 โมงเย็น พลังเต็ม แต่ขออเมซอนเย็นๆ
สักแก้ว พลัง++"
ลุยกันต่อเลย
มองนาฬิกา ทุ่มครึ่ง ไม่ดึกมาก ไปกัน  ต่อ
:
ลำปาง---อ.เด่นชัย แพร่---เข้าอุตรดิตถ์ (จะไปต่อดีไหม? ไปต่อหละกัน) ---เข้าอ. พรหมพิราม (จะไปต่อดีไหม? ไปต่อหละกัน)  
แวะปั้มปตท.ก่อนเข้าพิษณุโลก พลังเต็มด้วยอเมซอนเย็นๆ อีกสักแก้ว (แก้วที่แล้วยังไม่หมด แต่แบต note'8 หมดซะงั้น)
มองนาฬิกา
ตี3 เอาไงต่อดี หันไปหาอีคุณสามีก้อหลับตั้งแต่ลำปางขณะนี้ยังไม่ตื้นมา นึกๆไปเพื่อนรวมทางมีพอสมควรไม่น้อยจนน่ากลัว
 ไม่มากจนน่ากลัว ตัดสินใจไปต่อ   เพื่อทะเลหมอก


เลี้ยวขวาาตรงแคมป์สน มีตำรวจเยอะมาก มีเป็นระยะๆ  ตลอดทาง จนถึงจุดชมวิวที่เขาไว้ชมทะเลหมอก
มีจุดตรวจพร้อมคุณตำรวจหลายสิบ กระบะอีก4-5คัน ไอ้เราก้อนึกว่ากระบะนักท่องเที่ยวด้วยกัน ที่แท้เป็นกระบะตำรวจ
แล้วตำรวจเขามาทำอะไรเยอะแยะ ที่แท้วันนี้นายกยิ่งลักษณ์มาเขาค้อ พักอยู่แถวนั้น อึมเยอะเนอะ
มองในแง่ดีเราก้อโคตรปลอดภัย ณ.จุดนั้น เช่นกัน  จอดรถรอดูทะเลหมอก  กับอุณหภูมิ 11.c กับคุณตำรวจ



ใกล้ๆ จุดชมวิวมีแปลงสตรอเบอร์รี่  อยู่ตำแหน่งดีมากๆ ทำให้บรรยากาศดีมากยิ่งขึ้น
อิ่มเอมกับบรรยากาศแล้ว ไป วัดผาซ่อนแก้ว ก่อนไปแวะไปรษณีย์เขาค้อ มีหลายๆคนรีวิว บอกว่าวิวสวยและเป็นจุดกลางเต้น
อึมวิวเขาดีจริงๆ เราว่าสวยกว่าจุกชมวิวอีีก บอกคุณสามีว่าครั้งหน้าเรามากางเต็นท์   นอนกันที่นี้เนอะ



วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว


ออกจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ครั้งแรกว่าจะแวะ Route 12 เหนื่องแล้วกลับดีกว่า
บอกคุณสามีว่าโอกาศหน้าค่อยมาใหม่ มันไม่ไกลมาก
ทางจากเพชรบูรณ์--เขาค้อ--ชุมแพ ช่วงผ่านภูเขา กำลังขยายถนน ถ้าทำเสร็จคงดีมากๆ แล้วก้อเริ่มมีร้านกาแฟ ร้านอาหารสวยๆ ระหว่างทาง ที่สุดท้ายที่เราแวะคือที่นี้ สะพานเหล็ก ห้วยตอง










Create Date : 03 มกราคม 2557
Last Update : 8 ตุลาคม 2558 23:49:03 น. 0 comments
Counter : 1717 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ICONbook
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add ICONbook's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.