แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๙) ที่สภาพัฒน์กำลังขอความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการร่างขึ้นมานั้น โดยความสำคัญย่อมเกี่ยวข้องกับวิถีการกินอยู่ทำมาหากินของคนในประเทศก็ดีเกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยทางสังคมก็ดี และท้ายที่สุด คือมิติแห่งชีวิตจิตวิญญาณของเรา ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเมื่อว่ากันตามหลักการชีวิตด้านในที่ประกอบด้วยรูปนามขันธ์๕ มิใช่สัตว์ มิใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราเขา ที่จะดำเนินไปอยู่อย่างผาสุกร่มเย็นร่วมกันทั้งที่เป็นส่วนตัวครอบครับ หน่วยงาน สังคม ประเทศชาติ ตลอดจนสังคมโลก น่าจะมีการบูรณาการประยุกต์ศาสนธรรมคำสั่งสอนในทางศาสนาด้วย อาทิคำสั่งสอนเรื่องเบญจศีลเบญจธรรม ฯลฯ
(เบญจศีลเบญจธรรม Cr. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ปยุตฺตเถร)
ศีล 5 หรือเบญจศีล (ความประพฤติชอบทางกายและวาจา, การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย, การรักษาปกติตามระเบียบวินัย, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, การควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียน)
- ปาณาติปาตา เวรมณี (เว้นจากการปลงชีวิต, เว้นจากการฆ่าการประทุษร้ายกัน)
- อทินฺนาทานา เวรมณี (เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้, เว้นจากการลัก โกง ละเมิดกรรมสิทธิ์ ทำลายทรัพย์สิน)
- กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี (เว้นจากการประพฤติผิดในกาม, เว้นจากการล่วงละเมิดสิ่งที่ผู้อื่นรักใคร่หวงแหน)
- มุสาวาทา เวรมณี (เว้นจากการพูดเท็จ โกหก หลอกลวง)
- สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี (เว้นจากน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท, เว้นจากสิ่งเสพติดให้โทษ)
ศีล 5 ข้อนี้ในบาลีชั้นเดิมส่วนมากเรียกว่า สิกขาบท5 (ข้อปฏิบัติในการฝึกตน) บ้างธรรม 5 บ้าง เมื่อปฏิบัติได้ตามนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้มีศีลคือเป็นเบื้องต้นที่จัดว่าเป็นผู้มีศีล คำว่า เบญจศีล ที่มาในพระไตรปิฎกปรากฏในคัมภีร์ชั้นอปทาน และพุทธวงส์ ต่อมาในสมัยหลัง มีชื่อเรียกเพิ่มขึ้นว่าเป็นนิจศีล (ศีลที่คฤหัสถ์ควรรักษาเป็นประจำ) บ้าง ว่าเป็นมนุษยธรรม (ธรรมของมนุษย์หรือธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์) บ้าง
D.III.235; A.III.203,275; Vbh.285. ที.ปา.11/286/247; องฺ.ปญฺจก.22/172/227;264/307; อภิ.วิ.35/767/388.
เบญจธรรม หรือ เบญจกัลยาณธรรม (ธรรม 5, ธรรมอันดีงามห้าอย่าง, คุณธรรมห้าประการ คู่กับเบญจศีลเป็นธรรมเกื้อกูลแก่การรักษาเบญจศีล ผู้รักษาเบญจศีลควรมีไว้ประจำใจ)
- เมตตาและกรุณา (ความรักใคร่ปรารถนาให้มีความสุขความเจริญ และความสงสารคิดช่วยให้พ้นทุกข์) คู่กับศีลข้อที่ 1
- สัมมาอาชีวะ (การหาเลี้ยงชีพในทางสุจริต) คู่กับศีลข้อที่ 2
- กามสังวร (ความสังวรในกาม, ความสำรวมระวังรู้จักยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์ ไม่[ห้หลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส) คู่กับศีลข้อที่ 3
- สัจจะ (ความสัตย์ ความซื่อตรง) คู่กับศีลข้อที่ 4
- สติสัมปชัญญะ (ระลึกได้และรู้ตัวอยู่เสมอ คือ ฝึกตนให้เป็นคนรู้จักยั้งคิด รู้สึกตัวเสมอว่า สิ่งใดควรทำ และไม่ควรทำ ระวังมิให้เป็นคนมัวเมาประมาท) คู่กับศีลข้อที่ 5
ข้อ 2 บางแห่งเป็นทาน (การแบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่) ข้อ 3 บางแห่งเป็นสทารสันโดษ (ความพอใจด้วยภรรยาของตน) ข้อ 5 บางแห่งเป็นอัปปมาทะ (ความไม่ประมาท)เบญจธรรมนี้ท่านผูกเป็นหมวดธรรมขึ้นภายหลัง จึงมีแปลกกันไปบ้างเมื่อว่าโดยที่มาหัวข้อเหล่านี้ส่วนใหญ่ประมวลได้จากความท่อนท้ายของกุศลกรรมบถข้อต้นๆ.
ดูกุศลกรรมบถ 10; ศีล5.
ดูเพิ่มเติม ๑. เกสปุตตสูตร (กาลามสูตร)
๒. สภาพัฒน์