|
||||
backpack : ครั้งหนึ่ง ณ กัลยานิวัฒนา-ปาย-เชียงใหม่ EP.3 มาถึง EP.3 แล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวกัลยานิวัฒนาหรือชุมชนบ้านวัดจันทร์ทั้งวันเลยค่ะ วันนี้พวกเราตื่นแต่เช้าเตรียมพร้อมจะไปลุยกัน ด้วยจักรยานของทางป่าไม้ ก่อนอื่นต้องเติมพลังมื้อเช้ากันก่อน สองคนนี้คือมือชงของกลุ่ม ตรงหน้าสำนักงานจะมีร้านค่าสวัสดิการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก จากป่าไม้ และจะมีพวกเครื่องดื่มไว้ค่อยบริการด้วยค่ะ พวกเราก็เลยอาศัยน้ำร้อนจากตรงนี้ มาเตรียมความพร้อมกับพาหนะความเร็วสูงกัน วันนี้เราจะใช้เจ้านี่ไปเที่ยวกัน ออกจากป่าไม้ก็ขี่ตามถนนไปเรื่อยๆ ขอบอกว่าทางมันชัน ปั่นกันจนน่องโป่งเลย ถึงชวงที่ชันมากๆ ก็ต้องลงเข็ญขึ้นกันเลยทีเดียว ปั่นกันไปรอกันไป มิ้นนี่จะรั้งท้ายสุด แค่ประมาณเกือบๆ สองกิโลพวกเราก็แฮ่กแล้ว กินโจ๊กมาแค่เกือบชั่วโมงก็ดูเหมือนจะย่อยไปเร็วมาก และแล้ว แม่นางคนนี้ก็ตัดสินใจทิ้งตัวลงจากจักรยาน 555+ นางโอดครวญว่าไม่ไหวๆ ละ พวกเราก็ช่วยกันบิ้วว่าอีกนิดเดียวจะถึงป้ายละ นางกลั้นใจมาถึงจนได้ เย่ๆ ในที่สุดก็ถึงจุดพัก ถึงอย่างเป็นทางการแล้ว อ.กัลยานิวัฒนา อยู่เชียงใหม่จริงๆนะเจ้า แต่ก็ใกล้ๆกับแม่ฮ่องสอนมากๆแล้ว หันมาอีกทีนางเป็นลมไปเลยจ้า ต้องให้นนท์ไปเอาแอมโมเนียจากอนามัย และไปซื้อข้าวมาให้นางกิน สรุปว่าไม่มีข้าวขาย แต่พอดีมีชาวบ้านเค้าทำขนมจีน น้ำเงี้ยว เลยซื้อมาให้กิน เป็นลมสมัยนี้ต้องแก้ด้วยขนมจีนน้ำเงี้ยว 555+ นั่งพักซักครู่เราก็เดินทางกันต่อ คราวนี้เป็นทางลงเนิน สบายมาก ไม่ต้องปั่น แต่แอบเสียว รถมันลงไปเร็วมาก ต้องคอยกำเบรคเป็นระยะๆ ลมเย็นปะทะหน้าโอ้ยฟิน ขี่มาเรื่อยเราก็มาเจอวัดจันทร์ เข้าไปไหว้พระกันดีกว่า อันนี้เป็นโบสถ์ไม้ กำลังสร้างอยู่ค่ะ สวยมากจริงๆ เป็นไม้ทั้งหลัง แกะสลัก เพื่อนๆเข้าไปไหว้พระขอพรกัน ในศาลา และเดินเล่นถ่ายรูปกันไปตามอัธยาศัย เดินๆมาเจออุโบสถ หน้าตาแปลกตามาก UNSEEN THAILAND เรียกกันว่าโบสถ์เรย์แบนด์ คล้ายๆ เรย์แบนด์จริงๆ ค่ะ แต่เค้าไม่ได้เปิดให้เข้าไปนะคะ ก็เลยไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง เดินกันซักพัก พวกเราลงความเห็นกันว่า โจ๊กกระป๋องเมื่อเช้า เอากระเพราะเราไม่อยู่จริง ควรจะหาอะไรกินกันเถอะ เดินออกมารอบวัดก็เจอกับร้านก๊วยเตี๋ยว น่าอร่อย บะหมี่แห้งพิเศษ ทุกอย่าง จัดมา อร่อยดีค่ะ นั่งกันอยู่นานคุยกับพี่คนขาย เลยรู้ว่าพี่แกเป็นคนสุพรรณ แต่มาอยู่ที่นี่กับสามีแก หนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงมา แกบอกว่าแกชอบที่นี่ เงียบ สงบ และธรรมชาติสวยดี แกก็เลยแนะนำให้ไปเที่ยวโครงการหลวงกับบ่อปลาบนเขา สอบถามพี่เค้าเกี่ยวกับรถที่จะไปเชียงใหม่ เพราะเราต้องกลับพุ่งนี้แล้ว ได้ความว่า จะมีรถสองเที่ยวคือแปดโมงเช้ากับเจ็ดโมงเช้า ตรงเสาร้านของชำหนึ่งเดียวของหมู่บ้าน ก็จะมีชื่อพี่ๆคนขับแปะไว้ เราไล่โทรทีละคนถามว่าใครไป เวลาไหนโทรไปหลายคนมาก ในที่สุดเราก็พบคนที่จะไปรอบเจ็ดโมงนั่นก็คือ อ้ายหมี หัวล้าน นั่นเอง สบายใจล่ะ เติมพลังกันเรียบร้อยพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อ เราจะไปโครงหลวงบ้านวัดจันทร์กันค่ะ ก็สอบถามทางไปเรื่อยๆ เราเคยบอกว่านนท์ชอบถ่ายวิดิโอมาก ตอนกำลังขับลงจากเนินสูงและชัน ซึ่งเป็นทางโค้ง นนท์ยังคงถ่ายวิดิโอมือเดียวและขี่จักรยานไปด้วย เราซึ่งขี่นำมาไกลพอสมควร ได้หันกลับไปมองว่าเพื่อนๆ เป็นยังไงบ้าง ทันใดนั้น เราก็พบกับภาพกีฬามันส์ๆ นนท์ ขี่ลงมาแล้วจักรยานไปเกี่ยวกับจักรยานมิ้นท์ ลากมิ้นลงมาจากเนิน เรากะทิพย์ ก็เลยรีบจอดจักรยาน รีบวิ่งไปนำเพื่อนมาไว้ข้างทาง โอ้แม่เจ้า สภาพยับเยินมาก ดีที่จักรยานไม่เป็นอะไร 55+(เช่าเค้ามาค่ะ) นนท์ผู้ก่อคดีรอบสองนางก็เจ็บด้วย สภาพนนท์คือเสื้อขาดเป็นรูปเลย กางเกงยีนส์ก็ขาดเป็นรู แผลที่เอวน่ากลัวมากอะ เป็นช้ำๆม่วงใหญ่เว่อร์ แขนถลอกลึก โชคยังดีที่ขางที่ลงเป็นฝาครอบเลนส์ ฝาครอบก็เป็นรอยถลอก แต่ไอโฟนห้าที่เพิ่งถอยและออกใหม่(ตอนนั้น) ไม่เป็นอะไร คือนนท์ห่วงอยู่เท่านี้จริงๆ จัดการเอาน้ำราดแผล แผลที่ฝ่ามือและข้อศอกของมิ้นท์ใหญ่มว๊ากก (ขอบอกว่าทุกวันนี้ยังมีรอยแผลเป็นอยู่เลย) สร้างความเจ็บให้นางเหลือเกิน พอดีตอนมิ้นเป็นลมนางถอดเสื้อกร้ามออก เราเลยจัดการฉีกเสื้อเอามาพันแผลไว้ก่อน ตอนที่ถ่ายรูปอยู่เราเราหันมาเห็นช๊อตนี้พอดี นางไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองนาง แต่มันเหมือนนางกำลังจะขึ้นสังเวียนชกซะมากกว่า มิ้นท์นี่ ส. สง่องศักดิ์ศิษย์ย่องแย่ง 555+ หลังจากนั้นก็รู้แล้วว่าคงขี้ไปต่ออีกไม่ ตัดสินโบกรถชาวบ้านไปดีกว่า และในที่สุดก็มีคนรับเราขึ้นรถ นนท์บอกว่ายังสู้และจะคอยดูแลมิ้นไถ่โทษ ทุกคนลงความเห็นว่านนท์ควรจะขี่นำไปดีกว่า ตอนนั้นก็สงสารเพื่อนนะ แต่เราก็อดขำไม่ได้ อิอิ นนท์ยังสู้คร้าบบบบบบ พี่ที่เค้าพาพวกเรามาส่งที่โครงการหลวง ขอบอกว่าการถามทางชาวบ้านนั้น หากชาวบ้านบอกว่าอีกนิดเดียว มันคือกิโลแม้วนั่นเอง ไกลเว่อร์อะซาร่า หากพวกเราตัดสินใจขี่มาเองก็คงเดี้ยง นี่หล่ะที่พึ่งประชาชน ยามเดือดร้อน พวกเราเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ โครงการหลวง พวกพี่ๆ ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ใจดีมากๆ พาเพื่อเราทั้งสองไปอนามัยเพื่อทำแผล ส่วนเรากะทิพย์ ก็เลยต้องรออยู่ที่นี่ ไปดีมาดีนะเพื่อนเอ๋ยยยย เริ่มภารกิจสำรวจโครงการหลวงเลย โครงการหลวงวัดจันทร์ นั้นเป็นที่ทดลองและเพาะพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ไม่ได้เน้น การปลูกเพื่อนผลผลิตไปขาย แต่หากการเก็บเกี่ยวและผลผลิตมีจำนวนมากก็จะนำไปจำหน่ายที่ โครงการหลวงของหมู่บ้าน ที่นี่เป็นพืชออแกนิคนะจ๊ะ ที่ปลูกก็จะมี สตรอเบอรี่พันธ์ 80 พระราชทาน แคปกู๊ดเบอรี่ กล่ำ ดอกไม้ต่างๆ อีกมากมาย สตรอเบอรี่น่ากินมากๆ พี่เจ้าหน้าที่เค้าก็เลยเด็ดมาให้หลายลูกได้ลองชิมแล้ว มันอร่อยมั่กๆๆ ปกติกินแล้วมันจะเปรี้ยว แต่อันนี้คือหวานเจี๊ยบ เด็ดมาแล้วกินเลย(ไม่ได้ล้าง) เพื่อนบอกว่า เมิง ไหนเมิงบอกเค้าเอา อุนจิ ราดไง เออ กรุลืม กินๆไป มันหวาน ให้อภัย 555+ ติดใจอะ จะซื้อแต่หมดแล้วก็เลยอด แป่ววววว อันนี้ต้นสวีทชาร์ต สวยดี ชอบๆ เคยดูมาจากธรณีนี่นี้ใครครอง คริคริ แอบย้อนกลับไปเด็ดลูกแดงๆ สดๆ อีกสองลูก อิอิ เราเป็นคนชอบถ่ายรูปแนวตั้ง แต่ต่อไปไม่เอาล่ะ กลายเป็นคนทัศนะแคบ 55+ เราชอบต้นนี้มากเลย เค้าบอกปลูกไว้สวยงาม กินไม่ได้ ขอเมล็ดมาเพาะเค้าบอกว่าปลูกไม่ขึ้น มันชอบอากาศเย็นๆ เสียใจจุง ที่นี่เค้ามีบ้านพักไว้รับรองด้วยนะค่ะ เดินสำรวจกันต่อ ก็มีเจ้านี่ตามมาด้วยตลอดเลย มาเป็นนายแบบให้ด้วย ยืนมองอ่างเก็บน้ำ เค้าเรียกตรงนี้ว่าปางอุ๋งน้อย เดินเล่นไปซักพัก พี่เค้าก็พาเพื่อนทั้งสองมาส่ง เราก็เลยไปเพื่อนๆเดินเล่นอีกซักรอบ และก็เลยขอตัวไปเที่ยวต่อ คราวนี้เพื่อนกลับมาซิ่งได้แว้ววว หลังจากทำแผล ฉีดยา และเอายากลับมากิน ต่อไปคือเราจะไปบ่อปลากัน ขับย้อนกลับมาทางเก่า เดินเข็นบ้างปั่นบ้างสลับกันไป เหนื่อยโคตร จากหนาวงี้กลายเป็นร้อนเลย นนท์นำหน้าไปล่ะ และเราก้เข็นเข้าหมู่บ้านไป ทางชันเกิ๊นนน เข็นจนเหนื่อย ทิพย์บอก นี่เราเอาจักรยานมาปั่นหรือมาเข็นว่ะ นี่คือหลักฐานว่าทุกคนรังเกียจนาง 555+ แต่แอบสงสารนางนะ นางดูรู้สึกผิดมากอะ แทคแคร์ทุกคนเลย ทางที่ไปเป็นทางดินแดงๆ ขึ้นเขา หัวงี้แดงเลย ฝุ่นเยอะ ขึ้นไปนาน ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ถามทางคนนั้นคนนี้ก็ไม่เจอบ่อปลา ชาวบ้านเค้าพูดภาษาอะไรไม่รู้เราฟังไม่รู้เรื่องเลย จนมิ้นท์มันไม่เอาด้วยล่ะ ให้มิ้นท์รออยู่แล้วเราขับไปบ้านหลังนั้นไปถามทาง นนท์ก้เลยอยู่เป็นเพื่อนมิ้นท์ เรากะทิพย์ ขึ้นไปข้างบน ไปเรื่อยๆ ชันขึ้นเรื่อยๆ มีแต่ป่าก็ยังไม่ถึง พอมันใกล้จะเย็นแล้ว เราถอดใจ ไม่ไปก็ได้ว่ะบ่อปลา คือนึกภาพออกนะ เขาและป่าจริงๆนะครับท่าน โคตรกลัวหลง โทรศัพท์ก็ไม่มี ก็เลยมานั่งตรงนี้ชมวิวกันไป เสียใจอ่ะ กระโดดโลดเต้นกันไป แล้วเราก็ย้อนกลับมาที่หมู่บ้าน เจอน้องคนนี้กับยายชาวเขา น้องน่ารักดี บ้านของคุณยายชาวเขาทอผ้า เป็นผ้าไหม ส่งไปโครงการหลวง ผ้าที่นี่ก็ได้ไปขายในกรุงเทพและเมืองนอกนะจ๊ะ ธรรมดาที่ไหน ยายแกก้เลยโชว์ทอผ้าซะเลย มีหมูดำด้วย ไม่รู้ว่าชะตาของเจ้าหมูดำตัวนี้จะเป็นยังไง คุโรบูตะ อู๊ดๆ หลังนั้นพวกเราก็เดินทางตามหาเสบียงสำหรับคืนนี้กัน ขากลับเป็นทางลง สบายมากกก หากกลัวชันแนะนำให้เข็น ซึ่งก็มีหลายคนเข็นลง 555+ ดูเวลาก็ใกล้จะเย็นแล้ว พวกเราจึงต้องพาสังขารไปหาอาหารสำหรับเย็นนี้กัน และเราก็พบกับร้านขายอาหารตามสั่ง บริหารโดยป้าวัยกลางคน เป็นทั้งคนทำ คนเก็บตังค์ และล้างจาน เพราะที่นี่อากาศจะลดลงเรื่อยในช่วงเย็น อากาศฮอตฮิตของเค้าก็คือไก่ย่างและไส้กรอกย่าง (เป็นข้าวผสมหมู) ลองซื้อมากินก็อร่อยดี แบบพอลูกค้ามาถึงร้านก็หยิบไส้กรอกมากินกัด เสมือนมันคือแท่งป๊อกกี้ ไม่คุ้นภาพอาจจะสะพรึงนิดนึง ถือคนละอัน เค้าบอกว่ามันง่ายและสะดวกดี ร้านอาหารวิวแบบนี้ก็โอเครนะฮ้าฟฟฟฟ เจ้านี่เป็นลูกสมุนของป้าเจ้าของร้าน อารมณ์ดีขี้เล่นเป็นกันเองมาก ซื้อเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับที่พัก (ห่างจากหมู่บ้านประมาณ เกือบ สามกิโล น่องเหล็กมาก ถุงนั่นคือเสบียงของเรา ปั่นไปหอบไป ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อากาศก็หนาวแล้วด้วย นี่ แท๊น แด่นนน มาถึงแล้ว กิโลเมตรที่ศูนย์ กัลยานิวัฒนา ฉันเหนื่อยมาก เอ้ย ไม่ใช่ ฉันร้ากกกเธอ กลับมาก็เข้าครัวไปหาจานชามอย่างไว ทั้งหิวทั้งเหนื่อย สามารถมาใช้ภาชนะได้ แต่อย่าลืมล้างให้พี่เค้านะจ๊ะ นี่คือเมนูที่เรากะนนท์คิดให้ป้าแกทำ มันดูไม่ค่อยน่ากิน แต่ท่านรู้หรือไม่ พวกเราฟาดเรียบ เม่งโคตรอร่อยอะ ไม่รู้ทำไม หมดขนาดหมาร้องไห้ เสร็จแล้วพวกเราก็รีบล้างจานและไปอาบน้ำ ไม่อาบคงไม่ไหว เพราะคลุกฝุ่นมาทั้งวัน น้ำร้อนเอาไม่อยู่จริงๆนะจุดนี้ นนท์ผู้พกวัตถุระเบิดติดตัวมาด้วยชวนกันมาเล่นไฟเย็น พยายามเขียนว่านนท์ อ่านออกไม๊ ส่วนทิพย์เดาซิเขียนเป็นรูปอะไร เราว่าของเราสวยสุดๆล่ะ ส่วนมิ้นท์ นางขอบายนางปวดแผลและหนาว คืนนี้ป็นคืนสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับกัน เวลาไปไวมากๆ ไวๆพอๆกับ ที่พวกเรากำลังจะเรียนจบและแยกย้ายกันไป คืนนั้นพวกเราสี่คนออกมานอนที่หน้าบ้านพัก คุยกัน ฟังเพลงและดูดาว คุณเคยเห็นดาวใกล้ขนาดนี้ไม๊ ใกล้ขนาดที่ว่าเอื้อมมือไป คุณอาจจะจับมันมาได้ คืนนั้นดาวเยอะมาก มันระยิบระยับเต็มไปหมด มันเคลื่อนที่ด้วยนะ มีดาวตกวิ่งไปมาหลายดวงเลย สวยจัง ไม่ได้ถ่ายรูปหรอก นอนเกยกันอยู่ลุกไม่ได้ ตะคริวกิน (อยากให้ลองไปนอนดูดาวที่นี่ มันฟินมาก) พรุ่งนี้จะกลับแล้วอ่ะยังไม่อยากกลับเลย และคืนนั้นก็จบลงประการละฉะนี้ หลับ คร่อกกกกกกกกกก thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 17 มกราคม 2557 เวลา:8:03:20 น.
ฮิฮิ้วววว ดุไปลุ้นไปเลยครัช
โดย: 2 IP: 203.154.154.34 วันที่: 17 มกราคม 2557 เวลา:12:51:33 น.
เคยไปกัลยาฯ ก่อนขึ้นรถแบบว่าสวยค่ะ ขาลงกลายเป็นน้องโบ คือฝุ่นจับคล้าย ๆ วัตถุโบราณ ทางที่ไปก็ทุลักทุเลมากค่ะ แต่ก็หนาวดีค่ะ
โดย: mariabamboo วันที่: 17 มกราคม 2557 เวลา:19:36:23 น.
|
Baizom
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] "ที่ที่ใช่ เราจะมีตัวตน" Many an opportunity is lost because a person is out looking four-leaf clovers : โอกาสหลายอย่างหายไปก็เพราะคนมัวแต่มองหาโชค รูปถ่าย+เรื่องเล่า All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |