เมื่อมีชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก
ความสามารถที่คนทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
คือ ความสามารถในการเรียนรู้
เรียนรู้ที่จะเติบโต
เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา
เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติ
หากขาดผู้ชี้แนะทางสว่าง หนทางชีวิตก็คงมืดมน
เพราะต้องลองผิดลองถูกเรียนรู้ด้วยตนเอง
หากเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้องดีงามก็นับว่าโชคดีไป
แต่ถ้าหลงไปอยู่ในวังวนสีเทา ชีวิตก็คงผิดพลาดจนยากจะถอนตัว
พ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างบุคลิกและความรู้สึกนึกคิด
การที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจโลกและเติบโตขึ้นมาอย่างมีภูมิคุ้มกัน
จำเป็นต้องได้รับการอบรมสั่งสอนชี้แนะด้วยหัวใจที่อดทนและมีเมตตา
เหมือนที่ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยถูกเปรียบเทียบผลการเรียน
ซึ่งบังเอิญเพื่อนสนิทเป็นคนเรียนเก่ง
ได้เกรด 3 และ 4 เป็นส่วนใหญ่
ส่วนผู้เขียนได้เพียงเกรด 1 และเกรด 2
ผลการเปรียบเทียบจึงมักจบลงด้วยเสียงบ่นก่นด่า
ว่า โง่ ทุกครั้ง
ทำให้ผู้เขียนมีความเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองนั้นเป็น คนโง่
กว่าจะค้นพบว่าตัวเองไม่ใช่คนสมองไม่ดีก็ผ่านไปหลายปีโข
นี่จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า
เด็กจะเชื่อว่าตนเองเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
หากคำพูดนั้นออกมาจากปากของคนใกล้ชิด
จนกระทั่งได้เป็นแม่คน
ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อลูกสาวที่กำลังเรียนชั้นประถมปีที่ 1
มีผลการสอบกลางภาคตกทุกวิชา
ยกเว้น วิชาภาษาอังกฤษที่ได้คะแนนเกือบเต็ม
หลังจากคุยกับครูประจำชั้น จึงได้ทราบปัญหาเพิ่มเติม
ก็คือ เรื่องการเขียนที่ลูกสาวเป็นคนเขียนหนังสือตัวใหญ่จึงมักจะลอกโจทย์ไม่ครบ
ทำให้ครูประจำวิชาต้องพาไปแก้ไขงานย้อนหลังเกือบทั้งหมด
ผู้เขียนได้สังเกตและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ทั้งกับครูประจำชั้น ครูประจำวิชา และเพื่อนนักเรียนในห้อง
พบว่าลูกมีพฤติกรรมเลียนแบบคุณครูในการขึ้นบรรทัดใหม่ตามบนกระดานดำ
และไม่เข้าใจว่าต้องลอกโจทย์ให้ครบถ้วน
จึงแก้ไขโดยการอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าโจทย์คืออะไร
การลอกโจทย์ให้ครบถ้วนนั้นมีความสำคัญอย่างไร
พร้อมกับฝึกให้ลูกหัดลอกโจทย์ลงสมุด
เน้นย้ำว่าหากไม่สามารถลอกโจทย์ได้จบภายในหนึ่งบรรทัด
ลูกก็ต้องขึ้นบรรทัดใหม่
เมื่อลูกสามารถคัดลอกโจทย์ได้อย่างถูกต้องสวยงามครบถ้วน
สิ่งที่ได้รับ ก็คือ คำชมเชยจากทุกคนในบ้าน
เนื่องจากลูกสาวเป็นเด็กอ่านหนังสือคล่อง
ผู้เขียนจึงหยิบแบบฝึกหัดที่ลูกเคยทำได้คะแนนเต็มขึ้นมาให้ลูกอ่านให้ฟังอีกครั้ง
เพื่อตอกย้ำความสำเร็จให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในตนเอง
นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ
ทั้งกับคนในบ้าน ครูที่โรงเรียน เพื่อนของลูก
รวมไปถึงผู้ปกครองของเพื่อนลูก
ตั้งแต่นั้นมา ลูกสาวก็เริ่มมีผลการเรียนดีขึ้น
และผ่านขึ้นชั้น ป.2 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.45
การเลี้ยงลูกก็เปรียบเสมือนบทเรียนของชีวิต
ปัญหาและความผิดพลาดจึงเป็นเช่นบททดสอบของพ่อแม่
ถ้าอยากให้ลูกใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข
นอกจากทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว
ยังต้องใช้ความรัก ความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และความศรัทธา
จึงจะสามารถนำพาให้เค้าเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและสง่างาม
ผู้เขียน : แม่โอ๋เรนเจอร์
ภาพ : อินเทอร์เน็ต
4 พฤษภาคม 2559
ได้อ่านข้อเขียนในการเลี้ยงดูลูกของโอ๋แล้ว รู้สึกว่า น้องปิย่า เป็นเด็กโชคดีมากที่มีแม่ที่เข้าใจการเลี้ยงดูเด็ก ครูเชื่อว่า น้องปิย่าจะต้องเป็นเด็กน่ารัก อบอุ่น มีความสุขที่สุด จ้ะ โหวดเลยจ้ะ หมวด ครอบครัวและเด็ก จ้ะ
ขอบใจนะที่แวะไปอ่านบล็อกครูและโหวด จ้ะ วันนี้ต้องรีบมาเยี่ยมก่อนเพราะจะไปทำบุญกันที่วัดอ่างเสือดำ ฉะเชิงเทราาจ้ะ