สองเท้าจะก้าวย่าง ยืน ณ ยอดดอยหลวง ดอยหนอก ตอนที่ 1






สองเท้าจะก้าวย่าง ยืน ณ ยอด

ดอยหลวง-ดอยหนอก 

ตอนที่ 1 
จากปากบอก สู่ ยอดดอยหลวง



เป็นทริปปลายพย.58 ต้นฤดูหนาว การเดินทางของช่วงเวลาที่บรรจบกับข่าวการมาของมวลอากาศเย็นระลอกใหม่กำลังแรงที่กำลังคืบเข้าแผ่ปกคลุมไทยตอนบน 


เช้าตรู่ เราก็มาถึงยังจุดนัดพบ ณ ที่ทำการหน่วยย่อยดล.6 (อุทยานแห่งชาติดอยหลวง) หน่วยน้ำตกจำปาทอง

ดอยหลวง เป็นยอดเขาสูงสุดของเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง สูง 1694เมตรจากระดับน้ำทะเล 
ดอยหนอก นับเป็นดอยไฮไลท์ เป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์ที่ทั้งชาวลำปาง พะเยา เชียงราย เคารพสักการะ 

ดอยหลวง ดอยหนอกเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จากทุกที่ทั่วเมืองพะเยา ท้าทายสายตาโดยเฉพาะมุมมองผ่านกว๊านพะเยา 
อช.ดอยหลวงเป็นเทือกดอยวางตัวไปตามแนวเหนือใต้ครอบคลุมพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด พะเยา ลำปาง เชียงรายเ
ป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 61 ของไทย 
ที่ทำการใหญ่อยู่ตรงน้ำตกปูแกง อ.พาน จ.เชียงราย 




ยอดดอยหลวงใต้กลุ่มเมฆ และยอดดอยหนอก มุมมองก่อนถึงที่ทำการดล.6

สำหรับใครจะขึ้นดอยหลวง ให้มาติดต่อที่หน่วย 6 ในเขตจ.พะเยาแห่งนี้ 
เรานัดจนท.ไว้ที่นี่ ฝากรถ Avis และเหมารถกระบะของจนท.ที่จะไปรับลูกหาบ จับจ่ายเสบียง ไปส่งที่จุดเริ่มต้นเดินเท้า และนัดวันและจุดมารับกลับในอีก 3 วันถัดจากนี้ 









ลูกหาบพร้อม จนท.พร้อม ทุกคนพร้อม


แวะจัดเสบียงกรังระหว่างทาง 








เส้นทางขึ้นสู่ดอยหลวง-ดอยหนอก มี 5เส้นทาง


เส้นที่ 1. ฝั่งปากบอก ขึ้นจากฝั่งทิศใต้สุด ใกล้จุดชมวิวรัชมังคลา ริมทางหลวงหมายเลข 120 หรือเรียกว่าฝั่งบ้านปากบอก ทิศใต้สุดของ อ.วังเหนือ ลำปาง จุดต่อแดนกับเหนือสุดของ อ.งาว จ.ลำปาง 
เส้นที่ 2และ3 ฝั่งบ้านตุ่น ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันออก ตรงอ่างเก็บน้ำบ้านตุ่น ต.ตุ่น อ.เมือง พะเยา แยกทั้งช้ายและขวา แยก ช้ายไปทะลุเด่นสะแกง แยกขวาไปทะลุระหว่างยอดดอยหลวงและดอยหนอก 
เส้นที่ 4 ฝั่งบ้านต๋อม ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันออก บ้านต๋อม อ.เมือง พะเยา 
เส้นที่ 5 ฝั่งปงถ้ำ ขึ้นจากฝั่งทิศตะวันตก บ้านปงถ้ำ อ.วังเหนือ ลำปาง 








ผมรีเควสจนท.ว่าขอให้นำทางโดยเลือกเส้นทางที่วิวสวยที่สุดและคนนิยมที่สุดและคำตอบของรีเควสนี้คือ


เส้นทางที่ 1 ด้านทิศใต้ ฝั่งปากบอก

ริมทางหลวงหมายเลข 120 ถนนสายเมืองพะเยา-วังเหนือ-เวียงป่าเป้า ตอนใต้สุดชายขอบเทือกดอยหลวง ห่างหน่วยดล.6 มาอ้อมใต้มา 40 กิโล 
จุดเริ่มต้นเดินเทรลขึ้นดอยหลวงอยู่ที่พิกัด N19° 04.150' E99° 46.350' atl.900m.
 อยู่เลยจุดชมวิวริมทางรัชมังคลาภิเษกไป 1.8 กิโลเมตร เป็นช่วงตอนของถนนช่วงที่สูงที่สุดของเส้นทาง สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 900ม. เป็นช่วงพาดอ้อมสันดอยหลวงด้านใต้สุด 
และเป็นสันแบ่งแดนจังหวัดพะเยาและลำปาง จุดทางขึ้นเลยเข้าเขตลำปางเล็กน้อย และอยู่ใกล้ทางเข้าบ้านปากบอก อ.งาว จ.ลำปาง อันเป็นที่มาของชื่อจุดทางขึ้นจุดนี้ 



จอดรถไหล่ทางแล้วเตรียมตัวเดินเท้า 
สำหรับบริเวณนี้อนาคตจะมีลานจอดรถให้นักท่องเที่ยว ทางอุทยานกำลังเตรียมพื้นที่ปรับผิว ไม่ต้องจอดรถไหล่ทาง และไม่ต้องไปฝากรถไว้ที่หน่วยอีก



ก้าวแรกที่ย่างก้าว

เริ่มต้นเดินเท้า 10:09 น. ตัวเลขสวย ทุกคนพร้อม 
ก้าวแรกที่ย่างก้าวก็เริ่มต้นบนระยะทางเดินเท้า 9 กิโลเมตร ยึดสันเขาสู่ยอดดอยหลวงทำความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จาก alt.900m. สู่ ยอดดอยอยู่ที่ alt.1694เมตรจากระดับน้ำทะเล



แผนที่ที่ผมเก็บบันทึกข้อมูลและเส้นทางจากจีพีเอส นำมาโรยบน Google Maps


แผนที่แรกเป็นสเกลกว้างๆ สีแดงแสดงเส้นทางนั่งรถของอุทยานฯมาจากหน่วยดล.6 มายังจุดเริ่มต้นเดินทางและเส้นสีแดงเล็กๆ อีกเส้นที่เป็นจุดที่รถมารับเราวันกลับลงจากเทือกดอย
ส่วนเส้นสีฟ้าๆ คือเส้นทางเดินเท้าของทริปนี้








ส่วนแผนที่แผ่นที่สองนี้แสดงรายละเอียดเส้นทางเดินขึ้นดอยหลวง สำหรับเส้นทางในทริปนี้ของเรา จากปากบอก สู่ ยอดดอยหลวง พร้อมสเกลบอกระยะทางเดิน







ปะปะพร้อมแล้วไปกันครับ







กิโลเมตรแรก

ไต่ระดับ alt.1000เมตร ความลาดชัน 10% เราข้ามถนนแล้วก็เริ่มเดินเท้า ทางขนานไปกับถนน ค่อยๆ เพิ่มความลาดชันถนนทางซ้ายค่อยๆ เล็กลงและเลือนหาย 
จากนั้นก็หักศอกขึ้นเนินชันไต่สูงขึ้นจับสันดอยแรก ปฐมบทก็เริ่มต้นด้วยเนินชันซะแล้ว








เนินแรกนี้น่าจะเรียกว่าเนินพัน ( ผมตั้งเอง ) เรายืนพักเมื่อย ข้อต่อร่างกายยังไม่เข้าที่ ถือเป็นเนินแห่งการอุ่นเครื่องวอร์มอัพละกัน 












พักเหนื่อยจากเนินแรกก็ตัดขึ้นเนินที่สองต่อ สองเนินติดๆ โดยจะยึดเส้นทางสันดอยไปตลอด 
ซ้ายลำปางขวาพะเยา
สภาพป่าโปร่ง สภาพอากาศลมโชยเป็นพักๆ เย็นสบาย มีร่มเงาบังใบตลอดทาง และพักเหนื่อยได้ด้วยการแกล้งทำเป็นก้มๆ เงยๆ ชมใบไม้ดอกไม้ อิอิ 
บางชนิดก็รู้จัก หลายชนิดก็ไม่รู้จัก ลูกไม้ที่เห็นเหมือนคณโฑ/แจกัน/พินโบลิ้ง/หรือรูปถ้วยในภาพนั่นคือโคลงเคลงเจ้านี่สรรพคุณทางยาล้นเหลือเลยครับ จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง










พอพ้นสองเนินแล้วก็ค่อยเดินทอดน่องได้หน่อย สลับมาลาดชันต่ำบ้าง











จนท.ชี้ให้ดูเปลือกของต้นสนที่ไหม้เกรียมและมีรอยมีดถากเปลือก 
อธิบายเป็นความรู้แก่เราว่าเปลือกสนที่ถูกเผาและฝานออกเค้าเอาไปใช้เป็นไต้ เป็นเชื้อไฟพร้อมกับสาธิตนำฝานเปลือกมาจุดไฟให้ดูครับ 
เปลือกที่ถูกฝากออกมาจะสังเกตเห็นน้ำมันสนชุ่ม รนไฟเข้าสักพักก็ติดไฟ










สันดอยเปลี่ยนระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จากพันเป็นพันหนึ่งขึ้นพันสอง ออกเดินมาได้สองชั่วโมง ทำระยะทางมาได้สี่กิโลเมตร ทางขวาตอนนี้มองเห็นสันเขาไกลๆ ที่มีต้นสนสองใบยืนเรียงราย










สองชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึง


สันป่าเกี๊ยะ
จุดกึ่งกลางทางสู่ดอยหลวง

ทำระยะมาสี่กิโลเมตรกว่า จะเรียกว่าเป็นครึ่งทางก็ไม่ผิดนักป่าเกี๊ยะคือป่าสน บริเวณนี้มีสนสามใบและสองใบขึ้นอยู่หนาตา จึงเรียกชื่อว่าสันป่าเกี๊ยะ
และเพราะมีต้นสนมาก มีราบหลังเนิน และเวลาก็เที่ยงครึ่งแล้วเราจึงยึดชัยภูมิตรงนี้เป็นที่พักทานมื้อกลางวันกัน และพักอยู่นานกว่า 50นาที










เบื้องหน้าสันป่าเกี๊ยะเราเห็นสันชันยาวยอดสูง มันคือ

สันหมูแม่ด้อง 
จุดชันมากด่านแรกของเส้นทาง

สันดอยที่เห็นนี้เล็กและแคบ หมูแม่ด้องคือหมูตัวเมียที่เลี้ยงลูกจนร่างกายซูบผอมจนมองเห็นกระดูกสันหลัง 
สันดอยที่เล็กและแคบบริเวณนี้จึงเปรียบดั่งสันหมูแม่ด้อง เรานั่งมองสันหมูพร้อมแอบเป่าปาก ชันดีเน้าะ พ้นสันนั่นไปของที่เพิ่งกินมาเนี่ยคงย่อยหมด












ระหว่างนั่งพักกันยาวๆ มาชมแผนที่ความสูงกันหน่อยครับ
แผนที่ elevator นี่ผมกับสเกลระยะทางเดินถึงจุดสำคัญๆ ต่างๆ กำกับไว้













เผชิญหน้าสันหมูแม่ด้อง เอาล่ะครับ ได้เวลาขยับลุยต่อ ออกพ้นดงสนตัดทุ่งหญ้าลงเนินนิดหน่อยแล้วก็เริ่มตะกายสันหมูกันเลย









ระยะทางไต่สันหมูยาวราว 400 เมตร ไต่จาก alt.1300 ขึ้นไปยืนเหนือ 1380 ใช้เวลาเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง










วิวเหนือสันหมูแม่ด้อง มุมมองย้อนกลับไปสันป่าเกี๊ยะมานั่งพักเหนื่อยกันอีกรอบหลังเนินสันหมู มองทอดสายตาออกไปไกลๆ แทบหมดแรง 
เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าขวางเส้นทางอยู่ยังคงเป็นเนินชันยาว!


หินแปลกตาเหมือนใครลงแปรงป้ายสีไว้ ระหว่างทางตะกายสันหมูแม่ด้อง









กิโลเมตรที่ 6
เผชิญหน้าเด่นสะแกง
ความชันยาวด่านที่สอง

เด่นสะแกงเป็นคำเมือง เด่นแปลว่าที่โล่ง/ทุ่ง สะแกงแปลว่าตะแคง/เอียง สองคำรวมกันเป็นเด่นสะแกง บ้างเรียกทุ่งสะแกงบ่งบอกลักษณะบริเวณนี้ที่เป็นทุ่งโล่งแจ้งลาดเอียง









ตอนนี้เรายืนอยู่ที่ความสูง 1400เมตรแล้ววิวเหนือยอดเด่นสะแกงมุมมองย้อนกลับสวยครับ และก็เหนื่อย 
ระยะทางไต่เด่นสะแกงขึ้นมาเนี่ยยาวกว่าสันหมูอีก ความยาวของการเดินสับฟันปลาผ่านเด่นสะแกงอยู่ในราวๆ 600เมตรใช้เวลาไต่ขึ้นมาครึ่งชั่วโมง 
และตอนนี้เราก็มายืนเหนือ alt.1500เมตรแล้ว


ยืนพักชมวิวให้หายเหนื่อยกันก่อนครับ อากาศก็กำลังดีไม่ร้อน ลมพัดมาทีก็เย็นๆพักเหนื่อยด้วยมุกเดิม 









แกล้งก้มๆ เงยๆ ชมต้นไม้ใบหญ้า










เพลินๆ กันไปนะครับ ดอกไม้เล็กๆ สีสันสวยหลากชนิด


ห้อเลือดเหน่ย จนท.ชี้ให้เรารู้จักสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ชื่อในภาษาถิ่นว่า "ห้อเลือดเหน่ย" เหน่ยแปลว่าละลายสรรพคุณทางยาคือละลายลิ่มเลือดหรือห้ามเลือดอะไรประมาณนั้น 
ฟังๆ มาก็ลืมๆ แต่เห็นบอกว่าที่อื่นหายากนะ แต่ที่ดอยนี้เจอกระจายอยู่หลายจุดตัวยาอยู่ตรงรากครับ 




ว่าแล้วจนท.ก็ดึงขึ้นมาต้นนึง เห็นรากสีอมเลือดสมชื่อ จัดการเอามีดหันขวาง ซอยแบ่งแล้วหย่อนลงขวดน้ำที่ข้างในบรรจุเหล้าดอย เขย่าๆ กลายเป็นสีเหล้าดองไปเลย
แล้วบอกเราว่าแช่มันไว้แบบนี้เดี๋ยวตกดึกมาเปิดจิบกันรับรองที่เดินๆ ขึ้นมานี่หายเมื่อย!










ความงามเล็กๆ ระหว่างทางเดิน ความเปรียบต่างระหว่างใบไม้










เดินกันต่อครับ กล้ามเนื้อทุกมัดอยู่ตัวมานานแล้ว










เข้าสู่กิโลเมตรที่แปด
เราก็มายืนหยุดหน้าป้าย "บันไดก่ายฟ้า" ชันอีกแล้ว

บันไดก่ายฟ้า
ด่านชันสุดท้ายก่อนถึงยอดดอย
นับเป็นจุดที่ชันที่สุดของเส้นทางสาง เป็นสันดอยที่ทั้งแคบและชันเปรียบดั่งกำลังจะเดินไต่บันไดที่พาดกับท้องฟ้า










และที่หน้าป้ายบันไดก่ายฟ้านี่เองเราได้เห็น ดอยหนอก โผล่มาในสายตาแล้ว เห็นกันยัง นั่นๆ ซ้ายมือลิบๆ ไกลๆ
มาก่ายฟ้ากัน ท้องฟ้าโปร่งลมเย็นพัดมาช่วยคลายร้อนชันจริงแต่ไม่ชันยาว ก่ายกันไปด้วยระยะทางประมาณ 200เมตรก็ขึ้นไปยืนเหนือบันไดก่ายฟ้า









ดอยหนอก เป้าหมายสูงสุดของทริปนี้ที่เราจะขึ้นไปในวันพรุ่ง สำหรับวันนี้ปลายทางของพวกเราคือแคมป์ที่ยอดดอยหลวง










ยืนพักเหนื่อยเหนือบันไดก่ายฟ้า ขอบคุณ Keen Thailand สนับสนุนรองเท้าเดินป่าคู่นี้ใช้มาหลายปีดีดักแล้ว Keen Newport H2 ชอบเป็นการส่วนตัว 
เลือกใส่คู่นี้เฉพาะเวลามีทริปเดินป่าขึ้นเขาลงห้วยพื้นรองเท้าหนา ดอกบากร่องห่างสลัดดินดี 
ดีไซน์ดอกรองเท้าล้ำมาด้านข้างยึดเกาะทรงตัวเวลาจ้ำลงทางชันบากผิวด้วยเลเซอร์เป็นริ้วคลื่นเหมือนพังพืด 
ที่ถูกใจที่สุดคือระบบรัดข้อเท้าที่ออกแบบเหมือนแขวนลอยข้อเท้าปกป้องหัวแม่โป้งไม่ให้ชนปลายรองเท้า 
ปัญหาที่กลัวเล็บหลุดเป็นอันหมดไป นี่เค้าไม่ได้เรียกให้มาโฆษณานะ แต่อยากโพนทนาเอง










ยอดดอยหลวง
ปรากฎแก่สายตาในที่สุด



เรี่ยวแรงที่แทบหมดกลับมาฟื้นอีกครั้ง กำลังใจกลับมาเป็นกอง ยังอีกไม่ไกลแล้วขณะนี้เรายืนอยู่ ณ ความสูง 1620เมตรแล้วใกล้ความจริงแล้ว 
ทำเวลามาขณะนี้ที่ 7ชั่วโมงพอดีๆ กับระยะทางทั้งสิ้นแปดกิโลเมตรกว่าๆ










นาฬิกาข้อมือบอกเวลา 17.07น. ตะวันเริ่มยอแสงแล้ว สาดแสงทองอาบไปทั่วป่าดอย ช่วงเวลา Golden Hour ที่ไม่ว่าจะมองไปทิศไหนก็สวยไปหมด 
หน้าหนาวดวงอาทิตย์ตกเร็วขึ้น จีพีเอสในมือบอกเวลา Sunset ที่ 17.43น. ต้องเร่งเท้าต่อละ










ในที่สุดสองเท้าก็ก้าวมา ยืนอยู่ ณ ยอดดอยหลวง มาไม่ทันส่งตะวัน เพราะตกลับขอบฟ้าไปกลางทางย่ำขึ้นยอดดอยซะก่อน T T


1694เมตร กับป้ายสักขีพยาน ว่านายน้ำฟ้ามายืนอยู่บนนี้แล้ว ยอดดอยหลวง พะเยา 
แม้ไม่ทันมานั่งส่งตะวัน แต่ก็มาทันชื่นชมแสงสุดท้ายแห่งวัน ที่ส่องแสงมลังเมลืองจับขอบฟ้า ........ งาม .....นาทีนี้หายเหนื่อยชั่วขณะ ^^

















ดอยหนอกมุมมองจากยอดดอยหลวง จุดหมายต่อไปของวันรุ่งขึ้น


จากตรงนี้มองไกลไปสุดขอบฟ้าแลไปทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือ เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวอยู่ลิบๆ สูงพ้นขอบฟ้าขึ้นมา 
แม้จะอยู่ไกลถึงฝั่งจังหวัดเชียงใหม่ก็ยังสังเกตเห็นได้จากบนนี้เวลานี้ นี่เป็นการทอดสายตาทีเดียวข้ามสองจังหวัดเลยนะเนี่ย พะเยา เชียงราย เชียงใหม่! 
ขึงเส้นตรงบนกูเกิลเอิร์ธ ได้ระยะทางจากดอยหลวงพะเยาถึงดอยหลวงเชียงดาว 95กิโลเมตรครับถ่ายภาพป้ายจุดสูงสุดแล้วก็หันมาจำภาพแสงสุดท้ายกัน 







ขาตั้งกล้องของผมยังอยู่กับลูกหาบ ดีว่าในเป้มี mini tripod ขาตั้งจิ๋วที่ได้มาจาก เอาท์ดอร์ อินโนเวชั่น จัดการยึดเข้ากับเสาป้ายรัดด้วยเชือกรัดที่มาคู่กับขา แทนขาตั้งใจได้พอสมควร 
ก็ขอลาไปกับรีวิวตอนแรกเพียงเท่านี้นะครับ แล้วพบกันใหม่ตอนที่ 2 พิชิตยอดดอยหนอก ความชันที่ท้าทาย











บรรทัดนี้ขอขอบคุณเหล่าผู้สนับสนุนหลักการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย-พะเยา เบอร์ติดต่อ 053-744674-5

และผู้สนับสนุนการเดินทางทุกท่าน อาทิ
สายการบินนกแอร์
Avis Thailand
เอาร์ดอร์อินโนเวชั่น
Keen Thailand

และท้ายสุดขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านครับ



แถมอีกนิดอันนี้เป็นแผนที่เส้นทางมุมมอง Earth view เก็บแทรกสดมาจากอุปกรณ์จีพีเอส







รายละเอียดเพิ่มเติมหลังไมค์สอบถามผมได้ที่ https://www.facebook.com/Namfapakhao/
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ หวังว่าข้อมูลในรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ดอยหนอกรออยู่ในตอนหน้า 

ความท้าทายที่รออยู่ และแคมป์คืนที่สองที่ต้องบอกว่าเป็นทำเลตั้งแคมป์ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของผู้นิยมเดินดอย 






Create Date : 28 มกราคม 2559
Last Update : 19 ธันวาคม 2560 9:40:42 น. 17 comments
Counter : 5234 Pageviews.

 
โหวตท่องเที่ยวให้นะเฮียยยย ละเอียดมากกกกก แต่ไม่สามารถไปตามรอยได้แน่ๆ เที่ยวผ่านบล็อกเฮียเอาแล้วกัน

แล้วตกลงได้ดื่มมั้ยคะ มันทำให้หายเมื่อยจริงมั้ยอ้ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 มกราคม 2559 เวลา:17:30:44 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 29 มกราคม 2559 เวลา:3:50:52 น.  

 
สุดยอดค่ะลูกพี่ ทั้งภาพ ทั้งความพยายาม นู๋ยกนิ้วให้ลูกพี่เรย ^___^ อ้วนพีขอคาราวะค่ะ


โดย: auau_py วันที่: 29 มกราคม 2559 เวลา:7:11:12 น.  

 
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog
หฤหรรหฤโหดนะคุณหยี ขอบคุณที่นำภาพดีดีมาฝากกัน



โดย: หอมกร วันที่: 29 มกราคม 2559 เวลา:7:46:30 น.  

 
ตามรอยคงไม่ไหวแน่ๆ ร่างกายไม่อำนวย (ฮา)

เที่ยวแบบนี้ ไฮไลน์มันอยู่ที่ระหว่างทางนะ ค่อยๆ เก็บกันไป

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 มกราคม 2559 เวลา:23:27:05 น.  

 
เดินเขาทรหดอดทนอีกเช่นเคย ส่งพี่หยีไปเดินขึ้นหิมาลัยแข่งกับคุณฟ้าดีกว่า
ขึ้นเขาสองกิโลนี่อย่างโหดเลยครับ ปกติเดินแค่ 4-5 ร้อยเมตรก็ลิ้นห้อยละ
แต่ละภาพมาร์คจุดบนภูเขาไว้ด้วย ดูเข้าใจง่ายแจ่มแจ้งจางปาง ด้านบนเห็นฟ้าโปร่งๆบนภูเขาไร้ผู้คนรู้สึกอิสระดีนะครับ
มองเห็นดอยหลวงเชียงดาวกันเลยทีเดียว ไกลสุดๆ แถมยังรู้อีกว่าคือยอดนั้น


โดย: ชีริว วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:56:41 น.  

 
สุดยอดค่ะ
+

แม้จะอยากไปแต่เราไปไม่ไหวแล้วจ้า



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:04:05 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: หอมกร วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:03:31 น.  

 
สาวพะเยาสวยกว่าเยอะไม่ชวนไปด้วยนะ
คราวนี้งอนแล้ว


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog





โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:46:32 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog

สุดยอดมากเลยค่ะคุณหยี
ทั้งภาพและการเดินทางเยี่ยมมากค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:54:32 น.  

 
ภาพสวยสุดยอดเลยค่ะ
ให้ไปเที่ยวอย่างคุณหยีคงไม่ไหวแน่
ขอตามรอยมาเที่ยวที่บล็อกแทนละกัน
แปะหัวใจให้ สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ


โดย: haiku วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:29:47 น.  

 

สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะคุณหยี แข็งแรงเฮงๆรวยๆค่ะ
ตามมาดูพิชิตยอดดอย ป้าคงไปไม่ไหวแล้ว justดูonly ก็พอแล้ว
แปะหัวใจเพิ่มพลังให้ก่อนค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:12:09:03 น.  

 


มีความสุขมากๆตลอดไปนะค่ะคุณหยี

ปีนี้ไปงานมิตติ้งที่เมืองโบราณหรือเปล่าค่ะ..?



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:19:47:34 น.  

 

ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดไช้ เฮงๆรวยๆค่ะ

วันนี้มาโหวตและแปะหัวใจให้ค่ะ


น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:03:27 น.  

 
ทริปนี้ ทรหด.. เห็นภาพแล้ว อยากไป.. ยังสงสัยว่า
จะเดินไหวหรือเปล่า 555

แต่เห็นสาวสวย คนนั้นไปได้.. งั้นต้องสู้..

วันนี้หมดกระเป๋า... แล้วจะมาใหม่ครับคุณหยี


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:39:31 น.  

 
ถึงไม่ได้ไป แค่เห็นรูปก็คุ้มแล้วค่ะ


โดย: Took & Nat (สมาชิกหมายเลข 3006302 ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:02:48 น.  

 
ขอบคุณที่ทำให้เห็นโลกกว้างขึ้น
ขอบคุณความทรงจำนี้
📷⏳⌛⏰มันเป็นความทรงจำของเวลาเสมอ
รูปภาพธรรมชาติสวยนะคะเรียงร้อยคำเล่าเรื่องฟังแล้วคุณคงชอบธรรมชาติมาก
เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์งานดีดีแบบนี้อีก


โดย: พัทธนันท์ วริศธันยบูรณ์ IP: 49.230.232.43 วันที่: 8 กันยายน 2563 เวลา:8:15:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 186 คน [?]







ทำไมต้อง น้ำ ฟ้า ป่า เขา
เริ่มท่องเที่ยวไกลบ้านครั้งแรกตอนอายุได้ 12 ขวบ ไปไกลถึงเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ครั้งนั้นได้วิ่งไล่จับเมฆบนดอยปุย ก็ใจแตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชอบถ่ายภาพเพราะหนังสือถ่ายภาพท่องเที่ยวของ"ทอม เชื้อวิวัฒน์"
รักภูเขาเพราะหนังสือ "คืนสู่ภูเขา" ของดวงดาว สุวรรณรังษี
ภาพถ่ายผลงานของคุณดวงดาวในหนังสือเล่มนั้นมันสร้างแรงบันดาลใจแก่ผม ให้ผมหลงรักเหลี่ยมเขา และอยากถ่ายทอดเป็นภาพถ่าย เมื่อถึงเวลาต้องใช้นิคเนม เลยเลือกคำสั้น ๆ 4 คำที่เกี่ยวกับธรรมชาติที่เราชอบมาเป็นชื่อ น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
ความตั้งใจ: ยังมีอีกหลายภู หลายดอย ที่ยังไม่ได้พิชิต เรี่ยวแรงก็เริ่มน้อยถอยลง พักนี้ของชีวิตก็ได้แต่เที่ยวฉาบฉวย สไตล์แคมป์คาร์ ไปเรื่อย ๆ
ยังจะเดินทางต่อไป ต่อไป ... และต่อไป

รู้จักจขบ.เพิ่มเติมได้ที่บทสัมภาษณ์พิเศษ
Interview The Blogger น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา




Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.