1. ประเพณีถือศีลกินเจ หรือกินเจ เป็นพิธียันตรกรรมบูชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยอาศัยพระแม่แห่งดวงดาวมารีจี แบบของมหายาน แต่ในทางลัทธิเต๋าเรียกว่า เต้าโบ้หงวนกุนหรือเต้าโบ้เทียนจุนในภาษาฮกเกี้ยน เป็นศูนย์กลางสมมติของพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ มักอิงประวัติผูกติดอยู่กับฝ่ายตำนานเทพแห่งดาวนพเคราะห์มากกว่า ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งลัทธิเต๋า ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่เมืองจีน นับจากนั้นเป็นต้นมา เมื่อพระพุทธศาสนาเจริญขึ้น จึงปรากฏตำนานความเชื่อที่ผูกโยงกับพระพุทธเจ้า 9 พระองค์ และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ เรียกว่า กิ้วอ้วงฮุดโจ้วในภาษาจีนแต้จิ๋ว โดยคติความเชื่อในประเพณีของชาวจีน โดยเฉพาะลัทธิขงจื้อซึ่งเน้นในเรื่องบรรพบุรุษและความกตัญญู บรรดาบูรพกษัตริย์ที่เคยอุทิศตนเพื่อให้ประชาชนมีความเจริญโดยใช้หลักเมตตาธรรมก็จะเป็นบุคคลผู้ได้รับการสรรเสริญจากประชาชน - วิกิพีเดีย

2. เทศกาลกินเจ ก็คือประเพณีถือศีลกินผัก ซึ่งเป็นประเพณีเก่าของชาวจีน ซึ่งประเทศไทยมีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่จำนวนไม่น้อย ปัจจุบันคนไทยเชื้อสายจีนก็ยังยึดถือประเพณีกินเจเช่นกัน อ้อ ส่วนคำว่า 'ล้างท้อง' ก่อนกินเจ โดยส่วนมากจะกินเจล้างท้องก่อน 1 วัน เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุล

3. เคยสงสัยกันไหมว่านอกจากชุดสีขาวของเทศกาลกินเจ 'ทางภาคใต้ กับ 'ชุดสีเหลือง' ของเทศกาลกินเจ 'ทางภาคกลาง' แตกต่างกันอย่างไร ธนากร ตันอาวัชนการ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีน บอกกับไทยรัฐออนไลน์ว่า การใส่ชุดขาวตามตำนานมาจาก 'สำนักบัวขาว' ที่ถูกชาว 'มองโกล' ฆ่าตายหมด พอเราบูชาจะมีการทรมานร่างกาย มีการเชือด มีการเข้าทรง โดยกินเจแบบนี้จะใส่เสื้อผ้าสีขาวในเทศกาลนี้เป็นสัญลักษณ์ หรือเรียกว่า 'กินเจแบบบู๊'

4. ส่วนกินเจภาคกลางนั้น ตามประวัติคืออุทิศให้กับฮ่องเต้องค์เล็กที่กระโดดน้ำตาย ตอนที่ถูกมองโกลไล่ล่า ซึ่งหากชาวมองโกลมาเจอก็จะตายหมดทั้งลำเรือ พระองค์จึงตัดสินใจกระโดดน้ำตายคนเดียวดีกว่า การกินเจแบบนี้ใช้เสื้อผ้าสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ในการอุทิศให้กับฮ่องเต้ หรือเรียกว่า 'กินเจแบบบุ๋น'

5. หลายคนยังสับสนระหว่าง 'อาหารเจ' กับ 'อาหารมังสวิรัติ' อยู่ จำง่ายๆ อาหารเจคือการปรุงอาหารโดยปราศจากเนื้อสัตว์ ขณะที่อาหารมังสวิรัติสามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ แต่อาหารเจ ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท ได้แก่ กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว (คล้ายหัวกระเทียม แต่เล็กกว่า), กุยช่าย, ใบยาสูบ เพราะมีความเชื่อกันว่าผักดังกล่าว เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นแรง

นอกจากนี้ยังมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ เป็นที่มาของการป่วยไข้ และโรคภัยต่างๆ มากมาย

6. ส่วนข้อดีหลักโภชนาการที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์คือ การกินเจนอกจากจะช่วยให้อวัยวะภายในทำงานน้อยลง ยังทำให้อวัยวะได้หยุดพัก สุขภาพกาย-ขับถ่ายก็จะดีขึ้น ส่งผลนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีสุดๆ

7. เทศกาลกินเจ เป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติตามศีล 3 ข้อใหญ่ คือ เจที่ปาก (ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่พูดคำหยาบ) เจที่กาย (ไม่ประพฤติชั่ว) และเจที่ใจ (ไม่คิดชั่ว)

8. แต่งกายด้วยชุดขาว หลายคนอาจจะสงสัยว่าข้อนี้จำเป็นหรือไม่ บอกเลยว่าต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ถ้าใส่ได้ก็จะดีกับตัวเอง เพราะร่างกายสะอาดด้วยการกินเจแล้ว ภายนอกเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดอีกด้วย

9. กินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุงเท่านั้น ข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จริงก็จะเป็นผลดีมาก ถือว่าบริสุทธิ์จริงๆ แต่ในปัจจุบันมีการยกเว้นเพราะยุ่งยากที่จะต้องหาร้าน แต่ถ้าใครเคร่งครัดจริงๆ ต้องทำให้ได้ แต่ถ้าสายอ่อนข้อนี้ก็อนุโลมไปเช่นกัน 

10. ยึดหลัก 4 ล. คือ 1. ล้าง ล้างวัตถุดิบที่นำมาปรุงประกอบอาหารเจ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ให้สะอาด 2. ลด ลดอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด 3. เลี่ยง เลี่ยงอาหารเจที่มีแป้งมาก และเลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด เพราะมีไขมันสูง ทำให้น้ำหนักเกินและอ้วนได้ 4. เลือก เลือกอาหารที่มีถั่วหรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น น้ำเต้าหู้ ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตร

11. สุดท้ายก็อย่าลืม เริ่มต้นการถือศีลกินเจตั้งแต่วันที่ 13-21 ต.ค.นี้ หรือตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน สุขภาพดีเฮงๆ ทั่วๆ กัน

12. ห้ามพูดหยาบ ห้ามโกหก ส่อเสียด ห้ามดื่มสุรา ตลอดช่วงเวลา 9 วัน และห้ามดับตะเกียง 9 ดวง ในศาลเจ้า โรงเจ หรือสถานที่จัดงานถือศีลกินเจ 

13. ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงถือศีลกินเจ เพื่อจะทำให้ร่างกายและจิตใจบริสุทธิ์

วันนี้คุณกินเจแล้วหรือยัง.