อีกหนึ่งปัญหา ที่ไม่รู้จะถามใครดี ยิ่งเป็นผู้ชาย ยิ่งเขินอายเรื่องการถามข้อมูลสอบใบขับขี่ ดีไม่ดีเพื่อนมันล้ออีก "ถามโง่ๆ" หรือ "เอ้านี่เมิงยังไม่ได้ไปสอบอีกหรอ อ่อนนน" 

ถามไปถามมา เพื่อนก็บอกมาอีกอย่าง อ่านในเน็ตเองก็อีกอย่าง ถามใครเค้าก็บอกว่า ไปเลย ถามเจ้าหน้าที่เอา ไม่ยากหรอก...พอเอาเข้าจริง ไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ที่ขนส่ง ขวยเขินไม่รู้จะถามใครดี (เจ้าหน้าที่ก็ดุจังวะ) 

เรื่องที่ใคร ๆ บอกว่า "ง่าย" แต่คนไม่เคยทำนี่หว่า อะไร ๆ ก็แลดูจะยากไปหมด

เข้าเรื่องเลย "ขั้นตอนทำใบขับขี่" ขอเล่าแบบบ้าน ๆ จากประสบการณ์ตรงของเรา อันนี้เป็นแบบใหม่นะ ล่าสุดที่เราไปทำคือเดือนธันวาคม ปี 2558

1. คุณต้องขับรถให้เป็นก่อน

2. ไปขอใบรับรองแพทย์ จากโรงพยาบาล หรือคลีนิค ใช้ได้ทั้งของรัฐและเอกชน เวลาเข้าไปติดต่อ บอกเจ้าหน้าที่ตรงเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ว่า "มาขอใบรับรองแพทย์เพื่อทำใบขับขี่" เอามา 1 ใบก็พอ (*จำเป็นต้องใช้ยื่นตั้งแต่วันแรกนะคะ ห้ามลืม หลาย ๆ คนพลาดต้องกลับบ้านเพราะไม่ได้ขอใบรับรองแพทย์มา)

3. อ่านกฏจราจรเตรียมไปล่วงหน้า ให้เวลาตัวเองได้อ่านหนังสือ 2-4 วัน (ตรงนี้ก็ตกกันเยอะ ต้องเสียเวลามาสอบหลายรอบ ถ้าเราเตรียมตัวไปก่อน รอบเดียวผ่านใสๆ สอบข้อเขียน 50 ข้อ ต้องได้ 45 ขึ้นไปถึงจะผ่าน)

4. ลางาน 2 วันเต็ม เมื่อใบรับรองแพทย์พร้อม สำเนาบัตรประชาชนพร้อม อ่านหนังสือพร้อม ลางานไว้ก่อนเลย 2 วันติดกันเต็ม ๆ

ขั้นไปสอบจริง แบ่งเป็น 2 วัน (ระเบียบบังคับเหมือนกันทุกที่ ทุกอำเภอ ทุกจังหวัดทั่วไทย ยกเว้นที่ไหนคนเยอะ อาจจะต้องมีการจองคิวแล้วนัดมาอีกทีวันหลัง ไม่มีแบบสอบจบได้บัตรภายใน 1 วันแบบสมัยก่อนแล้วนะ มันเปลี่ยนแล้ว ใครท้วงอย่าเชื่อ!)

1. ตื่นแต่เช้า ไปรอที่ขนส่งก่อนเวลา 08.30 น. (ปกติเขาไปกันประมาณ 7.30 น.) มองหาป้ายที่เขียนว่า ทำใบขับขี่ แล้วก็ยืนรอแถว ๆ นั้น ถ้าคนเยอะจะมีการรับบัตรคิว หรือยืนต่อแถว ฯลฯ แล้วแต่ ดังนั้นให้ไปก่อนเวลานะ 

2. ยื่นเอกสาร เมื่อเปิดทำการ 8.30 น. ให้ยื่นเอกสารแค่ 2 อย่าง คือ ใบรับรองแพทย์ และ สำเนาบัตรประชาชน (อย่าลืมเซ็นสำเนาถูกต้องที่สำเนาบัตรประชาชน พร้อมเขียนเบอร์โทรไว้ด้วย)

3. รอรับการทดสอบสมถภาพ รออยู่แถว ๆ นั้นแหละ เดี๋ยวเขาเรียกเองว่าให้ไปตรงไหน

4. รับการทดสอบสมถภาพ มีการดูไฟเขียวไฟแดง ทดสอบคล้าย ๆ ปฏิกิริยาการเหยียบเบรก แล้วก็พวกทดสอบสายตา ก่อนสอบเขาจะสาธิตให้ดูก่อน ตั้งใจฟัง อย่าตื่นเต้น พอผ่านแล้วถึงจะได้เข้ารับการอบรม

5. การอบรม ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เริ่มเวลา 10.00 - 12.00 น. และบ่าย 13.00 - 15.00 น. (บางที่ก็ให้เข้าเร็ว-เข้าช้า แล้วแต่เจ้าหน้าที่ ดังนั้นห้ามไปไหน ให้อยู่แถว ๆ นั้นตลอด)

6. สอบข้อเขียน เมื่ออบรมเสร็จ บางที่จะนัดมาสอบข้อเขียนและสอบขับรถใบวันรุ่งขึ้น แต่บางที่ก็ให้สอบข้อเขียนเลยหลังจากอบรม ตอนนี้เราจะได้ใช้ประโยชน์จากการอ่านหนังสือมาล่วงหน้านั่นเอง (กรณีที่ได้สอบข้อเขียนเลย ถ้าผ่าน ก็รอมาสอบขับรถวันรุ่งขึ้น ถ้าตกก็รอสอบใหม่วันรุ่งขึ้น) 

1. มาตามเวลาที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย (สมมติว่าผ่านข้อเขียนแล้ว) 

2. สอบขับตามท่าต่าง ๆ ที่กำหนด มีท่าจอดเทียบฟุตบาท เดินหน้า-ถอยหลังตรงๆ และท่าปราบเซียน คือท่าถอยหลังเข้าซอง นอกจากนี้ที่คนชอบหลงลืม คือมันมีสอบขับแล้วดูสัญลักษณ์จราจรด้วย เช่น ให้เลี้ยง บังคับเลี้ยว ห้ามจอด การชะลอตรงทางร่วมทางแยก การเปิดไฟเลี้ยว ซึ่งถ้าขับเป็นอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา เรื่องพื้น ๆ (ตอนสอบขับให้คาดเข็มขัดด้วยนะห้ามลืม)

3. นำผลการสอบปฏิบัติไปยื่นทำบัตร หากสอบตก ก็รอเจ้าหน้าที่นัดหมายเพื่อสอบใหม่ ถ้าผ่านแล้วก็นำเอกสารไปยื่นที่เค้าเตอร์ด้านใน ที่เดิมกับตอนติดต่อขอทำใบขับขี่

4. ชำระเงิน

5. รอเรียกถ่ายรูป เสร็จก็รอรับบัตร เดี๋ยวนี้รอไม่นาน ปริ๊นออกมาได้เลยทันที 15 นาทีรู้กันว่าหน้าเหียกมั้ย

สำหรับคนที่สอบไม่ผ่านขั้นตอนใดก็ตาม เตรียมลางานรัว ๆ เพื่อมาสอบซ่อม หึหึ

เห็นมั้ย ทำใบขับขี่ ง่ายจะตายยย 

หากเห็นว่าเนื้อหามีประโยชน์ ฝากเพจ "ทำไงอ่ะ" ไว้ด้วยจ้า ขอบคุณน้าาาา https://www.facebook.com/howtodosomething

ปล. อ่านตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ได้จากที่นี่ //knowledgeth.blogspot.com/2013/11/2556-2557.html