อิตาลี : Cinque Terre มากกว่าแม่พลอยหนึ่งแผ่นดิน
เอารูปที่ไปเที่ยวทะเลทางตะวันตกของอิตาลีลงในเฟสบุ๊คสองสามรูป เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ ได้ไม่น้อย ล้วนแล้วแต่ไต่ถามกันมากว่ารูปจริงหรือเปล่า มีอยู่จริงมั้ย ที่ไหน ทำไมสวยจัง
วันนี้จะมาเฉลยและพาเที่ยวเมืองในรูปสุดสวยนี้ มีชื่อว่า Cinque Terre ภาษาอิตาเลียนอ่านว่าชิงเควเตเร่ หมายถึง 5 แผ่นดิน (มากกว่าแม่พลอยหนึ่งแผ่นดินก็ตรงนี้แหละ) จะเรียกให้เข้าใจง่ายกว่า คือ หมู่บ้านทั้งห้านั่นเอง ห่างจากโรมไปประมาณเกือบ 500 กม.
Cinque Terre ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด La Spezia เป็นอดีตหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าผาริมทะเลไล่เรียงกันไป มาปี 1997 ได้รับการประกาศให้เป็นหมู่บ้านมรดกโลกโดย UNESCO หลังจากนั้น Cinque Terre ก็กลายเป็นที่ท่องเที่ยวริมทะเลลำดับต้นๆ ของชาวอิตาเลียนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
มีชื่อตามลำดับถ้าเดินทางมาจากเมือง La Spezia ดังนี้ Riomaggiore Manarola Corniglia Vernazza และ Monterosso
พวกเราออกเดินทางจากโรมด้วยรถไฟแต่เช้า เช้ามากจนแม่งานผู้จัดการทริปถึงกับตกรถ และนั่งรถไฟตามไป แต่เสียเงินไปฟรีๆ 1 ขา ประมาณ 1,400 บาท
ยังโชคดีที่สถานีขนส่งใหญ่ที่สุดของโรมอย่าง Termini พอมีอะไรให้ซื้อทานเป็นอาหารเช้าบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้มีดีแค่นักล้วงกระเป๋าชุกชุมเพียงอย่างเดียว
หากซื้อไม่ทันหรือไม่อยากซื้อ บนรถไฟมีบริการครับ แต่ราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
รถไฟวิ่งผ่านเมืองสำคัญหลายเมืองที่ได้ปักหมุดไว้แล้วว่าจะมาเที่ยวเมื่อพร้อม เช่น Florence หรือ Firenze และ Pisa
ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชม. ก็มาถึงสถานี La Spezia Centrale เมืองหลักที่เราได้จองห้องพักไว้ จะไปพักในหมู่บ้านทั้งห้าก็ได้ มีที่พักอยู่เหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นและอาจไม่สะดวกสบาย
ดูห้องซึ่งเป็นอพาร์ทเมนต์ที่เจ้าของแบ่งเช่าแล้วเก็บของ นัดรวมตัวกันอีกครั้งที่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางท่องเที่ยวใน 5 หมู่บ้าน
เตือนเลยว่าถ้าเลือกมาหน้าร้อนแบบพวกเรา (ก.ค. - ส.ค.) ไม่ต้องกลัวดำ เพราะดำแน่ เตรียมหมวก แว่นกันแดด และซันบล็อคให้พร้อม
ถามว่าต้องขนาดเอาร่มมากางแบบนักท่องเที่ยวจีนบางคนหรือเปล่า ตอบว่าอย่าเลย ไม่จำเป็น และเสียทัศนียภาพเปล่าๆ
รถไฟจาก La Spezia วิ่งผ่านทั้ง 5 หมู่บ้าน ซื้อใบเดียวใช้ได้สองวัน ขึ้นลงไม่จำกัดเที่ยว รถไฟแอร์เย็นสบาย เป็นการคมนาคมขนส่งหลักระหว่างหมู่บ้านทั้งห้ากับโลกภายนอก
ด้วยความช่วยเหลือของน้องไกด์อาสา (ต้องเรียกอาสาเพราะเธอไม่ยอมรับเงินค่าจ้าง) เราวางแผนท่องเที่ยว Cinque Terre เป็นอย่างดี โดยแยกเป็นวันแรก 3 หมู่บ้าน และวันที่สองอีก 2 หมู่บ้าน
ไม่ได้เรียงตามลำดับไหล่แต่เรียงตามความสะดวกและความนิยม
ลงรถไฟป้ายแรกที่หมู่บ้านที่ 4 Vernazza หมู่บ้านนี้กว้างขวาง มีร้านรวงเยอะ
เนื่องจากเป็นหมู่บ้านแรกที่แวะ เราจึงใช้เวลามากเป็นพิเศษ รวมทั้งรับประทานอาหารกลางวันชมวิวสวยๆ
ด้านบนมีปราสาท Doria เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สวยงาม
มีสมาชิกบางท่านขอบาย แต่ขอให้ส่งรูปทางไลน์ไว้แอ๊พเพื่อน
มองลงมาน้ำใสมากๆ ครับ พอกับทะเลใต้ที่เมืองไทยเลย
แต่ไม่มีหาดเลยสักนิด เป็นโขดหินล้วนๆ กระนั้นหนุ่มสาวชาวชราก็ดำผุดดำว่ายกันเป็นที่สนุกสนาน
หมู่บ้านที่เราแวะลำดับต่อมา คือ Monterosso เป็นหมู่บ้านที่ 5 ของ Cinque Terre หน้าตาหมู่บ้านทั้งห้าแห่ง โดยเฉพาะบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างดูคล้ายกัน
แต่หมู่บ้านนี้จำได้ง่าย เพราะมีชายหาดยาวที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอีก 4 หมู่บ้าน
แน่นอนว่าคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เปลือยท่อนบนและนุ่งน้อยชิ้นท่อนล่าง นอนอาบแดดกันเหมือนปลาเผาที่มีความสุข ปราดตาไปรอบๆ มีแต่ฝรั่งผิวขาว
ถ้าเดินสวนมา มีหมวก แว่นตา หน้าพอกครีมหนา ถือร่ม รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนเอเชีย
ส่วนที่เป็นหมู่บ้านก็น่าเดินครับ มีโบสถ์และร้านค้าขายของสารพัด
หลายอย่างโดยเฉพาะพวกผ้ากับหมวกไม่กล้าซื้อ กลัวเจอ Made in Pratunam
เราเริ่มที่หมู่บ้านที่ 4 มาจบที่หมู่บ้านที่ 5 เพราะน้องไกด์ได้วางแผนให้เราขึ้นเรือกลับจากหมู่บ้านที่ 5
เรือจะวิ่งย้อนและแวะทุกหมู่บ้านไปเรื่อยๆ จนถึงหมู่บ้านแรก
วิวที่เราเห็นในโปสการ์ดก็ถ่ายกันจากเรือนี่ล่ะครับ เป็นรูปบ้านเล็กๆ สีสวยๆ เกาะอยู่ตามชะง่อนผา
เริ่มจากหมู่บ้านที่ 5 Monterosso
หมู่บ้านที่ 4 Vernazza
หมู่บ้านที่ 3 Corniglia
หมู่บ้านที่ 2 Manarola
และหมู่บ้านที่ 1 Riomaggiore
เราขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านที่ 1 จึงได้ถ่ายรูปหมู่บ้านยามเย็นของหน้าร้อน ซึ่งพระอาทิตย์ไม่ยอมตกขอบฟ้าง่ายๆ
เสียดายแบตกล้องหมดเสียก่อน เลยได้ถ่ายหมู่บ้านทั้ง 5 ทางเรือที่ละไม่กี่รูปเท่านั้น
เราสิ้นสุดวันกันจริงๆ ที่ร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นในเมือง La Spezia สั่งมากินกันชนิดที่เจ้าของต้องปรบมือดีใจตอนเรียกเก็บเงิน แต่ละคนสายแข็งทั้งนั้น
เมื่อวานเราเดินกัน 3 หมู่บ้านแล้ว วันนี้ยังเหลืออีก 2 คือ หมู่บ้านที่ 2 และ 3 เท่านั้น
เริ่มวันด้วยหมู่บ้านที่ 3 Corniglia ซึ่งมาแปลกตรงที่ทั้งหมู่บ้านตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ไม่มีทางลงทะเล
การเที่ยวหมู่บ้านนี้จึงเน้นเดินชมร้านค้า
และถ่ายรูปที่จุดชมวิวเป็นหลัก
โปรดนั่งรถบัสฟรีขึ้นมาจากสถานีรถไฟ อย่าเดินตามฝรั่ง ระยะทางค่อนข้างไกลและชัน ผมมั่นใจว่าฝรั่งหลายคนแอบอิจฉาที่พวกเรานั่งรถ
เนื่องจากไกด์ให้เวลาพอสมควร ผมจึงมีเวลาเดินไปโซนที่เขาปลูกองุ่นทำไวน์
ได้ถ่ายรูปองุ่นเด็กและการทำไร่แบบขั้นบันได Cinque Terre สไตล์มาพอสมควร
แถมยังได้ภาพถ่ายหมู่บ้านมาจากไร่องุ่น ไม่เหมือนใครอีกด้วย
หมู่บ้านสุดท้ายที่ไกด์พามาเก็บก่อนกลับโรม คือ หมู่บ้านที่ 2 ชื่อว่า Manarola หรือจะเรียกมโนราห์แบบผมก็ได้ จำง่ายดี
ในตัว Manarola ผมว่าไม่ใหญ่โตอะไรมาก ถนนแคบ ร้านรวงสองข้างไม่มากนัก
ไม่หนาแน่นเหมือนบางหมู่บ้านที่มีตลาด ร้านค้า ผู้คนคึกคักกว่านี้
แต่พอเดินมาถึงส่วนที่ติดทะเล ความคิดก็เปลี่ยนไป
มีผู้คนเล่นน้ำส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
เด็ดสุดคงเป็นทางเดินไปส่วนหย่อมเล็กๆ
ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพหมู่บ้านที่ดีที่สุด
ถ่ายออกมาสวยงามกว่าทุกหมู่บ้านเลยครับ
เพิ่งจะเล่นกล้องเป็น เลยใส่โหมด vivid สีออกมาแจ่มๆ เลย
สรุปว่าส่วนตัว ผมประทับใจหมู่บ้าน Manarola ที่สุด ถึงจะคล้ายๆ กับหมู่บ้านอื่น แต่เพราะมุมถ่ายรูปที่เหมาะเจาะ ทำให้ผมและสมาชิกในกลุ่มกดชัตเตอร์รัวๆ กันทุกคน
อาหารกลางวันจริงๆ มีหลากหลายมากครับ แต่ผมยังคงทานได้อยู่อย่างเดียว คือ สปาเก็ตตีที่ไม่ใส่ซอสมะเขือเทศ ตั้งใจจะทานกันตายแต่รสชาติใช้ได้ครับ
ไป Cinque Terre คราวนี้ สมาชิกร่วมสิบคน เอะอะมะเท่งครื้นเครงดีครับ สำหรับคนที่ไม่อยากมาเดินตัวเหนียวหน้าดำในช่วงหน้าร้อนปรอทแตกแบบนี้ สามารถเลือกมาช่วงเดือน พ.ค. หรือ ก.ย. ได้ครับ เอาที่พี่สบายใจเลย!
| Create Date : 27 กรกฎาคม 2558 |
| Last Update : 24 มีนาคม 2561 18:11:24 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 3054 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [