อิตาลี : Calcata ไม่ใช่เมืองแขก แต่เป็นความแปลกแบบยุโรป
ห่างจากโรมไปแค่ 50 กม. ขับรถไม่ถึง ชม. ก็จะถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งชื่อว่า Calcata พอบอกใครต่อใครว่าไปเมืองชื่อนี้ ร้อยเปอร์เซ็นต์จะต้องถามกลับมาว่าใช่กัลกัตตาที่อินเดียหรือเปล่า จะด้วยความฉงนในชื่อหรือคิดว่าผมจะไปอินเดียจริงๆ ก็ตาม เอาเป็นว่าเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเมืองนี้มาครับ เป็นเมืองในอิตาลีนี่แหละ ไม่ใช่ Calcutta ในอินเดียแต่อย่างใด
ที่นึกอยากไปเมืองนี้ขึ้นมาเพราะไม่ห่างจากโรมไปมาก ขับรถไม่ไกล มีลักษณะที่ตั้งคล้ายเมือง Bagnoregio ที่ผมชอบมากๆ แต่ไปมาแล้วสองครั้ง ที่สำคัญเป็นวันเสาร์ในหน้าหนาวที่แดดจัดมาก ทำเอาพี่ที่หนีหนาวมาจากสวีเดนถึงกับพ้อว่าไม่อยากกลับไปเจออากาศติดลบที่สต็อกโฮล์มอีกเลย
ขับรถกันออกมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน
เข้าเขตเมือง Calcata ในจังหวัด Viterbo ใบไม้ได้ผลัดใบเปลี่ยนสีไปหมดแล้วตั้งแต่สองเดือนก่อน
แม้ไม่สวยงาม ไม่มีใบไม้ที่สีแดงจัดๆ เหมือนในญี่ปุ่น แต่บรรยากาศระหว่างทางก็ทำให้แวะกดชัตเตอร์ได้อยู่เหมือนกัน
อากาศดี แดดจัด แต่ก็ใส่เสื้อผ้าจัดเต็มกันมาครับ เพราะคิดว่าแดดหมดแล้วคงหนาวเข้าขั้น
ได้ที่จอดรถที่หาแสนยากก็เริ่มเดินกันเลยครับ
ได้รับการบอกเล่าจากพี่เดือนซึ่งเคยมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นเมืองเล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็หมด และก็อย่าคาดหวังอะไรมาก
เมืองนี้คล้ายกับ Bagnoregio เมืองโปรดของผมตรงที่เป็นเมืองบนหน้าผาที่บริเวณโดยรอบพังทลายไปแทบหมดแล้ว เหลือตัวเมืองเก่าเล็กๆ อยู่บนหน้าผานิดเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้เมืองนี้มีขนาดใหญ่กว่านี้มาก
เจอธรรมชาติทั้งน้ำทั้งลม แผ่นดินไหว และอะไรต่ออะไร จนครั้งหนึ่งเมืองนี้ได้กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว รัฐบาลประกาศให้เป็นเมืองอันตราย อาจถล่มได้ตลอดเวลา ผู้คนจึงอพยพออกไปจากเมืองจนหมด และไม่มีใครสนใจดูแลอยู่หลายสิบปี
จนช่วงปี 1960 เมืองกลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยพวกศิลปินรุ่นใหม่ ฮิปปี้ บุปผาชน ได้กลับเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ฟื้นฟูงานศิลปะ ทำผลงานออกมาขายให้นักท่องเที่ยว
เมืองนี้มองจากข้างนอกสวยงามกว่าเดินในตัวเมือง ตรงนี้ก็คล้าย Bagnoregio ในตัวเมืองเป็นตึกเก่าๆ ไม่ได้รับการบูรณะอะไร
มีงานศิลปะ ทั้งที่น่าจะทำเองและน่าจะรับมาขายต่อวางขายอยู่แทบทุกตรอกซอกซอย
คนขายก็แต่งตัวออกแนวฮิปปี้ ซึ่งหากเห็นแต่งตัวแบบนี้ในโรมหรือเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ จะคิดว่าเป็นพวกยิปซี ที่ไม่ได้ทำงานการอะไร จ้องแต่จะขโมยของนักท่องเที่ยว บางทียิปซีกับฮิปปี้ก็แยกกันไม่ค่อยออก
ผมสังเกตว่าร้านอาหารซึ่งมีอยู่เป็นสิบๆ ร้านยังคงดำเนินกิจการและดูคึกคักเหมือนปกติ เป็นสัญญาณว่ายังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาด
ไม่เงียบเหงาจนพ่อค้าแม่ค้าต้องนั่งหาวเหมือนหลายเมืองที่เคยไปมา ทั้งที่เป็นเมืองเล็กและช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวในอิตาลี
นอกจากร้านขายงานศิลปะและร้านอาหารแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ ร้านกาแฟเก๋ๆ และโบสถ์ประจำเมือง
เดินเล่น ชม. เดียวก็หมดไม่มีอะไรจะดูแล้ว ถ้าจะกินอาหารกลางวันในเมืองนี้ด้วยอาจอยู่ได้ถึง 2 ชม.
สิ่งที่ขัดใจผมทำให้ไม่อยากอยู่เมืองนี้นาน คือ แมวที่มีมากมากหลายสิบตัวหรืออาจจะถึงร้อยตัวก็ได้ มีทุกที่ทุกแห่ง
เดินสวนสนามกันเต็มเมือง ทำตัวเป็นเจ้าของเมือง
ผมไม่ได้ติดใจที่มีแมวเยอะนะครับ แต่เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแมวเลี้ยงในบ้านหรือไม่มีเจ้าของ น้องเหมียวเหล่านี้จึงนิยมฉี่ตามทางเดิน ริมรั้ว ใต้ต้นไม้ และที่สาธารณะอื่นๆ
ทุกที่ทุกมุมมีกลิ่นฉี่แมวคลุ้ง ต้องบอกว่าผมทนกลิ่นฉุนของฉี่แมวได้ไม่นานครับ แพ้ทางจริงๆ สุดท้ายต้องยอมถอยออกจากเมืองแต่โดยดี (แต่หลังจากคิดว่าเดินชมครบทุกมุมแล้ว)
1 ชม. เป็นระยะเวลาที่ใช้เดินในเมืองเล็กๆ เมืองนี้พอดิบพอดีครับ
Create Date : 12 ธันวาคม 2559 |
Last Update : 2 เมษายน 2561 2:06:09 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1804 Pageviews. |
|
|
ชอบเดินเที่ยวเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ ดูสบาย ๆ... ภาพแมว
ภาพแรก แสงสวย.. ชอบครับ