**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 12..สโมสรสุขารมณ์**
บทที่12 สโมสรสุขารมณ์ ระหว่างที่สเปิร์มพิณกำลังพักฟื้นอยู่นั้นคุณครูบาลเฮดกับทีมกู้ชีพก็กำลังวางแผนที่จะเข้าไปช่วยสเปิร์มจิงออกมาเป็นรายต่อไป ข้างในมืดตื๋อและเฉอะแฉะจิงอาจอยู่ลึกลงไปอีกซึ่งฉันเข้าไปไม่ถึงจึงต้องเอาพิณออกมาก่อน สเปิร์มปันบอกเล่าเรื่องราวที่ประสบมาในท้องของกัปตันแบ็คให้ทีมกู้ชีพฟัง ไม่มีใครตำหนิสเปิร์มปันที่ช่วยสเปิร์มพิณออกมาก่อนเพราะเข้าใจในสถานการณ์ดี มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยสเปิร์มทั้งสองตัวออกมาได้ในขณะเดียวกันอยู่แล้วดังนั้น ตัวที่มีโอกาสมากกว่าย่อมเป็นทางเลือกลำดับแรก แสดงว่าจิงอาจอยู่ในกระบวนการย่อยสลายแล้วขณะที่พิณรอเป็นคิวถัดไป คุณครูบาลเฮดกล่าวในวงล้อมของทีมกู้ชีพ คุณครูหมายความว่าจิงจะไม่รอดหรือคะ สเปิร์มไข่มุกถามตรงๆ คุณครูบาลเฮดไม่ได้ตอบอะไรแต่แววตาของเขามันฟ้องถึงความหวังอันเลือนราง ยังไงๆเราก็จะต้องเอาเธอออกมา คุณครูบาลเฮดกล่าวเพียงแค่นั้น ฉันจะเข้าไปอีกที สเปิร์มปันขันอาสาอีกครั้ง อย่าดีกว่า..เธอยังไม่อยู่ในสภาพ.. คุณครูบาลเฮดทักท้วง ให้ผมทำภารกิจนี้ให้จบเถอะครับมันคาใจผมอยู่ และคงไม่มีใครรู้จักเครื่องในของกัปตันแบ็คดีเท่าผมหรอก สเปิร์มปันยืนยัน ในที่ประชุมไม่มีใครคัดค้านความเห็นของเขาอีก สเปิร์มปันมุดศีรษะเข้าไปในท้องของกัปตันแบ็คอีกครั้งท่ามกลางกองเชียร์ที่ลุ้นเอาใจช่วยเหมือนอย่างเคยแต่ครั้งนี้มีหลายเสียงที่ซาบซึ้งในความพยายามของเขาและอีกหลายเสียงที่ไม่อยากให้เขากลับเข้าไปอีกครั้ง เขาต้องทำ..คงมีแต่เขาเท่านั้นที่เข้าไปแล้วมีโอกาสกลับออกมาได้มากกว่าตัวอื่น สเปิร์มคำนวณกล่าวกับเพื่อนสเปิร์มหลังจากคำนวณทุกอย่างโดยถี่ถ้วนแล้ว สปิร์มกู้ชีพทุกตัวประจำในตำแหน่งเดิมทั้งหมดรวมทั้งผู้ที่แหย่หางเข้าไปในปากของกัปตันแบ็คเพื่อรอเกี่ยวหางของสเปิร์มปันก็ยังคงเป็นคุณครูบาลเฮด การปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนครั้งแรกเมื่อคุณครูบาลเฮดให้สัญญาณดึงก็สามารถดึงร่างของสเปิร์มปันออกมาได้ไม่ยากไม่มีสเปิร์มในทีมกู้ชีพสักตัวเดียวที่ต้องกระเด็นตกลงไปนอนก้นจ้ำเบ้าอีก สเปิร์มปันหลุดออกมาในสภาพที่เปรอะเปื้อนเหมือนเดิมแต่กระฉับกระเฉงกว่าเดิมที่ปากของเขาคาบออกมาเป็นร่างของสเปิร์มจิงอย่างแน่นอนเพียงแต่ออกมาไม่ครบทั้งตัวเท่านั้น เมื่อสเปิร์มในทีมกู้ชีพวางร่างที่เหลือแต่ศีรษะและลำตัวที่บุบสลายจนแทบจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ลงบนพื้น สเปิร์มมุงทั้งหลายก็พากันเบือนหน้าหนีไปทางอื่นกว่าครึ่งหนึ่งหันหลังกลับเพื่อไปหาสถานที่สงบอารมณ์ ไม่มีใครอยากมุงดูเหตุการณ์อีกต่อไปแล้ว ............................................................ พิธีไว้อาลัยร่างของสเปิร์มจิงจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยคุณครูบาลเฮดเป็นผู้กล่าวนำคำไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณของสเปิร์มจิงไปเกิดใหม่ตามความเชื่อของเหล่าสเปิร์มหลังจากนั้นก็ใช้สเปิร์ม 4 ตัวยกร่างของเธอขึ้นเหนือศีรษะแล้วโยนลงไปในน้ำทางกราบเรือด้านหนึ่ง ส่วนศพของกัปตันแบ็คยังคงปล่อยไว้บนเรือแต่ลากไปพิงไว้ข้างห้องกระจกทางตอนท้ายของเรือเหตุที่ไม่ทิ้งศพลงไปในน้ำเพราะคุณครูบาลเฮดรู้ดีว่าการตายของเจ้าหน้าที่ตัวหนึ่งของโรงเรียนจะต้องมีการสืบสาวราวเรื่องหลังจากนี้ สภาพศพถือเป็นหลักฐานสำคัญในการชี้ผลของคดี การโยนศพทิ้งน้ำถือเป็นการทำลายหลักฐานซึ่งจะกลายเป็นโทษอีกกระทงหนึ่ง คุณครูบาลเฮดต้องทำหน้าที่กัปตันเรือจำเป็นโดยขอให้สเปิร์มปันทำหน้าที่ผู้ช่วยกัปตันเพื่อให้การลำเลียงสเปิร์มครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปตามกำหนดการ เนื่องจากไม่เคยขับเรือกันมาก่อนการลองผิดลองถูกในห้องบังคับการจึงเกิดขึ้น เหวอ..อ..! พอกดปุ่มเดินเครื่องก็ทำเอาสเปิร์มอ้าปากหวอและอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกกันทั้งลำเรือเมื่อเรือพุ่งออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวและทำท่าจะแหกโค้ง เอ่อ..เฮ้อ..อ.. แต่แล้วสเปิร์มบนเรือก็ถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอกเมื่อทั้งกัปตันและผู้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่หัวเรือเกือบหลุดโค้งได้อย่างหวุดหวิด ..การเรียนรู้ภาคปฏิบัติโดยเริ่มต้นด้วยความผิดพลาดนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างมหันต์แต่เมื่อนำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงแก้ไขได้แล้ว ก็สามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่าในการปฏิบัติครั้งต่อไปได้.. สเปิร์มทั้งสองได้ค้นพบวิธีการบังคับเรือให้แล่นไปข้างหน้าตามเส้นทางที่คดเคี้ยวได้ในที่สุดแม้ความชำนาญการจะมาทีหลังแต่ความปลอดภัยของผู้โดยสารจะต้องมาก่อนเสมอ ดังนั้นเรือหัวกระสุนจึงแล่นอย่างประคองตัวไม่อาจแล่นอย่างหวือหวาเหมือนกรณีของกัปตันแบ็คได้ พอเรือแล่นผ่านทางโค้งที่ยาวใหญ่เหมือนขับอ้อมขุนเขาออกมาได้แล้วเบื้องหน้าก็เป็นเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ที่มองไปทางไหนก็ไม่พบขอบตลิ่งสักแห่ง ไปไหนต่อล่ะทีนี้ สเปิร์มปันเปรยขึ้นมาการเดินเรือที่ไม่มีขอบตลิ่งสองข้างทางคอยกำกับอาจทำให้หลงทางอยู่ในเวิ้งน้ำที่มีแต่ความมืดมิดแห่งนี้ได้ เห็นดวงไฟสีแดงที่กระพริบเหนือขอบน้ำข้างหน้าไหมเราจะมุ่งไปทางนั้น คุณครูบาลเฮดชี้ให้ดูแสงไฟสีแดงที่ลอยอยู่บนขอบน้ำด้านหน้าอันเป็นสัญญาณเดียวที่ใช้เป็นเครื่องนำทางได้ เมื่อเห็นว่าเส้นทางข้างหน้าสะดวกและราบรื่นอีกทั้งจุดหมายยังอยู่ห่างไกลนัก คุณครูบาลเฮดจึงเร่งความเร็วขึ้นไปอีกจนเต็มสปีดเพียงพริบตาเดียวก็เห็นดวงไฟสีแดงใกล้เข้ามาอย่างเด่นชัด นอกจากนี้ยังมีไฟดวงเล็กๆที่ส่องแสงสีเหลืองเรียงตัวกันเป็นพรืดโผล่ขึ้นมาจากขอบน้ำข้างหน้าด้วย ไชโย..ไชโย..! เรามาถึงฐานทัพแล้ว สเปิร์มที่อยู่ทางหัวเรือได้เห็นและตะโกนขึ้นก่อน ตามด้วยเสียงเฮจากสเปิร์มกลุ่มถัดๆมา แต่ยังมีสเปิร์มอีกจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกมากกว่า ทางนี้..ทางนี้เรือที่กำลังแล่นเข้ามาให้ชิดซ้ายขนาบกับชายฝั่งด้วย เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่การท่าผ่านลำโพงขยายเสียงดังขึ้นมาเมื่อเห็นเรือหัวกระสุนส่ายหัวเรือไปมาเหมือนไม่รู้ทิศทาง ฉันพอจะขับเรือให้มันแล่นได้แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้มันหยุดได้อย่างไร คุณครูบาลเฮดสารภาพพร้อมส่ายศีรษะไปมา เมื่อถอนคันเร่งแล้วเรือหัวกระสุนก็ลดความเร็วลงเป็นลำดับแต่ไม่สามารถหยุดในทันทีได้แม้เขาจะพยายามไล่ปุ่มต่างๆ บนแผงควบคุมที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ตามแต่ก็ไม่พบว่ามีปุ่มไหนสามารถหยุดเรือลงได้ คุณครูครับระวัง..เรือกำลังจะชน สเปิร์มปันที่นั่งอยู่เคียงข้างส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นหัวเรือส่ายไปมาและกำลังแล่นเข้าหาท่าเทียบเรือโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ ฉันรู้..ฉันรู้แต่..ทำอย่างไรล่ะ มันไม่มีปุ่มเบรค คุณครูบาลเฮดเสียงกระเส่าส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา ใครก็ได้ช่วยตะโกนต่อที..หาเบรคไม่เจอไม่รู้เบรคอยู่ตรงไหน สเปิร์มปันตัดสินใจเปิดประตูห้องกระจกออกแล้วตะโกนออกไปหวังให้เพื่อนๆ ช่วยกันส่งเสียงถามไปยังหอบังคับการที่อยู่อีกไม่ไกลจากนี้แล้ว ซวยล่ะสิ..หยุดเรือไม่ได้ สเปิร์มบนเรือพอได้ยินเสียงตะโกนก็ถึงกับนั่งไม่ติดพากันลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนต่อทันที ช่วยด้วย..! หาเบรคไม่เจอ หยุดเรือไม่ได้ อารามตกใจทำให้สเปิร์มตะโกนกันไปตัวละทีสองทีกลายเป็นเสียงโหวกเหวกที่จับใจความได้ยากเจ้าหน้าที่บนท่าเทียบเรือเห็นแต่ศีรษะของสเปิร์มผลุบๆ โผล่ๆกับเสียงร้องลั่นก็พอจะรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแต่ไม่รู้ว่าปัญหาอะไร อะไรนะ..! ทางเราไม่ได้ยิน..! มีไมโครโฟนแขวนอยู่ใต้เก้าอี้กัปตันทำไมไม่ใช้ล่ะ เสียงประกาศผ่านลำโพงของเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ดังขึ้นมาอีกครั้งเตือนสติให้กัปตันจำเป็นและผู้ช่วยระลึกได้ว่าเคยได้ยินกัปตันแบ็คใช้พูดผ่านลำโพงก่อนหน้านี้ สเปิร์มปันจึงรีบก้มลงไปดูที่ใต้เก้าอี้ที่คุณครูบาลเฮดนั่งอยู่เห็นไมโครโฟนเป็นรูปหัวจุกกลมๆ มีด้ามจับ ที่ก้นของมันมีสายยืดได้หดได้เป็นขดสปริงแขวนอยู่ที่ขอเกี่ยวใต้เบาะรองนั่งจึงรีบหยิบออกมาทันที เจอมั้ย..เจอมั้ย..! คุณครูบาลเฮดถามโดยที่หางยังกำพวงมาลัยไว้แน่นสายตามิได้ละไปจากภาพเบื้องหน้าเลย ขณะที่สเปิร์มปันก็กำไมโครโฟนไว้ด้วยปลายหางที่สั่นเทายังนึกไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรมันจึงจะพูดกระจายเสียงได้เมื่อมองไปที่ใต้หัวจุกกลมๆ ก็เห็นมีปุ่มเล็กๆ อยู่สองปุ่ม สีดำกับสีแดงในเสี้ยววินาทีนั้น สเปิร์มปันรู้อยู่แก่ใจว่า เขาไม่เหลือเวลาให้ตอบคำถามของกัปตันหรือศึกษาวิธีการใช้งานเจ้าวัตถุรูปร่างประหลาดตัวนี้อีกแล้วจึงตัดสินใจกดปุ่มสีดำแล้วหันไปทางท่าเรือ เราหยุดไม่ได้..เราไม่รู้ว่าเบรกอยู่ไหน..เอ..เสียงออกหรือเปล่าหว่า? แม้เจ้าตัวจะยังไม่แน่ใจแต่ทุกคำพูดของสเปิร์มปันดังกระหึ่มออกมาทางลำโพงที่เสากระโดงเรือเมื่อเห็นสเปิร์มทั้งหลายกระโดดโลดเต้นและปรบหางลงกับพื้น สเปิร์มปันจึงเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งใจ อ้าว..แล้วกันเบรคก็อยู่บนศีรษะของกัปตันไง มีห่วงกลมๆ อยู่ ไม่เห็นรึ..ให้ดึงลงมา....เบาๆ นะ น้ำเสียงเจ้าหน้าที่บนหอสังเกตการณ์การท่าแสดงความแปลกใจไม่น้อยที่กัปตันเรือไม่รู้ว่าจะดึงเบรคได้จากตรงไหน เรือยังคงแล่นเข้าหาท่าเทียบโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเมื่อใดทำเอาเจ้าหน้าที่หลายนายที่ยืนรออยู่บนท่าเทียบเห็นท่าไม่ดีต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน คุณครูบาลเฮดละสายตาจากแผงควบคุมที่อยู่ตรงหน้าแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบนเห็นห่วงกลมๆ ห้อยลงมาจากเพดานจึงรีบตวัดหางรัดเอาไว้แล้วดึงลงมาอย่างแรง เหวอ..อ..อ..อ..! สเปิร์มทั้งลำเรือตาลุกโพลงพร้อมกับอ้าปากค้างเหมือนกันหมดเมื่อเรือที่แล่นมาอยู่ดีๆก็หยุดกึกเหมือนสะดุดเข้ากับตอไม้ขนาดใหญ่ ทำให้สเปิร์มหัวคะมำไปข้างหน้าและไหลไปกองทับกันเป็นภูเขาอยู่ทางหัวเรือหมด ก็บอกแล้วไง..ให้ดึงเบาๆ อุ๊บ..! ขอโทษทีฉันดึงแรงไปหน่อย คุณครูบาลเฮดตกใจไม่น้อยกับผลงานที่เห็นเป็นกองภูเขาอยู่ตรงหน้า แต่..ในที่สุดเรือก็หยุดสนิทดีไม่ใช่หรือ แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองด้วยรอยยิ้ม เรือหัวกระสุนจอดเทียบอยู่บริเวณตอนกลางของท่าเทียบซึ่งคะเนด้วยสายตาว่าสามารถใช้จอดเรือขนาดเดียวกันได้นับสิบลำอย่างสบาย เมื่อเห็นว่าเรือนิ่งสนิทดีแล้วเจ้าหน้าที่การท่าที่มีลำตัวแบนเหมือนสายริบบิ้นที่ม้วนจนเป็นเกลียวที่ตรงเส้นแบ่งระหว่างใบหน้ากับลำตัวมีสายเนคไทสีฟ้าห้อยลงมาโดยไม่ปรากฏว่ามีลำคอนายหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนกราบเรือพร้อมเชือกเกลียวเส้นเขื่องเพื่อคล้องเรือเอาไว้กับหลักริมท่าน้ำหลังจากนั้นจึงเคลื่อนตัวไปยังห้องควบคุมที่ท้ายเรือด้วยการขดและยืดลำตัวออกหลายครั้งท่ามกลางสายตาของสเปิร์มที่หยุดมองอย่างสนเท่ห์ คุณมาช้าไปสิบห้านาทีเกิดอะไรขึ้น..อ้าว เอ๊ะ..! นายท่าผู้นั้นแสดงความประหลาดใจที่เห็นสเปิร์มสองตัวอยู่ในห้องควบคุมแทนที่จะเป็นกัปตันแบ็คเหมือนเช่นเคย พวกเรามีปัญหากับกัปตันแบ็คนิดหน่อย คุณครูบาลเฮดตอบพลางยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย อ้าว..นี่คุณครูบาลเฮดนี่นา..แล้วกัปตันตัวจริงไปไหนล่ะ นายท่านายนั้นชะโงกศีรษะมองข้ามคุณครูบาลเฮดเข้าไปในห้องกระจกก็ไม่พบอะไรผิดปกติ กัปตันแบ็คป่วยนิดหน่อย คุณครูบาลเฮดพยายามยิ้มกลบเกลื่อน นี่คงไม่นิดล่ะมั้ง..อาการปางตายเลยเชียวล่ะ เจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งที่ตามขึ้นเรือมาไล่ๆ กันส่งเสียงมาจากบริเวณที่ร่างของกัปตันแบ็คนอนอยู่ เรือเสียหายเยอะพอสมควรเลยครับเราพบรูรั่วที่พื้นเรือแล้วยังมีรอยถลอกที่หัวเรืออีกหลายแห่ง เจ้าหน้าที่การท่าที่เป็นนายช่างเดินสำรวจรอบลำเรือแล้วกลับมารายงานให้นายท่าที่เป็นหัวหน้าทราบ ดีเท่าไหร่แล้วที่เสียหายแค่นั้นน่ะ..โธ่..นี่เพิ่งขับครั้งแรกนะไม่ใช่กัปตันอาชีพนี่หว่า คุณครูบาลเฮดกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านทำตัวให้เหมือนกับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมิได้เป็นความผิดใหญ่หลวงอะไร แล้วใครทำร้ายกัปตันแบ็คล่ะ นายท่าตั้งคำถามอีก คราวนี้คุณครูบาลเฮดไม่ได้ตอบว่ากระไรแค่เลิกหัวคิ้วขึ้นประหนึ่งเพิ่งรู้ว่ากัปตันแบ็คอาการสาหัส
Create Date : 26 ตุลาคม 2558 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2558 8:42:45 น. |
|
3 comments
|
Counter : 671 Pageviews. |
|
|
|
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมปริปากและก็ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่การท่าในการสอบสวนเอาผิด นายท่าเลยกล่าวตัดบท
งั้นเชิญไปพักผ่อนด้านในก็แล้วกัน มีอาหาร เครื่องดื่มและสิ่งบำเรอความสุขไว้รอต้อนรับเสปิร์มที่มาถึงอย่างครบครัน เรื่องเรือนี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราจัดการซ่อมแซมก็แล้วกัน
เย้..! ได้เวลาอาหารอีกแล้ว..ซู้ด..ด พอได้ยินว่ามีอาหารคอยต้อนรับ สเปิร์มหม่ำก็ร้องออกมาทันที ทำให้บรรยากาศบนดาดฟ้าเรือเปลี่ยนไป สเปิร์มทุกตัวหันไปใส่ใจเรื่องอาหารกันหมด
สิ่งบำเรอความสุขเหรอ..เอ่อ..มันมีอยู่ในสารบบด้วยเหรอเนี่ย สเปิร์มปันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ผ่านมาสเปิร์มมีแต่เผชิญกับความทุกข์ยากทุกรูปแบบ เหตุใดภารกิจนี้จึงกลายมาเป็นปรนเปรอกันอย่างเต็มที่
พวกเธอถือว่าจบการศึกษาได้เป็นบัณฑิตแล้ว จากนี้ไปต้องใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาทำงานตอบแทนโรงเรียนบ้าง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมอบให้นี้ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่ทางโรงเรียนขอมอบให้..เป็นครั้งสุดท้าย นายท่ากล่าวแบบหน้าตาย แต่เหล่าสเปิร์มฟังแล้วสะอึกกันถ้วนหน้า
เป็นครั้งสุดท้าย..? สเปิร์มไข่มุกไม่มีคำถามจะถาม ได้แต่ทวนคำพูดท้ายประโยคแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความหิวกระหายเมื่อสักครู่อันตรธานไปสิ้น
หลังจากนั้น สเปิร์มทั้งหมดก็เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อเลื้อยข้ามสะพานไม้ชั่วคราวที่ทอดมายังกราบเรือ เมื่อขึ้นฝั่งได้แล้วก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดานขนานไปตามความยาวของท่าเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่การท่าอีกนายหนึ่งคอยให้การต้อนรับอยู่ที่ด้านหน้าอาคารที่เป็นตึกสูงสองชั้น มีความยาวไปจนสุดท่าเทียบเรือ ชั้นล่างมีลักษณะเป็นครึ่งทึบครึ่งกระจกมีเว้นแต่เฉพาะส่วนตรงกลางที่เป็นประตูเข้าออก ส่วนที่เป็นกระจกอยู่ทางครึ่งบนนั้นเป็นสีชาดำมืดทึบ มองไม่เห็นว่าด้านในเป็นอะไร ส่วนชั้นที่สองของอาคารซึ่งมีขนาดความยาวเป็นครึ่งหนึ่งของชั้นล่างรูปทรงกลมขนาดใหญ่มีหน้าต่างเป็นกระจกสีชาดำที่ซอยเป็นขนาดเท่าๆ กันตลอดทั้งชั้น บนดาดฟ้าของชั้นที่สองนี้มีหอคอยติดตั้งอยู่ ที่ฐานของหอคอยติดตั้งจานรับสัญญาณรูปทรงกลมไว้ทั้งสี่ทิศทาง ขณะที่บนยอดหอคอยมีไฟส่งสัญญาณสีแดงที่หมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไฟดวงนี้เป็นดวงเดียวกับที่สเปิร์มบนเรือหัวกระสุนเห็นได้ในระยะไกล
เมื่อเช็คจำนวนสเปิร์มที่เลื้อยลงจากสะพานได้ครบตามจำนวนที่ปรากฏบนนาฬิกาบอกจำนวนนับในมือแล้ว เจ้าหน้าที่การท่าคนใหม่ก็ชูธงสีฟ้าขึ้นเหนือศีรษะแล้วโบกไปมาเป็นสัญญาณให้สเปิร์มทุกตัวหันมาให้ความสนใจ
สวัสดีสเปิร์มทุกๆ ตัว ฉันชื่อ จิม เป็นไกด์ของที่นี่ ทำหน้าที่แนะนำพวกเธอให้รู้จักการใช้ชีวิตใน..สโมสรสุขารมณ์..ของฐานยิงจรวดแห่งนี้ เจ้าหน้าที่การท่าที่มีลำตัวหมุนวนเป็นเกลียวเหมือนกับเครื่องหมายที่ติดอยู่หน้าร้านตัดผมกล่าวแนะนำตัวผ่านโทรโข่งพร้อมกับโบกธงที่ถืออยู่ผ่านลำตัวในขณะที่โค้งศีรษะลงเป็นการคำนับทีหนึ่ง
สเปิร์มทั้งหมดตอบรับการคำนับด้วยการเอาหางตบกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง
จุดที่พวกเธอยืนอยู่นี้คือทางเข้าสโมสรในฐานยิงจรวด เมื่อเข้าไปแล้ว สเปิร์มจะกลับออกมาอีกไม่ได้ ทุกตัวจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในสโมสรแห่งนี้จนกว่าจะถึงเวลาปฏิบัติภารกิจ เจ้าหน้าที่จิมกล่าวเสียงดังฟังชัด ทุกถ้อยคำมีน้ำหนักในน้ำเสียงชวนให้สนใจสมกับที่เป็นไกด์อาชีพ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อไรจึงจะถึงเวลาปฏิบัติภารกิจคะ สเปิร์มไข่มุกที่เบียดตัวเองขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าได้สำเร็จชิงถามทันที
เห็นจานกลมๆ บนหอคอยนั่นไหม นั่นคือ จานที่รับสัญญาณจากไขสันหลังว่ามีการตื่นตัวขององคชาตเกิดขึ้น จากนั้น สเปิร์มจำนวน 10 ลำเรือซึ่งถือเป็น 1 กองเรือ จะถูกเรียกเข้าประจำการและส่งไปบรรจุที่ฐานยิงจรวด ขณะที่อีก 10 ลำต่อมา..และต่อๆ มา จะอยู่ในฐานเฝ้าระวัง หากมีการยิงออกไปจริงๆ อาจต้องใช้เรือกระสุนถึง 10 กองเรือก็เป็นได้
เรือลำที่ลำเลียงเรามานั่นหรือครับ สเปิร์มปีนถาม
ไม่เหมือนนัก เพราะเรือหัวกระสุนชนิดนี้จะผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่เบากว่าเพื่อให้มันสามารถพุ่งไปได้ไกลที่สุดและแตกสลายไปในทันทีที่ตกลงสู่พื้น นอกจากนี้มันยังไม่มีเครื่องยนต์และไม่จำเป็นต้องมีกัปตันเรือคอยควบคุม เรือหัวกระสุนลำหนึ่งจะบรรจุสเปิร์มได้ 1 ล้านตัวโดยประมาณ หนึ่งกองเรือก็จะได้สเปิร์ม 10 ล้านตัว
อู้ฮู..! ถ้าสิบกองเรือ..ก็เท่ากับ 100 ล้านตัวน่ะสิ สเปิร์มคำนวณคูณเลขในใจอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว..ถ้ายิงแบบหมดแม็กอาจมากกว่านั้นอีก หากสเปิร์มลงเรือไปแล้วเราพยายามจะยิงออกไปให้หมด ไม่ให้มีกระสุนค้างอยู่ในลำกล้อง เจ้าหน้าที่จิมพูดถึงการยิงเรือหัวกระสุนที่บรรจุสเปิร์มราวกับการยิงปืนจริงๆ
ในฐานทัพนี่บรรจุสเปิร์มได้เท่าไรหรือครับ สเปิร์มโดโด้ถามบ้าง
ถ้าไม่มีการยิงกระสุนออกไปเลยในรอบหนึ่งสัปดาห์ก็อาจมีสเปิร์มอยู่ถึง 500 ล้านตัว แต่ส่วนมากร่างกายจะกำจัดไปเสียก่อนที่จะถึงระดับนั้น ด้วยระบบ..
ฉี ด ทิ้ ง สเปิร์มจ๊วบโพล่งขึ้นมาก่อนที่จิมจะกล่าวจบ สเปิร์มที่อยู่รอบข้างต่างหันไปมองหน้าเขาเป็นตาเดียวทำให้สเปิร์มจ๊วบทำหน้าเหรอหรา
อ้าว..มองอะไร ฉันพูดอะไรผิดเหรอ สเปิร์มจ๊วบโต้กลับสายตาทุกคู่ที่จ้องมาราวกับเขาเป็นจำเลยในคดีอุกฉกรรจ์
เรื่องระบบฉีดทิ้งนี้ สเปิร์มทุกตัวจำได้มั่นฝังใจเพียงแต่ได้ยินพวกเดียวกันพูดถึงทีไรก็ทำให้เสียอารมณ์อันสุนทรีทุกทีไป
ใช่..ใช่แล้ว ร่างกายต้องหาทางกำจัดทิ้งด้วยวิธีการทางธรรมชาติวิธีใดวิธีหนึ่ง เจ้าหน้าที่จิมออกมากล่าวหนุนสเปิร์มจ๊วบไว้ได้ทันเวลา บรรยากาศจึงผ่อนคลายลงไป
เอาล่ะ..เอาล่ะ พวกเธอคงอยากพักผ่อนเอาแรงกันแล้ว ตามฉันเข้ามาข้างในได้เลย มีอะไรสนุกๆ จะแนะนำอีกเยอะ เจ้าหน้าที่จิมกล่าวตัดบทแล้วหมุนคอกลับหลังหันไปที่ประตูทางเข้า จากนั้นก็ยืดตัวออกไปใช้ปลายนิ้วมือเอื้อมไปแตะปุ่มสีเขียวที่ด้านข้างโดยที่ลำตัวของเขายังยืนอยู่กับที่เรียกเสียงฮือฮาจากสเปิร์มได้อย่างมากมาย
ประตูไฟฟ้าเริ่มต้นทำงานทันทีที่ได้รับคำสั่งให้เปิดออก บานประตูขนาดยักษ์เลื่อนตัวออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ ไม่ทันใจเหล่าสเปิร์มที่เอียงคอชะแง้ดูว่ามีอะไรอยู่ด้านใน
โอ้ว..ว้าว เขาทำได้ยังไงน่ะ สเปิร์มปันส่งเสียงร้องขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ
ทำอะไร..? เปิดประตูเหรอ..ระบบอัตโนมัติไง สเปิร์มพิณกล่าวในทันใด
ไม่ใช่..หันหน้ากลับไปด้านหลังโดยไม่ต้องขยับตัวน่ะ สเปิร์มปันนึกถึงภาพที่เจ้าหน้าที่จิมหมุนหน้ากลับไปทางตรงข้ามโดยที่ลำตัวยังอยู่ที่เดิมแล้วอดเสียวบั้นเอวขึ้นมาไม่ได้
ฮิ..ฮิ นึกว่าอะไรซะอีก ก็..ลำตัวขดเป็นวงอย่างนี้ จะหันกี่รอบก็ได้ สเปิร์มพิณนึกขำที่ความรู้สึกของสเปิร์มปันเกิดช้าเสียเหลือเกิน ในขณะที่เธอเลยไปสนใจประตูเลื่อนมากกว่าแล้ว
ถ้าฉันหมุนได้ครบรอบก็คงเอวขาดไปแล้ว สเปิร์มปันกล่าวพลางทดลองหมุนเอวไปจนติดแหง็กอยู่แค่ครึ่งรอบ
ตลกจัง..เอวของเธอทำได้แค่เอี้ยวน่ะ สเปิร์มพิณเห็นเป็นง่ายจึงทดลองทำอย่างเดียวกัน ปรากฏว่าหมุนเอวได้ไม่ถึงครึ่งรอบก็ติดพุงเสียแล้ว ทั้งสองจึงหัวเราะใส่กันอย่างสนุกสนานก่อนจะหันไปสนใจคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จิมอีกครั้ง..
ให้สังเกตที่ขอบประตูด้านบนนะ เห็นไหม..มีตัวเลขสีแดงปรากฏขึ้น นั่นคือ วันเดือนปีและเวลาที่รุ่นของพวกเธอมาถึง ในที่นี้ คือ 090511-1935 ซึ่งถือเป็นรหัสประจำรุ่น ซึ่งพวกเธอจะต้องจำให้ได้ เจ้าหน้าที่จิมหยุดชั่วขณะเพื่อรอให้สเปิร์มทั้งหลายแหงนหน้ามองขอบประตูด้านบนแล้วจดจำตัวเลข เสียงสเปิร์มพึมพำออกมาเป็นตัวเลขดังระงมไปหมดสลับกับอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด
ฮ่า..ฮ่า มันจำยากใช่ไหมล่ะ อะไรที่เป็นตัวเลขเยอะๆ ถ้าทิ้งไว้นานๆ ก็จะลืมเลือนได้ ดังนั้น..เราจึงสร้างระบบประมวลผลตัวเลขเป็นตัวอักษรขึ้นมา โดยการคีย์ตัวเลขเข้าไปแล้วให้เครื่องถอดรหัสหาคำเรียกง่ายๆ แทนชื่อรุ่นให้เรา กล่าวจบเจ้าหน้าที่จิมก็สาธิตให้ดูด้วยการกดตัวเลขทั้งหมดลงบนแป้นที่ข้างประตูแล้วกดปุ่มสีเขียวอีกครั้งหนึ่ง
ตัวเลขสีแดงบนขอบประตูหายวับไปกับตา พอติดขึ้นมาใหม่ก็กลายเป็นตัวอักษรภาษาไทยหลายตัวกำลังวิ่งวนไปวนมาอยู่บนขอบประตู ก่อนจะหยุดลงในที่สุด..
ฟ้าประทาน
โอ้..ชื่อเพราะซะด้วย เจ้าหน้าที่จิมอุทานหลังจากตัวเลขสีแดงเปลี่ยนเป็นตัวอักษรอ่านได้ว่า ฟ้าประทาน
อย่างนี้เรียกว่าเพราะแล้วเหรอครับ สเปิร์มปีนยกหางขึ้นเกาศีรษะยิกๆ ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกว่า ตนเองได้อะไรที่ฟ้าส่งมาให้เลยสักนิด
อืมม์..เทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ได้ชื่อว่า..ดอกเข็มเล็ก ชื่อนี้ก็ดีกว่าเยอะ เจ้าหน้าที่จิมยังจำได้ว่า สเปิร์มรุ่นที่แล้วทำหน้าอย่างไรเมื่อได้ชื่อนั้น แต่ก็ต้องยอมรับเพราะได้ขึ้นทะเบียนชื่อแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
แล้วใครเป็นผู้ตั้งชื่อรุ่นให้คะ ทำไมไม่ให้พวกเราเลือกกันเอง สเปิร์มไข่มุกสงสัยต่ออีก
เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นผู้ตั้งให้จ้ะ โดยประมวลผลจากการนำเอาตัวเลขและลำดับของแต่ละตำแหน่งมาผสมผสานกับเรื่องราวที่เจ้าของร่างนี้นิยมชมชอบแล้วแปลงเป็นภาษาที่ไพเราะและจดจำง่ายโดยไม่ขัดหลักการใช้ภาษาและคำสะกดตามพจนานุกรม แต่แน่นอน..บางทีมันก็เชยสะบัด และไม่เอาเห่ยเสียเลย ตั้งแต่พาสเปิร์มผ่านประตูนี้มาหลายรุ่นแล้ว ฉันก็ยังไม่เห็นว่ามีรุ่นไหนพอใจกับชื่อรุ่นของตัวเองซักครั้งเดียว มีถกเถียงกันบ้าง แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับ เจ้าหน้าที่จิมสารภาพตามความจริง เขาถูกสเปิร์มแทบทุกรุ่นรบเร้าให้เปลี่ยนชื่อรุ่นเสียใหม่เป็นประจำ กว่าจะอธิบายให้เข้าใจก็ต้องใช้เวลาหลายนาที