**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 7..มนต์รักเพลงชีวิต**
บทที่7 มนต์รักเพลงชีวิต การว่ายตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายได้หากไม่ระมัดระวังสเปิร์มปันจำเป็นต้องเลาะไปตามขอบผนังด้านหนึ่งของอุโมงค์เพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสน้ำพัดลงไปสู่เบื้องล่าง มีสเปิร์มอีกจำนวนมากยังคงพยายามว่ายสวนขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตรอดขณะที่สเปิร์มปันเป็นเพียงตัวเดียวที่ว่ายสวนทางกับพวกเขายิ่งลึกเข้าไปในอุโมงค์เท่าใด จำนวนสเปิร์มก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับแสงสว่างที่ต้องอาศัยการคลำทางเท่านั้น มีใครเห็นพิณไหมเสียงร้องถามของสเปิร์มปันดังขึ้นตลอดเวลาที่เขาพบสเปิร์มว่ายสวนขึ้นมาแต่โดยมากจะไม่มีใครยอมหยุดพูดคุยด้วย อย่างดีที่สุดก็เพียงส่ายศีรษะให้เท่านั้น เมื่อสเปิร์มปันเข้ามาถึงอุโมงค์ส่วนล่างทุกอย่างก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงน้ำไหลเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าข้างหน้ายังมีหนทางไป ถึงตรงนี้ก็ยากที่จะเห็นสเปิร์มที่ว่ายสวนขึ้นมาแล้วเว้นแต่สเปิร์มตัวนั้นจะว่ายเฉียดเข้ามาในระยะใกล้ ใครน่ะ..? นายใช่ไหมที่ส่งเสียงถามหาพิณตลอดเวลา สเปิร์มตัวหนึ่งส่งเสียงทักโดยที่สเปิร์มปันไม่ได้ร้องถาม เขาได้ยินเสียงร้องเรียกของสเปิร์มปันมาแต่ไกลและได้อาศัยเสียงนั้นนำทางในความมืด ใช่..ใช่..ฉันเองคำนวณ..นั่นคำนวณเหรอ ต่างฝ่ายต่างไม่แน่ใจจนกระทั่งว่ายเข้ามาอยู่ในระยะใกล้พอ สเปิร์มปันจึงเห็นหน้าสเปิร์มคำนวณในความสลัวนั้น นี่..นะ..นายกลับลงมาหรือ สเปิร์มคำนวณแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครทำเช่นนั้น อือ..ใช่ นายเห็นเธอบ้างไหม ด้วยเวลาอันมีค่าที่เหลืออยู่ไม่มากนักทำให้สเปิร์มปันไม่อาจถามไถ่ทุกข์สุขของสเปิร์มคำนวณก่อนได้ ฉัน..ฉันเห็น..พิณอยู่ข้างล่างนั่นแต่..แต่..นานมากแล้วนะ สเปิร์มคำนวณตอบเสียงสั่นขณะที่หอบไปด้วยทำให้สเปิร์มปันรู้สึกละอายใจที่ละเลยความสำคัญของเขาไป จึงยื่นหางออกไปให้เขาเกาะพัก นายต้องอดทนอีกนิดค่อยๆ เลาะไปตามริมผนังจะปลอดภัยกว่า หากพลาดพลั้งยังยึดเกาะได้จากนี้ไปประมาณสองนาทีจะเป็นทางแคบน้ำจะถูกบีบให้ไหลแรงต้องระวัง..หากพ้นจากทางแคบไปแล้ว จะเห็นเส้นทางชัดเจน กระแสน้ำจะชะลอความเชี่ยวลงให้เร่งความเร็วเต็มที่เลยนะ พอเห็นคุณครูกรีสซี่อยู่บนฝั่งลิบๆ ให้เปลี่ยนมายึดพื้นที่ตรงกลางลำน้ำเอาไว้เพราะริมผนังจะมีพังผืดผลุบขึ้นมาบังเป็นระยะๆ สเปิร์มปันตอบแทนความมีน้ำใจของสเปิร์มคำนวณด้วยการแนะนำเส้นทางให้ ทะ..เท่าไหร่..? สเปิร์มคำนวณถามทันที อะไรนะ? สเปิร์มปันทำหน้างง ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้องหรือเปล่า ฉัน..ถามว่าโอกาสรอดของฉัน..มี..เท่าไร สเปิร์มคำนวณแม้อยู่ในช่วงวิกฤติก็ยังไม่ละที่จะถามถึงโอกาสความน่าจะเป็น ถ้าเป็นในเวลาปกติสเปิร์มคงจะหัวเราะงอหงายไปแล้ว แต่ในยามนี้เขาได้แต่มองสเปิร์มคำนวณอย่างเข้าใจและเห็นใจ สภาพของสเปิร์มคำนวณในเวลานี้ไม่น่าจะมีโอกาสเกินกว่า50 เปอร์เซ็นต์ ถ้านายทำตามที่ฉันบอกโอกาสรอดของนายมีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แน่นอน สเปิร์มปันยอมทรยศความคิดของตนเองเพื่อให้สเปิร์มคำนวณมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ขะ..ขอบใจนะ..ที่เพิ่มโอกาสให้..ถ้า..ถ้านายบอกว่า80 แสดงว่าฉันเหลืออยู่ประมาณ 50 สเปิร์มคำนวณกล่าวอย่างรู้ทัน สเปิร์มปันยิ้มให้กับความรู้เท่าทันนั้นนักคำนวณย่อมยืนอยู่บนตัวเลขที่มีเหตุผลอธิบายสเปิร์มคำนวณประเมินสมรรถภาพของตนเองได้อยู่แล้วการขอความเห็นจากผู้อื่นเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ค่าที่คำนวณออกมาของเขาน่าเชื่อถือมากขึ้น แล้วนายคิดว่าโอกาสที่ฉันจะพบพิณแล้วพาเธอกลับเข้าฝั่งล่ะ..เท่าไหร่ สเปิร์มปันลองหยั่งเชิงดูมั่ง คราวนี้เป็นฝ่ายสเปิร์มคำนวณบ้างที่ฝืนสังขารยิ้มกลับมา ถ้า..ฉันบอกตามจริงนายจะ..จะลดความน่าจะเป็นของฉันลงหรือเปล่า สเปิร์มคำนวณหยั่งเชิงกลับไปซึ่งทำให้สเปิร์มปันต้องส่ายศีรษะทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ตอนนี้ฉันตั้งความหวังที่จะเจอพินอยู่ไม่ถึง20 เปอร์เซ็นต์ นายจะว่าอย่างไร สเปิร์มปันบอกตามตรง บางที..น่ะ..นั่นอาจสูงเกินไป สเปิร์มคำนวณก็ตอบตามตรงเช่นกัน ทั้งสองตัวต่างหุบยิ้มแล้ววางหน้าขรึมให้กันเมื่อรู้ว่าตัวเลขที่ประเมินออกมานั้นไม่ได้เกินเลยสักเท่าใด ข้างล่างยังมีสเปิร์มตกค้างอยู่อีกเยอะ..พิณอาจอยู่รวมกับพวกเขาที่นั่นขนาดฉันว่ายอย่างกระท่อนกระแท่นก็ยังไม่มีใครขึ้นหน้าฉันได้ ปัน..เชื่อฉันเหอะทางที่ดี.. สเปิร์มคำนวณที่ได้พักหายใจทำให้อาการหอบค่อยลดลงเขาพูดประโยคยาวๆ ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วแต่ไม่วายชะงักไปเมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นไม่เสื่อมคลายของสเปิร์มปันซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจแม้ไม่เหลือโอกาสให้เลย..เขาก็คงพร้อมยอมตายไปกับความหวังที่ไม่เหลือนั้น นายคงต้องเร่งหน่อยแล้วตอนนี้ผนังมดลูกอาจจะทลายลงมาเมื่อไรก็ได้ สเปิร์มปันกล่าวส่งท้ายขณะเข้าไปประคองสเปิร์มคำนวณให้ตั้งลำได้แล้วใช้ศรีษะดันให้พุ่งไปข้างหน้า โชคดีนะ สเปิร์มปันอวยพรให้ เขาเห็นลำตัวที่ส่ายไปส่ายมาเหมือนงูเลื้อยของสเปิร์มคำนวณที่ว่ายจากไปแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้สเปิร์มคำนวณคงต้องเจอะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสอย่างมากมาก่อนหน้าจึงมีสภาพเป็นเช่นนั้น อะไรทำให้สเปิร์มมีนิสัยแตกต่างกันทั้งๆ ที่เกิดมาจากสายเลือดเดียวกันแท้ๆ ทำไมบางตัวห่วงใยกันและกันในขณะที่บางตัวหวังแค่เอาตัวรอดโดยไม่สนใจใยดีตัวอื่น สเปิร์มปันคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะว่ายประคองตัวไปตามผนังอุโมงค์ลึกเข้าไปเรื่อยๆโดยอาศัยแสงที่สะท้อนออกมาจากผิวที่เป็นมันเลื่อมของผนังด้านข้างและเสียงน้ำไหลเป็นตัวกำหนดเส้นทางข้างหน้า ทำไมคำนวณที่กำลังหมดแรงยอมหยุดช่วยเราในขณะที่ตัวอื่นๆที่แข็งแรงกว่าว่ายผ่านไปโดยไม่ใยดี..ทำไมเราจึงยอมเสียสละชีวิตอย่างไม่คิดเสียดายเพื่อช่วยเหลือพิณในขณะที่ทโมน..ไอ้.. สเปิร์มปันขบเหงือกดังกรุบกรับๆเมื่อนึกถึงคู่รักคู่แค้น ทโมน ผู้ซึ่งยอมเสียสละโอกาสของตนเองเพื่อช่วยเหลือสเปิร์มตัวอื่นๆเสมอมา แต่กลับตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์ในตัวเราและพิณอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อเห็นว่าเป็นการป่วยการเสียเปล่าที่จะคิดหาคำตอบสเปิร์มปันจึงหยุดความคิดเรื่อยเปื่อยของเขาอยู่ที่เรื่องราวของสเปิร์มทโมนเป็นกรณีสุดท้าย สเปิร์มปันว่ายอย่างโดดเดี่ยวต่อไปโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด เส้นทางที่เขากำลังเดินทางไปอยู่นี้ไม่มีสเปิร์มว่ายสวนทางขึ้นมาอีกแล้ว ที่สเปิร์มคำนวณบอกว่าข้างล่างยังมีสเปิร์มตกค้างอยู่อีกเยอะ คงหมายถึง สเปิร์มที่ไม่มีวันจะกลับขึ้นมาได้อีกนั่นเองนึกถึงตรงนี้ก็ยิ่งให้รู้สึกเป็นห่วงสเปิร์มพิณอย่างที่สุด เสียงน้ำไหลที่สเปิร์มปันใช้เป็นเครื่องนำร่องส่งสัญญาณผิดแผกไปจากเดิมเสียงน้ำตกลงจากที่สูงได้ยินชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันกระแสน้ำก็ไหลเชี่ยวขึ้นทุกทีสัญญาณนี้น่าจะหมายถึงการเข้าใกล้จุดหมายปลายทางแล้ว พิณ..เธออยู่หนาย..ย..ย..ย..ย.. สเปิร์มปันเคลื่อนตัวไประยะหนึ่งก็ร้องตะโกนออกไปหวังให้เสียงของเขาดังก้องอยู่ภายในอุโมงค์ตลอดเวลา และเมื่อทำซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ทำให้เขาเรียนรู้ได้ว่าในปล่องอุโมงค์ที่มีสภาวะมืดมิดเช่นนี้ เสียงเป็นสื่อนำทางได้ดีกว่าสายตาเสียอีก ทุกครั้งที่ตะโกนออกไปสเปิร์มปันจะคอยสังเกตปฏิกิริยาสะท้อนกลับของเสียง ที่บางครั้งก็จมหายไปในความมืดบางครั้งก็สะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วและบางครั้งก็ต้องรอสักครู่หนึ่งมันจึงจะสะท้อนกลับออกมา แรงสะท้อนกลับของเสียงไม่ได้บอกว่ามีอะไรรอเขาอยู่เบื้องหน้าแต่บอกเขาให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นหรือน้อยลงแค่นั้นเอง จากความหวังอันน้อยนิดที่สเปิร์มปันยังพยายามยึดโยงเอาไว้ไม่ให้หลุดลอยไปนั้นในเวลาต่อมา เขาก็ได้รับผลตอบแทนเป็นเสียงตอบรับแผ่วๆ แว่วออกมาจากก้นอุโมงค์ แม้ยังจับใจความได้ไม่ถนัดว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่แต่ก็เหมือนเป็นแสงริบหรี่ที่สุดปลายถ้ำของผู้เดินทางแล้ว สเปิร์มปันติดตามที่มาของเสียงนั้นไปอย่างระมัดระวังยิ่งใกล้แหล่งกำเนิดของเสียงเข้าไปเท่าใด ก็ยิ่งทำให้แน่ใจได้ว่าเป็นเสียงตอบรับของสเปิร์มเพศหญิงจริงๆ และไม่ใช่ตัวเดียวด้วย พิณ..นั่นเธอใช่ไหม..ไหม..ไหม สเปิร์มปันตะโกนก้อง อย่า..! อย่าเข้ามาใกล้ๆ นะ..น้า..น้า..น้า.. ยังไม่ทันที่เสียงสะท้อนของสเปิร์มปันจะจางหายไปก็มีเสียงตะโกนสวนกลับมาให้ได้ยินอย่างชัดเจนมันคือเสียงเตือนภัยที่ทำให้สเปิร์มปันรีบยั้งหางไว้ได้อย่างทันท่วงทีเบื้องหน้าของเขากระแสน้ำเทลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียง ซู่ซ่า สเปิร์มปันรีบโผเข้าไปยึดผนังด้านข้างไว้ทันที นี่ฉันเอง..ปัน.. สเปิร์มปันลดเสียงลงเขาแน่ใจว่าต้นกำเนิดของเสียงเตือนภัยอยู่ไม่ไกลจากที่เขาประคองตัวอยู่นักเพียงแต่เขามองไม่เห็นตัวผู้ส่งสัญญาณต่างหาก ฉันรู้แล้วว่าเป็นเธอ..แต่..ให้ระวัง เสียงตอบกลับก็ลดความดังลงเช่นกันเธอเองก็รู้ว่าสเปิร์มปันอยู่ห่างไปไม่กี่ช่วงตัวเช่นกัน เธออยู่ไหน สเปิร์มปันพยายามใช้หางแหวกน้ำทางด้านหน้าของเขาไปอย่างช้าๆ ระวังตกเหว..ว..ว..ว..ว เสียงแหวกน้ำทำให้สเปิร์มที่อยู่ต่ำลงไปต้องส่งเสียงตะโกนเตือนออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ทันการเสียแล้วเพราะแรงดูดของน้ำได้ฉุดร่างของสเปิร์มปันให้ตกลงไปสู่หุบลึกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว.. ว๊าย..ย..ย..ย..! น้ำที่ตกซู่ลงมาทำให้สเปิร์มที่อยู่ด้านล่างต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจนึกว่าร่างของสเปิร์มปันร่วงลงมาพร้อมกับสายน้ำแล้ว แต่..ยังดีที่สเปิร์มปันเลาะตัวอยู่ตามริมผนังทำให้ร่างของเขาปะทะกับแนวผนังที่มีผิวเป็นลูกคลื่นเหมือนลูกระนาดไม่หล่นไปตามแรงดึงดูดของสายน้ำในทันที สเปิร์มปันใช้ทั้งปากและหางยึดและยันทุกชะง่อนทุกหลืบเอาไว้จนสุดฤทธิ์ อึ๊บ..อึบ..บ ปัน..เธอยังอยู่ไหม..เป็นอะไรรึเปล่า เสียงที่คุ้นหูดังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่สเปิร์มปันซุกตัวอยู่เขาค่อยๆ ดึงตัวออกมาจากที่หลบภัยแล้วก้าวหางอย่างช้าๆ ไปทีละเล็กทีละน้อยเสียงน้ำที่สาดลงสู่เบื้องล่างกระทบกับชะง่อนผาที่ทอดตัวอยู่ระเกะระกะแล้วจางหายไปทำให้รู้ว่าเบื้องหน้าของเขาเป็นจุดสิ้นสุดของการขยับตัวต่อไปแล้วสเปิร์มปันซุกหางไว้ในหลืบแล้วชะโงกศีรษะออกไปเท่าที่จะทำได้ เขามองเห็นเบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกลงไปจนสุดสายตาและไม่ได้มืดมิดอย่างที่คิดแต่กลับมีลำแสงเล็กๆสาดออกมาจากส่วนปลายสุดของหุบเหวซึ่งเป็นช่องเปิดให้น้ำไหลออกไป รอบๆ แอ่งน้ำในหุบเหวมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมหาศาลกำลังไต่ตัวกันอย่างยั้วเยี้ยเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดไหลไปตามกระแสน้ำ ต่ำลงไปจากจุดที่เขายึดโยงอยู่ประมาณสองช่วงตัวมีสเปิร์มที่มิได้หล่นลงไปสู่ก้นเหวแต่ยึดตัวเองอยู่บนแง่งหรือชะง่อนที่ยื่นออกมาจากผนังเป็นจุดๆกระจัดกระจายไปจนถึงก้นเหว สเปิร์มเหล่านี้กลับขึ้นมาไม่ได้ขณะเดียวกันก็อยู่พ้นกระแสน้ำที่ซัดให้ลงไปสู่เบื้องล่าง พิณ..ฉันอยู่นี่..ข้างบนศีรษะเธอนี่ไง สเปิร์มปันตอบกลับไปรู้สึกยินดีอย่างที่สุดอย่างน้อยเพื่อนรักของเขาก็ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะยังไม่รู้ชะตากรรมในอนาคตข้างหน้า ปัน..เธอมาที่นี่ได้ยังไงฉันคิดว่าเธอรอดออกไปแล้วซะอีก แม้จะดีใจเช่นกัน แต่การปรากฏตัวของเขาก็สร้างความวิตกให้กับสเปิร์มพิณไม่น้อยเลยทีเดียว ฉันรอเธออยู่ที่ผนังมดลูกด้านนอกตั้งนานไม่เห็นเธอขึ้นมาซักที ก็คิดว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ เลยกลับลงมาตามหาเธอ น้ำเสียงของสเปิร์มปันเต็มไปด้วยความสุขใจที่ได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น ปัน.. สเปิร์มพิณได้แต่ร้องเรียกออกไปเบาๆ อยากจะพรั่งพรูอีกสักหมื่นสักแสนถ้อยคำที่ล้วนแต่เป็นคำต่อว่าต่อขานที่เขาคิดอะไรตื้นๆเช่นนั้น แต่ทุกถ้อยคำได้ถูกกลืนหายไปในลำคอจนหมดสิ้นด้วยความตื้นตัน แหม..ซาบซึ้งตรึงใจจริงๆทำไมเราถึงไม่มีใครห่วงหาอาลัยอย่างนี้บ้างน้อ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในความมืด สเปิร์มปันก้มศีรษะลงไปมองเห็นแต่หัวกลมๆ ที่อยู่ลึกลงไปจากจุดที่สเปิร์มพิณยืนอยู่ นั่นใครน่ะ
Create Date : 21 กันยายน 2558 |
Last Update : 21 กันยายน 2558 8:51:09 น. |
|
3 comments
|
Counter : 486 Pageviews. |
|
|
|
ที่นี่ที่ไหนกัน ห้องเก็บกวาดหรือ สเปิร์มปันถาม ดูสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว สเปิร์มที่หล่นลงไปข้างล่าง คงไม่มีตัวไหนสามารถปีนกลับขึ้นมาได้อีก
ตรงนี้ยังไม่ใช่หรอก แต่ถ้าผนังมดลูกหลุดลอกออก แล้วปล่อยน้ำสีแดงๆ ออกมาเมื่อไร ก็คงกวาดพวกเราทั้งหมดผ่านรูเล็กๆ นั่นเข้าไปอยู่ในห้องเก็บกวาดอย่างแน่นอน เสียงสเปิร์มเพลงดังสวนขึ้นมาในความมืด แม้ในสภาวะที่หมดสิ้นความหวังแต่เสียงของเธอก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวแต่อย่างใด
ตอนที่ฉันกลับลงมา มีสเปิร์มว่ายสวนขึ้นไปไม่มากนักแล้ว คงอีกไม่นานหรอกที่ผนังมดลูกจะลอกตัวออก เราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน สเปิร์มปันพยายามควบคุมเสียงไม่ให้จับได้ว่าเขากำลังตื่นตระหนก เกรงว่าจะไม่มีวิธีใดที่ช่วยสเปิร์มพิณและสเปิร์มตัวอื่นๆ ขึ้นมาได้
ถ้าทำได้ เราคงทำไปนานแล้ว เราไต่ขึ้นไปจากจุดนี้ไม่ได้ ผนังมีน้ำเลี้ยงตลอดเวลา ทำให้ลื่นมาก ฉันลองดูแล้วและ เกือบจะตกไปรวมอยู่กับพวกข้างล่างตั้งหลายครั้ง สเปิร์มพิณกล่าวอย่างอ่อนใจ สเปิร์มปันโผล่มาในยามที่เธอได้ละทิ้งความหวังไปจนหมดสิ้นแล้ว
ฉันขออยู่ตรงนี้แหละ อย่างน้อยก็ได้ทำความฝันของฉันให้เป็นจริงแล้ว สเปิร์มเพลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ดูเหมือนเธอจะไม่ยี่หระต่อความตายเอาเสียเลย
เธอฝันอะไรไว้เหรอ นี่เธอไม่ได้กำลังจะไปเกิดนะ สเปิร์มปันตวาดกลับไป
ก็..ฝันที่จะได้เป็นนักร้องที่มีคอนเสิร์ตของตัวเองไง..ไม่เห็นเหรอ ฉันกำลังยืนอยู่บนเวทีที่มีประชาชนชาวสเปิร์มแออัดยัดเยียดมาดูคอนเสิร์ตของฉันอยู่เต็มพื้นที่ข้างล่างนั่น สเปิร์มเพลงพูดพลางโปรยยิ้มให้กับสเปิร์มจำนวนมหาศาลที่กำลังคลานยั้วเยี้ยอยู่ในความมืดเบื้องล่าง ทั้งๆ ที่เธอไม่เห็นหน้าพวกเขา ขณะที่พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอเช่นกัน
ส่วนเธอ..พิณ เธอเป็นผู้กำกับเวทีให้กับฉัน แล้วจู่ๆ..ปันก็โผล่หน้าออกมา ทั้งๆ ที่เขาน่าจะอยู่ที่ผนังมดลูกนั่นแล้ว แต่เขาก็ย้อนกลับมาเพื่อจะฟังเพลงของฉันโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจึงเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้ที่นั่งชั้นพิเศษ..ล้า..หลั่น..หลั่น..ล้า
ลีลาและน้ำเสียงที่ร่าเริงแจ่มใสของสเปิร์มเพลงไม่ได้ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาแต่อย่างใดเลย กลับทำให้สเปิร์มปันเกิดความรู้สึกรันทดหดหู่อย่างคาดไม่ถึง
..เสียงหัวเราะในโลกของผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่ดัง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเช่นนี้ในโลกของผู้สิ้นหวัง..
สเปิร์มปันไม่รู้เหมือนกันว่า สเปิร์มเพลงกำลังปลอบใจตัวเองให้ลืมนึกถึงความตาย หรือว่า ความกลัวตายได้เปลี่ยนสติของเธอไปแล้ว
พิณ..เธอยังคิดจะอยู่รอดอยู่อีกไหม สเปิร์มปันหันมาใส่ใจเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง
แน่นอน..ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ในเมื่อเราพลาดไปแล้วและจมอยู่ที่นี่ เราต้องยอมรับชะตากรรมเช่นเดียวกับเพลงและสเปิร์มตัวอื่นๆ ข้างล่างนั่น พวกเขาส่งเสียงร้องกันตลอดเวลา เธอคิดว่า พวกเขาร้องขอความหวังในการอยู่รอดเหรอ ไม่เลย..เธอฟังให้ดีๆ สิ แล้วจะพบว่า พวกเขากำลังร่ำลากันและสวดภาวนาขอให้ได้กลับมาเกิดเป็นเพื่อนกันอีกครั้งต่างหาก
สเปิร์มปันนิ่งอึ้งไปเหมือนต้องมนตร์สะกด เขาคงมาช้าเกินไป น้ำเสียงของสเปิร์มพิณไม่ได้ให้ความหวังใดๆ แก่เขาเลย
เธอก็เหมือนกัน..ปัน ได้โปรดเถอะ..แทนที่จะจมปลักอยู่ตรงนี้ เธอต้องไต่ขึ้นไปให้ได้แล้วว่ายน้ำกลับไปที่ผนังมดลูก ยังพอมีเวลาสำหรับเธออยู่ สเปิร์มพิณกล่าววิงวอน
คำกล่าววิงวอนของสเปิร์มพิณไม่ได้ทำให้สเปิร์มปันขยับแต่อย่างใด เขานิ่งเงียบไปเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ฉันดีใจนะที่เธอกลับมาที่นี่เพื่อฉัน แต่..เราจะตายพร้อมกันไม่ได้ ลืมสัญญาที่เรารับปากกันแล้วหรือ..ถ้าตัวใดตัวหนึ่งเป็นอะไรไป อีกตัวจะต้องต่อสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด.. ช่วยทำความฝันของฉันให้เป็นจริงด้วยเถอะ..อย่าให้ฉันต้องตายอย่างนอนตาไม่หลับเลย
ฉันไม่เคยลืมสัญญาที่ให้แก่กัน..แต่..ฉันจะปล่อยให้เธอตายอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าเธอตายโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ ฉันอยู่รอดไปก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน สเปิร์มปันกล่าวหนักแน่น ไม่ว่าสเปิร์มพิณจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความแน่วแน่ในจิตใจของเขาได้ เธอคงไม่รู้หรอกว่าที่เขายังอยากมีชีวิตอยู่มาถึงเวลานี้ก็เพื่อฝันของเธอล้วนๆ
ได้โปรดเถิดปัน..ยอมรับความจริงแล้วรีบหาทางว่ายกลับไปซะ สเปิร์มพิณพยายามตัดใจ เธอไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ ของเขาแล้ว ยิ่งฟังคำพูดของเขาก็ยิ่งทำให้อยากหนีไปให้พ้นจากโลกนี้
เธองับหางของฉันถึงไหม สเปิร์มปันไม่ใส่ใจคำพูดใดๆ และไม่รีรออีกต่อไป เขาค่อยๆ หย่อนหางลงมาเบื้องล่างโดยใช้ปากงับผนังส่วนที่ยื่นออกมาเป็นแง่งเอาไว้แน่น
ปลายหางของสเปิร์มปันกวัดไกวอยู่เหนือศีรษะของสเปิร์มพิณภายใต้แสงมืดสลัว แม้ว่าจะอยู่สูงเกินกำลังจะโดดขึ้นไปงับแต่หากไม่ลองพยายามสักครั้ง สเปิร์มปันคงไม่ยอมหยุดยั้งเพียงเท่านี้
สเปิร์มพิณย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วดีดปลายหางให้ลำตัวของเธอเหยียดขึ้นจนสุด ปลายหางลอยพ้นจากสัมผัสบนผิวพื้นแล้วตกลงมาในทันที
อุ๊บ..บ
นอกจากจะไม่สามารถเอื้อมปากไปสัมผัสปลายหางของสเปิร์มปันได้แล้ว ตอนที่ร่วงลงมาสเปิร์มพิณยังเกือบทรงตัวไว้บนปลายหางไม่อยู่ จวนเจียนจะไถลหลุดจากชะง่อนเล็กๆ ลงไปเบื้องล่าง
ไม่มีทาง..ปัน..เป็นไปไม่ได้ เธออยู่ห่างจากฉันเกินไป และขอร้องว่า อย่าพยายามเลื่อนตัวลงมาอีกนะ สเปิร์มพิณรู้สึกหวั่นใจ เธอได้ยินเสียงดังจิ๊กๆ จั๊กๆ อยู่ข้างบนก็สันนิษฐานว่า สเปิร์มปันคงพยายามจะเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อให้สามารถลื่อนตัวลงมาได้ลึกมากที่สุด
รักเอย..รักจงเฉลยความนัย..แม้ยามที่ไร้หนทาง..รักใยไม่ร้างแปรเปลี่ยน...
รักเอย..รักยังอยู่ยั้งยืนยง..รักจึงไม่หลงพะวง..แม้ต้องผิดหวัง..
ถึงแม้ต้องมาอับปาง..รักแท้ไม่ร้าง..ยังคงกรุยทาง..เพื่อสร้างขึ้นใหม่..
โอ..ใคร.ใครหนอพอเข้าใจ..เหตุใดไขว่คว้า..หาจนสุดแดนใจ..แต่ไม่ถึงจุดหมายซักที.
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของสเปิร์มสองตัวที่กำลังไขว่คว้าโอกาสเพื่อต่อชีวิตกันอยู่นั้น เสียงเพลงหวานซึ้งของสเปิร์มศิลปินอีกตัวก็ดังขึ้นมา เป็นการเปิดการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเธอขึ้นบนเวทีโดยไม่ยี่หระต่อความเป็นความตายแล้ว
เพลงนี้ชื่อว่าตามหาความรักไม่พบสักที ขับร้องโดยศิลปินหน้าใหม่ที่ชื่อว่าเพลง โดยมีฉากหลังเป็นขุมนรกในหุบเหวและมีแดนเซอร์เป็นเพื่อนของเธอที่กำลังดิ้นทุรนทุรายเพื่อให้พ้นจากความตายที่จะตามมาคร่า ช่างเป็นคอนเสิร์ตที่ชวนให้ผู้ชมสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านผู้ชมคะ โปรดให้กำลังใจน้องเพลงคนนี้และเพื่อนของเธอทั้งสองตัวด้วย สเปิร์มเพลงควบหน้าที่ดีเจในคอนเสิร์ตของตัวเองด้วย หลังกล่าวจบ ปรากฏว่ามีเสียงปรบหางดังเปาะแปะๆ จากสเปิร์มที่เกาะอยู่ตามแง่งที่ลดระดับลงไป สร้างความปลาบปลื้มให้กับสเปิร์มเพลงจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ขอบคุณค่ะ..ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มอบให้น้องเพลงตัวนี้
ขณะที่เหนือศีรษะของสเปิร์มเพลงขึ้นไป บรรยากาศกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
พอ..พอเถอะปัน.. สเปิร์มพิณกล่าวอย่างอ่อนใจ เธอทรุดลงนั่งกับพื้นหลังจากพยายามถีบตัวขึ้นไปงับหางของเพื่อนชายครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่สัมฤทธิ์ผลเลยสักครั้ง
ขณะที่สเปิร์มปันยังคงพยายามอย่างแข็งขัน เขาพยายามเปลี่ยนตำแหน่งการงับไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มโอกาสขึ้นมาใหม่
กลับไปซะ..ในขณะที่เธอยังมีโอกาสเอาตัวรอดได้ ทำเสียแต่ตอนนี้ ได้โปรดเถอะปัน..อย่าให้ฉันต้องตายโดยทุกข์ทรมานใจไปกว่านี้เลย สเปิร์มพิณซึ่งรู้ตัวดีว่าโอกาสของเธอหมดสิ้นไปนานแล้ว ปรารถนาสุดท้ายของเธอ จึงไม่ใช่การมีชีวิต แต่เป็นการปกป้องอีกชีวิต
ไม่..ไม่..พิณ ถ้าฉันต้องรอดกลับไปตัวเดียว ฉันขอตายพร้อมเธอดีกว่า เสียงที่เคยแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของสเปิร์มปันเริ่มสั่นกระพือคล้ายยอมรับความจริงแล้วว่าเขาคงไม่อาจช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนรักคนนี้ได้ ..แม้ความตายจะน่ากลัว แต่บางที..ความเดียวดายกลับน่ากลัวกว่า..
เมื่อตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตายไปพร้อมกันแล้ว สเปิร์มปันจึงปีนกลับขึ้นไปนั่งอยู่ที่เดิม เอนศีรษะพิงกับผนังแล้วทิ้งปลายหางให้สะบัดพลิ้วอยู่ในกระแสน้ำ นึกถึงสิ่งที่อยากพูดแต่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่
พิณ..พิณจำได้ไหมว่า เธอเป็นผู้ตั้งชื่อให้ฉันว่า ปัน เพราะเหตุใดฉันจึงมีชื่อนี้ ตอนนั้นคิดไม่ถึง แต่ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจ.. สเปิร์มปันกล่าวแล้วยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับสเปิร์มพิณโดยที่ไม่มีเธออยู่ข้างกาย ทุกครั้งที่มีเธออยู่ข้างกายคำพูดที่ออกจากปากของเขาถูกกดดันด้วยความที่ต้องเอาความรู้สึกของเธอมาใส่ใจด้วย แต่เวลานี้ไม่ใช่ เขารู้สึกเป็นอิสระที่จะเปิดเผยความนัยใดๆ ก็ได้
เธอเคยถามฉันถึงความตั้งใจที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ ตอนนั้น..ฉันตอบไปว่าฉันตั้งใจ ซึ่งความจริงแล้ว จะให้ฉันตอบอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอสบายใจ ฉันตอบได้ทุกอย่าง สเปิร์มปันเปิดรอยยิ้มกว้างขึ้น เขารู้สึกสบายใจที่ได้ระบายให้สเปิร์มพิณทราบความจริงเสียที
ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนกระทั่งได้มาพบเธอ การได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ฉันไม่อาจทนเห็นแววตาแห่งความผิดหวังของเธอได้ต่างหาก มันสำคัญกว่าการได้ไปเกิดเสียอีก สำหรับฉันแล้ว..ความต้องการเห็นผู้ที่เรารักได้ไปเกิดเป็นแรงผลักดันให้ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ขณะเดียวกัน คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เพื่อ..ต้องการได้เห็นผู้ที่เรารักมีความสุข หาใช่ตัวเองมีความสุขฝ่ายเดียวไม่.. นิยามของคำว่าปัน จึงไม่ใช่การเก็บเอาไว้เพื่อตัวเองผู้เดียว
พอ..พอแล้ว..ว..ว! ไป..ไป..ไป..! ไปให้พ้นนะ..ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก..ก..ก
สเปิร์มพิณตวาดลั่น ความในใจของสเปิร์มปันได้กัดกร่อนความอดกลั้นของเธอจนผุพังไปหมดสิ้น
เรื่องบางเรื่อง..แม้ไม่อยากได้ยินก็พาลได้ยิน...แม้ไม่อยากให้เป็นแต่ก็หนีไม่พ้น..นั่นคือกฎแห่งกรรม สเปิร์มปันรำพันอย่างรันทดใจ เข้าใจดีว่าสิ่งที่สเปิร์มพิณแสดงออกมาสะท้อนคุณค่าของมิตรสัมพันธ์ที่มีต่อกัน หาใช่เกิดจากเจตนารมณ์อันแท้จริงไม่
บอกว่า..ไปให้พ้นไง..ไง..ไง..ถ้าไม่ไป ฉันจะตายให้ดูเดี๋ยวนี้..ฉันจะกระโดดลงไป..ไป..ไป
เสียงตะคอกและข่มขู่ของสเปิร์มพิณเหมือนหมายมุ่งจะเอาเหล็กแหลมทิ่มใส่หัวใจของสเปิร์มปันเพียงอย่างเดียว เป็นไม้ตายที่ใช้บังคับให้เขาหลบไปให้พ้นเสีย หากสเปิร์มปันยังไม่หลบ ยอมให้ร่างกายย่อยยับไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย ความเจ็บปวดทั้งหมดจะสะท้อนกลับไปที่ตัวเธอเอง ..มันเป็นธรรมชาติของความรักที่ผู้กระทำมักเจ็บปวดรวดร้าวกว่าผู้ถูกกระทำหลายเท่าพันทวี..
บรรยากาศเวลานี้เป็นไปอย่างซึมเศร้ายิ่งนัก พวกเรามาฟังเพลงต่อไปกันดีกว่า ขอให้ชื่อเพลงนี้ว่า..ชะตาชีวิต ขอเชิญรับชมและรับฟังได้ ณ บัดนี้ค่ะ..
ชีวิตสเปิร์ม..ใครหนอใครลิขิต..ชะตาชีวิตต้องชอกช้ำระกำใจ
เขาให้เราเกิด..เขาเปิดโอกาสให้ไป..แต่บทสุดท้าย..เขาปล่อยเราตามยถากรรม
เสียงร้องอันโหยหวนรัญจวนใจของสเปิร์มเพลงคลอเคล้าไปกับฉากละครบทเศร้าที่พระเอกกับนางเอกมาถึงวาระสุดท้ายที่ต้องร่ำลาจากกันไปชั่วชีวิต
พิณ..อย่ายอมแพ้นะ เธอจะต้องไม่มีวันยอมแพ้..ไม่มีวันแน่นอน สเปิร์มปันยกหางขึ้นปาดหยดน้ำที่หางตาทีหนึ่งแล้วหันหน้ากลับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขายอมรับไม่ได้ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นเสียงสะอื้นไห้ของสเปิร์มพิณที่กำลังลงทัณฑ์ตนเองอยู่ในขณะนี้ต่างหาก ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ นอกจากไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วยังซ้ำเติมบาดแผลในใจของเธอให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก การจากไปของเขาอาจช่วยไถ่โทษความรู้สึกผิดของเธอได้บ้าง
สเปิร์มปันอ้าปากงับผนังด้านบนแล้วใช้หางยันตัวให้ขึ้นพ้นจากแง่งที่เขายืนอยู่ กระแสน้ำไม่เชี่ยวเหมือนเดิมแล้ว การถีบตัวขึ้นมาลอยคออยู่ด้านบนขอบเหวอีกครั้งจึงทำได้ไม่ยาก
ลาก่อนพิณ.. สเปิร์มปันหันมากล่าวอำลาอย่างแผ่วเบาแล้วรีบหันหน้ากลับ หนทางข้างหน้ายังมีแสงอยู่รำไร หากจะว่ายกลับไปเพื่อเอาตัวรอดยังมีเวลา แต่สเปิร์มปันเลือกที่จะหาที่หลบมุมอยู่ข้างผนังเพื่อรอวินาทีที่ผนังมดลูกจะพังครืนลงมา
สเปิร์มปันนั่งทอดอาลัยอยู่ข้างผนังเหม่อมองสายน้ำที่ไหลอ้อยสร้อยผ่านไปอย่างปลงตก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขามีความรู้สึกว่า การเดินทางไปสู่ความตายง่ายเสียยิ่งกว่าการอยู่รอด