<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
21 กันยายน 2558

**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 7..มนต์รักเพลงชีวิต**

บทที่7

มนต์รักเพลงชีวิต

ารว่ายตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายได้หากไม่ระมัดระวังสเปิร์มปันจำเป็นต้องเลาะไปตามขอบผนังด้านหนึ่งของอุโมงค์เพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสน้ำพัดลงไปสู่เบื้องล่าง

มีสเปิร์มอีกจำนวนมากยังคงพยายามว่ายสวนขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตรอดขณะที่สเปิร์มปันเป็นเพียงตัวเดียวที่ว่ายสวนทางกับพวกเขายิ่งลึกเข้าไปในอุโมงค์เท่าใด จำนวนสเปิร์มก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับแสงสว่างที่ต้องอาศัยการคลำทางเท่านั้น

“มีใครเห็นพิณไหม”เสียงร้องถามของสเปิร์มปันดังขึ้นตลอดเวลาที่เขาพบสเปิร์มว่ายสวนขึ้นมาแต่โดยมากจะไม่มีใครยอมหยุดพูดคุยด้วย อย่างดีที่สุดก็เพียงส่ายศีรษะให้เท่านั้น

เมื่อสเปิร์มปันเข้ามาถึงอุโมงค์ส่วนล่างทุกอย่างก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงน้ำไหลเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าข้างหน้ายังมีหนทางไป ถึงตรงนี้ก็ยากที่จะเห็นสเปิร์มที่ว่ายสวนขึ้นมาแล้วเว้นแต่สเปิร์มตัวนั้นจะว่ายเฉียดเข้ามาในระยะใกล้

“ใครน่ะ..? นายใช่ไหมที่ส่งเสียงถามหาพิณตลอดเวลา” สเปิร์มตัวหนึ่งส่งเสียงทักโดยที่สเปิร์มปันไม่ได้ร้องถาม เขาได้ยินเสียงร้องเรียกของสเปิร์มปันมาแต่ไกลและได้อาศัยเสียงนั้นนำทางในความมืด

“ใช่..ใช่..ฉันเองคำนวณ..นั่นคำนวณเหรอ” ต่างฝ่ายต่างไม่แน่ใจจนกระทั่งว่ายเข้ามาอยู่ในระยะใกล้พอ สเปิร์มปันจึงเห็นหน้าสเปิร์มคำนวณในความสลัวนั้น

“นี่..นะ..นายกลับลงมาหรือ” สเปิร์มคำนวณแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครทำเช่นนั้น

“อือ..ใช่ นายเห็นเธอบ้างไหม” ด้วยเวลาอันมีค่าที่เหลืออยู่ไม่มากนักทำให้สเปิร์มปันไม่อาจถามไถ่ทุกข์สุขของสเปิร์มคำนวณก่อนได้

“ฉัน..ฉันเห็น..พิณอยู่ข้างล่างนั่นแต่..แต่..นานมากแล้วนะ” สเปิร์มคำนวณตอบเสียงสั่นขณะที่หอบไปด้วยทำให้สเปิร์มปันรู้สึกละอายใจที่ละเลยความสำคัญของเขาไป จึงยื่นหางออกไปให้เขาเกาะพัก

“นายต้องอดทนอีกนิดค่อยๆ เลาะไปตามริมผนังจะปลอดภัยกว่า หากพลาดพลั้งยังยึดเกาะได้จากนี้ไปประมาณสองนาทีจะเป็นทางแคบน้ำจะถูกบีบให้ไหลแรงต้องระวัง..หากพ้นจากทางแคบไปแล้ว จะเห็นเส้นทางชัดเจน กระแสน้ำจะชะลอความเชี่ยวลงให้เร่งความเร็วเต็มที่เลยนะ พอเห็นคุณครูกรีสซี่อยู่บนฝั่งลิบๆ ให้เปลี่ยนมายึดพื้นที่ตรงกลางลำน้ำเอาไว้เพราะริมผนังจะมีพังผืดผลุบขึ้นมาบังเป็นระยะๆ” สเปิร์มปันตอบแทนความมีน้ำใจของสเปิร์มคำนวณด้วยการแนะนำเส้นทางให้

“ทะ..เท่าไหร่..?” สเปิร์มคำนวณถามทันที

“อะไรนะ?” สเปิร์มปันทำหน้างง ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้องหรือเปล่า

“ฉัน..ถามว่าโอกาสรอดของฉัน..มี..เท่าไร” สเปิร์มคำนวณแม้อยู่ในช่วงวิกฤติก็ยังไม่ละที่จะถามถึงโอกาสความน่าจะเป็น

ถ้าเป็นในเวลาปกติสเปิร์มคงจะหัวเราะงอหงายไปแล้ว แต่ในยามนี้เขาได้แต่มองสเปิร์มคำนวณอย่างเข้าใจและเห็นใจ สภาพของสเปิร์มคำนวณในเวลานี้ไม่น่าจะมีโอกาสเกินกว่า50 เปอร์เซ็นต์

“ถ้านายทำตามที่ฉันบอกโอกาสรอดของนายมีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แน่นอน” สเปิร์มปันยอมทรยศความคิดของตนเองเพื่อให้สเปิร์มคำนวณมีกำลังใจเพิ่มขึ้น

“ขะ..ขอบใจนะ..ที่เพิ่มโอกาสให้..ถ้า..ถ้านายบอกว่า80 แสดงว่าฉันเหลืออยู่ประมาณ 50” สเปิร์มคำนวณกล่าวอย่างรู้ทัน

สเปิร์มปันยิ้มให้กับความรู้เท่าทันนั้นนักคำนวณย่อมยืนอยู่บนตัวเลขที่มีเหตุผลอธิบายสเปิร์มคำนวณประเมินสมรรถภาพของตนเองได้อยู่แล้วการขอความเห็นจากผู้อื่นเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ค่าที่คำนวณออกมาของเขาน่าเชื่อถือมากขึ้น

“แล้วนายคิดว่าโอกาสที่ฉันจะพบพิณแล้วพาเธอกลับเข้าฝั่งล่ะ..เท่าไหร่” สเปิร์มปันลองหยั่งเชิงดูมั่ง

คราวนี้เป็นฝ่ายสเปิร์มคำนวณบ้างที่ฝืนสังขารยิ้มกลับมา

“ถ้า..ฉันบอกตามจริงนายจะ..จะลดความน่าจะเป็นของฉันลงหรือเปล่า” สเปิร์มคำนวณหยั่งเชิงกลับไปซึ่งทำให้สเปิร์มปันต้องส่ายศีรษะทั้งที่ยังยิ้มอยู่

“ตอนนี้ฉันตั้งความหวังที่จะเจอพินอยู่ไม่ถึง20 เปอร์เซ็นต์ นายจะว่าอย่างไร” สเปิร์มปันบอกตามตรง

“บางที..น่ะ..นั่นอาจสูงเกินไป” สเปิร์มคำนวณก็ตอบตามตรงเช่นกัน

ทั้งสองตัวต่างหุบยิ้มแล้ววางหน้าขรึมให้กันเมื่อรู้ว่าตัวเลขที่ประเมินออกมานั้นไม่ได้เกินเลยสักเท่าใด

“ข้างล่างยังมีสเปิร์มตกค้างอยู่อีกเยอะ..พิณอาจอยู่รวมกับพวกเขาที่นั่นขนาดฉันว่ายอย่างกระท่อนกระแท่นก็ยังไม่มีใครขึ้นหน้าฉันได้ ปัน..เชื่อฉันเหอะทางที่ดี..” สเปิร์มคำนวณที่ได้พักหายใจทำให้อาการหอบค่อยลดลงเขาพูดประโยคยาวๆ ได้อย่างคล่องแคล่วแล้วแต่ไม่วายชะงักไปเมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นไม่เสื่อมคลายของสเปิร์มปันซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจแม้ไม่เหลือโอกาสให้เลย..เขาก็คงพร้อมยอมตายไปกับความหวังที่ไม่เหลือนั้น

“นายคงต้องเร่งหน่อยแล้วตอนนี้ผนังมดลูกอาจจะทลายลงมาเมื่อไรก็ได้” สเปิร์มปันกล่าวส่งท้ายขณะเข้าไปประคองสเปิร์มคำนวณให้ตั้งลำได้แล้วใช้ศรีษะดันให้พุ่งไปข้างหน้า

“โชคดีนะ” สเปิร์มปันอวยพรให้ เขาเห็นลำตัวที่ส่ายไปส่ายมาเหมือนงูเลื้อยของสเปิร์มคำนวณที่ว่ายจากไปแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้สเปิร์มคำนวณคงต้องเจอะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสอย่างมากมาก่อนหน้าจึงมีสภาพเป็นเช่นนั้น

‘อะไรทำให้สเปิร์มมีนิสัยแตกต่างกันทั้งๆ ที่เกิดมาจากสายเลือดเดียวกันแท้ๆ ทำไมบางตัวห่วงใยกันและกันในขณะที่บางตัวหวังแค่เอาตัวรอดโดยไม่สนใจใยดีตัวอื่น’ สเปิร์มปันคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะว่ายประคองตัวไปตามผนังอุโมงค์ลึกเข้าไปเรื่อยๆโดยอาศัยแสงที่สะท้อนออกมาจากผิวที่เป็นมันเลื่อมของผนังด้านข้างและเสียงน้ำไหลเป็นตัวกำหนดเส้นทางข้างหน้า

‘ทำไมคำนวณที่กำลังหมดแรงยอมหยุดช่วยเราในขณะที่ตัวอื่นๆที่แข็งแรงกว่าว่ายผ่านไปโดยไม่ใยดี..ทำไมเราจึงยอมเสียสละชีวิตอย่างไม่คิดเสียดายเพื่อช่วยเหลือพิณในขณะที่ทโมน..ไอ้..’ สเปิร์มปันขบเหงือกดังกรุบกรับๆเมื่อนึกถึงคู่รักคู่แค้น

‘ทโมน ผู้ซึ่งยอมเสียสละโอกาสของตนเองเพื่อช่วยเหลือสเปิร์มตัวอื่นๆเสมอมา แต่กลับตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์ในตัวเราและพิณอย่างไม่มีเหตุผล’ เมื่อเห็นว่าเป็นการป่วยการเสียเปล่าที่จะคิดหาคำตอบสเปิร์มปันจึงหยุดความคิดเรื่อยเปื่อยของเขาอยู่ที่เรื่องราวของสเปิร์มทโมนเป็นกรณีสุดท้าย

สเปิร์มปันว่ายอย่างโดดเดี่ยวต่อไปโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด เส้นทางที่เขากำลังเดินทางไปอยู่นี้ไม่มีสเปิร์มว่ายสวนทางขึ้นมาอีกแล้ว ที่สเปิร์มคำนวณบอกว่าข้างล่างยังมีสเปิร์มตกค้างอยู่อีกเยอะ คงหมายถึง สเปิร์มที่ไม่มีวันจะกลับขึ้นมาได้อีกนั่นเองนึกถึงตรงนี้ก็ยิ่งให้รู้สึกเป็นห่วงสเปิร์มพิณอย่างที่สุด

เสียงน้ำไหลที่สเปิร์มปันใช้เป็นเครื่องนำร่องส่งสัญญาณผิดแผกไปจากเดิมเสียงน้ำตกลงจากที่สูงได้ยินชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันกระแสน้ำก็ไหลเชี่ยวขึ้นทุกทีสัญญาณนี้น่าจะหมายถึงการเข้าใกล้จุดหมายปลายทางแล้ว

“พิณ..เธออยู่หนาย..ย..ย..ย..ย..”

สเปิร์มปันเคลื่อนตัวไประยะหนึ่งก็ร้องตะโกนออกไปหวังให้เสียงของเขาดังก้องอยู่ภายในอุโมงค์ตลอดเวลา และเมื่อทำซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ทำให้เขาเรียนรู้ได้ว่าในปล่องอุโมงค์ที่มีสภาวะมืดมิดเช่นนี้ เสียงเป็นสื่อนำทางได้ดีกว่าสายตาเสียอีก ทุกครั้งที่ตะโกนออกไปสเปิร์มปันจะคอยสังเกตปฏิกิริยาสะท้อนกลับของเสียง ที่บางครั้งก็จมหายไปในความมืดบางครั้งก็สะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วและบางครั้งก็ต้องรอสักครู่หนึ่งมันจึงจะสะท้อนกลับออกมา

แรงสะท้อนกลับของเสียงไม่ได้บอกว่ามีอะไรรอเขาอยู่เบื้องหน้าแต่บอกเขาให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นหรือน้อยลงแค่นั้นเอง

จากความหวังอันน้อยนิดที่สเปิร์มปันยังพยายามยึดโยงเอาไว้ไม่ให้หลุดลอยไปนั้นในเวลาต่อมา เขาก็ได้รับผลตอบแทนเป็นเสียงตอบรับแผ่วๆ แว่วออกมาจากก้นอุโมงค์ แม้ยังจับใจความได้ไม่ถนัดว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่แต่ก็เหมือนเป็นแสงริบหรี่ที่สุดปลายถ้ำของผู้เดินทางแล้ว

สเปิร์มปันติดตามที่มาของเสียงนั้นไปอย่างระมัดระวังยิ่งใกล้แหล่งกำเนิดของเสียงเข้าไปเท่าใด ก็ยิ่งทำให้แน่ใจได้ว่าเป็นเสียงตอบรับของสเปิร์มเพศหญิงจริงๆ และไม่ใช่ตัวเดียวด้วย

“พิณ..นั่นเธอใช่ไหม..ไหม..ไหม” สเปิร์มปันตะโกนก้อง

“อย่า..! อย่าเข้ามาใกล้ๆ นะ..น้า..น้า..น้า..”

ยังไม่ทันที่เสียงสะท้อนของสเปิร์มปันจะจางหายไปก็มีเสียงตะโกนสวนกลับมาให้ได้ยินอย่างชัดเจนมันคือเสียงเตือนภัยที่ทำให้สเปิร์มปันรีบยั้งหางไว้ได้อย่างทันท่วงทีเบื้องหน้าของเขากระแสน้ำเทลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียง ซู่ซ่า

สเปิร์มปันรีบโผเข้าไปยึดผนังด้านข้างไว้ทันที

“นี่ฉันเอง..ปัน..” สเปิร์มปันลดเสียงลงเขาแน่ใจว่าต้นกำเนิดของเสียงเตือนภัยอยู่ไม่ไกลจากที่เขาประคองตัวอยู่นักเพียงแต่เขามองไม่เห็นตัวผู้ส่งสัญญาณต่างหาก

“ฉันรู้แล้วว่าเป็นเธอ..แต่..ให้ระวัง” เสียงตอบกลับก็ลดความดังลงเช่นกันเธอเองก็รู้ว่าสเปิร์มปันอยู่ห่างไปไม่กี่ช่วงตัวเช่นกัน

“เธออยู่ไหน” สเปิร์มปันพยายามใช้หางแหวกน้ำทางด้านหน้าของเขาไปอย่างช้าๆ

“ระวังตกเหว..ว..ว..ว..ว”

เสียงแหวกน้ำทำให้สเปิร์มที่อยู่ต่ำลงไปต้องส่งเสียงตะโกนเตือนออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ทันการเสียแล้วเพราะแรงดูดของน้ำได้ฉุดร่างของสเปิร์มปันให้ตกลงไปสู่หุบลึกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว..

“ว๊าย..ย..ย..ย..

น้ำที่ตกซู่ลงมาทำให้สเปิร์มที่อยู่ด้านล่างต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจนึกว่าร่างของสเปิร์มปันร่วงลงมาพร้อมกับสายน้ำแล้ว

แต่..ยังดีที่สเปิร์มปันเลาะตัวอยู่ตามริมผนังทำให้ร่างของเขาปะทะกับแนวผนังที่มีผิวเป็นลูกคลื่นเหมือนลูกระนาดไม่หล่นไปตามแรงดึงดูดของสายน้ำในทันที สเปิร์มปันใช้ทั้งปากและหางยึดและยันทุกชะง่อนทุกหลืบเอาไว้จนสุดฤทธิ์

“อึ๊บ..อึบ..บ”

“ปัน..เธอยังอยู่ไหม..เป็นอะไรรึเปล่า”

เสียงที่คุ้นหูดังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่สเปิร์มปันซุกตัวอยู่เขาค่อยๆ ดึงตัวออกมาจากที่หลบภัยแล้วก้าวหางอย่างช้าๆ ไปทีละเล็กทีละน้อยเสียงน้ำที่สาดลงสู่เบื้องล่างกระทบกับชะง่อนผาที่ทอดตัวอยู่ระเกะระกะแล้วจางหายไปทำให้รู้ว่าเบื้องหน้าของเขาเป็นจุดสิ้นสุดของการขยับตัวต่อไปแล้วสเปิร์มปันซุกหางไว้ในหลืบแล้วชะโงกศีรษะออกไปเท่าที่จะทำได้ เขามองเห็นเบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกลงไปจนสุดสายตาและไม่ได้มืดมิดอย่างที่คิดแต่กลับมีลำแสงเล็กๆสาดออกมาจากส่วนปลายสุดของหุบเหวซึ่งเป็นช่องเปิดให้น้ำไหลออกไป รอบๆ แอ่งน้ำในหุบเหวมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำนวนมหาศาลกำลังไต่ตัวกันอย่างยั้วเยี้ยเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดไหลไปตามกระแสน้ำ ต่ำลงไปจากจุดที่เขายึดโยงอยู่ประมาณสองช่วงตัวมีสเปิร์มที่มิได้หล่นลงไปสู่ก้นเหวแต่ยึดตัวเองอยู่บนแง่งหรือชะง่อนที่ยื่นออกมาจากผนังเป็นจุดๆกระจัดกระจายไปจนถึงก้นเหว สเปิร์มเหล่านี้กลับขึ้นมาไม่ได้ขณะเดียวกันก็อยู่พ้นกระแสน้ำที่ซัดให้ลงไปสู่เบื้องล่าง

“พิณ..ฉันอยู่นี่..ข้างบนศีรษะเธอนี่ไง” สเปิร์มปันตอบกลับไปรู้สึกยินดีอย่างที่สุดอย่างน้อยเพื่อนรักของเขาก็ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะยังไม่รู้ชะตากรรมในอนาคตข้างหน้า

“ปัน..เธอมาที่นี่ได้ยังไงฉันคิดว่าเธอรอดออกไปแล้วซะอีก” แม้จะดีใจเช่นกัน แต่การปรากฏตัวของเขาก็สร้างความวิตกให้กับสเปิร์มพิณไม่น้อยเลยทีเดียว

“ฉันรอเธออยู่ที่ผนังมดลูกด้านนอกตั้งนานไม่เห็นเธอขึ้นมาซักที ก็คิดว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่ เลยกลับลงมาตามหาเธอ” น้ำเสียงของสเปิร์มปันเต็มไปด้วยความสุขใจที่ได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น

“ปัน..” สเปิร์มพิณได้แต่ร้องเรียกออกไปเบาๆ อยากจะพรั่งพรูอีกสักหมื่นสักแสนถ้อยคำที่ล้วนแต่เป็นคำต่อว่าต่อขานที่เขาคิดอะไรตื้นๆเช่นนั้น แต่ทุกถ้อยคำได้ถูกกลืนหายไปในลำคอจนหมดสิ้นด้วยความตื้นตัน

“แหม..ซาบซึ้งตรึงใจจริงๆทำไมเราถึงไม่มีใครห่วงหาอาลัยอย่างนี้บ้างน้อ” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในความมืด สเปิร์มปันก้มศีรษะลงไปมองเห็นแต่หัวกลมๆ ที่อยู่ลึกลงไปจากจุดที่สเปิร์มพิณยืนอยู่

“นั่นใครน่ะ”




Create Date : 21 กันยายน 2558
Last Update : 21 กันยายน 2558 8:51:09 น. 3 comments
Counter : 486 Pageviews.  

 
“เพลง..เขาหล่นลงมาพร้อมกับฉันแต่อยู่ลึกลงไปอีกระดับหนึ่ง ลึกลงไปจากเพลงก็มีสเปิร์มติดค้างอยู่อีกมากมายหลายตัว แต่ฉันมองไม่ถนัดว่ามีใครบ้าง ได้ยินแต่เสียงพึมพำๆ” สเปิร์มพิณกล่าว

“ที่นี่ที่ไหนกัน ห้องเก็บกวาดหรือ” สเปิร์มปันถาม ดูสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว สเปิร์มที่หล่นลงไปข้างล่าง คงไม่มีตัวไหนสามารถปีนกลับขึ้นมาได้อีก

“ตรงนี้ยังไม่ใช่หรอก แต่ถ้าผนังมดลูกหลุดลอกออก แล้วปล่อยน้ำสีแดงๆ ออกมาเมื่อไร ก็คงกวาดพวกเราทั้งหมดผ่านรูเล็กๆ นั่นเข้าไปอยู่ในห้องเก็บกวาดอย่างแน่นอน” เสียงสเปิร์มเพลงดังสวนขึ้นมาในความมืด แม้ในสภาวะที่หมดสิ้นความหวังแต่เสียงของเธอก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวแต่อย่างใด

“ตอนที่ฉันกลับลงมา มีสเปิร์มว่ายสวนขึ้นไปไม่มากนักแล้ว คงอีกไม่นานหรอกที่ผนังมดลูกจะลอกตัวออก เราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน” สเปิร์มปันพยายามควบคุมเสียงไม่ให้จับได้ว่าเขากำลังตื่นตระหนก เกรงว่าจะไม่มีวิธีใดที่ช่วยสเปิร์มพิณและสเปิร์มตัวอื่นๆ ขึ้นมาได้

“ถ้าทำได้ เราคงทำไปนานแล้ว เราไต่ขึ้นไปจากจุดนี้ไม่ได้ ผนังมีน้ำเลี้ยงตลอดเวลา ทำให้ลื่นมาก ฉันลองดูแล้วและ เกือบจะตกไปรวมอยู่กับพวกข้างล่างตั้งหลายครั้ง” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างอ่อนใจ สเปิร์มปันโผล่มาในยามที่เธอได้ละทิ้งความหวังไปจนหมดสิ้นแล้ว

“ฉันขออยู่ตรงนี้แหละ อย่างน้อยก็ได้ทำความฝันของฉันให้เป็นจริงแล้ว” สเปิร์มเพลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ดูเหมือนเธอจะไม่ยี่หระต่อความตายเอาเสียเลย

“เธอฝันอะไรไว้เหรอ นี่เธอไม่ได้กำลังจะไปเกิดนะ” สเปิร์มปันตวาดกลับไป

“ก็..ฝันที่จะได้เป็นนักร้องที่มีคอนเสิร์ตของตัวเองไง..ไม่เห็นเหรอ ฉันกำลังยืนอยู่บนเวทีที่มีประชาชนชาวสเปิร์มแออัดยัดเยียดมาดูคอนเสิร์ตของฉันอยู่เต็มพื้นที่ข้างล่างนั่น” สเปิร์มเพลงพูดพลางโปรยยิ้มให้กับสเปิร์มจำนวนมหาศาลที่กำลังคลานยั้วเยี้ยอยู่ในความมืดเบื้องล่าง ทั้งๆ ที่เธอไม่เห็นหน้าพวกเขา ขณะที่พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอเช่นกัน

“ส่วนเธอ..พิณ เธอเป็นผู้กำกับเวทีให้กับฉัน แล้วจู่ๆ..ปันก็โผล่หน้าออกมา ทั้งๆ ที่เขาน่าจะอยู่ที่ผนังมดลูกนั่นแล้ว แต่เขาก็ย้อนกลับมาเพื่อจะฟังเพลงของฉันโดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจึงเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้ที่นั่งชั้นพิเศษ..ล้า..หลั่น..หลั่น..ล้า”

ลีลาและน้ำเสียงที่ร่าเริงแจ่มใสของสเปิร์มเพลงไม่ได้ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาแต่อย่างใดเลย กลับทำให้สเปิร์มปันเกิดความรู้สึกรันทดหดหู่อย่างคาดไม่ถึง
..เสียงหัวเราะในโลกของผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่ดัง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเช่นนี้ในโลกของผู้สิ้นหวัง..
สเปิร์มปันไม่รู้เหมือนกันว่า สเปิร์มเพลงกำลังปลอบใจตัวเองให้ลืมนึกถึงความตาย หรือว่า ความกลัวตายได้เปลี่ยนสติของเธอไปแล้ว

“พิณ..เธอยังคิดจะอยู่รอดอยู่อีกไหม” สเปิร์มปันหันมาใส่ใจเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง

“แน่นอน..ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ในเมื่อเราพลาดไปแล้วและจมอยู่ที่นี่ เราต้องยอมรับชะตากรรมเช่นเดียวกับเพลงและสเปิร์มตัวอื่นๆ ข้างล่างนั่น พวกเขาส่งเสียงร้องกันตลอดเวลา เธอคิดว่า พวกเขาร้องขอความหวังในการอยู่รอดเหรอ ไม่เลย..เธอฟังให้ดีๆ สิ แล้วจะพบว่า พวกเขากำลังร่ำลากันและสวดภาวนาขอให้ได้กลับมาเกิดเป็นเพื่อนกันอีกครั้งต่างหาก”

สเปิร์มปันนิ่งอึ้งไปเหมือนต้องมนตร์สะกด เขาคงมาช้าเกินไป น้ำเสียงของสเปิร์มพิณไม่ได้ให้ความหวังใดๆ แก่เขาเลย

“เธอก็เหมือนกัน..ปัน ได้โปรดเถอะ..แทนที่จะจมปลักอยู่ตรงนี้ เธอต้องไต่ขึ้นไปให้ได้แล้วว่ายน้ำกลับไปที่ผนังมดลูก ยังพอมีเวลาสำหรับเธออยู่” สเปิร์มพิณกล่าววิงวอน

คำกล่าววิงวอนของสเปิร์มพิณไม่ได้ทำให้สเปิร์มปันขยับแต่อย่างใด เขานิ่งเงียบไปเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้ว

“ฉันดีใจนะที่เธอกลับมาที่นี่เพื่อฉัน แต่..เราจะตายพร้อมกันไม่ได้ ลืมสัญญาที่เรารับปากกันแล้วหรือ..ถ้าตัวใดตัวหนึ่งเป็นอะไรไป อีกตัวจะต้องต่อสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด.. ช่วยทำความฝันของฉันให้เป็นจริงด้วยเถอะ..อย่าให้ฉันต้องตายอย่างนอนตาไม่หลับเลย”

“ฉันไม่เคยลืมสัญญาที่ให้แก่กัน..แต่..ฉันจะปล่อยให้เธอตายอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าเธอตายโดยที่ฉันยังไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ ฉันอยู่รอดไปก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน” สเปิร์มปันกล่าวหนักแน่น ไม่ว่าสเปิร์มพิณจะพูดอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความแน่วแน่ในจิตใจของเขาได้ เธอคงไม่รู้หรอกว่าที่เขายังอยากมีชีวิตอยู่มาถึงเวลานี้ก็เพื่อฝันของเธอล้วนๆ

“ได้โปรดเถิดปัน..ยอมรับความจริงแล้วรีบหาทางว่ายกลับไปซะ” สเปิร์มพิณพยายามตัดใจ เธอไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ ของเขาแล้ว ยิ่งฟังคำพูดของเขาก็ยิ่งทำให้อยากหนีไปให้พ้นจากโลกนี้

“เธองับหางของฉันถึงไหม” สเปิร์มปันไม่ใส่ใจคำพูดใดๆ และไม่รีรออีกต่อไป เขาค่อยๆ หย่อนหางลงมาเบื้องล่างโดยใช้ปากงับผนังส่วนที่ยื่นออกมาเป็นแง่งเอาไว้แน่น

ปลายหางของสเปิร์มปันกวัดไกวอยู่เหนือศีรษะของสเปิร์มพิณภายใต้แสงมืดสลัว แม้ว่าจะอยู่สูงเกินกำลังจะโดดขึ้นไปงับแต่หากไม่ลองพยายามสักครั้ง สเปิร์มปันคงไม่ยอมหยุดยั้งเพียงเท่านี้
สเปิร์มพิณย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วดีดปลายหางให้ลำตัวของเธอเหยียดขึ้นจนสุด ปลายหางลอยพ้นจากสัมผัสบนผิวพื้นแล้วตกลงมาในทันที

“อุ๊บ..บ”

นอกจากจะไม่สามารถเอื้อมปากไปสัมผัสปลายหางของสเปิร์มปันได้แล้ว ตอนที่ร่วงลงมาสเปิร์มพิณยังเกือบทรงตัวไว้บนปลายหางไม่อยู่ จวนเจียนจะไถลหลุดจากชะง่อนเล็กๆ ลงไปเบื้องล่าง

“ไม่มีทาง..ปัน..เป็นไปไม่ได้ เธออยู่ห่างจากฉันเกินไป และขอร้องว่า อย่าพยายามเลื่อนตัวลงมาอีกนะ” สเปิร์มพิณรู้สึกหวั่นใจ เธอได้ยินเสียงดังจิ๊กๆ จั๊กๆ อยู่ข้างบนก็สันนิษฐานว่า สเปิร์มปันคงพยายามจะเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อให้สามารถลื่อนตัวลงมาได้ลึกมากที่สุด

“รักเอย..รักจงเฉลยความนัย..แม้ยามที่ไร้หนทาง..รักใยไม่ร้างแปรเปลี่ยน...
รักเอย..รักยังอยู่ยั้งยืนยง..รักจึงไม่หลงพะวง..แม้ต้องผิดหวัง..
ถึงแม้ต้องมาอับปาง..รักแท้ไม่ร้าง..ยังคงกรุยทาง..เพื่อสร้างขึ้นใหม่..
โอ..ใคร.ใครหนอพอเข้าใจ..เหตุใดไขว่คว้า..หาจนสุดแดนใจ..แต่ไม่ถึงจุดหมายซักที.”

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของสเปิร์มสองตัวที่กำลังไขว่คว้าโอกาสเพื่อต่อชีวิตกันอยู่นั้น เสียงเพลงหวานซึ้งของสเปิร์มศิลปินอีกตัวก็ดังขึ้นมา เป็นการเปิดการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเธอขึ้นบนเวทีโดยไม่ยี่หระต่อความเป็นความตายแล้ว

“เพลงนี้ชื่อว่า‘ตามหาความรักไม่พบสักที’ ขับร้องโดยศิลปินหน้าใหม่ที่ชื่อว่าเพลง โดยมีฉากหลังเป็นขุมนรกในหุบเหวและมีแดนเซอร์เป็นเพื่อนของเธอที่กำลังดิ้นทุรนทุรายเพื่อให้พ้นจากความตายที่จะตามมาคร่า ช่างเป็นคอนเสิร์ตที่ชวนให้ผู้ชมสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านผู้ชมคะ โปรดให้กำลังใจน้องเพลงคนนี้และเพื่อนของเธอทั้งสองตัวด้วย” สเปิร์มเพลงควบหน้าที่ดีเจในคอนเสิร์ตของตัวเองด้วย หลังกล่าวจบ ปรากฏว่ามีเสียงปรบหางดังเปาะแปะๆ จากสเปิร์มที่เกาะอยู่ตามแง่งที่ลดระดับลงไป สร้างความปลาบปลื้มให้กับสเปิร์มเพลงจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

“ขอบคุณค่ะ..ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มอบให้น้องเพลงตัวนี้”

ขณะที่เหนือศีรษะของสเปิร์มเพลงขึ้นไป บรรยากาศกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“พอ..พอเถอะปัน..” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างอ่อนใจ เธอทรุดลงนั่งกับพื้นหลังจากพยายามถีบตัวขึ้นไปงับหางของเพื่อนชายครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่สัมฤทธิ์ผลเลยสักครั้ง
ขณะที่สเปิร์มปันยังคงพยายามอย่างแข็งขัน เขาพยายามเปลี่ยนตำแหน่งการงับไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มโอกาสขึ้นมาใหม่

“กลับไปซะ..ในขณะที่เธอยังมีโอกาสเอาตัวรอดได้ ทำเสียแต่ตอนนี้ ได้โปรดเถอะปัน..อย่าให้ฉันต้องตายโดยทุกข์ทรมานใจไปกว่านี้เลย” สเปิร์มพิณซึ่งรู้ตัวดีว่าโอกาสของเธอหมดสิ้นไปนานแล้ว ปรารถนาสุดท้ายของเธอ จึงไม่ใช่การมีชีวิต แต่เป็นการปกป้องอีกชีวิต

“ไม่..ไม่..พิณ ถ้าฉันต้องรอดกลับไปตัวเดียว ฉันขอตายพร้อมเธอดีกว่า” เสียงที่เคยแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของสเปิร์มปันเริ่มสั่นกระพือคล้ายยอมรับความจริงแล้วว่าเขาคงไม่อาจช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนรักคนนี้ได้ ..แม้ความตายจะน่ากลัว แต่บางที..ความเดียวดายกลับน่ากลัวกว่า..

เมื่อตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตายไปพร้อมกันแล้ว สเปิร์มปันจึงปีนกลับขึ้นไปนั่งอยู่ที่เดิม เอนศีรษะพิงกับผนังแล้วทิ้งปลายหางให้สะบัดพลิ้วอยู่ในกระแสน้ำ นึกถึงสิ่งที่อยากพูดแต่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่

“พิณ..พิณจำได้ไหมว่า เธอเป็นผู้ตั้งชื่อให้ฉันว่า ปัน เพราะเหตุใดฉันจึงมีชื่อนี้ ตอนนั้นคิดไม่ถึง แต่ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจ..” สเปิร์มปันกล่าวแล้วยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับสเปิร์มพิณโดยที่ไม่มีเธออยู่ข้างกาย ทุกครั้งที่มีเธออยู่ข้างกายคำพูดที่ออกจากปากของเขาถูกกดดันด้วยความที่ต้องเอาความรู้สึกของเธอมาใส่ใจด้วย แต่เวลานี้ไม่ใช่ เขารู้สึกเป็นอิสระที่จะเปิดเผยความนัยใดๆ ก็ได้

“เธอเคยถามฉันถึงความตั้งใจที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ ตอนนั้น..ฉันตอบไปว่าฉันตั้งใจ ซึ่งความจริงแล้ว จะให้ฉันตอบอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอสบายใจ ฉันตอบได้ทุกอย่าง” สเปิร์มปันเปิดรอยยิ้มกว้างขึ้น เขารู้สึกสบายใจที่ได้ระบายให้สเปิร์มพิณทราบความจริงเสียที

“ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนกระทั่งได้มาพบเธอ การได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ฉันไม่อาจทนเห็นแววตาแห่งความผิดหวังของเธอได้ต่างหาก มันสำคัญกว่าการได้ไปเกิดเสียอีก สำหรับฉันแล้ว..ความต้องการเห็นผู้ที่เรารักได้ไปเกิดเป็นแรงผลักดันให้ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ขณะเดียวกัน คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เพื่อ..ต้องการได้เห็นผู้ที่เรารักมีความสุข หาใช่ตัวเองมีความสุขฝ่ายเดียวไม่.. นิยามของคำว่าปัน จึงไม่ใช่การเก็บเอาไว้เพื่อตัวเองผู้เดียว”

“พอ..พอแล้ว..ว..ว! ไป..ไป..ไป..! ไปให้พ้นนะ..ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก..ก..ก”

สเปิร์มพิณตวาดลั่น ความในใจของสเปิร์มปันได้กัดกร่อนความอดกลั้นของเธอจนผุพังไปหมดสิ้น

“เรื่องบางเรื่อง..แม้ไม่อยากได้ยินก็พาลได้ยิน...แม้ไม่อยากให้เป็นแต่ก็หนีไม่พ้น..นั่นคือกฎแห่งกรรม” สเปิร์มปันรำพันอย่างรันทดใจ เข้าใจดีว่าสิ่งที่สเปิร์มพิณแสดงออกมาสะท้อนคุณค่าของมิตรสัมพันธ์ที่มีต่อกัน หาใช่เกิดจากเจตนารมณ์อันแท้จริงไม่

“บอกว่า..ไปให้พ้นไง..ไง..ไง..ถ้าไม่ไป ฉันจะตายให้ดูเดี๋ยวนี้..ฉันจะกระโดดลงไป..ไป..ไป”

เสียงตะคอกและข่มขู่ของสเปิร์มพิณเหมือนหมายมุ่งจะเอาเหล็กแหลมทิ่มใส่หัวใจของสเปิร์มปันเพียงอย่างเดียว เป็นไม้ตายที่ใช้บังคับให้เขาหลบไปให้พ้นเสีย หากสเปิร์มปันยังไม่หลบ ยอมให้ร่างกายย่อยยับไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย ความเจ็บปวดทั้งหมดจะสะท้อนกลับไปที่ตัวเธอเอง ..มันเป็นธรรมชาติของความรักที่ผู้กระทำมักเจ็บปวดรวดร้าวกว่าผู้ถูกกระทำหลายเท่าพันทวี..

“บรรยากาศเวลานี้เป็นไปอย่างซึมเศร้ายิ่งนัก พวกเรามาฟังเพลงต่อไปกันดีกว่า ขอให้ชื่อเพลงนี้ว่า..’ชะตาชีวิต’ ขอเชิญรับชมและรับฟังได้ ณ บัดนี้ค่ะ..
ชีวิตสเปิร์ม..ใครหนอใครลิขิต..ชะตาชีวิตต้องชอกช้ำระกำใจ
เขาให้เราเกิด..เขาเปิดโอกาสให้ไป..แต่บทสุดท้าย..เขาปล่อยเราตามยถากรรม”

เสียงร้องอันโหยหวนรัญจวนใจของสเปิร์มเพลงคลอเคล้าไปกับฉากละครบทเศร้าที่พระเอกกับนางเอกมาถึงวาระสุดท้ายที่ต้องร่ำลาจากกันไปชั่วชีวิต

“พิณ..อย่ายอมแพ้นะ เธอจะต้องไม่มีวันยอมแพ้..ไม่มีวันแน่นอน” สเปิร์มปันยกหางขึ้นปาดหยดน้ำที่หางตาทีหนึ่งแล้วหันหน้ากลับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขายอมรับไม่ได้ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นเสียงสะอื้นไห้ของสเปิร์มพิณที่กำลังลงทัณฑ์ตนเองอยู่ในขณะนี้ต่างหาก ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ นอกจากไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้วยังซ้ำเติมบาดแผลในใจของเธอให้เจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก การจากไปของเขาอาจช่วยไถ่โทษความรู้สึกผิดของเธอได้บ้าง

สเปิร์มปันอ้าปากงับผนังด้านบนแล้วใช้หางยันตัวให้ขึ้นพ้นจากแง่งที่เขายืนอยู่ กระแสน้ำไม่เชี่ยวเหมือนเดิมแล้ว การถีบตัวขึ้นมาลอยคออยู่ด้านบนขอบเหวอีกครั้งจึงทำได้ไม่ยาก

“ลาก่อนพิณ..” สเปิร์มปันหันมากล่าวอำลาอย่างแผ่วเบาแล้วรีบหันหน้ากลับ หนทางข้างหน้ายังมีแสงอยู่รำไร หากจะว่ายกลับไปเพื่อเอาตัวรอดยังมีเวลา แต่สเปิร์มปันเลือกที่จะหาที่หลบมุมอยู่ข้างผนังเพื่อรอวินาทีที่ผนังมดลูกจะพังครืนลงมา
สเปิร์มปันนั่งทอดอาลัยอยู่ข้างผนังเหม่อมองสายน้ำที่ไหลอ้อยสร้อยผ่านไปอย่างปลงตก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขามีความรู้สึกว่า การเดินทางไปสู่ความตายง่ายเสียยิ่งกว่าการอยู่รอด


โดย: *bonny วันที่: 21 กันยายน 2558 เวลา:8:53:17 น.  

 
สเปิร์มพิณแหงนมองร่างของเพื่อนชายที่ค่อยๆ หายวับไปในความมืดด้วยความโล่งอก ตามความเข้าใจของเธอคิดว่า สเปิร์มปันคงว่ายน้ำกลับไปแล้ว แม้น้ำตาจะยังนองใบหน้าแต่ก็ยังมีรอยยิ้มของความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน
ถ้าความฝันของสเปิร์มเพลงคือ การได้ร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ตเป็นครั้งสุดท้าย ความฝันของสเปิร์มพิณในเวลานี้ก็เป็นจริงแล้วเช่นกัน นั่นคือ การได้เห็นเพื่อนรักมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อตามล่าความฝันแทนเธอ

“ขอโทษนะปันที่ทำอย่างนั้นกับเธอ..ฉันยังรักเธอเสมอ..แต่ที่ทำลงไปเพราะต้องการเห็นเธอมีชีวิตเพื่อสู้ต่อไป ..สู้เพื่อตัวเองและสู้แทนฉัน..เธอช่วยทำความฝันของฉันให้เป็นจริงด้วยนะ” สเปิร์มพิณคร่ำครวญไปก็สะอื้นไห้ไป รู้สึกเกลียดตัวเองอย่างที่สุดที่ได้แสดงกิริยาหยาบคายต่อสเปิร์มปันออกไปเช่นนั้น

“ฉันให้ความหมายของคำว่า ‘ตาย’ เพื่อรัก..คงอยู่..
เธออาจไม่รู้..ตัวตนฉันเป็น...ฉันใด..
ฉันอาจพลั้งพลาดผิดไป..ขอโทษและขออภัย..ทุกสิ่งนั้นไซร้คือ..ฉันรักเธอ..”

สิ้นเสียงร้องของสเปิร์มเพลง บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีเสียงปรบหางเหมือนเช่นทุกครั้ง

“จบไปแล้วกับบทเพลงที่มีชื่อว่า..‘ตายเพื่อรักคงอยู่’ ทิ่น้องเพลงตั้งใจมอบให้ปันและพิณด้วยความซึ้งใจในความผูกพันที่ทั้งสองมีให้กัน” ในตอนท้ายของคำกล่าวสเปิร์มเพลงก็สะอื้นออกมาด้วย

“เพลง ขอบใจนะสำหรับเพลงนั้น ไพเราะมาก..ไพเราะจริงๆ แต่ปันจะคิดอย่างไร ถึงตอนนี้ก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ” สเปิร์มพิณกล่าว สิ่งที่เธอต้องการให้สเปิร์มปันทำ เขาก็ได้ทำแล้ว ความรู้สึกใดๆ ที่เขามีต่อเธอเขาก็สารภาพออกมาหมดแล้ว จึงไม่เหลืออะไรที่สำคัญต่อชีวิตนี้อีกต่อไป จากนี้เป็นต้นไป เธอพร้อมจะมีความสุขกับคอนเสิร์ตเช่นเดียวกับสเปิร์มที่ตัดใจแล้วตัวอื่นๆ และจะตายไปพร้อมกับบทเพลงของสเปิร์มเพลงที่ขับกล่อม

“แล้วเขาก็คลานจากไป..ทิ้งเธอให้อยู่เดียวดาย..นั่งรอความตายที่ใกล้มาเยือน..
แต่สิ่งตอกย้ำของความเป็นเพื่อน..เขาจะไม่เลือนลบเธอจากใจ...
เชื่อฉันสิพิณ..ถ้าเปลี่ยนตัวได้ให้เธอเป็นฝ่ายอยู่แล้วเขาตายแทน ปันก็จะยอมทำเช่นนั้น” สเปิร์มเพลงคิดจะปลอบเพื่อนแต่ถ้อยคำของเธอกลับเรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาให้หลั่งออกมาอีกครั้ง

“ขอบใจนะ..เธอร้องเพลงได้ไพเราะมาก..ถ้าเธอได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เธอคงขับกล่อมคนทั้งโลกให้หายเศร้าโศกได้” สเปิร์มพิณคิดในใจ บทเพลงไม่ได้ช่วยให้หายเศร้าได้ แต่บทเพลงทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนอีกผู้หนึ่งที่เศร้าเหมือนเราอยู่เคียงข้างต่างหาก

“เธอยังกลัวความตายอยู่หรือเปล่าพิณ” สเปิร์มเพลงถามเมื่อเห็นประกายแสงวาววับสะท้อนออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของสเปิร์มพิณแม้อยู่ในความมืด

“ไม่เลย” สเปิร์มพิณตอบแล้วรีบเช็ดน้ำตาทันที เธอไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมมันจึงหลั่งออกมาได้มากเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เธอควบคุมมันได้แล้ว แต่เมื่อสเปิร์มเพลงพูดถึงสเปิร์มปันอีก มันก็พรั่งพรูออกมาเหมือนมีใครมาเปิดวาล์วน้ำ

“เป็นเพราะปันนั่นเอง..ฉันซาบซึ้งใจมากที่สุดเมื่อเห็นเขาเสี่ยงชีวิตกลับมาช่วยฉัน ฉันคิดว่า ถ้าปันตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้วฉันกลับมาช่วยเขาบ้าง เขาก็จะต้องร้องไห้เหมือนกัน เพราะเราสองตัวไม่ได้ห่วงชีวิตของตัวเอง เราห่วงแต่ว่า ชีวิตหนึ่งจะอยู่ได้อย่างไรเมื่อขาดอีกชีวิตหนึ่งไปต่างหาก” พูดถึงตรงนี้น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเหมือนทำนบแตก

“ฉันไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของพวกเธอหรอก เพราะฉันยังไม่มีใครที่ห่วงหากันถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเลือกได้ ฉันก็คงไม่อยากเป็นแบบเธอหรอกนะ เพราะฉันคงตายอย่างไม่มีความสุขถ้ารู้ว่า มีใครบนนั้นกำลังร้องไห้เพื่อฉันอยู่”

ความคิดที่ใสซื่อของสเปิร์มเพลงทำให้สเปิร์มพิณมองเห็นแก่นธรรมอย่างหนึ่งได้แจ่มแจ้ง ..แท้จริงแล้วความตายหาได้น่ากลัวไม่ แต่ความผูกพันต่างหากที่น่ากลัวกว่า และผู้ที่ต้องติดอยู่ในบ่วงนั้นตลอดไป คือ ผู้ที่รอดชีวิต หาใช่ผู้ที่ตายไปแล้วไม่..

เสียงน้ำตกที่ซาลงไปแล้วกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีกระแสคลื่นเล็กๆ ผลักดันน้ำให้เทลงมาอีกระลอก สเปิร์มพิณแหงนหน้าขึ้นไปมอง ..นี่คงเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วกระมัง..เธอคิด.. ผนังมดลูกคงจะทลายลงมาแล้วพร้อมกับน้ำสีแดงจำนวนมหาศาลที่ดันให้เกิดระลอกคลื่น

แต่สิ่งที่สเปิร์มพิณคิดกลับไม่เป็นดังที่คิด..

“พิณ..พิณ..!”

เสียงเรียกดังขึ้นมาก่อนที่ร่างของเจ้าของเสียงจะปรากฏตัว สเปิร์มพิณสะดุ้งสุดตัวรีบแหงนหน้าขึ้นไป ในความมืดสลัวที่ขอบเหวข้างบน เธอเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่บนนั้นซึ่งเธอพยายามหลับตาแล้วสั่นศีรษะหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่า นั่นไม่ใช่วิญญาณของสเปิร์มปันตามมาหลอน

“พิณ..นี่ฉันเอง ฉันกลับมาช่วยแล้ว”

จนได้ยินอีกครั้งเธอจึงแน่ใจว่า เพื่อนของเธอกลับมาแล้วจริงๆ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเขากังวานใสแจ๋วและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอันเจิดจ้า

“ปัน..เธอกลับมาทำไม.. เอ๊ะ..นั่น..!” สเปิร์มพิณที่กำลังแปลกใจต้องแปลกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสเปิร์มปันไม่ได้มาเพียงลำพัง

“ทโมน..!” สเปิร์มพิณอุทานเป็นเสียงลมออกมาดังๆ ออกมาจากลำคอเมื่อเห็นเงาศีรษะของสเปิร์มอีกตัวหนึ่งผุดขึ้นทางด้านหลังของสเปิร์มปัน แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงสลัวแต่เอกลักษณ์อันยากจะมีตัวไหนเสมอเหมือนของสเปิร์มทโมนทำให้เธอมั่นใจว่าเป็นเขาแน่นอน

“ใช่..ทโมนเองแหละ เขาไปถึงผนังมดลูกแล้วแต่กลับลงมาเพื่อช่วยเหลือเธอ” น้ำเสียงของสเปิร์มปันยังคงมีอาการตื่นเต้นไม่หาย ขณะนั่งรอความตายอยู่ในซอกริมผนังจู่ๆ สเปิร์มทโมนก็โผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำ เขายังไม่หายตกใจจนกระทั่งบัดนี้

“เอ่อ..ทำไม” สเปิร์มพิณยังคงพ่นออกมาได้แค่เสียงลม พยายามหาเหตุผลมาอธิบายนานาประการ แต่ก็ยังอธิบายความเป็นมาของภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ไม่ได้ สเปิร์มทโมนที่เธอชิงชังน้ำหน้าเป็นยิ่งนัก เหตุไฉนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเธอได้

“อย่าเพิ่งถามเลย..เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ผนังมดลูกเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำๆ และกำลังฝ่อลงเรื่อยๆ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” สเปิร์มทโมนตัดบททันที เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์อันใด แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เหตุผลแน่ชัดของการกลับลงมาที่นี่เลย
หลังจากปรึกษากันเป็นเวลาสั้นๆ ถึงวิธีการกู้ชีพแล้ว สเปิร์มปันก็ค่อยๆ หย่อนหางของตัวเองลงไปตามเชิงผนังเพื่อไต่กลับลงไปสู่จุดเดิมที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้

“ในโลกแห่งความฝัน..เธอมีวันไขว่คว้าดาวได้.
.แต่ในโลกแห่งความจริงแล้วไซร้..ดวงดาวอยู่ไกลเกินจะใฝ่ถึง.
.สิ่งที่ฉันเห็นและยังต้องทึ่ง..ทำไมฝันของเธอ..จึงกลายเป็นจริง..”

ในจังหวะเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง เสียงเพลง‘ฝันที่เป็นจริง’ของสเปิร์มเพลงก็ดังกระหึ่มขึ้นมา..

สเปิร์มทโมนค่อยๆ หย่อนตัวตามลงมายืนอยู่บนจุดเดียวกับสเปิร์มปันแล้วใช้ศีรษะเกยกับซอกผนังส่วนปากก็งับกับครีบผนังที่ยื่นออกมาจนแน่นแล้วให้สเปิร์มปันที่หย่อนตัวลงไปเบื้องล่างโดยงับปลายหางของเขาเอาไว้เหมือนการต่อตัวแบบข้อต่อโซ่
หางของสเปิร์มปันห้อยลงมาลอยอยู่เหนือศีรษะของสเปิร์มพิณในระดับที่สัมผัสถึงกันได้แล้ว แต่เธอยังต้องเสี่ยงที่จะกระโดดงับด้วยปาก

“พิณ..เธอต้องทำได้..เร็วๆ ก่อนที่ตัวข้างบนจะหมดแรงซะก่อน” สเปิร์มเพลงเอาใจช่วยเพื่อนด้วยความระทึกใจ หลังเห็นสเปิร์มพิณรีรอคล้ายไม่มั่นใจ

การต่อตัวกันเป็นข้อๆ เช่นนี้ต้องอาศัยพละกำลังมหาศาลและต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันอย่างที่สุด มิฉะนั้นอาจหลุดร่วงลงมาทั้งยวงได้

“อึ้บ..บ..อุ๊บ..บ..” สเปิร์มทโมนที่อยู่ด้านบนสุดไถลลงมาเล็กน้อยเนื่องจากน้ำหนักตัวของสเปิร์มปันที่ถ่วงอยู่ข้างล่างได้ทำให้ติ่งผนังที่เขางับอยู่เกิดรอยปริขึ้นซึ่งเขาไม่อาจแก้ไขได้แต่อย่างใดนอกจากภาวนาให้สเปิร์มพิณตัดสินใจและทำให้สำเร็จโดยเร็วพลัน

สเปิร์มพิณหลับตาทั้งสองข้างแล้วสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมพลังและตั้งสติให้แน่วแน่ ทุกตัวได้ทำเพื่อเธอมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ที่เหลือจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องตอบแทนบุญคุณของพวกเขา

พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของสเปิร์มพิณก็เปลี่ยนไปเป็นคนละตัว ลูกตาดำของเธอขยายเป็นดวงกลมใหญ่เต็มเบ้าตา สายตาที่เพ่งไปยังปลายหางของสเปิร์มปันไม่ต่างจากตอนที่เธอเพ่งมองสายอาหารขณะกำลังหิวจัด เธอย่อตัวลงจนเกือบสุดพื้นแล้วใช้หางดีดตัวขึ้นเต็มกำลังที่จะทำได้

“อา..อ๊า..อ๊า..อ๊า..”

เสียงร้องของสเปิร์มพิณดังก้องไปทั้งอุโมงค์ ปากที่อ้าออกจนสุดขากรรไกรสัมผัสกับปลายหางของสเปิร์มปันและงับเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ร่างของเธอจะหล่นลงมา เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น ส่งพลังทั้งหมดไปที่ขากรรไกรอย่างเดียว ลำตัวจรดถึงปลายหางถูกปล่อยให้พลิ้วไหวไปตามแรงสะบัดของตัวที่อยู่ข้างบน
..เหมือนว่าวที่ถูกต่อหางให้ยาวขึ้น ไม่ว่าตัวว่าวจะเชิดหัวไปทางไหนหางที่ต่อก็จะติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างไม่ลดละ เพราะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว..

“โหย..ย..” สเปิร์มเพลงที่ติดตามดูกายกรรมภาคพิสดารของสเปิร์มทั้งสามอย่างใจจดใจจ่อมาโดยตลอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากกลั้นเอาไว้เต็มปอดตั้งแต่ตอนที่สเปิร์มพิณพยายามกระโจนขึ้นแล้ว

เรื่องที่ทำท่าจะจบลงด้วยดีกลับมาทำให้อกสั่นขวัญแขวนอีกครั้ง เมื่อน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทำให้ศีรษะของสเปิร์มทโมนทรุดฮวบลงมาจากตำแหน่งเดิมและหลุดออกจากซอกผนังที่เขาเกยเอาไว้

“ว๊าย..ย..ย..!“

สเปิร์มเพลงร้องจนสุดเสียงพร้อมกับยกหางขึ้นบังตาเอาไว้ทันทีเพราะนึกว่า สเปิร์มทั้งสามคงจะร่วงตามๆ กันลงมาเป็นแน่ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นสเปิร์มทั้งสามตัวยังห้อยต่องแต่งไปมาเหมือนลูกตุ้มนาฬิกาแขวนผนัง โดยสเปิร์มทโมนยังงับผนังที่ฉีกขาดออกมาแล้วอย่างร่อแร่

“พวก..พวกเธออย่า..อย่าหล่นลงมานะ..” สเปิร์มเพลงลุ้นจนตัวสั่นขณะที่โยกตัวไปมาตามจังหวะหางของสเปิร์มพิณที่แกว่งไปทางซ้ายทีทางขวาทีอยู่เหนือศีรษะของตน ทำท่าเหมือนจะรอรับหากมีการหล่นลงมาจริงๆ

สเปิร์มทโมนหลับตาแน่น เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนบนใบหน้าไว้ด้วยกันทั้งหมดแล้วใช้หน้าผากกดลงกับพื้นผิวอุโมงค์จนใบหน้าจมหายลงไปเกือบมิด จากนั้นค่อยๆ รวบรวมพลังกระตุกหางให้ขยับทีละนิดทีละน้อย
สเปิร์มปันที่อยู่ตรงกลางเมื่อหางที่เขางับเอาไว้มีแรงกระตุกขึ้นก็กระตุกหางของตัวเองตามไปด้วยให้เป็นจังหวะจะโคนเดียวกัน สัญญาณที่ส่งต่อลงมาถึงสเปิร์มพิณทำให้เธอรู้ว่าต้องสะบัดหางไปทางไหนเพื่อให้เกิดแรงแกว่ง

เริ่มต้นด้วยการแกว่งช่วงแคบๆ จากนั้นค่อยๆ โล้ไปและกลับหลายครั้งจนในที่สุดกลายเป็นแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ที่มีจุดหมุนอยู่ที่ปากของสเปิร์มทโมน แม้จะแข็งแรงเพียงไรแต่สเปิร์มทโมนก็มาถึงหยดสุดท้ายของน้ำอดน้ำทนแล้ว ผิวผนังที่งับอยู่ก็ฉีกออกมาเป็นทางยาวขึ้นเรื่อยๆ และพร้อมจะหลุดออกมาเมื่อใดก็ได้เช่นกัน

แรงเหวี่ยงส่งให้ร่างของสเปิร์มพิณลอยขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นปากเหวอยู่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างตกเป็นภาระของสเปิร์มพิณที่จะต้องทำให้สำเร็จลุล่วง การตัดสินใจว่าจะปล่อยหางของสเปิร์มปันเมื่อไรเป็นการตัดสินความอยู่รอดของทุกตัวด้วย
แต่แล้ว เธอก็ปล่อยให้โอกาสในการโยนตัวครั้งแรกที่จุดสูงสุดผ่านพ้นไป ความไม่มั่นใจว่าจะทำได้และหวั่นเกรงว่าจะทำให้การลงทุนลงแรงของเพื่อนทั้งสองสูญเปล่าทำให้เธอไม่กล้าตัดสินใจ

เธอเสียดายและเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป ขณะเดียวกันก็ปลอบใจตนเองว่าเป็นการดีแล้วที่ไม่ตัดสินใจกระทำในขณะที่ร่างกายและจิตใจยังไม่พร้อม

สเปิร์มพิณมีเวลาทำใจอยู่เพียงวูบหนึ่ง เมื่อแรงเหวี่ยงในครั้งที่สองส่งเธอกลับขึ้นมาด้านบนอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่คิดอะไรมากมายอีก เธอเตรียมตัวและหัวใจตั้งแต่อยู่ในจุดต่ำสุดแล้วว่าจะต้องกระทำในครั้งนี้ เธออ้าปากปล่อยหางของสเปิร์มปันก่อนที่แรงเหวี่ยงจะขึ้นสู่จุดสูงสุดซะอีก

“ว้าก..ก..ก..ก..!”

สเปิร์มพิณร้องออกมาจนสุดเสียงในขณะที่ร่างของเธอลอยละลิ่วไปตามแรงเหวี่ยงพุ่งสู่ขอบเหวที่อยู่เลยขึ้นไปข้างบน

ตูม..ม..!..ซ่า..!

มีเสียงวัตถุหล่นใส่น้ำและน้ำกระจายตัวออก ตามมาด้วยน้ำตกไหลซู่ลงมาระลอกหนึ่งโดยไม่ปรากฏร่างของสเปิร์มพิณหล่นลงมาด้วย
สเปิร์มพิณหล่นลงมาอยู่เหนือขอบเหวเพียงนิดเดียวขณะที่ปลายหางยังสะบัดอยู่ไม่พ้นขอบเหว โชคดีที่กระแสน้ำไม่เชี่ยวกรากเหมือนเดิม ทำให้เธอสามารถพยุงร่างไม่ให้ร่วงลงไปได้ หลังจากสะบัดหางถี่ๆ อีกหลายครั้ง ในที่สุด สเปิร์มพิณก็พาตัวเองพ้นไปจากปากเหวได้ เธอรีบโผเข้าหาผนังด้านข้างทันที

เมื่อน้ำหนักเบาลงไป สเปิร์มทโมนก็สามารถยึดตัวเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นปล่อยให้สเปิร์มปันเป็นฝ่ายไต่ขอบผนังขึ้นมาจนถึงจุดที่ทั้งสองเคยยืนอยู่ด้วยกัน

“รีบออกไปจากที่นี่เถอะ” สเปิร์มทโมนกล่าวในทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว

“เดี๋ยว..! แล้วเพลงล่ะ” สเปิร์มพิณชะโงกหน้าออกมาจากขอบเหวแล้วทัดทานไว้ เธอไม่อาจทนเห็นสเปิร์มเพลงอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้

สเปิร์มปันและสเปิร์มทโมนก้มลงไปมองยังชะง่อนผาที่อยู่ต่ำลงไป เห็นสเปิร์มเพลงยืนแหงนหน้าตาแป๋วรอฟังท่าทีอยู่ลิบๆ

“จะไปถึงเธอได้ เราต้องมีสเปิร์มที่แข็งแรงอีกสามตัว” สเปิร์มทโมนกล่าว

เมื่อเห็นทั้งสองยืนสบตากันเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างกันอยู่นั้น สเปิร์มเพลงที่อยู่ข้างล่างก็รู้ชะตากรรมของตนเองทันที

“รีบไปเถอะ..ฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว” สเปิร์มเพลงกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเบือนหน้าไปอย่างรวดเร็ว

“พวกนายมีทางเลือกสองทาง..ช่วยเธอแล้วตายอยู่ที่นี่พร้อมกันหมด หรือ รีบไปในขณะที่ยังเหลือโอกาสริบหรี่” สเปิร์มทโมนกล่าวเสียงเข้มขณะจ้องหน้าสเปิร์มปันแน่วนิ่งเพื่อรอคำตัดสินใจ

สเปิร์มปันละสายตาจากสเปิร์มทโมนแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองเพื่อนสาวที่กำลังจ้องดูเขาอยู่เช่นกัน พลันที่เห็นแววตาของเธอสเปิร์มปันก็ต้องรีบเบือนหนี แม้ไม่ได้ยินคำพูดใดๆ แต่เขารู้ดีว่า เธอกำลังส่งคำวิงวอนให้เขาตัดสินใจแทน

สเปิร์มปันคอตก เม้มริมฝีปากไว้พร้อมกับปิดเปลือกตาจนแน่นด้วยความรู้สึกละอายที่จะแสดงออก เขารู้ดีว่า สเปิร์มทโมนคำนวณโอกาสเอาไว้ถูกต้องทุกอย่างและสเปิร์มเพลงก็ยอมรับมัน เหลือเพียงตัวเขาที่ยอมรับการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้ไม่ได้

“ขอโทษด้วยนะเพลง..ฉันขอโทษจริงๆ” สเปิร์มปันโค้งศีรษะลงจนเกือบติดพื้นเพื่อคารวะก่อนจะหันมาพยักหน้าให้สเปิร์มทโมนทีหนึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว

สเปิร์มทโมนปีนกลับขึ้นไปโดยเหยียบบนศีรษะของสเปิร์มปันแล้วดันตัวเองให้ขึ้นไปอยู่บนขอบเหว ก่อนจะหย่อนหางลงมาดึงสเปิร์มปันให้ตามขึ้นมาโดยง่าย แล้วทั้งสองก็ว่ายน้ำหายไปจากขอบเหวด้วยกัน

“และแล้ว..ฉันก็เข้าใจในทุกสิ่ง.
.ความฝันของเธอเป็นจริงได้..เพราะเธอมีหัวใจที่ผูกพันกัน..
ส่วนฉัน..ฉันที่อยู่เดียวดาย..อยู่กับฝันที่เป็นไปไม่ได้..เพราะมันคือ.....ความจริง..”

เพลง..’ฝันที่เป็นไปไม่ได้’ของสเปิร์มเพลงถูกขับร้องออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น มันไม่ได้ไพเราะเพราะพริ้งอะไร..ไม่ได้มีฉากอันยิ่งใหญ่ตระการตา เพราะเธอไม่ได้ต้องการเสียงชื่นชมและปรบหาง เธอร้องอย่างเงียบๆ ให้ตนเองฟังตัวเดียว ไม่อยากให้ใครได้เห็นความปวดร้าวภายในที่สะท้อนออกมาภายนอกอย่างนี้
นอกจากกลั่นความรู้สึกออกมาเป็นบทเพลงอันแสนเศร้าแล้ว เธอยังกลั่นมันออกมาเป็นหยดน้ำตาอีกด้วย


**********************************


โดย: *bonny วันที่: 21 กันยายน 2558 เวลา:8:54:24 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:18:17:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*bonny
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[Add *bonny's blog to your web]