<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
18 มกราคม 2559

**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 17..เพื่อนร่วมทาง**

บทที่ 17
เพื่อนร่วมทาง

ยิ่งลึกเข้าไปในช่องคลอด ขวากหนามที่ขวางกั้นการเดินทางของสเปิร์มก็หลากหลายขึ้นเรื่อยๆ สเปิร์มที่มาถึงก่อนหน้าสเปิร์มพิณหลายตัวถูกชะลอให้เชื่องช้าลงจากสภาวะความเป็นกรดและด่างที่เผชิญมา ซึ่งความเป็นกรดเป็นด่างนี้ยังแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อถึงแอ่งลึกที่ลาดลงไปถึงหน้ามดลูกยังมีพังผืดรูปใยแมงมุมโผล่ออกมาจากขอบผนังคอยดักจับสเปิร์มที่ไม่ทันระวังตัว ตามหลืบตามซอกที่สเปิร์มใช้เป็นที่พักเอาแรงก็ยังมีแบคทีเรียสีเขียวตัวเล็กๆ ที่ปักหลักอาศัยกันเป็นชุมชนออกมาขู่ฟ่อๆ ไม่ยอมให้ใครรุกล้ำเข้ามาใกล้โดยเด็ดขาด

กระแสน้ำอสุจิที่พัดเข้าหาชายฝั่งจะนำเอาสเปิร์มที่รอดชีวิตมาจนถึงขอบแอ่งที่เป็นรูปชามขนาดใหญ่นั้นด้วย เมื่อหอบเอาสเปิร์มมาถึงชายฝั่งแล้ว น้ำก็งวดลงไปก่อนจะซัดเข้ามาอีกครั้งเป็นระลอกๆ
พื้นผิวบริเวณที่เป็นแอ่งเว้าลึกลงไปนั้นเกลี้ยงเกลาและลื่นเหมือนลานสเก็ตน้ำแข็งช่วยให้สเปิร์มไถลไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ที่ปลายสุดของชามอ่างขนาดยักษ์นี้เป็นที่สถิตย์ของผนังมดลูกสีแดงทับทิมคล้ำที่กำลังพองตัวออกมาครอบคลุมอาณาบริเวณของช่องคลอดเอาไว้เกือบทั้งหมด

จากจุดที่สเปิร์มพิณกำลังเลื้อยไปอยู่นั้น สามารถมองเห็นผิวของมดลูกที่กำลังเต่งตึงเปล่งปลั่งเป็นมันวาววับและมีเส้นเลือดสีดำที่แตกลายออกเป็นแขนงเล็กๆ ปกคลุมผิวของมดลูกเอาไว้ทั้งหมดอย่างชัดเจน ยามที่ผิวผนังนี้พองตัวออกก็จะเห็นเส้นเลือดสีดำทั้งหลายกลายเป็นสีแดงวูบวาบขึ้นมาทีหนึ่ง แสงสว่างและความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาไม่ต่างอะไรกับเตาผิงไฟในฤดูหนาวเท่าใดนัก

ไออุ่นที่เปรียบสเมือนลมหายใจของมดลูกขนาดมหึมาทำให้สเปิร์มพิณต้องเงยหน้าขึ้นมาสูดรับทุกครั้งไป หลังจากที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตะบึงไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่สนใจอุปสรรคที่แวดล้อมอยู่รอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น ..เพราะไม่คิดว่ามันคืออุปสรรคทำให้เธอไม่มีอุปสรรค และเพราะไม่คิดว่ามันยากลำบากก็เลยไม่รู้สึกว่ามีความยากลำบากเกิดขึ้น..
การที่เป็นเช่นนี้ได้ ก็เพราะในใจของเธอคิดถึงแต่สเปิร์มปันและเอาความหวังของเขาเป็นที่ตั้ง เมื่อจิตตั้งมั่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่วอกแวกแล้วก็กลายเป็นจิตที่มีสมาธิ เมื่อจิตมีสมาธิก็สามารถพิจารณาหนทางการแก้ไขด้วยสติปัญญาของตนได้

สเปิร์มพิณไม่ได้สนใจคู่แข่งขันของเธอเลยด้วยซ้ำ เธอวางตัวเหมือนว่ายอยู่ตัวเดียว ใครอยู่ข้างหน้าก็ช่าง อยู่ข้างหลังก็ช่าง ไม่อาจกดดันให้ความมุ่งมั่นของเธอละไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลย สมาธิของเธอจับจ้องอยู่แต่การคืบไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและมั่นคงโดยมีสเปิร์มปันตั้งมั่นอยู่ในจิต อะไรก็หยุดเธอไม่ได้เสียแล้ว

“ฉันมาถึงแล้ว..! ฉันมาถึงแล้ว..หรือนี่ !” สเปิร์มพิณร้องออกมาด้วยความยินดีอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียวขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานที่ซึ่งโอ่โถงและกว้างขวางเสียจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า น่าจะบรรจุตัวอ่อนได้หลายสิบตัวพร้อมๆ กัน

น้ำอสุจิซัดมาได้ถึงแค่ปากแอ่งแล้วค่อยๆ ซึมลงมาในชามอ่างเป็นทางเล็กๆ หลายเส้นทาง เมื่อผสมกับน้ำหล่อเลี้ยงจากผนังในช่องคลอดก็ทำให้การเคลื่อนที่ของสเปิร์มยังทำได้อยู่แม้จะเชื่องช้าลงไปบ้าง การช่วงชิงกันเพื่อไปเกิดเป็นมนุษย์จึงเหลือเฉพาะสเปิร์มที่สามารถเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ก่อนที่น้ำอสุจิจะแห้งเหือดลงเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนั้นก็คงไม่มีสเปิร์มปันรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน และในระยะเวลาอีกไม่นานหลังจากนี้ สเปิร์มทั้งหมดที่ไม่สามารถพิชิตเซลล์ไข่ได้ก็จะต้องรอเวลาแห้งตายอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งและถูกร่างกายของมนุษย์ผู้นี้ชำระออกไปเหมือนกับสิ่งปฏิกูลอื่นๆ

น้ำอสุจิหยดสุดท้ายแห้งหายไปกับปลายหางที่สะบัดแล้ว สเปิร์มพิณต้องเปลี่ยนวิธีการเดินหน้าจากไถลไปกับความลื่นเป็นเลื้อยไปตามผิวที่เคลือบด้วยน้ำเมือกสีขุ่นซึ่งซึมออกมาจากผนังโดยรอบแทน

“เมือกที่ไหลออกมานี้เป็นมิตรที่ดี มันจะเคลือบผิวของเธอไม่ให้ระคายเวลาเลื่อนตัวไปข้างหน้า ปกติแล้วจะไหลออกมามากเฉพาะตอนที่ไข่กำลังสุกเต็มที่แล้วเท่านั้น ถ้าไม่มีมันเธอไปไม่ถึงเซลล์ไข่แน่” สเปิร์มเพศชายตัวหนึ่งรูปร่างผอมเพรียวแต่ลำตัวยาวเหมือนถั่วงอกที่พร้อมจะถูกเก็บเกี่ยวกล่าวขณะที่ยืนขวางทางอยู่ เขาฉีกยิ้มจนตาตี่เมื่อเห็นสเปิร์มพิณกำลังใช้ปลายหางไล่น้ำเมือกที่เกาะตามลำตัวอยู่

สเปิร์มพิณหันไปมองรอบๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสเปิร์มตัวอื่นอยู่ ณ ที่นั้น เธอไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับนายตัวนี้มาก่อนอย่างแน่นอน และการที่สเปิร์มตัวข้างหน้ายอมหันหลังกลับมาคุยผูกมิตรกับสเปิร์มที่ตามหลังมาเช่นนี้ทำให้อดคิดเป็นเรื่องแปลกไม่ได้

“อ๋อ เหรอ” สเปิร์มพิณตอบกลับแบบเสียมิได้ก่อนจะขยับตัวทำท่าจะไปต่อ สเปิร์มตัวนั้นมิได้ขวางทางแต่เข้ามาประกบชิดจนเธอต้องชะลอลง

“เธอทำแบบนี้จะทำให้เราทั้งคู่ช้าลงไปนะ” สเปิร์มพิณชักไม่พอใจ

“ก็ไม่แน่..อาจเร็วขึ้นก็ได้” สเปิร์มตัวนั้นตอบน้ำเสียงระรื่น

สเปิร์มพิณหยุดแล้วหันไปมองหน้าทันที เธอคิดว่าคราวนี้เธอกำลังเจอกับอุปสรรคจริงๆ เข้าแล้ว

“ถ้าเธอไปต่อ เธอคงล้ำหน้าฉันไปไกลแล้ว แต่เธอไม่ไปแล้วยังมาทำให้ฉันช้าลงอีก ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร” สเปิร์มพิณเสียงแข็งขึ้นมา

แต่สเปิร์มตัวนั้นก็ยังยิ้มให้อยู่นั่นเอง

“เดี๋ยวก่อน..ใจเย็นนะ ฉันมาดี ถ้าคิดว่าฉันประกบติดจนทำให้เธอพะวงล่ะก็ ฉันว่ายห่างออกมาก็ได้ แต่ขอให้ไปด้วยกันได้ไหม” กล่าวแล้วสเปิร์มตัวนั้นก็เลื้อยห่างออกมาแต่ยังขนาบข้างอยู่

สเปิร์มพิณไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด เธอพยายามเลื้อยหนีแต่ความเร็วของเธอกลับไม่อาจทิ้งห่างสเปิร์มตัวนั้นไปได้

“ทำแบบนั้นเธอจะหมดแรงก่อนถึงปลายทางนะ ทางที่ดีรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอเอาไว้แล้ว แล้วพยายามกลิ้งอยู่ในบริเวณที่มีน้ำเมือกเยิ้มๆ จะทำให้เคลื่อนตัวสะดวกขึ้น” สเปิร์มตัวนั้นแนะนำหลังเห็นสเปิร์มพิณพยายามเลื้อยหนี

“ทำยังกะเธอเคยมาที่นี่แล้วแน่ะ” สเปิร์มพิณกล่าวพร้อมกับค้อนใส่ขวับๆ

“ไม่เคยหรอก ฉันก็เหมือนเธอ เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ฉันพบข้อมูลนี้ในบทความทางการแพทย์และคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นหากสามารถบอกต่อให้กับผู้อื่น สารคัดหลั่งในช่องคลอดมีหลายชนิด บางชนิดเป็นคุณ บางชนิดก็เป็นโทษต่อสเปิร์ม ถ้าเรารู้เอาไว้ก็จะทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน นี่ยังไม่นับรวมสารเคมีบางชนิดที่มนุษย์ตั้งใจฉีดเข้ามาในช่องคลอดเพื่อปรับสมดุลของธรรมชาติ อย่างเช่น..” สเปิร์มตัวนั้นอธิบายอย่างไม่ฟังอีร้าค่าอีรม

“เดี๋ยว..พอ..พอก่อน..ใครถามเธอน่ะ” สเปิร์มพิณเบรกการพูดของสเปิร์มตัวนั้นอย่างไม่ใยดี ทำให้เขายืนมองเธอตาค้าง
แต่แล้ว..เขาก็ยิ้มออกมาเช่นเดิม ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับปฏิกิริยาต่อต้านของสเปิร์มพิณเท่าใดนัก

สเปิร์มพิณมองท่าทีแปลกๆ นั้นอย่างขุ่นข้องใจ แต่ก็ไม่คิดจะตอแยด้วย เธอพยายามเลื้อยผ่านหน้าเขาไปอีกครั้ง แต่เขาก็ตามประกบมาทางด้านข้างอย่างไม่ลดละ เมื่อเธอชะลอฝีหางลง เขาก็ชะลอตามโดยไม่ยอมแซงขึ้นหน้า

“นี่..เธอตามฉันแจอย่างนี้ทำไม” สเปิร์มพิณเริ่มโมโหและต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงเสียที

“ฉันแค่อยากมีเพื่อนร่วมทาง การที่มีคู่คิดจะทำให้เราได้เปรียบสเปิร์มอีก 11 ตัวที่อยู่ข้างหน้า” สเปิร์มตัวนั้นตอบอย่างหน้าเป็นสวนทางกับสีหน้าของสเปิร์มพิณเวลานี้

“เอ๊ะ..! จะดีเหรอในขณะที่เราต้องแข่งขันกันเองน่ะ” สเปิร์มพิณทำหน้าฉงน จู่ๆ เขาก็เสนอตัวทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ต้องการเลย

“ไม่ว่าเธอหรือฉันก็ไม่อาจเอาชนะสเปิร์มที่อยู่ข้างหน้าทั้ง 11 ตัวได้หรอกหากไม่ร่วมมือกัน พวกเขาต่างตัวต่างหัวคิดสู้เราที่ร่วมหัวจมท้ายกันไม่ได้หรอก” สเปิร์มตัวนั้นให้ความมั่นใจ

“ร่วมหัวจมท้ายเหรอ..! อึ๋ย..ย..! ใครจะอยากร่วมหัวจมท้ายกับเธอ..เอ่อ..กับฉันด้วยแหละ” สเปิร์มพิณชักไม่แน่ใจ เธอกับสเปิร์มปันพอจะเรียกว่าร่วมหัวจมท้ายกันได้อย่างถนัดปาก แต่กับสเปิร์มแปลกหน้าตัวนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครจะคอยถ่วงหัวหรือถ่วงหางใครกันแน่

“ฉันเก่งทางด้านทฤษฎี ปฏิบัติไม่ค่อยเอาไหน สอบตกทุกที ดังนั้น..ฉันจะเป็นผู้ให้ข้อมูล ส่วนเธอเป็นผู้ตอบสนองว่าจะเอาอย่างไร ตกลงไหม” สเปิร์มตัวนั้นยังคงเสนอตัวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา

“ฮิ..ฮิ..เธอนี่บ๊องจริงๆ” สเปิร์มพิณอดขำให้กับมุขตื๊อไม่เลิกของเขาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าสเปิร์มตัวนี้คงไม่มีพิษมีภัยอะไรแน่แล้วเธอจึงยิ้มออกมา

“ตกลงเราไปด้วยกันนะ ด้วยคำมั่นว่าจะไม่ทิ้งกัน แต่หากมีตัวใดตัวหนึ่งตายไปในระหว่างการเดินทาง อีกตัวก็จะต้องไปต่อจนจบ” สเปิร์มตัวนั้นเห็นสเปิร์มพิณใจอ่อนแล้วจึงรีบผูกมัดเสีย

“อือ..ก็ได้ แต่ว่า..ถามหน่อยเถอะ ทำไมถึงเลือกฉันล่ะ” สเปิร์มพิณยอมตามข้อตกลง เธอไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ไปผูกชะตาชีวิตไว้กับสเปิร์มที่ทำหน้าเป็นได้อย่างเดียวตัวนี้

“ประการแรก..ฉันเห็นเธอขี่หลังเจ้าสเปิร์มยักษ์ใหญ่ตัวนั้นมาแต่ไกล ถ้าเจ้านั่นยอมช่วยเธอก็แสดงว่าเธอเป็นสเปิร์มที่มีอะไรดีอยู่ในตัวสักอย่างอย่างแน่นอน ประการที่สอง..สเปิร์มข้างหน้าทั้ง 11 ตัวเป็นสเปิร์มเพศผู้ แต่ละตัวหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความสามารถของตนเองคงไม่มีใครยอมเป็นพันธมิตรกับสเปิร์มที่ไม่เอาไหนอย่างฉันหรอก และประการสุดท้าย..” สเปิร์มตัวนั้นหยุดนิดนึงเพื่อหายใจ

“ประการสุดท้ายอะไรเหรอ” สเปิร์มพิณเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเขาด้วยความอยากรู้

“คือ..ในบริเวณนี้มีเธออยู่แค่ตัวเดียว หากไม่เอาเธอก็ต้องยืนรออีกนานกว่าจะเจอสเปิร์มเพศเมียตัวอื่น ซึ่งก็คงสายไปแล้ว” สเปิร์มตัวนั้นตอบอย่างหน้าตาย

คำตอบของเขาทำให้สเปิร์มพิณถึงกับอึ้ง วางสีหน้าไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อเหลียวหลังกลับไปดู ด้านหลังของเธอมีสเปิร์มฝูงใหญ่กำลังคลานขึ้นจากน้ำมาแต่ยังอยู่อีกไกลลิบๆ

“ฮึ่ม..ฮึ่ม..” สเปิร์มพิณสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ สองครั้งเพื่อบรรเทาอารมณ์หงุดหงิด ที่แท้เธอเป็นตัวเลือกด้วยเหตุผลที่ไม่มีทางเลือกนี่เอง

“อ้อ..ลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อโต รหัสของรุ่นคือ เขมร..เอ่อ อะไรสักอย่าง..ช่างมันเถอะ มันไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่หรอก” สเปิร์มโตแนะนำตัวแบบไม่ใคร่ใส่ใจสักเท่าไร

“ไทรโยค รหัสของเธอคือ เขมรไทรโยค” แต่สเปิร์มพิณใส่ใจและจดจำรหัสนั้นได้อย่างแม่นยำ

“อ้าว..เธอก็รู้จักรหัสนี้ด้วยเหรอ ชื่อมันออกจะแปลกและคร่ำครึ” สเปิร์มโตร้องออกมาอย่างแปลกใจ

“ฉันชื่อพิณ..มาจากรหัสฟ้าประทาน ฉันจำรหัสของเธอได้เพราะมีเพื่อนสนิทอยู่รหัสเดียวกับเธอ” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างตื่นเต้น รู้สึกเหมือนกำลังลำดับญาติกันอยู่และสเปิร์มโตไม่ได้เป็นสเปิร์มแปลกหน้าอีกต่อไป

“จริงเหรอ..!” สเปิร์มโตตาลุกวาวทันที

“อือ..พวกเขาชื่อว่าดอกไม้กับแจกัน หวังว่าเธอคงรู้จัก”

“ดอกไม้..แจกัน..” พอได้ยินชื่อ สเปิร์มโตก็ผงะไปทันที

“ใช่แล้ว..อ้าว..เอ๊ะ..เป็นอะไรไปเหรอ..?!” สเปิร์มพิณรีบหันกลับไปมองเมื่อเห็นสเปิร์มโตหยุดชะงักโดยไม่ได้เคลื่อนที่ต่อ เธอเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม ชื่อของสเปิร์มดอกไม้และแจกันคงไม่มีใครในรุ่นนั้นไม่รู้จัก แต่เมื่อได้ยินชื่อแล้วถึงกับหน้าถอดสีอย่างนี้ก็แสดงว่าทั้งสองต้องมีผลต่อจิตใจของสเปิร์มโตมาก

“เฮ้อ..อ..! คิดไม่ถึงจริงๆ ..พูดถึงพวกเขาแล้วฉันยังทำใจไม่ได้เลย แม้จนถึงเวลานี้ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้วก็ตาม” สเปิร์มโตกล่าวพลางส่ายศีรษะเหมือนปลงไม่ตก ใบหน้าอันเปื้อนยิ้มหายไปจนหมดสิ้น

“มีอะไรหรือ..ดูเหมือนเธอไม่สบายใจ ฉันว่าพวกเขานิสัยดีและน่าสงสารออก ดูแล้วไม่น่าจะทำร้ายใครได้” สเปิร์มพิณไม่อาจตัดความอยากรู้ออกไปได้ ที่ผ่านมาเธอรู้จักสเปิร์มทั้งสองในระยะเวลาอันสั้น และยังแคลงใจอยู่เสมอว่าเหตุใดสเปิร์มผู้พิการสองตัวนี้จึงไร้เพื่อนร่วมรหัสตัวใดเหลียวแล เธอเคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะความพิการเป็นสาเหตุ

“การที่พวกเขาไม่ทำร้ายใครนั่นแหละที่ทำให้พวกเขาถูกทำร้าย” สเปิร์มโตกล่าวอย่างสลดใจ

“เอ๋..เรื่องราวมันเป็นอย่างไรเหรอ” สเปิร์มพิณแทบอดใจรอฟังไม่ไหว

“จริงๆ พวกเขาน่าจะตายในห้องเก็บกวาดไปตั้งนานแล้วถ้าไม่ใช่เพราะคุณครูยีนกับคุณครูใหญ่ช่วยเอาไว้ แรกๆ พวกเราก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกแค่สเปิร์มพิการสองตัวที่เพิ่มเข้ามาในชั้นเรียน แต่พอผ่านการเรียนไปสักระยะหนึ่งก็มีคำถามว่า พวกเขามีความสามารถที่จะผ่านการคัดเลือกในชั้นเรียนต่างๆ มาได้อย่างไร ในขณะที่พวกเราจำนวนมากกลับไม่ผ่านและต้องตายในห้องเก็บกวาดอย่างน่าอนาถ เธอก็รู้นี่นาว่า ทุกชั้นเรียนจะต้องคัดนักเรียนออกให้เหลือจำนวนพอดีกับที่โรงเรียนตั้งมาตรฐานเอาไว้ ตรงนี้เองที่ทำให้สเปิร์มที่ร่างกายสมบูรณ์ส่วนหนึ่งพากันไม่พอใจ เพราะเท่ากับพวกเธอทั้งสองเข้ามาแย่งพื้นที่ในการอยู่รอดทั้งๆ ที่ควรโดนตัดสิทธิ์ไปตั้งนานแล้ว” สเปิร์มโตยิ่งเล่าสีหน้าก็ยิ่งสลดน้ำเสียงก็แผ่วลงไปเรื่อยๆ

“การที่พวกเขาพิการแต่เอาชนะสเปิร์มที่ร่างกายสมบูรณ์ได้ก็เป็นการพิสูจน์แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกเขาเก่งกว่า พร้อมกว่าในการไปเกิด ไม่เห็นจะน่ารังเกียจตรงไหนเลย” สเปิร์มพิณสอดแทรกขึ้นมาอย่างอดมิได้ ไม่ว่าสเปิร์มดอกไม้กับแจกันจะเป็นใคร แม้นไม่ใช่เพื่อนของเธอก็ไม่สมควรถูกสังคมลงทัณฑ์เนื่องจากเพราะพวกเขามีร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนผู้อื่น

“ตอนนั้นไม่มีใครคิดอย่างนั้น ต่างพากันคิดว่าสองตัวนั้นผ่านด่านต่างๆ มาได้เพราะได้รับการช่วยเหลือจากบรรดาคุณครูชั้นต่าง ..ช่างเป็นความคิดที่น่าขยะแขยงเสียเหลือเกิน” สเปิร์มโตส่ายหน้าอย่างเจ็บช้ำก่อนจะกล่าวต่อไป

“จริงอย่างเธอว่า เป็นเพราะพวกเราใจจืดใจดำกันเกินไป มุ่งหวังชัยชนะกันมากเกินไปจนลืมนึกถึงจิตใจของดอกไม้กับแจกัน เท่ากับซ้ำเติมชีวิตของพวกเขาซึ่งถูกธรรมชาติทำร้ายอย่างหนักหนาสาหัสมาแล้วให้เลวร้ายลงไปอีก”

“เมื่อรู้อยางนี้แล้วก็น่าจะให้กำลังใจพวกเขาให้มากๆ และทำตัวเป็นมิตรที่ดีกับพวกเขามิใช่หรือ” สเปิร์มพิณกล่าวตามความรู้สึก สเปิร์มโตเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาของผู้สำนึกผิด

“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า มีอะไรมาบดบังสายตาและความคิดของพวกเราในเวลานั้น ซึ่งนอกจากไม่ทำอย่างที่เธอพูดแล้ว พวกเรายัง..ยัง..เอ่อ..ยังรวมหัวกันคิดกำจัดพวกเขาด้วย” สเปิร์มโตปิดท้ายคำพูดของตัวเองอย่างยากลำบากก่อนจะกลับไปก้มหน้าลงและส่ายศีรษะเช่นเดิม

สเปิร์มพิณใจหายวาบ สิ่งที่สเปิร์มโตกล่าวมาเป็นคำสารภาพที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินและไม่อยากเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในสังคมของสเปิร์มแล้ว

“พวกเรา..? หมายถึงเธอด้วยหรือ” สเปิร์มพิณอดถามไม่ได้

สเปิร์มโตหลับตาลงแล้วผงกศีรษะช้าๆ แบบยอมรับสภาพ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาขมขื่นเพียงไรที่ทำเช่นนั้น

“เล่าต่อไปซิ..เล่าต่อไป” สเปิร์มพิณยังไม่ยอมให้สเปิร์มโตหยุดเพียงแค่นั้น การที่เขาสำนึกในความผิดก็ไม่ได้หมายความว่า เรื่องทั้งหมดจะยุติลงเพียงแค่นั้น เธออยากรู้ให้ถึงที่สุด

“ตอนที่ขึ้นเรือลำเลียง..ตอนนั้นไม่มีครูหรือเจ้าหน้าที่ดูแล ฉันและพรรคพวกจึงวางแผนชั่วร้ายกันตรงดาดฟ้าเรือนั่นเอง พอร่างของพวกเขาร่วงลงมาจากปล่องลิฟท์ พวกเราหลายสิบตัวก็กรูกันเข้าไปรุมล้อมแล้วจับพวกเขาโยนลงไปน้ำทางกราบเรือด้านข้างพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะกันอย่างชอบใจ พวกเขาไม่ได้ร้องขอชีวิต ไม่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นมาจากในน้ำ ตอนนั้น..ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะตายในทันทีหรอก สเปิร์มที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีแล้วคงไม่จมน้ำตายง่ายๆ หรอกน่า แต่ก็ไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือด้วยเช่นกัน” สเปิร์มโตเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบนาบบนสีหน้าที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ

“พวกเขาหยิ่งและทระนงเกินกว่าที่พวกเธอคิด พวกเขาคงรู้ดีว่า ถึงวิงวอนร้องขออย่างใด พวกเธอที่อยู่บนดาดฟ้าเรือก็คงไม่ยอมช่วยหรอก” สเปิร์มพิณพอจะรู้นิสัยของสเปิร์มทั้งสองอยู่บ้าง




Create Date : 18 มกราคม 2559
Last Update : 18 มกราคม 2559 7:42:09 น. 1 comments
Counter : 413 Pageviews.  

 
คำพูดของสเปิร์มพิณตอกย้ำความรู้สึกผิดให้กับสเปิร์มโตยิ่งขึ้นไปอีก เขานึกย้อนกลับไป หากวินาทีนั้น สเปิร์มดอกไม้และแจกันร้องขอความช่วยเหลือจริงๆ เขากับพรรคพวกคงส่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจมากกว่า มาถึงตอนนี้ เขาสามารถมองเห็นภาพความชั่วช้าสามานย์ของตนเองลอยออกมาอย่างเด่นชัดจากคำวิจารณ์ของบุคคลอื่น

“เธอยังอยากฟังความเลวร้ายของฉันอยู่ไหม” สเปิร์มโตถามเสียงอ่อย เขาชักไม่แน่ใจว่าสเปิร์มพิณยังอยากจะร่วมทางด้วยต่อไปหรือไม่หากฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว

“ถ้าการเล่าทำให้เธอสบายใจขึ้นมาได้ก็เล่าเถอะ ฉันพร้อมจะรับฟัง อีกไม่กี่นาทีทุกอย่างจะเปลี่ยนชีวิตของเรากันหมดแล้ว เธอคงไม่อยากจากไปพร้อมกับเรื่องเลวร้ายที่สุมอยู่ในอกหรอก จริงไหมล่ะ” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างเข้าใจ สเปิร์มโตเองก็กำลังต้องการใครสักตัวมารับฟังการสารภาพบาปนี้อย่างอดทนเช่นกัน

“พอกัปตันแบ็คมาถึง พวกเราทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอถึงตอนเช็คจำนวนปรากฏว่าหายไปสองตัว กัปตันแบ็คจึงไม่ยอมออกเรือ เขาบอกว่า สเปิร์มสองตัวคือรางวัลของเขาต้องหาให้พบให้ได้ เขาถึงกับชักปืนขึ้นมาขู่จะยิงทิ้งทีละตัวๆ จนกว่าจะมีใครยอมบอกความจริง ฉันจึงเข้าไปบอกกัปตันว่า ตอนที่พุ่งออกมาจากปล่องลิฟท์ มีสเปิร์มสองตัวพลัดตกลงไปในน้ำ ฉันและเพื่อนพยายามอธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่กัปตันแบ็คจ้องตาพวกเราอย่างรู้ทัน เขาบอกว่า ..ไม่มีใครทิ้งเพื่อนที่พลัดตกลงไปในน้ำโดยไม่หาทางช่วยเหลือหรอก”

“แสดงว่ากัปตันแบ็ครู้” สเปิร์มพิณแทรกขึ้นมา

“สายตาของเขามองฉันอย่างไม่เชื่อใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาสั่งให้ทำการค้นหาทันทีและพบว่า ทั้งสองตัวยังไม่ตาย พวกเขาลอยคอเกาะกันกลมอยู่ในน้ำข้างๆ เรือนั่นเองโดยไม่ยอมปริปากร้องให้ใครช่วย เมื่อนำขึ้นมาบนเรือได้แล้ว กัปตันแบ็คก็ทำการสอบสวนทันที แม้จะสั่นไปทั้งตัวจนปากซีดขาวด้วยความหนาวและความกลัวที่ปะปนกันอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมซัดทอดว่าใครเป็นผู้จับพวกเขาโยนลงไปในน้ำ” สเปิร์มโตหยุดไปชั่วขณะ เขาหลับตาลงแล้วสั่นศีรษะไปมาไม่หยุดหย่อนเหมือนกับทนรับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปไม่ได้

“แล้ว..แล้วกัปตันแบ็คไม่ได้เอาพวกเขาเป็นของรางวัลหรือ” สเปิร์มพิณถามต่อทันทีโดยไม่ยอมให้หยุดพัก

“พวกเขารอด..! กัป..กัปตันแบ็คยกย่องในความกล้าหาญและมีน้ำใจของพวกเขาเลยไม่ทำอะไร แต่..แต่เมื่อสิ้นสุดการเดินทางกลับมีพวกเราสองตัวสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งฉันเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้โชคร้ายแทน..ฮึ..ฮือ..อ นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย” สเปิร์มโตปิดฉากการเล่าในช่วงเวลานั้นด้วยการฟุบหน้าลงไปกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

“โต..โต..ลุกขึ้น เธอยังต้องไปต่อ” สเปิร์มพิณไม่อาจเลื้อยต่อไปได้ เธอต้องหยุดเพื่อพยุงให้สเปิร์มโตลุกขึ้นอีกครั้ง

“หลังจากนั้น..” เมื่อลุกขึ้นได้อีกครั้ง กลับเป็นสเปิร์มโตเองที่ยังอยากจะเล่าตอนจบโดยที่สเปิร์มพิณไม่ต้องร้องขอแต่อย่างใด
“ฉันและเพื่อนๆ ก็มานั่งคิดทบทวน พวกเราทำผิดต่อดอกไม้และแจกันอย่างน่าละอาย ไร้ศักดิ์ศรีและไร้ความปราณี ในขณะที่พวกเธอไม่เคยทำร้ายพวกเรากลับเลย พวกเราจึงยกขบวนกันไปขอโทษเธอทั้งสองเมื่อขึ้นจากเรือได้แล้ว ดอกไม้บอกกับพวกเราว่าอย่างไรรู้ไหม..” สเปิร์มโตหันมาสบตาด้วยเพื่อหยั่งความคิดเห็น แต่สเปิร์มพิณเลือกการส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ

“เธอบอกว่า..ตอนนี้เธอและแจกันเป็นสเปิร์มผิดปกติที่พูดไม่ได้กับมองไม่เห็น แต่พวกเราเป็นสเปิร์มผิดปกติที่พูดได้ มองเห็นได้แต่มีหัวใจพิการ.. เธอจบคำกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่พวกเรานั่งหน้าเครียด บางตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกด่าเข้าให้แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากที่เคยพูดคุยกันบ้าง พวกเขาก็เก็บตัวเงียบและไม่ยอมพูดกับใครอีกเลย” สเปิร์มโตยังจำบรรยากาศรอบๆ ตัววันนั้นได้เป็นอย่างดี เขาทั้งเจ็บทั้งอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี สเปิร์มทั้งสองได้ให้บทเรียนอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตกับเขาและผองเพื่อนแล้ว

สเปิร์มพิณแอบอมยิ้มอยู่ในใจ เธออดชื่นชมความทระนงและจิตใจที่กล้าแกร่งของสเปิร์มดอกไม้และแจกันไม่ได้ ถือเป็นแบบอย่างของการใช้ความอ่อนแอเข้าสยบผู้ที่ใช้พละกำลังอย่างแท้จริง

“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงไม่มีเพื่อน”

“ถึงตอนนี้พวกเราทุกตัวอยากจะเป็นเพื่อนกับพวกเขา แต่พวกเขาได้สร้างกำแพงขึ้นมาปกป้องตนเองเอาไว้อย่างมิดชิดแล้ว” สเปิร์มโตกล่าวอย่างสิ้นหวัง

“ถ้าฉันเจอพวกเขาอีก จะบอกพวกเขาให้ว่าเธอเสียใจในสิ่งที่ได้กระทำลงไปและอยากจะเป็นมิตรด้วย” สเปิร์มพิณอยากจะปลอบใจสเปิร์มโตในสิ่งที่คิดว่าเธอทำได้

“เธอจะไม่มีวันได้พบกับพวกเขาอีกแล้ว ..ไม่ว่าเธอหรือฉัน..” สเปิร์มโตยังคงสีหน้าและแววตาที่สิ้นหวังไม่เปลี่ยนแปลง ..คำปลอบแม้งดงามเพียงไรก็ไร้ประโยชน์หากมันเป็นไปไม่ได้

ความเงียบคืบคลานเข้ามาครอบงำอยู่ครู่หนึ่ง นานพอที่จะทำให้ทั้งสองตัวเริ่มอึดอัด

“ชีวิตของเรายังไม่จบสิ้นลงตรงนี้ เราต้องเดินหน้าต่อไป เธอกับฉันยังจะต้องไปช่วงชิงเซลล์ไข่กัน” สเปิร์มพิณตัดสินใจกล่าวขึ้นก่อน หวังให้เป็นคำกล่าวที่ชักนำให้ทั้งสองเริ่มต้นมองไปข้างหน้าด้วยกัน

“ช่วงชิงกับเธอน่ะหรือ?” แต่สเปิร์มโตกลับทำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ เขาหันมายิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัยกับสเปิร์มพิณก่อนที่จะเลื้อยนำออกไปทิ้งให้เธอยืนเคว้งอย่างมึนงงอยู่ตรงนั้น

“ทำไมเหรอ..ช่วงชิงกับฉันมันเลวร้ายตรงไหน” สเปิร์มพิณร้องถามก่อนจะพุ่งตัวให้ไถลไปบนพื้นตามไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นสเปิร์มพิณเข้ามาประชิด สเปิร์มโตก็เร่งความเร็วหนีไปอีก เป็นเช่นนี้หลายครั้ง จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ได้รับคำตอบจากเขา แม้จะรู้สึกเคืองแต่สเปิร์มพิณก็ปล่อยให้เรื่องนั้นผ่านไปแต่โดยดี

เมื่อเลื้อยมาใกล้ถึงปากทางแยกของปีกมดลูก ทั้งสองตัวก็หยุดอยู่ตรงหน้ามดลูกที่ชะเง้อตัวออกมาพอดี
สเปิร์มพิณถือโอกาสแนบศีรษะอิงบนผิวสัมผัสอันอ่อนนุ่มดุจผ้าห่มนวมผืนใหญ่นั้น

“อุ่นกำลังดีเลย น่าเอาหน้าซุกเข้าไปจัง”

“ปกติผิวของผนังมดลูกจะแข็งกระด้างแต่นี่เธอสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาห่อหุ้มเพื่อรองรับไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ข้างในนี้คงอุดมไปด้วยอาหารและแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นแก่การเลี้ยงดูตัวอ่อน” สเปิร์มโตสาธยายให้ฟังขณะเดียวกันก็ทดลองแนบศีรษะลงไปบ้าง

“เธอนี่เหมือนไกด์นำเที่ยวเลย..รู้ไปหมด” สเปิร์มพิณกล่าวยิ้มๆ ขณะทั้งสองหันหน้าเข้าหากันในสภาพที่ศีรษะแนบอยู่บนผนังมดลูกด้วยกัน เธอเพิ่งรู้สึกว่าการมีเพื่อนร่วมทางมันดีอย่างนี้นี่เอง

“มีฉันอยู่ใกล้ๆ ก็เหมือนเธออยู่กับห้องสมุด” สเปิร์มโตคุยโอ่

“ดีละพ่อห้องสมุด..ปีกมดลูกมีสองข้าง ไหนช่วยตัดสินใจด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้หน่อยซิว่าเราควรไปทางไหน” สเปิร์มพิณถือโอกาสลองภูมิ

“เดี๋ยวนะ ขอสำรวจก่อน” สเปิร์มโตหันไปมองทางซ้ายทีทางขวาทีทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ

“อย่างแรกเลย..ให้ดูสีของท่อนำไข่ในปีกนั้น หากมีผิวสีชมพูเรื่อๆ และเป็นมันวาววับแสดงว่าจะมีเซลล์ไข่ผลิตออกมาในรอบเดือนนั้น ถ้าผิวซีดหรือคล้ำแสดงว่าปีกข้างนั้นยังไม่พร้อมสำหรับเดือนนี้” สเปิร์มโตส่งสัญญาณให้สเปิร์มพิณลองใช้สายตาพิจารณา

“อืมม์..ปีกมดลูกทางฝั่งซ้ายมีน้ำเมือกเคลือบจนเป็นมันลื่นขณะที่ทางฝั่งขวาค่อนข้างแห้งเผือด แสดงว่าจะมีไข่ตกมาจากปีกมดลูกทางซ้ายใช่ไหม” สเปิร์มพิณพิจารณาตามที่เห็น

“เป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่หากยังไม่แน่ใจให้ใช้ข้อสังเกตที่สอง..”

“อะไรเหรอ?”

“ก่อนหน้านี้มีสเปิร์มที่อยู่ข้างหน้าเราประมาณสิบตัวได้ ให้สังเกตดูว่ารอยหางของพวกเขาไปทางไหนก็ตามไปทางนั้น” สเปิร์มโตตอบแบบไม่คิดมาก เขาส่งยิ้มเหมือนจะเยาะให้แล้วพุ่งตัวนำทางไปก่อนทันที

สเปิร์มพิณยืนอ้าปากหวออยู่ตรงนั้นอีกครั้ง ไม่โกรธแต่รู้สึกว่าเสียรู้

“อ่อ..อ..ห้องสมุดให้เหตุผลง่ายๆ อย่างนี้เองหรือ” กล่าวจบก็พุ่งตัวไถลไปกับพื้นตามสเปิร์มโตไปติดๆ


*****************จบบทที่ 17*****************


โดย: *bonny วันที่: 18 มกราคม 2559 เวลา:7:43:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*bonny
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[Add *bonny's blog to your web]