แป้งข้าวเจ้า (Rice Flour) เป็นแป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวเจ้า มีลักษณะเป็นผงมีสีขาวจับแล้วสากมือเล็กน้อย เมื่อทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นร่วน ถ้าทิ้งให้เย็นจะอยู่ตัวเป็นก้อนร่วนไม่ถึงกับเหนียวหนึบ และไม่ถึงกับร่วนฟูเป็นเนื้อทราย จึงเหมาะที่จะประกอบอาหาร ที่ต้องการความอยู่ตัวร่วนไม่เหนียวหนืด เช่น ขนมขี้หนู ขนมตาล ขนมกล้วย ขนมน้ำดอกไม้ ตะโก้ เส้นขนมจีน ฯลฯ สมัยก่อนนิยมโม่กันเอง โดยล้างข้าวสารก่อน แช่ข้าว โดยใส่น้ำให้ท่วมแช่จนข้าวนุ่ม จะโม่ง่าย ในปัจจุบันนิยมบดด้วยเครื่องบดไฟฟ้าบดให้ละเอียดแล้วจึงห่อผ้าขาวบางทับน้ำทิ้งจะได้แป้งข้าวเจ้าเรียกแป้งสดแป้งข้าวเหนียว(Glutinous Flour) เป็นแป้งที่ทำมาจากเมล็ดข้าวเหนียว ที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับแล้วสากมือเล็กน้อย เป็นแป้งที่นิ่มมาก เมื่อนำไปทำให้สุกจะมีลักษณะขุ่นข้น เหนอะหนะ พอแป้งถูกความร้อนจะจับตัวเป็นก้อนค่อนข้างเหนียว เคี้ยวหนึบ เหมาะในการนำมาประกอบอาหารที่ต้องการความเหนียวเกาะตัว เช่น ขนมเทียน ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม บัวลอย บ้าบิ่น ฯลฯ ในขนมบางชนิดจึงผสมแป้งข้าวเจ้าลงไปด้วยเล็กน้อย จะทำให้ขนมหรืออาหารนิ่มนวลขึ้น. แป้งมันสำปะหลัง (Cassave Starch หรือ Tapioca Starch) ทำมาจากหัวมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับผิวสัมผัสของแป้งจะเนียน ลื่นมือ เมื่อทำให้สุกจะเหลวเหนียวหนืด เมื่อพักให้เย็นจะมีลักษณะเหนียวเหนอะหนะคงตัว นิยมนำมาผสมกับอาหารที่ต้องการความเหนียวหนืดแต่ใสและดูขึ้นเงา เช่น ลอดช่องสิงโปร์ ครองแครงแก้ว ทับทิมกรอบ ฯลฯ ในการทำขนมหวานไทยนิยมนำแป้งมันสำปะหลังมาผสมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ขนมมีความเหนียวนุ่มกว่าการใช้แป้งชนิดเดียว เช่น ขนมชั้น ขนมฟักทอง ขนมกล้วย ขนมปลากริมไข่เต่า ฯลฯ หรือละลายแป้งมันกับน้ำใส่ลงไปด้วยเพื่อให้ขนมมีความข้นหนืด เช่น เต้าส่วน ฯลฯ นอกจากนี้นำไปชุบอาหารทอดจะไม่กรอบถ้าใช้แป้งมันอย่างเดียว จึงควรผสมแป้งสาลีสักครึ่งหนึ่ง เมื่อทอดจะกรอบนุ่ม เช่น หอยทอด เป็นต้น แป้งท้าวยายม่อม (Arrowroot Starch)สกัดมาจากหัวมันท้าวยายม่อมซึ่งเก็บหัวได้ปีละครั้ง วิธีทำคือ นำหัวเท้ายายม่อมมาฝนกับกระต่ายจีน แล้วนำไปแช่น้ำไว้จนใส และแป้งนอนก้น จึงเทน้ำทิ้ง ทำเช่นนี้ประมาณ 4 - 5 ครั้ง จึงนำไปตากแดดจนแห้ง เหตุนี้จึงทำให้แป้งท้าวยายม่อม ราคาสูงกว่าแป้งชนิดอื่นลักษณะแป้งเป็นเม็ดสี่เหลี่ยมเล็กๆ ลื่น สีขาวเป็นเงา เวลาใช้ ต้องบดให้ละเอียดเป็นผงเมื่อนำไปประกอบอาหารจะให้ความข้นเหนียวหนืดและใสเมื่อทำให้เย็นจะเหนียวตัวกว่าแป้งมันสำปะหลัง แป้งนี้จะช่วยทำให้ขนมนุ่ม ใส ดูเงางาม จึงนิยมนำมาใช้ร่วมกับแป้งชนิดอื่น ๆ เช่นผสมกับแป้งมันและแป้งข้าวเจ้าในการทำ ขนมชั้น ใช้ผสมกับแป้งข้าวเจ้าในการทำขนมเปียกปูน หรือ ขนมน้ำดอกไม้ ฯลฯ เจ๊หลีขอขอบคุณข้อมูลจาก //rueanthai2.lefora.com/2009/03/09/20090309181916/
เจ๊หลีทำ Blog ไว้หลายหัวข้อ เข้าไปดูได้ค่ะ
เจ๊หลี "美 麗"กิน ๆ เที่ยว ๆ เหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นความใฝ่ฝันว่า สักวันจะใช้ชีวิตแบบ กิน ๆ เที่ยว ๆ ไงคะ ^.< แต่คงไม่ถึงกับเดินไม่ไหวแล้วค่อยเที่ยวหรอกนะคะ 555++หลาย ๆ คนถามว่าทำไมเจ๊หลีไม่เขียน Blog บ่อย ๆ เหตุผลคือเจ๊หลีติดงานประจำที่ทำอยู่ค่ะ ทำงานจันทร์-เสาร์ กว่าจะได้บล็อก ๆ หนึ่งเจ๊หลีก็ต้องทำขนมไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย มือก็เปื้อนกลัวกล้องพังก็กลัว กลัวขนมไม่ได้ที่ก็กลัวลำบากมากนะคะ เพื่อน ๆ ลองหลับตานึกภาพดูก็ได้... แต่เจ๊หลีก็เลือกที่จะทำค่ะ เก็บไว้ให้ตัวเองได้ดูว่าผ่านมาเราทำอะไรไว้บ้าง เรื่องการอัพ Blog เจ๊หลีทำเพราะชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะชอบลองสูตร ไม่ได้หมายความว่า ทำขนมหรืออาหารเก่งหรอกนะคะเพื่อน ๆ ลองทำลองดู แล้วนำมาแชร์กันใน Blog ถูกผิดยังไงช่วยแนะนำได้ค่ะพักเหนื่อยก็เข้า Blog.... Blog เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่แสดงความเป็นตัวตนของเจ๊หลี ..ทุกรายละเอียดเจ๊หลีทำด้วยความตั้งใจ และใส่ใจ หาก Blog นี้ทำประโยชน์ให้ใครได้แม้เพียงคนเดียว...เจ๊หลีก็ยินดียิ่งแล้วนะคะ อยากให้ทุกคนทราบว่า เจ๊หลี.ปลื้มมากมาย ^0^ สำหรับทุก comment ที่น่ารักและอีกหลาย ๆ กำลังใจค่ะ
บล๊อกสวยงามพร้อมรายละเอียดความรู้ครบครันแบบนี้อัพบล๊อกบ่อย ๆ นะคะ