กรกฏาคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ลักษะทางพฤกษศาสตร์

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ของ แอฟริกันไวโอเลต

     แอฟริกันไวโลเลตเป็นไม้เนื้อออนที่มีอายุยืนยาว เป็นไม้ล้มลุกหลายปี มีลำต้นสั้นมาก ใบอวบน้ำ โดยทั้วไปใบมีขนาด 3.5 - 4 เซนติเมตร ก้านใบยาวมีขนปกคลุมทั่วทั้งใบ ใบมักจะมีสีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้มหรือสีเขียวคล้ำ บางพันธุ์มีใบด่างมีสีแตกต่างกัน เช่น สีขาว สีครีม สีชมพู หรือสีเขียวอ่อนแล้วสีเขียวเข้มในใบเดียวกัน การด่างจะมีลักษณะแตกต่างกันไป ส่วนด้านใต้ของใบจะมีสีเขียวจาง สีขาว สีม่วงหรือสีแดง ใบของแอฟริกันไวโอเลต มีทั้งที่เป็นแบบแปลก ๆ และมีชื่อเรียกเฉพาะ เช่น

  • ใบเกิร์ล (Gril Leaf) : เป็นใบที่แต้มด่างสีขาวที่โคนใบ ซึ่งต่อกับก้านใบ ซึ่งต่อกับก้านใบ ใบมักเป็นคลื่น ขอบใบหยักซี่ฟัน และมักจะยกตัวตั้งขึ้นเล็กน้อย
  • ใบเทเลอร์ หรือ ใบบอย (Tailor Leaf or boy Leaf) : เป็นใบเรียบธรรมดาอาจมีรูปกลม หรือรูปไข่ก็ได้

//www.angelfire.com/or2/jipiter/avscans.html

จากรูป ใบข้างซ้ายคือ ใบบอย ใบข้างขวาคือ ใบเกิร์ล

  •  ใบสตอเบอร์รี่ (Strawberry Leaf) : มีผอวใบเป็นตุ่มคล้ายผิวของสตอเบอร์รี่

นอกจากนี้แล้วยังมีใบที่เป็นรูปซ้อน ใบนูนเป็นนวม และใบเรียบ หรือที่เรียกกันตามลักษณะรูปใบ เช่น ใบรูปกลม ใบรูปหัวใจ ใบรูปรี ใบรูปไข่ ใบรูปใบโอ๊กถึงใบยาว และใบรูปฮอลลี่ เป็นต้น ขอบใบมีทั้งของขอบเรียบ หยักมน หยักฟันซี่ หยักเป็นคลุย จักรฟันเลื่อย ขอบใบมีร่อง ย่นเป็นคลื่น และขอบใบม้วน ดอกออกเป็นช่อ มี 5 - 7 ดอกต่อช่อก้านช่อสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เป็นดอกสมบูรณ์เพศมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่มี 5 กลับหรือมากกว่า มีหลายสี หลายลักษณะ มีเกสรตัวผู้ที่สมบูรณ์ 2 อัน มีเกสรตัวเมีย 1 อัน รังไข่อยู่เหนือชั้นของกลีบดอก ผลเป็นแบบแห้งและแตก ชนิดของดอกแบ่งตามจำนวนของกลีบดอก แบ่งออกดังนี้

  • กลีบดอกชั้นเดียว ดอกรูประฆัง มีปลายกลีบมน 3 กลีบล่าง มีขนาดเท่ากัน และใหญ่กว่า 2 กลีบบน โคนกลีบเชื่อมติดกัน คล้ายดอกไวโอเลต
  • กลีบดอกชั้นเดียว ดอกรูปดาว มีปลายกลีบแหลม ทุกกลีบมีขนาดเท่ากัน โคนกลีบเชื่อมติดกัน
  • กลีบดอกชั้นเดียว ดอกแบบไวโอเลต มีปลายกลีบมน 3 กลีบล่าง มีขนาดเท่ากัน และใหญ่กว่า 2 กลีบบน โคนกลีบเชื่อมตินกัน เป็นลักษณะของดอกชนิดแรกที่พบในธรรมชาติ
  • กลีบดอกชั้นเดียว ดอกแบบไคเมอรา คือดอกที่มีสีพาดเป็นทางหรือเป็นกงล้อ ซึ่งแตกต่างกับสีพื้น ที่มักจะพาดไปตามความยาวของกลีบ
  • กลีบดอกกึ่งซ้อน ดอกแบบแฟนตาซี คือดอกที่มีจุด และแต้มของสีอื่น อาจไม่สม่ำเสมอ หรือมีจุดเรียงกันเฉพาะที่ ที่ตรงขอบของกลีบดอก เช่น พันธุ์ กลิตเทอร์สวีท
  • กลีบดอกซ้อน ดอกแบบเจนีวา หมายถึงดอกที่มีขอบ ขลิบสีขาว
  • กลีบดอกซ้อน ดอกรูปดาว คล้ายดอกเจนีวา แต่ไม่มีขอบขลิบสีขาว จะเป็นสีเดียวกันทั้งหมด

สายพันธุ์

     แอฟริกันไวโอเลตในปัจจุบันมักจะมีชื่อของผู้ผลิตหรือเจ้าของพันธุ์นำหน้าชื่อพันธุ์ เช่น Ballet, Optimara, Rhapsodies เป็นต้น พันธุ์เหล่านี้จะขยายพันธุ์เพื่อนำไปจำหน่ายไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่ามีการขออนุญาตกับเจ้าของผู้จดทะเบียนอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว การจำแนกพันธุ์ : แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ

  1. พันธุ์มาตรฐาน (Standard) : มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางทรงต้นประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร หรือ อาจจะมากกว่า แอฟริกันไวโอเลตพันธุ์มาตรฐานต้นที่ใหญ่ที่สุดที่เคยวัดได้ มีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางทรงต้นถึง 50 เซนติเมตร ถ้าปลูกเลี้ยงธรรมดาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางทรงต้นราว 30 - 40 เซนติเมตร และดอกมีขนาด 1.5 - 4 เซนติเมตร มีประมาณ 5 - 7 ดอกต่อหนึ่งช่อ และก้านช่อดอก จะไม่สามารถตั้งขึ้นเหนือใบได้ ตัวอย่างแอฟริกันไวโอเลตพันธุ์มาตราฐานนี้ได้แก่ พันธุ์ในกลุ่ม แรฟโซดี, ออพติมารา และบอลเล็ต ซึ่งนับได้ว่าเป็นระดับที่ใหญ่มากแล้ว ต้นขนาดนี้ถ้าเตรียมไว้เพื่อการแสดง จะมีดอกประมาณ 60 - 100 ดอกเลยทีเดียว
  2. พันธุ์แคระ และกึ่งแคระ (Miniature และ Semi-Miniature) : พันธุ์แคระมีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 15 เซนติเมตร ส่วนพันธุ์กึ่งแคระมีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 18 เซนติเมตร ขนาดดอกอาจเท่ากับพันธุ์มาตรฐาน พันธุ์แคระ และกึ่งแคระเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบของเล็ก ๆ น่ารักมีเนื้อที่ใช้สอยไม่เพียงพอ ซึ่งลักษณะของแอฟริกันไวโอเลตนี้ จะมีขนาดเล็กมาก ทั้งสองสายพันธุ์นี้จะให้ดอกดก บางต้นยังให้ดอกใหญ่เท่าพันธุ์มาตรฐานอีกด้วย
  3. พันธุ์เลื้อย (Trailing) : ลำต้นมีข้อห่างกันมาก เมื่อโตเต็มที่จะมีต้นใหญ่มาก ดูเป็นก้อนกลมทั้งใบและดอก บางพันธุ์อาจมีลักษณะกึ่งเลื้อย คือยอดจะตะแคงไปข้างหนึ่ง และเจริญเติบโตออกทางด้านข้าง มักจะออกดอกดก และปลูกเลี้ยงง่าย นิยมปลูกบนก้อนหินหรือปลูกใส่กระถางแขวนเล็ก ๆ แอฟริกันไวโอเลตพันธุ์นี้มักจะมียอดหรือมีจุดเจริญมาก ต้นมีหลายขนาด มีข้อห่างกันมาก เมื่อต้นโตจะมีขนาดของทรงต้นใหญ่มาก จึงนิยมปลูกพันธุ์แคระ และพันธุ์กึ่งแคระมากกว่า เพราะพันธุ์นี้ออกดอกดก ถ้าเป็นพันธุ์เก่าจะเป็นดอกชั้นเดียวและหลุดง่าย มีสีต่าง ๆ มากมาย เหมาะปลูกบนก้อนหินมากกว่าปลูกบนกระถาง



Create Date : 20 กรกฎาคม 2555
Last Update : 21 กรกฎาคม 2555 23:21:48 น.
Counter : 1502 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หัวใจมหาสมุทร
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



นามของผม กวาง ครับ ที่ได้จัดทำ บล็อกของตัวเองขึ้นมา เพราะสนใจในเรื่องของ ธรรมชาติ ต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ การท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่งในประเทศและต่างประเทศ เลย อยากให้เพื่อน ๆ ที่สนใจ หรือใครที่มีรสนิยม ทัศนคติ เหมือนกันกับผม ก็เชิญได้เลยครับ ใครมีข้อคิด ข้อเสนอแนะ โปรดแนะนำด้วยนะครับ