One Day Trip on Amphawa

พอเดินทางมาถึงตลาดน้ำอัมพวาก็เดินออกมาทางโรงเจเพื่อไปเที่ยวโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงนำที่ดินของนายประยงค์ นาคะวะรังค์ ชาวอัมพวาน้อมเกล้าฯ ถวายมาอนุรักษ์และพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนอัมพวา

ป้ายหน้าโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์

มุมพักผ่อน & มุมถ่ายรูป

มุมจำลองวิถีชาวบ้านชุมชนอัมพวา

แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณตลาดน้ำอัมพวา

จากนั้นก็ทานอาหารกลางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวเล็กน้ำต้มยำ และขนมปังปิ้งกับน้ำม่วงชื่นชานชาลา (สูตรน้ำสมุนไพรพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งมีทั้งอัญชัน ตะไคร้ ใบสะระแหน่ และมะนาวผสมกัน รสเปรี้ยวและอร่อยมาก เลยซื้อกลับบ้านเพิ่มตั้ง 2 ขวด) ในร้านชานชาลา ระหว่างที่รอบ้านครูเอื้อกับพิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อนเปิดให้เข้าชม และเดินเตร็ดเตร่ดูของอยู่บริเวณไม่ไกลมากนัก

น้ำม่วงชื่นชานชาลา (สูตรน้ำพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ)

เมื่อบ้านครูเอื้อเปิด จึงเดินเข้าไปชมเรื่องราวประวัติชีวิตของครูเอื้อ สุนทราภรณ์ ซึ่งบ้านครูเอื้อเป็นเรือนแถวไม้ริมน้ำในบริเวณโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ โดยมูลนิธิสุนทราภรณ์จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงข้าวของเครื่องใช้และภาพเก่าที่หายากของครูเอื้อ ชาวอัมพวา ผู้เป็นนักร้อง นักแต่งเพลงชื่อดัง และก่อตั้งวงดนตรีในนาม “สุนทราภรณ์”

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552 องค์การยูเนสโกยกย่องให้ครูเอื้อ สุนทรสนานเป็นบุคคลสำคัญของโลกในสาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล นอกจากนี้บ้านครูเอื้อยังมีผลงานอัลบั้มเพลงและของที่ระลึกจำหน่ายให้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลงสุนทราภรณ์อีกด้วย

มาชมเรื่องราวชีวิตของครูเอื้อ-สุนทราภรณ์ ในบ้านครูเอื้อกันเถอะ

ชุดสำหรับใช้ในการแสดงดนตรี

รูปภาพครูเอื้อแขวนฝาผนัง

รางวัลและสิ่งของที่มีคุณค่าของครูเอื้อ

โต๊ะทำงานของครูเอื้อ

เครื่องเล่นแผ่นเสียงของครูเอื้อ

หลังจากที่เดินชมบ้านครูเอื้อเสร็จแล้วก็ได้เดินไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อนต่อ พิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อนเป็นเรือนแถวไม้ใกล้กับบริเวณโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวอัมพวาและคนลุ่มน้ำแม่กลองโดยคุณประทีป เอี้ยวพันธุ์เริ่มจัดทำพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพื่อรวบรวมของโบราณต่างๆ ในจังหวัดสมุทรสงครามให้คนรุ่นหลังได้เห็น

พิพิธภัณฑ์เมื่อวันก่อน เก็บรวบรวมของเก่าหายากในชุมชนอัมพวา

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์

นกหวีดสังกะสี

เครื่องประดับสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม ที่เน้นในเรื่องชาตินิยม

เห็นของที่อยู่ในกล่องปิ๊บแล้วนึกถึงสมัยเด็กๆ เลย!

เครื่องพิมพ์ดีด

ลูกคิดใช้สำหรับคิดเลข ก่อนที่จะมีเครื่องคิดเลข

หลังจากเดินชมโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์แล้วจึงเดินย้อนกลับมายังวัดอัมพวันเจติยาราม หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "วัดอัมพวา" เพื่อกราบไหว้พระพุทธรูป และชมภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ซึ่งภาพทั้งหมดสมบูรณ์และสวยงามมาก โดยแต่ละห้องภาพจะมีคำอธิบายประกอบ ควรเริ่มดูจากห้องภาพที่ 1 เวียนไปตามเข็มนาฬิกา ส่วนบริเวณแต่ละมุมของพระอุโบสถจะเขียนภาพในพระราชนิพนธ์ 4 เรื่อง ได้แก่ สังข์ทอง,, ไกรทอง,, อิเหนา และคาวี

ป้ายหน้าวัดอัมพวันเจติยาราม

พระประธานในพระอุโบสถ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงฝากฝีพระหัตถ์ไว้ที่ห้องภาพด้านหน้าของพระประธาน (เหนือธรณีประตูพระอุโบสถ) อันเป็นภาพในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร รวมทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ พระพักตร์รัชกาลที่ 2,, หมวกพราหมณ์,, พุ่มไม้ และกลองของทหารราชองครักษ์

ภาพวาดเหนือธรณีประตูทางเข้า ด้านหน้าพระประธาน

นอกจากนี้ใต้ฐานพระประธานนั้นยังบรรจุอัฐิของสมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารี หรือสมเด็จพระรูปชี เป็นพระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรา และพระอัยกี (ยาย) ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไว้อีกด้วย

พระบรมรูปรัชกาลที่ 2 ข้างวัดอัมพวันเจติยาราม

หลังจากไหว้พระประธานและชมภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้วก็เดินต่อไปยังอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือที่รู้จักกันดีในนาม “อุทยาน ร.2” เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา และพิพิธภัณฑ์ขนมไทย

ป้ายหน้าอทุยาน ร.2

พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้นอยู่ใกล้ประตูทางเข้า เป็นเรือนไทยหมู่ห้าหลัง ตรงกลางเป็นชานโล่ง เรือนด้านหนึ่งจัดแสดงเป็นห้องผู้หญิง ส่วนเรือนอีกด้านจัดแสดงเป็นห้องผู้ชาย น่าเสียดายมากที่ภายในเรือนไทยแต่ละห้องไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอได้ยกเว้นพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา

ป้ายหน้าพิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย (เรือนไทยหมู่ห้าหลัง)

บรรยากาศหน้าเรือนไทยในยามบ่าย

พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวาเป็นเรือนไทยด้านในสุดของเรือนไทยหมู่ห้าหลัง ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของคนอัมพวา เช่น ประเพณีสิบสองเดือน อาหารการกิน ผลไม้ขึ้นชื่อ และยังมีอีกมุมหนึ่งให้นั่งฟังเพลงผ่อนคลายสบายอารมณ์ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ,, ครูเอื้อ สุนทรสนาน และทูล ทองใจอีกด้วย

ป้ายพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา

ซื้อข้าวต้มมัดสักห่อนึงมั้ยคะ?

หรือจะเป็นปาท่องโก๋ และของหวานดีล่ะ?

อาหารทั่วไปก็มีนะ

นอกจากนี้ยังมีเรือนไทยหมู่อีกแห่ง ซึ่งเป็นเรือนไทยหมู่เก้าหลัง สิ่งที่น่าสนใจในพิพิธภัณฑ์ส่วนนี้อยู่ที่เรือนหลังกลาง อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปครึ่งพระองค์ของรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงพระแท่นบรรทมของพระองค์  รวมถึงตู้ละครหรือตู้จัดแสดงหุ่นละครในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "อิเหนา",, "สังข์ทอง",, "มณีพิชัย" และ "รามเกียรติ์" ซึ่งอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ได้วิจิตรประณีตขึ้น ขณะที่เรือนไทยหลังอื่นจัดแสดงเครื่องดนตรีไทยถ้วยชามเบญจรงค์ และผ้าโบราณ

หลังจากเดินชมทั้งเรือนไทยหมู่ห้าหลังและเรือนไทยหมู่เก้าหลังแล้วจึงเดินต่อไปยังเรือนไทยอีกหลัง คือ “อาศรมศึกษา” ซึ่งจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ขนมไทยบนชั้น 2 มีขนมไทยจำลองที่ทำเหมือนจริงอยู่หลายชนิด เช่น ขนมถ้วย ขนมขวดโหล น้ำแข็งไส เป็นต้น

ด้านหน้าเรือนพิพิธภัณฑ์ขนมไทย

ป้ายพิพิธภัณฑ์ขนมไทย

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ขนมไทย

จะทานขนมอะไรดีคะ? ขนมอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยนะ

อุปกรณ์ทำขนม

ลองเป็นแม่ค้าขายขนม และผลไม้กันเถอะ!

ถัดจากนั้นก็เดินชมบริเวณรอบๆ อุทยาน ร.2 เช่น รูปหล่อตัวละคร (ไกรทอง รามเกียรติ์ และสังข์ทอง),, เรือประพาสอุทยาน และพระที่นั่งสนามจันทร์จำลอง

รูปหล่อตัวละครบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "รามเกียรติ์",, "ไกรทอง" และ "สังข์ทอง"

เรือประพาสอุทยาน

พระราชวังสนามจันทร์แบบจำลอง

เมื่อเดินชมอุทยาน ร.2 เสร็จแล้วก็เดินกลับไปยังตลาดน้ำยามเย็นอัมพวาเพื่อเดินช้อปปิ้งซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ช่วงบ่ายนี้ผู้คนจะมาท่องเที่ยวกันเยอะทำให้ต้องระมัดระวังในการเดินมากขึ้น เพราะทางเดินแคบ เกรงว่าจะตกน้ำได้ และแวะไปซื้อน้ำม่วงชื่นชานชาลาดับร้อนและแก้กระหาย จากนั้นก็เดินมานั่งรถสองแถวที่โรงเจ ตรงข้ามวัดอัมพวันเจติยารามเพื่อไปยังตลาดแม่กลองและนั่งรถตู้กลับถึงบ้านประมาณ 6 โมงเย็นโดยสวัสดิภาพ

ข้อแนะนำและประสบการณ์ในการท่องเที่ยวอัมพวาครั้งนี้คือ...
1. ควรวางแผนการเดินทางให้ดีและรอบคอบมากกว่านี้ และทำตามแผนที่วางไว้
2. ตรวจสอบเส้นทางการเดินเที่ยวให้ละเอียด
3. ทำให้ได้รู้จักผู้คนมากมายหลายประเภท
4. รู้จักวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นของผู้คนในเมืองนั้น
5. สนุกกับเดินทางเที่ยวชม เปิดโลกกว้างกับสถานที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัส พบเจอ หรือคุ้นตามาก่อน
6. ลองลิ้มรสน้ำดื่มแปลกใหม่อย่างน้ำม่วงชื่นชานชาลา ซึ่งเป็นสูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีสมุนไพรไทยอย่างอัญชัน ตะไคร้ และมะนาวที่มีรสเปรี้ยวและอร่อยมาก

Create Date : 30 มกราคม 2558 Last Update : 31 มกราคม 2558 23:00:32 น. Counter : 5895 Pageviews.		2 comments
Share Tweet