happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
27 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๒





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










“1 ทศวรรษ อ.สาโรจน์” (1 Decade)



นิทรรศการ : “๑ ทศวรรษ อ.สาโรจน์” (1 Decade)
ศิลปิน : สาโรจน์ ตั้งตฤษณกุล (Saroj tungtritsanakul)
ลักษณะงาน : จิตรกรรมสีน้ำ
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๑๒ มีนาคม – ๘ เมษายน ๒๕๕๘
พิธีเปิดนิทรรศการ : ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น.
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี ห้องนิทรรศการชั้น ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๙-๗๖๙-๖๘๙๓


แนวความคิด

นิทรรศการ ชุดนี้เป็นการรวบรวมผลงาน ครบรอบ ๑o ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๕ ถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นงานจิตรกรรมสีน้ำงานครั้งนี้ต้องการให้เห็นการพัฒนาของงานและเรื่องของการใช้สี เทคนิคการระบายสีน้ำตลอดจนอารมณ์ของภาพ และปี ๒๕๕๗ ได้ผลิตงานชุดใหม่ ชื่อ “ในหลวงของเรา ” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียร์ติในหลวงครบรอบ ๘๗ พรรษา โดยได้รวบรวมงานทั้งหมด ๖o ภาพ



ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.blogspot.com















ใจประสานสองมือ 'ปั้น' ศรัทธา



ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนระอุของวงการพระพุทธศาสนาในเมืองไทย ซึ่งกระทบต่อแรงศรัทธาไม่มากก็น้อยของคนในชาติ สัจธรรมข้อหนึ่งที่คงทนต่อแรงกระเพื่อมแม้จะผ่านมาสักกี่ยุคสมัย นั่นคือ "พระธรรมคำสอนขององค์พระศาสดา" ที่หล่อหลอมให้พุทธศาสนิกชนได้มีที่ยึดเหนี่ยวยามสับสน และแนวทางนี้เองจุดประกายให้ศิลปินผู้ถูกขนานนามว่าเป็น "นักปั้นระดับโลก" อย่าง สันติ พิเชฐชัยกุล ใช้สองมือประสานจินตนาการก่อเกิดประติมากรรมโลหะของ ๙ พระอริยสงฆ์ไทย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงาม ทรงคุณค่าทางศิลปะ และจิตวิญญาณ






ล่าสุดนักปั้นมือทองการันตีฝีมือด้วยรางวัลมานักต่อนักนำประติมากรรมพระอริยสงฆ์ที่เกิดจากความศรัทธาล้วน ๆ มาจัดนิทรรศการ "อริยสงฆ์โดยอริยศิลป์" พร้อมด้วยผลงานอื่น ๆ อาทิ พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, รูปปั้นอินเดียนแดง และรูปหล่อต่าง ๆ กว่า ๒o ชิ้น โดยเจ้าของผลงานเล่าที่มาให้ฟังว่า ตัวเองเป็นศิลปินบ้านนอกจากอ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา เกิดในครอบครัวยากจน อยากได้ของเล่นอะไรพ่อมักบอกว่าไม่มีเงินซื้อให้ มีเพียงก้อนดินเท่านั้นที่จะสรรค์สร้างสุดแต่จินตนาการ จากนั้นความเป็นศิลปินจึงค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวโดยยึดโยงกับศาสนาเป็นหลัก จึงบอกกับตัวเองว่าสักวันต้องเป็น "ศิลปินเอกของโลก" ให้ได้






เมื่อความฝันผสานความพยายาม และสั่งสมประสบการณ์ ประติมากรรมอันเกี่ยวเนื่องกับแรงศรัทธาอย่างรูปปั้นเต็มตัวของ "หลวงปู่เลื่อน" กลายเป็นผลงานชิ้นแรก ๆ ที่เขาส่งเข้าประกวดที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ๒o๑o ติดท็อป ๒๕ ท่ามกลางคู่แข่งกว่า ๑,๗oo คน หลังจากนั้นก็ส่งผลงานเข้าประกวดและบ่อยครั้งคว้ารางวัลที่ ๑ กลับมาชื่นชมยังแผ่นดินเกิดจนมีคนถามไถ่ว่าทำไมไม่ลองปั้นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจพอดี จึงรวบรวมพละกำลังไปแอบทำงานชิ้นนี้ที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา นำกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก่อจะสานต่ออีกหนึ่งโปรเจกท์สำคัญกับรูปปั้น ๙ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเพื่อคนไทย






"ใครเกิดที่ไหนผมปั้นที่นั่น อย่างเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ที่เห็นท่านเกิดที่เมืองไทยก็ปั้นและหล่อที่เมืองไทย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพที่บอสตันก็ปั้นที่บอสตัน หรืออินเดียนแดงเกิดไหนก็ปั้นที่นั่น ผมเป็นนักปั้นแห่งจิตวิญญาณ ผมเอาความรู้สึก เวลาผมปั้นถ้ารูปปั้นไม่คุยกับผมก็ปั้นไม่เสร็จ ถ้าเมื่อไหร่รูปปั้นเหมือนจะพูดด้วยจะคุยด้วยนั่นคือเสร็จ" ศิลปินเบอร์หนึ่งด้านประติมากรรม เผยพร้อมบอกว่า ตั้งใจทำงานศิลปะที่มีคุณค่า พระอริยสงฆ์เหล่านี้สอนสั่งคนมามากก็อยากนำเสนอให้คนทั่วไปได้ชื่นชมในคุณงามความดีผ่านผลงานประติมากรรม ส่วนเทคนิคมาจากการฝึกฝน ความรักที่จะทำงาน จึงพยายามศึกษาหาความรู้ ดู จดจำ และทำมาก ๆ สำคัญต้องเปิดโลกทัศน์ศึกษาศิลปะโลกด้วย






ต้นแบบพระเกจิอาจารย์ที่เขาบรรจงปั้นด้วยใจให้คนไทยได้ชื่นชมทั้ง ๙ รูป ได้แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี), หลวงปู่ทวด วัดช้างให้, พระมงคลเทพมุนี (สด จฺนทสโร), หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต, ครูบาศรีวิชัย, หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโณ, หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต และ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ล้วนมาจากดินปากเกร็ด นนทบุรีที่เขาใช้อยู่เป็นประจำ ก่อนจะหล่อด้วยโลหะให้มีความคงทนถาวร ไม่เพียงเท่านี้ศิลปินบอกด้วยว่า รูปปั้นเกจิอาจารย์ทุกรูปมีที่มาที่ไปโดยเฉพาะรูปที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องเดินทางไปศึกษาวัตรปฏิบัติด้วยตัวเอง พร้อมนำหลักธรรมคำสอนมาใช้ในการดำเนินชีวิตด้วย


ศรัทธาอันแรงกล้านี้ยังเกิดโจทย์ใหม่ที่ว่า "พระพุทธเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร" ซึ่งเมื่อได้ศึกษาคำสอนแล้วจึงได้รู้ว่า "ธรรมะ" คือ "ธรรมชาติ" ตามที่พระพุทธองค์สอน แล้วก็นำมาซึ่งโปรเจกท์ต่อเนื่อง "ตามหาใบหน้าพระพุทธเจ้า" เพื่อการปั้นพระพุทธเจ้าให้เหมือนจริง






"ผมไม่เคยเจอพระพุทธเจ้าเจอแต่แก่นแท้คำสอน พอจะลงมือปั้นก็เดินทางไปศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเพิ่มเติมจากผู้รู้ในถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนายังชมพูทวีป คำตอบที่ได้คือ ขึ้นอยู่กับผมจะมองด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ต้องเชื่อผม ให้เชื่อตามที่พระพุทธองค์ทรงบอกว่าต้องเชื่อจากการพิสูจน์ด้วยตัวเอง งานต่าง ๆ ที่ผมทำก็เพียงอยากให้ทุกคนเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย และฝีมือคนไทย คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ไทยถือเป็นประเทศแห่งศิลปะ ประเทศไหนไม่มีศิลปวัฒนธรรมถือว่าล่มสลาย ผมหวังว่าจะช่วยกระตุ้นให้คนไทยในชาติรักและหวงแหนในพระพุทธศาสนา ศิลป วัฒนธรรม และบุคคลสำคัญของชาติ" เจ้าของรางวัลประติมากรอันดับหนึ่งของโลกจาก ซาฟารี คลับ อินเตอร์เนชั่นแนล เน้นยำ






สำหรับชาวพุทธที่ยังศรัทธาในศาสนาพร้อมชื่นชอบพุทธศิลป์ สามารถจับจองและบูชาชุดงานประติมากรรมเกจิอาจารย์ ชุดละ ๙ องค์ ราคาชุดละ ๑.๖ ล้านบาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคช่วยเหลือเด็กกำพร้า มูลนิธิฟอร์เด็กและโรงเรียนยากไร้ และอีกส่วนนำไปสานต่อโปรเจกท์ตามหาใบหน้าพระพุทธเจ้า เพื่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นองค์โลหะยิ่งใหญ่และมีรายละเอียดเหมือนจริง สอบถามโทร. o๘-๓๔๒๕-๘o๔๒







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net
เฟซบุคอ.สันติ














เส้นทางเชื่อมชุมชนหมายเลข ๑๒
พ.อ.วัชระ วีระวงศ์



ชีวิตในเมืองหลวง ผู้คนต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางตึกสูงที่มีการจรา จรคับคั่ง ส่วนผู้มีรายได้น้อยต้องอาศัยอยู่ในสภาพที่แออัดยิ่งกว่า ดังสำ นวนที่พูดกันว่า "ชุมชนแออัด" และยังต้องดิ้นรนทำมาหากินในลักษณะที่เรียกว่า "ปากกัดตีนถีบ" และ "หาเช้ากินค่ำ" ความเป็นอยู่แออัดและการดิ้นรนทำมาหากินแรก ๆ อาจพอทนได้ แต่ครั้นนานไปจำเป็นต้องหลบหลีกภาวะดังกล่าวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ หนีความเครียดบ้างเป็นครั้งคราว ถึงกระนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหนีเมืองกรุงเพราะกรุงเทพฯ ยังมีแหล่งเรียนรู้ผ่อนคลายให้พักกายใจโดยไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากนัก ยิ่งเป็นผู้สูงอายุก็จะได้รับสิทธิในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย





อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ภาพจาก pixpros.net



ขั้นแรก เลือกเส้นทางสู่เกาะรัตนโกสินทร์ที่เป็นย่านเก่า ไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และอาคารสูง เส้นทางหนึ่งที่ขอเสนอคือ เส้นทาง รถเมล์สาย ๑๒ ห้วยขวาง-ปากคลองตลาด เริ่มต้นจากตลาดห้วยขวาง (พื้นที่เขตดินแดง) ไปจนสุดถนนประชาราษฎร์ ชาวบ้านเรียกว่า "ย่านดินแดง" มีแฟลตที่พักอาศัยของผู้มีรายได้น้อยตั้งเรียงรายไปตลอดย่าน รถแล่นผ่านสามเหลี่ยมดินแดงตรงไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจอดป้ายที่โรงพยาบาลราชวิถี เป็นจุดที่มีผู้โดยสารขึ้นลงมากที่สุด จากนั้นรถแล่นผ่านโรงพยาบาลเด็ก พระราชวังพญาไท โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงเรียนสอนคนตาบอดที่แยกตึกชัย ไปสู่ถนนสุโขทัยมีอาคารร้านค้าขนาดเล็กเป็นธุรกิจชุมชน สองข้างทางมีต้นไม้เรียงรายทั้งสองฟากให้ความชุ่มชื่นได้มากเมื่อเทียบกับย่านอื่นในกรุงเทพฯ





พระราชวังพญาไท
ภาพจาก dek-d.com



เมื่อรถแล่นข้ามคลองเปรมประชากร มีที่ทำการเขตดุสิตอยู่ริมฝั่งคลอง สองข้างทางมีอาคารสถาปัตยกรรมที่งดงามท่ามกลางแมกไม้ที่ร่มรื่น คือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย สร้างสมัยรัชกาลที่ ๖ ถึงแยกสวนรื่นฤดีรถเลี้ยวเข้าถนนราชสีมาผ่านมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต พระราชวังดุสิต พระตำหนักสวนกุหลาบ คุรุสภา กองบัญชาการกองทัพบก (ด้านหลัง) ตั้งอยู่ที่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ รถแล่นผ่านวัดตรีทศเทพแล้วเลี้ยวเข้าถนนพระสุเมรุไปสุดถนนที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และถนนราชดำเนินกลางข้าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระ บรมราชินีนาถ แยกนี้รถมักติดไฟแดงอยู่เสมอ แต่เป็นโอกาสดีที่จะทอดสายตามองไปเบื้องหน้าจะเห็นป้อมมหากาฬ และมองมุมสูงจะเห็นภูเขา ทองตั้งตระหง่าน นับเป็นมุมที่เห็นภูเขาทองได้งดงามชวนมอง





พิพิธภัณฑ์หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระ บรมราชินีนาถ
ภาพจาก netive.wordpress.com/



เมื่อรถเลี้ยวเข้าถนนราชดำเนินกลางก็จะเห็นลานมหาเจษฎาบดินทร์ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนฉากหลังเป็นโลหะปราสาทในบริเวณวัดราชนัดดาราม บริเวณนี้มีบาทวิถีกว้างขวาง ร่มรื่นด้วยร่มเงาต้นไม้ตลอดแนวถนนเป็นจุดที่น่าเดิน และปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นของทางจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ การหาความรู้ตามอัธยาศัยดังแนวทางที่กล่าวจะได้ผลมากขึ้น หากแวะลงที่แยกผ่านฟ้าลีลาศเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ บริเวณนี้ก่อนเดินทางต่อไปจนตลอดเส้นทาง





ลานมหาเจษฎาบดินทร์
ภาพจาก beta.soccersuck.com



จากลานมหาเจษฎาบดินทร์ หากข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศตรงไปก็จะเห็นอาคารโบราณสถานที่งามสง่าเป็นพิพิธภัณฑ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี รวมทั้งความเป็นมาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย





ภาพจาก beta.soccersuck.com



ย้อนมองลานมหาเจษฎาบดินทร์ มีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และศาลาไทยเรียงรายเป็นระเบียบ ที่สำคัญจุดนี้เป็นปากทางสู่เกาะรัตนโกสินทร์ ทางราชการจึงใช้เป็นสถานที่จัดพิธีต้อนรับพระราชอาคันตุกะหรือแขกเมืองบุคคลสำคัญ ต่อจากลานแห่งนี้เป็น อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของยุครัตนโกสินทร์ บริการข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์แก่ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวก่อนที่จะไปชมสถานที่จริง กิจกรรมนั่งรถเมล์ชมเมืองก็ได้รับอานิสงส์ด้วย และเดินต่อไปอาคารติดกันเป็น "หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน" กระทรวงวัฒนธรรมสร้างให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านทัศนศิลป์ บริการสาธารณะอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้จัดตลาดนัดศิลปะบนบาทวิถีแห่งนี้ทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-๒๒ มีนาคม (เริ่มในปี ๒๕๕๘)





ภาพจาก beta.soccersuck.com



จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยรถเลี้ยวซ้ายเข้าถนนดินสอไปจนสุดถนน มีเทวสถานซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า โบสถ์พราหมณ์ บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ด้านหน้ามีลานกว้างเรียก "ลานคนเมือง" สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของย่านนี้คือ เสาชิงช้า ตั้งตระหง่านอยู่หน้าวัดสุทัศน์เทพวรารามฯ รถแล่นผ่านหน้าวัดสุทัศน์ฯ แล้วเลี้ยวเข้าถนนตีทองไปถึงแยกเฉลิมกรุง เป็นที่ตั้งของโรงมหรสพหลวง ศาลาเฉลิมกรุง และศูนย์การค้าดิโอลด์สยามพลาซา รถแล่นไปตามถนนเจริญกรุงถึงสี่กั๊กพระยาศรี ข้ามสะพานมอญที่คลองคูเมืองเดิม ผ่านสวนสราญรมย์ วัดโพธิ์ รถเมล์ถึงปลายทางที่ข้างโรงเรียนวัดราชบพิธ (ชั้นมัธยม) ฝั่งตรงข้ามเป็นกระทรวงพาณิชย์เดิม ปัจจุบันเป็นมิวเซียมสยาม บริเวณนี้มีแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองคูเมืองเดิมโอบล้อมเขตตัวเมืองชั้นใน เรียกว่า "เกาะรัตนโกสินทร์" เป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวัง และ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เนื่องด้วยเป็นสถานที่มีความงามเป็นเอกลักษณ์แห่งยุครัตนโกสินทร์ จึงได้ฉายาว่า "หัวแหวนแห่งรัตนโกสินทร์" (นายนิจ ชีระนันทน์ นักวิชาการด้านผังเมือง ศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้ให้ฉายา) ฉายานี้ได้รับการยอมรับระบุไว้ในหนังสือสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ.๒๕๒๕ "จดหมายเหตุกรุงรัตนโกสินทร์"





ภาพจาก beta.soccersuck.com



องค์ประกอบของสถานที่ดังกล่าวข้างต้นล้วนมีความสำคัญต่อชีวิต การเรียนรู้ด้านสังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กล่าวเฉพาะสถานที่ที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นแหล่งเรียนรู้และฟื้นฟูสุขภาพกายใจ ได้แก่

-หอนิทรรศน์รัตนโกสินทร์
-วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
-พระราชวังดุสิต ที่สำคัญคือ พระที่นั่งวิมานเมฆและพระที่นั่งอภิเศกดุสิต
-พระราชวังพญาไท
-โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร
-วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร
-วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
-วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
-พิพิธภัณฑ์หอศิลป์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
-พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
-หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กระทรวงวัฒนธรรม
-มิวเซียมสยาม





พระที่นั่งอภิเศกดุสิต
ภาพจาก carebest2555.blogspot.com






สวนสราญรมย์
ภาพจาก wikipedia.org



เส้นทางรถเมล์สาย ๑๒ มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่กลางกรุง ได้แก่ สวนสราญรมย์, สวนรมณีนาถ และสวนสันติภาพ


สวนสราญรมย์ เดิมเป็นพระราชอุทยานในเขตพระราชวังสราญรมย์ ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง และถนนสนามไชย เขตพระนคร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕


สวนรมณีนาถ ตั้งอยู่ที่ถนนมหาไชย เขตพระนคร มองจากภายนอกเห็นแนวกำแพงเก่าและป้อมบางส่วน บ่งชี้ว่าเคยเป็นเรือนจำคลองเปรมมาก่อน สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในโอกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๓๕





สวนรมณีนาถ
ภาพจาก panoramio.com



สวนสันติภาพ ตั้งอยู่ที่ถนนรางน้ำ และถนนราชวิถีใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นสวนที่สร้างขึ้นใหม่เปิดเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๑ นายพิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขณะนั้นเป็นประธานในพิธีเปิดสวนแห่งนี้ ได้แถลงในโอกาสเปิดสวนสันติภาพว่า "มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นปอดของกรุงเทพมหานคร เป็นลานกีฬาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและเพื่อการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ อันเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง"


จุดมุ่งหมายนี้อาจบ่งชี้ได้ว่า แนวคิดพื้นฐานของสวนสาธารณะแต่ละแห่งไม่แตกต่างกันมากนัก





ภาพจาก wikipedia.org



ตลาดและแหล่งสรรพาหารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอีกแห่ง หนึ่งคือ ย่านเสาชิงช้า มีอาหารนานาชนิดบริการทั้งวันถึงยามค่ำ ละแวกใกล้เคียงย่านสำราญราษฎร์บริการเฉพาะยามค่ำคืน และศูนย์การค้าหลักของย่านพาหุรัด คือ ดิโอลด์สยามพลาซา มีจุดเด่นที่อาหารและขนมไทย นอกจากนี้ ปัจจุบันโรงพยาบาลมีชื่อเสียงได้บริการอาหารเครื่องดื่ม เช่น ร้านกาแฟนรสิงห์ที่สร้างบรรยากาศย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๖ ในเขตพระราชวังพญาไท โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยา บาลราชวิถีบริการเครื่องดื่มและอาหารในสถานที่แบบคอฟฟีช็อป และศูนย์อาหาร ในราคาประหยัด หากแต่เป็นผลดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ในวันปฏิบัติราชการ จันทร์-ศุกร์ มีตลาดนัดขายสินค้าที่จำเป็นในโรงพยาบาลราชวิถีและบริเวณใกล้เคียง และตลาดนัดบริการข้าราชการอีกแห่งหนึ่งที่ข้างกระทรวงศึกษาธิการ ลงรถเมล์หน้าคุรุสภาแล้วเดินยืดเส้นยืดสายไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว


ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป ผ่อนคลาย เบาสบายและได้เรียนรู้ตามอัธยาศัย ขณะเดียวกันยังได้โอกาสบริหารร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพทั้งใจและกายให้สมบูรณ์แจ่มใส ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นตัวอย่าง การดำเนินชีวิตพอเพียงตามเส้นทางเชื่อมชุมชนเพื่อความเข้าใจชีวิตและสังคมถิ่นกำเนิด.





ภาพจาก beta.soccersuck.com>



ภาพและข้อมูลจาก
athichateen.blogspot.com
คอลัมน์​ "ถูกทุกข้อ"นสพ.ไทยโพสต์ ๒๔ ก.พ. ๒๕๕๘














หวานเพลง 'รัก' ที่ไม่ใช่เพลง 'ลัก'



คอนเสิร์ต "เทศกาลหวานเพลงรัก” จัดโดยมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี รายได้เพื่อการอนุรักษ์และบูรณะพระราชวังพญาไท ผ่านไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา


ผู้ชมได้ย้อนเวลาเต็มอิ่มกับบทเพลงรักซึ้งหลากยุค หลายอารมณ์ ถือเป็นการรวมบทเพลงรักของวงการเพลงไทยที่สมบูรณ์แบบครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ และเป็นการรวมรวมบทเพลงพระราชนิพนธ์และสามัญชน ไว้อย่างเต็มเปี่ยม


ศิลปินแห่งชาติ สวลี ผกาพันธ์ กับ สุเทพ วงศ์กำแหง มากับเพลง “รักไม่รู้ดับ” กับ “จงรัก” และในช่วงท้ายมีเพลงคู่ “สัญญารัก”กับ “บทเรียนก่อนวิวาห์” บนเวทีรุ่นใหญ่เขาหยอกเอินกันได้น่ารักเสียจริงเชียว


เพลงรักที่ขนกันมามากมาย อาทิ เพลง “เธอที่รัก” ชัยรัตน์ เทียบเทียม ร้องประกอบหนังเรื่อง”รักอุตลุต” เพลงรักยุคค่ายคีตา ที่ได้ชมกัน อาทิ “พี่ชายที่แสนดี” โดย อุ้ย รวิวรรณ จินดา “รักฉันวันละนิด” โดย นรีกระจ่าง คันธมาส และยังมีเพลง “ภวังค์รัก” สุชาติ ชวางกูล ในช่วงที่สังกัดค่ายอีเอ็มไอ ค่ายอาร์เอสฯในอดีตก็มี อ๊อด โอภาส กับ อิ๋ว พิมพ์โพยม เกี่ยวเนื่องมาถึงค่ายนิธิทัศน์ด้วย ซึ่งก้อย พรพิมล นำเพลง “สายเกินไป” มาร้อง จะมีโดด ๆ อยู่บ้างก็เป็นเพลง “จิ๊บ ร.ด.”ที่วสุ แสงสิงแก้ว ขับร้อง แต่ก็สนุกสนานแก้ง่วงกันได้ดี


นักร้องท่านอื่น ๆ ก็นำเพลงอมตะมาขับร้องกันอย่างน่าประทับใจ อาทิ ยามรัก (สุเมธ องอาจ) บุพเพสันนิวาส (จ๊ะจ๋า พริมรตา)สุริยัน จันทรา (พลกฤษณ์ ถมยา) ดวงใจ (พิจิกา จิตตะปุตตา) ถ้าฉันจะรัก (จารุวรรณ บุญญารักษ์) ล้วนแต่ตั้งใจทำการบ้านมาเป็นอย่างดี


แต่จะว่า คนเขียนแก่หรือคร่ำครึก็ไม่ว่ากัน มีจุดที่อยากจะเตือนน้องๆนักร้องบางคนว่า การขับร้องเพลงไทยสากลนั้น การให้ความสำคัญเรื่องคำควบกล้ำ หรือ ร. ล. เป็นสิ่งสำคัญยิ่งเพราะจะทำให้ความหมายและเสน่ห์ของบทเพลงเปลี่ยนไปเลยทีเดียว หลายคนทำได้ดีแล้ว แต่มีเพียงบางคนที่ยังชินกับการร้องเพลงแนวใหม่


ช่วงเพลงคู่ที่จับคู่กันมาร้อง น่าชื่นใจที่ทุกคู่ทำออกมาได้ดี ไม่เป็นการดูถูกผู้ชม และคอนเสิร์ตนี้ไม่มีแขกที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพมาร่วมโชว์ผิด ๆ เพี้ยน ๆ ให้คนดูรำคาญด้วย (ไม่ได้รังเกียจแขกรับเชิญ แต่ควรทำการบ้านมาให้ดีเพื่อให้เกียรติผู้ชม) ส่วนนักร้องใหม่ ๆ ที่น่าจับตามองและดีใจที่คนรุ่นนี้หันมาสนใจเพลงรุ่นอมตะ มีทั้ง สุเมธ องอาจ จ๊ะจ๋า พริมรตา พิจิกา จิตตะปุตตา จารุวรรณ บุญญารักษ์ และ พลกฤษณ์ ถมยา โดยเฉพาะ อาร์ต พลกฤษณ์ วิศวกรหนุ่มจบปริญญาโทด้านการตลาด จากอังกฤษ สามารถขับร้องเพลงไทยสากลได้ดีอย่างน่าทึ่ง ถ้าออกเสียง ร. ล. ให้ชัดเจน ก็จะเป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยมอีกคน


ส่วนพิธีกรบนเวที เกรท บัณฑิต เทียนรัตน์ ที่มาแทน แต่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ ข้อมูลเพลงต่าง ๆ ครบถ้วนชัดเจนตามบท เกรท เป็นหนุ่มนักเรียนนอกจากออสเตรเลีย และเป็นนักเขียนอิสระที่รักการอ่านหนังสือมาก เขาจึงสามารถพูดถึงรายละเอียดที่มาของเพลงที่ฝ่ายข้อมูลค้นคว้ามาได้อย่างคล่องปาก และเกรทยังสามารถขับร้องเพลงไทยสากลได้ด้วย


ในภาคดนตรี วงกาญจนผลิน วงใหญ่เรียบเรียงดนตรีได้อย่างไพเราะ และหลากลีลา งานนี้ รับเสียงปรบมือบ่อยจนอิ่มพี เพราะนักร้องขึ้นเวทีต่างก็ขอเสียงปรบมือให้กับวงดนตรี ทราบมาว่า คุณออด จิรวุฒิ กาญจนะผลิน ก็เป็นหนึ่งในผู้สร้างสรรค์ภาพรวมของการแสดงด้วย ขอปรบมือให้กับทุก ๆ ท่าน (รวมถึงผู้ชมที่ไม่ไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดยาว) อีกครั้ง


วันนี้ พฤหัสฯ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ที่ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ มูลนิธิรักเมืองไทย มีคอนเสิร์ตการกุศล "มูลนิธิรักเมืองไทย" พบกับวงดนตรี พิงค์ แพนเตอร์ และวงซิมโฟนี ออร์เคสตรา กองดุริยางค์กองทัพบก และนักร้องรับเชิญกิตติมศักดิ์ อาทิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กร ทัพพะรังสี ประทีป ตั้งมติธรรม และนักร้องรับเชิญ วินัย พันธุรักษ์ วิรัช อยู่ถาวร กรองทอง ทัศนพันธ์ สุชาติ ชวางกูร ธนษิต จตุรภุช (ต้น AF) และพัดชา อเนกอายุวัฒน์ (พัดชา AF) สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. o-๒๙๓๘-๔๕๓๒ คอนเสิร์ตนี้จะหาทุนพัฒนาและช่วยเหลือสังคมมูลนิธิรักเมืองไทย บรรเทาทุกข์ด้านสาธารณภัยและการก่อสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร ดังคำขวัญของมูลนิธิรักเมืองไทย คือ "เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














“การจัดดอกไม้สไตล์กมลา”
เล่มเดียวได้ทั้งไอเดีย และทำบุญกับมูลนิธิรามาธิบดี



กลุ่มโรงแรมสุโกศล ร่วมกับ เอเซียบุ๊คส และมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดตัวหนังสือเพื่อการกุศล Kamala Sukosol's Floral Standards : Decorating with Flowers (การจัดดอกไม้สไตล์กมลา) เป็นผลงานเล่มแรกของคุณกมลา สุโกศล


หนังสือเล่มนี้คุณกมลาใช้เวลาร่วม ๒ ปีรวบรวมผลงานศิลปะการจัดดอกไม้สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ ความงดงามของการจัดดอกไม้และโต๊ะอาหารหลากหลายรูปแบบและโอกาส ถูกถ่ายทอดออกมาและบันทึกไว้อย่างมีสีสัน กลมกลืน อีกทั้งเนื้อความบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ถูกร้อยเรียงเป็นหมวดหมู่ด้วย “ชื่อเพลง” อย่างลงตัวและน่ารื่นรมย์


รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้กับ "โครงการปลูกถ่ายตับจากพ่อแม่สู่ลูก มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"


หนังสือ Kamala Sukosol's Floral Standards : Decorating with Flowers (การจัดดอกไม้สไตล์กมลา) มีจำหน่าย Asiabooks ทุกสาขาและโรงแรมในเครือกมลา ในราคาเล่มละ ๑,๔๙o บาท







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














จังหวะ ดนตรี กวี ศิลป์



บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ขอเชิญนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดจิตรกรรมเอเซีย พลัส ครั้งที่ ๕ แนวคิด “จังหวะ ดนตรี กวี ศิลป์” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า ๖oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร


เงื่อนไขการประกวด

เป็นผลงานจิตรกรรม ๒ มิติ ใช้สีอะคริลิค สีน้ำมัน หรือ สื่ออิสระบนผ้าใบ ขนาดผลงานไม่เกิน ๑๕o x ๒oo ซม. (ไม่รวมกรอบ)
ศิลปินมีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวดคนละไม่เกิน ๒ ภาพ
กำหนดระยะเวลา

กำหนดส่งผลงานเข้าประกวด ๒o-๒๔ เม.ย. ๒๕๕๘ (เวลา ๙.oo น.-๑๗.oo น.)
ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ชั้น ๓ สาธรซิตี้ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
ติดต่อคุณบรรฑิต จันทร์เติบ โทรศัพท์ o-๒๖๘o-๑o๗๓


ประกาศผลการตัดสิน ภายใน ๑๕ พ.ค. ๒๕๕๘
ผ่านทาง //www.asiaplus.co.th
สอบถามได้ที่หมายเลข o๒-๖๘o-๑๑๑๓ ติดต่อคุณชื่นสุข โกมารกุล ณ นคร


พิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศ ๒ ก.ค. ๒๕๕๘
ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


วันแสดงผลงาน ๒-๓๑ ก.ค. ๒๕๕๘
ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


รางวัล

รางวัลที่ ๑ เงินรางวัล ๒oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร จำนวน ๑ รางวัล
รางวัลที่ ๒ เงินรางวัล ๑๕o,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร จำนวน ๑ รางวัล
รางวัลที่ ๓ เงินรางวัล ๑oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร จำนวน ๑ รางวัล
รางวัลชมเชย ๓ รางวัล รางวัลละ ๕o,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


สราญภัทร หอมสุวรรณ (ปิค) o๘๑-๖๒o-๒๓๒๖
วารุณี อภิรักษ์สุขุมาล (วา) o๘๑-๘๖๗-๗๗๘๙



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














ประกวดระบายสี Barbie 2015



บริษัท บงกช พับลิชชิ่ง จำกัด ขอเชิญผู้สนใจยุระหว่าง ๔-๑๒ ปี ส่งผลงานเข้าร่วมโครงการประกวดระบายสี Barbie 2015 ชิงรางวัลรวมมูลค่ารวม ๑๕o,ooo บาท


กติกาการร่วมประกวด

๑. ส่งผลงานภาพประกวดระบายสีบาร์บี้ที่แถมมากับสมุดระบายสี "Barbie's Best Friends" หรือ "Barbie More Sparkle" หรือ "Barbie Smile with style" (ไม่สามารถถ่ายสำเนาได้) ไม่จำกัดเทคนิค สามารถวาดและตกแต่งเพิ่มได้ จำหน่ายเฉพาะที่ 7-11 Booksmile เท่านั้น

๒. ผู้เข้าประกวดจำกัดอายุระหว่าง ๔-๑๒ ปี ระบายสีและวาดภาพด้วยตนเอง

๓. ส่งผลงานมาที่ บริษัท บงกช พับลิชชิ่ง จำกัด เลขที่ ๒ ซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ ๑๒ แขวง/เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ๑o๑๖o วงเล็บมุมซอง (ประกวดระบายสีบาร์บี้ ๒o๑๕)

๔. ร่วมส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ ๓o พฤษภาคม ๒๕๕๘ (ถือวันที่ประทับตราไปรณีย์เป็นสำคัญ)


ประกาศผล

วันที่ ๑o กรกฎาคม ที่ //www.kids.bongkoch.com และในนิตยสาร Barbie ฉบับที่ ๘๒ (วางแผง ๑๕ กรกฏาคม ๒๕๕๘) ยึดถือคำตัดสินของคณะกรรมการบงกชเป็นสำคัญ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร o๒-๘o๗-๗๘๘๗ ต่อ ๑๑๕
facebook Bongkoch Kids



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














Superhuman



เมื่อมนุษย์กลายเป็นผลผลิตของอุดมคติ ไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของรูปทรงบุคคลิกลักษณะภายนอก รูปร่างหน้าตา ความสามารถ หรือความสมบูรณ์ของการใช้ชีวิต ความรัก รวมไปถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว


หากแต่ในความสมบูรณ์ที่ใครหลายคนวาดหวังนั้นอาจซ่อนความเปราะบางของมนุษย์ไว้ในคราวเดียวกัน …มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์หรือบกพร่อง?


เป็นคำถามที่ “กริช จันทรเนตร” ค้นหาด้วยประสบการณ์ตลอดชีวิตและหยิบยกแง่มุมต่าง ๆ มานำเสนอด้วยการเสียดสีประชดประชันผ่านผลงานจิตรกรรมร่างกายของมนุษย์ หากเป้าหมายในชีวิตของมนุษย์คือความสมบูรณ์ ความสำเร็จ สังคมปัจจุบันคาดหวังให้เราต้องเป็นสิ่งที่อยู่เหนือคนธรรมดา (และเหนือธรรมชาติ) แต่เส้นทางการฝึกตนไปสู่อุดมคตินั้นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา กริชแสดงฝีแปรงที่มีเอกลักษณ์ในการวาดเนื้อหนังและกล้ามเนื้อของมนุษย์ ราวกับว่าจิตรกรรมของเขาได้กลับให้เห็นด้านในของความไม่สมบูรณ์หรือตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ออกมา


ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ “superhuman” ในวันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ นำทองแกลเลอรีอารีย์/ BTS : สถานี อารีย์ – ทางออก ๓ *นิทรรศการ Time เข้าชมได้ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา ๑๑.oo – ๑๘.oo น. (เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ)


นิทรรศการ : SUPERHUMAN
ศิลปิน : กริช จันทรเนตร
วันที่ : ๒๘ มีนาคม – ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘
สถานที่ : นำทองแกลเลอรี
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๖๑๗-๒๗๙๔











ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














180



“กลุ่มโป๊ยเซียน” เกิดจากการรวมตัวกันของศิลปิน คณาจารย์ นักศึกษา ซึ่งเคยได้รับทุนการศึกษาจาก ดร. ชุมพล พรประภา อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้ซึ่งให้ความสำคัญต่อวงการศิลปะและมอบทุนสนับสนุนมาเป็นเวลา ๑๘ ปี แก่ศิลปิน คณาจารย์ และนักศึกษา ให้มีโอกาสเดินทางไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในประเทศที่มีความแตกต่างทางด้านสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต รวมถึงลักษณะทางภูมิทัศน์ ฯลฯ เพื่อนำประสบการณ์และแรงบันดาลใจดังกล่าวนั้น มาพัฒนาทั้งในด้านฝีมือ รูปแบบและแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป และนั่นคือที่มาของคำว่า 18o


อีกหนึ่งนัยยะสำคัญของ 18o นั้นยังรวมไปถึงจำนวนสมาชิกของกลุ่มโป๊ยเซียนซึ่งมีทั้งหมด ๑๘ คน นั่นหมายถึงมุมมอง ความคิด และแรงบันดาลใจที่สะท้อนผ่านรูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานอันแสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินด้วยเช่นกัน


ศิลปินกลุ่มโป๊ยซียน

ณมณ ขันธชวะนะ, สมพร แต้มประสิทธิ์, พลุตม์ มารอด, สุวรรณี สารคณา, นรากร สิทธิเทศ, วรรณลพ มีมาก, ลำพู กันเสนาะ, กรรณิการ์ จันทร์สุวรรณ, ชูศักดิ์ ศรีขวัญ, ปิยะรัฐ ไกรหาร, จิรัฐิติกาล โอบอ้อม, กมลพันธุ์ โชติวิชัย, ศุภชัย อารีรุ่งเรือง, เทอดศักดิ์ ประมัย, สุลักคณา สุขสง, อัญธิการ์ คุณะวัฒนกุล, ปิยะธิดา จำปาแท้, กิตติคุณ หมั่นกิจ


และในปี ๒๕๕๘ นี้ กลุ่มโป๊ยเซียนได้รวมตัวกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอผลงานที่แสดงความเป็นอัตลักษณ์ส่วนบุคคล ภายใต้ชื่อ นิทรรศการ 18o โดยจะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๓ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ซึ่งรายได้ในการจำหน่ายผลงานส่วนหนึ่งจะมอบเป็นทุนแก่นักศึกษาในรุ่นต่อไป


โดยจะมีพิธีเปิดนิทรรศการ ในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ นี้ เวลา ๑๘.๓o น. ซึ่ง ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัสจำกัด(มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี


นิทรรศการ : 18o
ศิลปิน : กลุ่มโป๊ยเซียน
วันที่ : ๓ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ (พลุตม์ มารอด) : o๘๙-๓๑๙-๓๖๔๒























ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














ชนชั้นกลวง



“ชนชั้นกลวง” นิทรรศการศิลปะชุดที่ ๓ ของ วีร์วิศ วรรณศิริ ศรีวราธนบูลย์ (บรรณาธิการบริหาร ผู้ก่อตั้ง //www.ArtBangkok.com ) วีร์วิศ เป็นศิลปินร่วมสมัยที่มีกระบวนการสื่อสารจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และทัศนะต่อชีวิต ในรูปแบบ Multidisciplinary Arts ผลงานของ ‘วีร์วิศ’ เกิดขึ้นจากการผสมผสานทั้งวรรณศิลป์ ทัศนศิลป์ คีตศิลป์ ภาพยนตร์


โดยมีพื้นฐานความรู้ด้านสถาปัตยกรรม บวกกับประสบการณ์ทางธุรกิจ และการลงทุน ที่สั่งสมมาจากบทบาทตัวตนในโลกอีกด้านหนึ่งนอกเหนือจากประสบการณ์ในโลกศิลปะ มาเป็นตัวกำหนดโครงสร้าง และบริบทการนำเสนอมุมมองต่อสังคมที่เสียดเย้ย ได้อย่างแยบยล ซึ่งสถานะและประสบการณ์ชีวิตอันหลากหลายทั้งหมดทั้งมวลนี้ ได้หลอมรวมกัน กลายเป็นส่วนผสมทางความคิดที่กลมกล่อม แฝงด้วยอารมณ์ขันบาดลึก ปนความหลอนและบิดเบือนหักมุมอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งไม่เพียงปรากฎในงานจิตรกรรม แต่ยังเป็นสไตล์ที่โดดเด่นของ ‘วีร์วิศ’ ในงานวรรณกรรมอีกด้วย


นิทรรศการ ‘ชนชั้นกลวง’ เป็นผลงานภาพวาดที่เกิดจากการทำงานโต้ตอบทางความคิดกันไปมาระหว่างงานวรรณกรรมและจิตรกรรม โดยเริ่มจากการที่ศิลปินใช้วรรณกรรมชื่อ ‘ชนชั้นกลวง’ เป็นจุดกำเนิดของแรงบันดาลใจในการวาดภาพ และในขณะเดียวกันก็อาศัยภาพที่วาด เป็นสิ่งบันดาลในการทำงานวรรณกรรมที่มีการสืบสานต่อยอดกันไปเป็นลำดับ


จุดร่วมของการสร้างสรรค์ของ ‘วีร์วิศ’ ในสื่อทุกรูปแบบ คือการแสวงหา ที่มีบทสรุปเป็นเพียงความกลวงเปล่าและไร้แก่นสารของชีวิต เสียงหัวเราะขันขื่น รอยยิ้มที่เปื้อนคราบน้ำตา การยอมรับและเข้าใจในเงื่อนไขของโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งสมมุติ


งานนิทรรศการศิลปะ ‘ชนชั้นกลวง’
จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘
ณ ดีพี สตูดิโอ ซอยสุขุมวิท ๘๕
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
เบอร์โทร : o๘๙-๑๑๓-๒๓o๕











ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














๒ งาน Performance Art ระดับประเทศและระดับโลก



สองเสาร์ต่อเนื่องกัน มี ๒ งานน่าสนใจมาแนะนำ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงาน ศิลปะแสดงสด หรือ Performance Art หนึ่งงาน “ระดับประเทศ” และอีกหนึ่งงานที่ผู้จัดการันตีว่า “ระดับโลก”


งานแรกจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น. เป็นต้นไป ณ ลานน้ำพุ สถาบันปรีดี พนมยงค์


พบกับศิลปะแสดงสดชุด “ไม่อยากจะทำ” โดย ๓ ศิลปินไทย สมพงษ์ ทวี ,โจ จักรวาล และชิตะวา มุนินโท


งานที่สองจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. เป็นต้นไป ณ HOF ART SPACE @ W District ใกล้สถานีรถไฟฟ้าพระโขนง


พบกับศิลปะแสดง ๓ ชุด ได้แก่ Feel the Paper ,Table Domino และ Memory Loading (พร้อมเปิดโอกาสให้พูดคุยและซักถามหลังการแสดง) โดยศิลปินชาวเกาหลี Gim Gwang Cheol ซึ่งล่าสุดมาเป็นศิลปินในที่พำนัก ณ HOF ART Residency Bangkok สนใจสำรองที่นั่ง โทร o-๒๑๗๘ - oo๙๕







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














Arts Challenge กิจกรรม "ท้าให้อวด"



ใครที่ไม่ได้ add friend ศิลปิน ก็อาจจะไม่ทราบว่า เวลานี้ กิจกรรมสนุก ๆ บน facebook เพื่อเป็นการผ่อนคลายระหว่างที่ทำงานศิลปะและท่องโลกโซเชียลเพื่อการอื่นไปด้วย ก็คือ Arts Challenge ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ในหมู่ศิลปินด้วยกัน เชื้อเชิญให้แต่และคนโพสต์ภาพผลงานของตัวเอง โดยหลัก ๆ ประมาณวันละ ๓ ภาพ ต่อเนื่อง ๕ วัน และในแต่ละวันที่โพสต์ จะต้องส่งต่อคำท้าให้เพื่อนศิลปินคนอื่น ๆ ต่อเนื่องกันไป


กิจกรรมบนโลกโซเชียลลักษณะนี้เริ่มปรากฎในหมู่ศิลปินผู้ทำงานศิลปะภาพถ่ายมาก่อน จนระบาดมาถึงศิลปินที่ทำงานศิลปะเทคนิคอื่นของบ้านเราในขณะนี้ เดาว่าน่าจะเลียนแบบมาจากกิจกรรมการกุศลอย่าง Ice Bucket Challenge ที่เคยเป็นข่าวอยู่ระยะหนึ่ง


แต่สำหรับ Arts Challenge เชื่อว่าศิลปินจำนวนหนึ่งคงสนุกกันไม่น้อย เพราะงานนี้ถือโอกาสโพสต์ภาพ(อวด)ผลงานทั้งเก่าและใหม่ของตนเองทีละมาก ๆ โดยไม่ต้องรู้สึกเคาะเขิน ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการศิลปะด้วยกันได้ชม และเป็นกิจกรรมสุด cool ไม่ต้องทนหนาวเพราะน้ำแข็งอีกด้วย ว่าไปอาชีพอื่นจะเลียนแบบไปท้าเพื่อการอื่นก็ได้นะ ไหน ๆ ก็มี facebook อยู่ในมือกันทุกคนแล้วนี่











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“พร้อมสรรพ" (Ready, Set, Go!)



หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากรมีความยินดีขอเชิญชมนิทรรศการศิลปะ “พร้อมสรรพ Ready, Set, Go!” ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ
วันพุธที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.


ศิลปิน
จอมเปท คุสวิดานันโต (อินโดนีเซีย)
ซูลกิเฟิล มาฮ์โมด (สิงคโปร์)
วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร (ไทย)
กฤช งามสม (ไทย)
ประเสริฐ ยอดแก้ว (ไทย)
ภัณฑารักษ์
กฤษฎา ดุษฎีวนิช


วัสดุสําเร็จรูป (ready made) ได้เข้ามาสู่พื้นที่ศิลปะเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒o เเละก็ยังคงสําเเดงพลังให้เห็นกันจนถึงปัจจุบัน หากมองดูเผิน ๆ อาจเป็นการนําสิ่งสําเร็จรูปมาอธิบายความทางศิลปะ สิ่งสําเร็จรูปนี้ฟังดูเเล้วสะดวกสบาย ง่ายเเละรวดเร็ว จนผู้คนในสังคมอาจติดเเละชินกับอะไร ๆ ที่สําเร็จรูปเช่นวัฒนธรรมสําเร็จรูป ความเชื่อสําเร็จรูป หรือเเม้กระทั่งประชาธิปไตยที่สําเร็จรูป


ทั้งนี้ความสําเร็จรูปมีความน่าสนใจอยู่ที่กระบวนการที่ทําให้ความสําเร็จรูปนั้นมีเหตุเเละปัจจัยในมิติใดบ้าง สื่อเเละวัสดุที่นํามาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ลื่นไหลไปตามกระเเสธารของโลกโลกาภิวัตน์ สื่อเเละวัสดุสําเร็จรูปเริ่มปรากฏกายในพื้นที่ทางศิลปะมากขึ้นจนชินชา จนเราอาจมองเพียงเเค่ว่าวัสดุสําเร็จรูปต่างๆที่พบเห็นเหล่านี้เป็นเพียงเเค่ทางออกของความน่าเบื่อหน่ายของสื่อเก่าที่สร้างสรรค์กันมาอย่างยาวนาน หากเเต่ความชินชาทางด้านการรับรู้นี้ควรที่จะพินิจถึงรายละเอียดของบริบททางสังคม/วัฒนธรรมควบคู่กันไป


วัสดุสําเร็จรูป จึงไม่ใช่เพียงเเค่วัสดุที่มาทดเเทนสื่อเก่าที่ไร้ความหมาย ในทุกวัสดุล้วนมีนัย ความหมายทางวัฒนธรรมเเฝงอยู่เเทบทั้งสิ้น เมื่อต่างขั้วต่างวัฒนธรรม วัสดุต่าง ๆ ดังกล่าวนั้นก็อาจกลายเป็นสื่อเเละสารที่สําคัญในผลงานศิลปะ ศิลปินบางคนเลือกใช้วัสดุสําเร็จรูปเพื่อที่จะส่งสารทางวัฒนธรรมออกไปสู่ผู้ชม บางคนเลือกเพราะวัสดุมีนัย-ความหมายต่อสังคม
นิทรรศการ พร้อมสรรพ Ready , set , go ! จึงเป็นพื้นที่ในภาคขยายของสิ่งต่าง ๆ ที่สําเร็จรูปทางศิลปะ ที่ไม่ควรชื่นชมผลงานอย่างสําเร็จรูป หากเเต่ในสิ่งที่สําเร็จรูปที่ปรากฏออกมาในวัสดุทางศิลปะนี้ อาจซ้อนนัย/ ความหมายทางสังคมและวัฒนธรรมร่วมสมัยออกมาผ่านตัววัสดุที่ปรากฏเป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลงานศิลปะ


ความเพรียบพร้อมในผลงานศิลปะนั้นอาจมาพร้อมกับสิ่งต่าง ๆ ที่ซ้อนทับจนต้องเเยกออกทีละชั้นเเละพินิจให้ถึงเเก่นสารของเเต่ละวัตถุว่ามีความหมายเเละความเป็นไปอย่างไร เเต่ละวัตถุ/วัสดุของเเต่ละวัฒนธรรมนั้นอาจมีหน้าที่การใช้งานที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกันจนเเยกกันไม่ออก
หากเเต่ในรายละเอียดทางวัฒนธรรมจะเป็นสิ่งที่เเยกเเยะความคล้ายคลึงนี้ออกจากกันจนสามารถเห็นสาระที่เเตกต่างกัน วัตถุเดียวกันหน้าที่การใช้งานเดียวกัน อาจให้ความหมายทางการรับรู้ที่เเตกต่างกันไปตามเเต่วัฒนธรรม


ผลงานในนิทรรศการนี้คือการนําวัตถุ/ วัสดุสําเร็จรูปในเเต่ละวัฒนธรรมในภูมิภาคอาเซียนมานำเสนอผ่านบริบทในการรับรู้ทางศิลปะเเละเรียนรู้บริบททางวัฒนธรรมผ่านวัสดุสําเร็จรูปที่ดูเหมือนจะพร้อมสรรพ


นิทรรศการเปิดให้ชมทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา ๙.oo-๑๙.oo น. และวันเสาร์เวลา ๙.oo-๑๖.oo น.
(ปิดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ)



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














"เส้น" (Yarn)


ขอเชิญทุกท่านร่วมชมงาน เส้น--

นิทรรศการศิลปะแสดงสดและติดตั้งจัดวาง

โดย นพวรรณ สิริเวชกุล

อัญญุดา อิศรางกูร ณ อยุธยา

เปิดงานในวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ เวลา ๑๙.oo น.

ศิลปะแสดงสด ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๓o น.

ศิลปะแสดงดสด ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๓o น.

ชมนิทรรศการติดตั้งจัดวางตลอดเดือนกุมภาพันธฺ์

ณ ชั้นสองของ ไดอาลอค คอฟฟี่ & แกลเลอรี่

เส้น-- ถักทอ เรื่องราว เรื่องเล่า

ระหว่าง -- เวลา

เส้น -- สาย -- ร้อยเกี่ยวเรื่องราว และการค้นหาความหมายของชีวิต....















ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net






















ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์













ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์













ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์

















ภาพและข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ



บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2558 9:50:54 น. 0 comments
Counter : 3693 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.