happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒o๓





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการ ๖o พรรษา ' พระผู้สร้างรอยยิ้ม'



ภาพที่คนไทยคุ้นเคยกันมานาน คือ รอยแย้มพระสรวลของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั่วแผ่นดินไทย ไม่ว่าพื้นที่จะห่างไกล ทุรกันดารแค่ไหน ทรงหาทางบรรเทาทุกข์ร้อนด้วยรอยแย้มพระสรวล เปี่ยมด้วยพระเมตตา


ในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ รัฐบาลได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้หัวข้อ "พระผู้สร้างรอยยิ้ม" เพื่อเผยแพร่พระจริยวัตรอันงดงาม และพระปรีชาสามารถ รวมทั้งพระกรุณาธิคุณใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย รวมทั้งประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอาเซียน


โอกาสนี้พสกนิกรทั่วไทยจะได้ชื่นชมพระจริยวัตรที่งดงามพร้อมรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ ผ่านนิทรรศการและพระฉายาลักษณ์ตลอด ๖o พรรษา กำหนดจัดนิทรรศการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑-๘ เม.ย. ๒๕๕๘ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ เม.ย. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๗-๑o พ.ค. ที่หอประชุมมหาวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จ.สกลนคร ภาคกลาง ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ พ.ค. ที่หอประชุมพิพัฒน์มงคล องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม ภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๔-๗ มิ.ย. ที่หอประชุมช้างเผือก องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ จ.กระบี่


๖o ปีที่รอยแย้มพระสรวลของเจ้าฟ้ามหาจักรีพระองค์นี้เติมความหวังให้ค/นไทย จะถ่ายทอดผ่านนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ "พระผู้สร้างรอยยิ้ม" แบ่งเป็น ๓ ส่วน ส่วนที่ ๑ พระปรีชาสามารถ ตกแต่งพื้นที่ด้วยการ์ตูนลายฝีพระหัตถ์ จัดแสดงหนังสือพระราชนิพนธ์ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ บทเพลงพระราชนิพนธ์ จุดลงนามถวายพระพร และการจำหน่ายสินค้าจากร้านภูฟ้า


ส่วนที่ ๒ พระจริยวัตร จัดแสดงพระฉายาลักษณ์ที่แสดงถึงพระจริยวัตรที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยรอยแย้มพระสรวล โดยแบ่งตามช่วงพรรษา ช่วงพรรษา ๑-๑๒ พรรษา "เจ้าหญิงน้อยรอยยิ้มพิมพ์ประจักษ์" ช่วงพรรษา ๑๓-๒๔ พรรษา "งามพระจริยวัตรสยามบรมราชกุมารี" ช่วงพรรษา ๒๕-๓๖ พรรษา "เสด็จตามรอยพระยุคลบาททั่วปฐพี" ช่วงพรรษา ๓๗-๔๘ พรรษา "สานสัมพันธไมตรีด้วยพระเมตตา" ช่วงพรรษา ๔๙-๖o พรรษา "คือพระผู้สร้างรอยยิ้มแก่ปวงชน"


ส่วนที่ ๓ พระกรุณาธิคุณ จัดแสดงพระราชกรณียกิจและพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยจัดฉายภาพยนตร์ประกอบเพลง "พระผู้สร้างรอยยิ้ม" อำนวยการผลิตโดย วินิจ เลิศรัตนชัย และการแสดงดนตรีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ด้วยเครื่องสายและเครื่องเป่า โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทุกวัน รอบที่ ๑ เวลา ๑๖.๓o-๑๗.๓o น. รอบที่ ๒ เวลา ๑๘.oo-๑๙.oo น.


หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในวันเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ว่า เกิดขึ้นจากความรักและความผูกพันของคนไทยที่มีแด่เจ้าฟ้ามหาจักรี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทรงเป็นนักพัฒนาและมีความเป็นครูบาอาจารย์ เสด็จตามรอยพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี มาตลอด ๖o ปี อยู่ในความทรงจำของคนไทย


"ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้เห็นพระรูปแห่งความทรงจำ ทุกภาพมีความหมาย มีคุณค่าต่อคนไทยทั้งแผ่นดิน คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นภาพ มีภาพพระฉายาลักษณ์วันที่ทรงบรรจุเป็นทูลหม่อมอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทรงทำงานเป็นอาจารย์เช่นสามัญชน ด้วยรักและห่วงใยชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสอนตลอด ๖o พรรษา ความเป็นครูมีคุณค่ายิ่ง ทรงดำเนินรอยตาม ไม่เฉพาะโรงเรียนนายร้อย แต่รวมสถาบันการศึกษาอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ทรงทำงานหนัก แต่นั่นคือความรักที่พระองค์อยากพระราชทานให้ชาวไทย จึงควรตระหนักและช่วยกันรักษาบ้านเมือง นำความรักสามัคคีให้กลับคืนมาในชาติ น้อมถวายเป็นพระราชกุศลโดยพร้อมเพรียง" หม่อมหลวงปนัดดากล่าว


ผู้เข้าชมนิทรรศการที่สยามพารากอนได้ชื่นใจกับรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ วิรัช เพชรรัตน์ คุณยายจากหาดใหญ่ที่ชวนลูกและหลานชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ เผยว่า ทุกครั้งที่เห็นพระองค์แย้มพระสรวลมีความสุขมาก ทรงเป็นเจ้าฟ้าที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ ทุกประเทศที่เสด็จฯ ไปก็มีแต่รอยแย้มพระสรวล สงสารพระองค์ ทรงเหน็ดเหนื่อยจากพระราชกรณียกิจ ไม่ได้พักเลย ทรงรักประชาชนของพระองค์ อยากให้นิทรรศการไปจัดแสดงที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ด้วย


นอกจากร่วมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ดูหนังเฉลิมพระเกียรติฯ ๕ รอบ สื่อ สมเด็จพระเทพฯ ทรงงานด้วยเป้าหมายสำคัญ เปลี่ยนความทุกข์ยากของคนไทยให้เป็นรอยยิ้ม ในงานยังเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมแสดงความจงรักภักดี และลงนามตั้งปณิธานความดี "ทำดี เริ่มได้ที่ใจเรา".



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
curadio.chula.ac.th














นิทรรศการ "ในความทรงจำ"



มหาวิทยาลัยศิลปากรจัดโครงการนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร "ในความทรงจำ" จัดแสดงข้อมูลส่วนพระองค์ในช่วงเวลาที่ทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยนิทรรศการจะแบ่งออกเป็น ๗ ส่วน คือ

ส่วนที่ ๑ พระอัจฉริยภาพสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยเป็นการจัดแสดงปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์สาขาวิชาต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ทูลเกล้าฯ ถวาย

ส่วนที่ ๒ พระอัจฉริยภาพขณะทรงศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยคณะโบราณคดีร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัย เป็นการนำเสนอข้อมูลส่วนพระองค์ในช่วงเวลาที่ทรงศึกษา

ส่วนที่ ๓ พระอัจฉริยภาพด้านโบราณคดีและจารึกศึกษา โดยคณะโบราณคดี เป็นการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่ทรงงาน และพระราชกรณียกิจ

ส่วนที่ ๔ พระอัจฉริยภาพด้านจิตรกรรม โดยคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ได้อัญเชิญผลงานศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยศิลปากร

ส่วนที่ ๕ พระอัจฉริยภาพด้านศิลปะเครื่องปั้นดินเผา โดยคณะมัณฑนศิลป์ โดยได้อัญเชิญผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาฝีพระหัตถ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงงานด้วยเทคนิคต่าง ๆ จำนวน ๑๓ ชิ้น

ส่วนที่ ๖ พระอัจฉริยภาพด้านสถาปัตยกรรมไทย โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการซ่อมบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๒๕

ส่วนที่ ๗ พระอัจริยภาพด้านดนตรี โดยคณะดุรยางคศาสตร์ เป็นการรวบรวมเพลงพระราชนิพนธ์ และขอพระราชทานเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ จำนวน ๖ เพลง






นอกจากนิทรรศการแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิตอลนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร รวม ๒ รายการ ประกอบด้วย

๑) มัลติมีเดียบุ๊ค (M book : Multi Media Book) เป็นหนังสือดิจิตอลประเภทมัลติมีเดีย นำเสนอพระราชจริยวัตรอันงดงามตลอดจนพระราชกรณียกิจที่ก่อให้เกิดคุณูปการต่อมหาวิทยาลัยศิลปากรและวงการด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งพระปรีชาสามารถต่าง ๆ ของพระองค์ ด้วยภาพถ่าย, วิดิโอ, แอนิเมชั่น, ไฟล์เสียง ในรูปแบบแอพลิเคชั่น (Single Book Application) บนระบบปฏิบัติการ iOS, Android และ Web ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดมัลติมีเดียบุ๊คมาเก็บไว้ในอุปกรณ์ Smart gadget ของตนเองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สามารถดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๒.oo น. เป็นต้นไป ที่แอพสโตร์ และเพลย์สโตร์ ในชื่อ sirindhorn&su

๒) แอพลิเคชั่นนิทรรศการเสมือน (Virtual Exhibition) เป็นนวัตกรรมที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโครงการนี้และเปิดให้ผู้สนใจดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาเก็บไว้ในอุปกรณ์ Smart gadget ของตนเองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสามารถเลือกใช้งานได้ ๒ รูปแบบ ได้แก่ ใช้แอพลิเคชั่นเป็นเสมือนไกด์พาชมนิทรรศการ ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ หรือ รับชมข้อมูลทั้งหมดของนิทรรศการผ่านทางแอพลิเคชั่นในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาเข้าชม นิทรรศการด้วยตนเองสามารถดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๒.oo น. เป็นต้นไป ที่แอพสโตร์ และเพลย์สโตร์ ในชื่อ sirindhorn@suexhibition






นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร "ในความทรงจำ" จะจัดแสดงในระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ถึง วันพุธที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กทม.

วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา o๙.oo-๑๙.oo น. .
วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา o๙.oo-๑๖.oo น
หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สอบถาม โทร. o-๒๒๒๑- ๓๘๔๑ และ o-๒๖๒๓-๖๑๑๕ ต่อ ๑๔๒๗







ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
FB ม.ศิลปากร
FB เรารัก "สมเด็จพระเทพฯ"














๖o พระพรรษา ๖o มหามงคล เจ้าหญิงในดวงใจประชาชน



ปีมหามงคลนี้ มีหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ จัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ ถวายกันหลายเล่ม ส่วนมากเป็นหนังสือเล่มใหญ่ งดงาม ที่ประชาชนโดยทั่วไปอาจไม่มีโอกาสได้เห็น


หนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้เป็นหนังสือเฉลิมพระเกียรติเจ้าหญิงในดวงใจของประชาชน และให้ประชาชนโดยทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของ ได้มีโอกาสเก็บพระฉายาลักษณ์ในวโรกาสต่าง ๆ ไว้ชื่นชม ได้อ่านพระราชประวัติโดยย่อ และได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจสำคัญ ๆ โดยสังเขป ตลอด ๖o พระพรรษาแห่งเจ้าหญิงของปวงชนพระองค์นี้


ในช่วงหลังของหนังสือภาค "เจ้าหญิงในดวงใจประชาชน" ได้รวบรวมพระฉายาลักษณ์หลากหลายที่แสดงถึงความเป็น "เจ้าหญิงของประชาชน" ที่เมื่อได้เห็นจะอดยิ้มด้วยความปลาบปลื้มมิได้ พระฉายาลักษณ์ส่วนหนึ่งเป็นฝีมือถ่ายภาพของประชาชนผู้โชคดีได้อยู่ในเหตุการณ์ และได้นำเผยแพร่ออนไลน์ ทั้งในเว็บไชต์ต่าง ๆ และเฟสบุ๊ก รวมถึงได้นำความรู้สึกของประชาชนผู้มีโอกาสฉายพระรูป และเขียนบรรยายภาพไว้ ตลอดจนความรู้สึกของใครต่อใครที่เขียนถึงพระองค์ท่านบางส่วนมาลงประกอบพระฉายาลักษณ์ไว้ด้วย


หนังสือ “๖๐ พระพรรษา ๖๐ มหามงคล เจ้าหญิงในดวงใจประชาชน” จำหน่ายราคาพิเศษเล่มละ ๕๙ บาท จากราคาปกติ ๑๙๙ บาท รายได้จากการจำหน่ายหนังสือส่วนหนึ่ง ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลในกิจการของมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วางจำหน่ายที่ร้านบุ๊คสไมล์ ในเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ยลผ้าชุดไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ



ตอกย้ำกันให้เห็นชัดๆ ว่างานดีไซน์ผ้าไทยนั้นเมื่อนำมาประยุกต์ดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัย ไม่ว่าใครก็สวมใส่อย่างสง่าและภาคถูมิใจได้ โดยภายในงาน “๑๒๗ ปี โรงพยาบาลศิริราช เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ตามรอยพระราชบิดา สองเจ้าฟ้ากล้าแผ่นดิน” หนึ่งในกิจกรรมไฮไลท์คือการแสดงมัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นผ้าไทยจากห้องเสื้อและดีไซเนอร์มากฝีมือมาร่วมโชว์ผลงานผ้านางแบบ-นายแบบและบุคลากรภายในโรงพยาบาลที่สมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมในวาระพิเศษนี้ ภายในหอประชุมราชแพทยาลัย โรงพยาบาลศิริราช โดยบรรยากาศการมีการเปิดให้เข้าชมในวันแรกได้รับความสนใจจากประชาชนมาร่วมรับชมและให้กำลังใจคุณหมอ พยาบาลในมาดซูเปอร์โมเดลกันคับคั่ง






การแสดงแบ่งเป็นมัลติมีเดีย ๔ องค์ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยกับโรงพยาบาลศิริราช องค์ที่ ๒ เล่าถึงพระกรณียกิจของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับดนตรีไทย และการอนุรักษ์ผ้าไทย องค์ที่ ๓ คือการแสดงผลงานผ้าไทยดีไซเนอร์ที่นำผลงานมาร่วมแสดงในครั้งนี้ ได้แก่ เฉลิม อินทลักษณ์,วรวุฒิ วิศพันธุ์, สุดา สำราญวานิช, ปารเมศ เปเหล่าดา และ ณัฐวัฒน์ สีวะรา ที่นำลายผ้าไหมพื้นเมืองของท้องถิ่นต่าง ๆ จากศูนย์ศิลปาชีพ เช่น เกาะยอ จ.ยะลา หรือ เกาะเกิด จ.พระนครศรีอยุธยา นำมาตัดเย็บดีไซน์ใหม่ สกรีนลาย และผสานเนื้อผ้าให้ทันสมัย สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน โดยได้บุคลากรทั้งคุณหมอ พยาบาล บุรุษพยาบาล นักศึกษาแพทย์ และแผนกอื่น ๆ มาร่วมสร้างสีสัน ปิดท้ายไฮไลท์ที่เหล่านางงาม “ปลา” ปรภัสสร ดิศย์ดำรง มิสแกรนด์ไทยแลนด์ปี ๒๕๕๗,“เฟิร์ส” ภัทราพร หวัง มิสอินเตอร์คอนติเนนตัล ประจำปี ๒๕๕๗ ปรากฏตัวในชุดผ้าไทยสง่างามเดินผ่านจอมอนิเตอร์ที่เนรมิตหอประชุมให้หรูหรา ชวนเคลิบเคลิ้ม ปิดท้ายองค์ที่ ๔ เล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีต่อโรงพยาบาลศิริราชเชื่อมโยงและทิ้งท้ายด้วยความประทับใจ






คุณหมอหนุ่ม รศ.นพ. นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อการองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในบทบาทนายแบบและผู้รวบรวมผ้าไทยมาจัดแดงในครั้งนี้กล่าวว่า การแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไทยครั้งนี้เกิดจากมีผู้ใจบุญพร้อมนำเสื้อผ้าคอลเลกชั่นพิเศษของ อังเดร คิม ดีไซเนอร์แห่งเอเชียมาจัดแสดงอีกครั้งในงานนี้ในวันที่ ๒๔ และ ๒๖ เมษายนนี้ โดยเป็นคอลเลกชั่นที่ได้นำผ้าไทยของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติิ์ พระบรมราชินีนาถ มาตัดเย็บเป็นคอลเลกชั่นพิเศษเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ใช้เดินแบบเพียงครั้งเดียวก่อนที่ อังเดร คิม จะเสียชีวิตไปในวัย ๗๕ ปี นับเป็นผลงานที่ยังไม่ค่อยมีใครได้พบเห็น จึงเป็นการจุดประกายในรอบอื่น ๆ ว่าควรนำผลงานผ้าไทยจากดีไซเนอร์ไทยเองมาอวดโฉมกันบ้าง และโดยรอบโรงพยาบาลศิริราชยังมีกิจกรรมอื่นๆ ทั้งการออกร้าน เสวนาวิชาการ ดรตรีในสวน ล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยา การบริจาคโลหิต เป็นต้น จนถึงวันที่ ๒๗ เมษายนนี้ รายได้ทั้งหมดจะนำสบทบสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูู่หัว เพื่อเพิ่มคุณภาพการบริการเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์อย่างครบวงจรต่อไป



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














เชิญต่อตัวบนถนนราชดำเนิน ต่อด้วยโหมโรงเดอะมิวสิคัล
ขุนอิน



ผ่านพ้นไปสำหรับงาน "ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปีกรุงรัตนโกสินทร์" ที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นยิ่งใหญ่สุดอลังการสมกับเป็นการจัดงานให้แด่กรุงรัตนโกสินทร์เเละราชวงศ์จักรี ที่กล่าวกันว่าเป็นราชวงศ์ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถกันทุกพระองค์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเเล้วในการจัดเเสดงริ้วขบวนเเห่ บนถนนราชดำเนินที่เเสดงถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในทุก ๆ รัชกาล ที่ว่ากันตั้งเเต่รัชกาลที่ ๑ มาจนถึงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราชาวไทยในปัจจุบันนี้ โดยขบวนเเห่ทั้ง ๙ รัชกาล ๙ ขบวนรถนั้นจะเริ่มกันตั้งเเต่สะพานผ่านฟ้า พอมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขบวนเเห่ในรัชกาลนั้น ๆ ก็จะหยุดโชว์การเเสดงที่งดงามตามเรื่องราวในรัชกาลต่าง ๆ เรียงลำดับกันมา โดยมีสื่อมวลชนเเละประชาชนนับหมื่นคนรอชมอยู่บริเวณด้านข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เเล้วเคลื่อนขบวนเเห่ไปแสดงต่อที่เวทีใหญ่บริเวณท้องสนามหลวง แล้วให้ขบวนของรัชกาลต่อมาได้เเสดงต่อ พอจบการเเสดงขบวนเเห่ก็จะเดินทางไปบนถนนราชดำเนินเเล้วมุ่งหน้าไปที่ท้องสนามหลวงเพื่อเเสดงบนเวทีใหญ่ซึ่งจะเป็นในลักษณะนี้จนไปถึงรัชกาลที่ ๙ เป็นขบวนสุดท้ายเเละก็จะไปจบการเเสดงบนเวทีใหญ่ท้องสนามหลวงนั่นเอง


ตัวผมมีโอกาสเข้าร่วมเเสดงบนริ้วขบวนของรัชกาลที่ ๗ ซึ่งตามเรื่องราวก็คือว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเเละการจัดระเบียบดนตรีไทยที่ว่าด้วยการต่อสู้ของนักดนตรีไทยในยุคนั้น ดังนั้นเเล้วผมจึงได้ไปแสดงเดี่ยวระนาดเชิดต่อตัว ที่คล้ายกับภาพยนต์เรื่องโหมโรง บนรถที่ตบเเต่งเป็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่นเองเเหละครับ ซึ่งการเเสดงในครี้งนี้ทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มเป็นที่สุดอีกครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นนักดนตรีไทยของผม จะว่ากันจริง ๆ เเล้วตั้งเเต่ภาพยนตร์เรื่องโหมโรงจบลงเมื่อ ๑๑ ปีที่เเล้ว ผมได้เเสดงการเดี่ยวระนาดเเบบเชิดต่อตัว ซึ่งเหมือนกับในภาพยนตร์โหมโรงมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งหน้าโรงภาพยนตร์ หน้าห้างสรรพสินค้า ตามวัดวาอาราม รวมถึงงานโอท็อป และที่มากที่สุดก็คือตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ล่าสุดในเดือนกันยายน ปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ผ่านมาก็คือที่ "โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา" จังหวัดลำพูน แต่ครั้งนี้การเเสดงระนาดเอกเชิดต่อตัวของผมเปรียบเทียบก็เหมือนเป็นการประลองความเร็วการตีระนาดกันเเบบตัวต่อตัว ซึ่งเกิดขึ้นที่กลางถนนราชดำเนิน แถมต้องปิดถนนให้ตีกันต่อหน้าผู้ชมอีกด้วย จึงทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เขามาปิดถนนราชดำเนินเเล้วมาเเข่งรถเฟอร์รารี่ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานั่นเอง การเเสดงของผมในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๓๓ ปีและสำคัญไปกว่านั้นอีกคือการมีส่วนร่วมในการเทิดทูนเเละเเสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี ถือว่าเป็นสิ่งที่ชาวไทยทุกคนพึงกระทำและเเสดงออกนั่นเองครับ


ขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมเเละหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเเละที่สำคัญก็คือบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ที่ได้คิดรูปแบบเเละจัดการเเสดงในงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปแบบยิ่งใหญ่สมเกียรติกรุงรัตนโกสินทร์เเละราชวงศ์จักรีของพวกเราชาวไทยในยุคนี้ เเละที่สำคัญคือทำให้ผมได้เป็นนักระนาดคนเเรกที่มีโอกาสมาเเสดงเชิดต่อตัวกลางถนนราชดำเนินเหมือนกับการเเข่งรถเฟอร์รารี่ นั่นเองครับ


ท้ายนี้ทาง เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ กำลังจัดเเสดงละครเวทีเรื่อง "โหมโรง เดอะมิวสิคัล" ซึ่งจะว่ากันจริงเเล้วก็ต้องมีฉากการเเสดงเชิดต่อตัวอีกเช่นกัน เพียงเเต่ว่าผู้เเสดงอาจจะไม่ใช่ขุนอินตัวจริงในภาพยนตร์โหมโรงหรือง่าย ๆ ว่าคือไม่ใช่ตัวผมเองนั่นเเหละครับ เเต่ผมก็เชื่อว่าอรรถรสในการชมนั้นคงไม่ต่างกัน เพราะการเเสดงเชิดต่อตัวนั้นเสียงกลองทัดจะทำให้ผู้ชมตื่นเต้นเร้าใจ เเถมด้วยว่าพระเอกโหมโรงเดอะมิวสิคัล นั้นมีฝีมือการตีระนาดเอกเก่งกาจเเบบมืออาชีพ คือตีจริงเล่นจริงไม่มีลิปซิงค์ เอาเป็นว่าคนที่มีใจรักความเป็นไทย รักภาพยนตร์โหมโรง รักเคารพในตัวของครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) หรือเเม้กระทั่งชื่นชอบละครเพลงเเละชอบชมการเเสดงระนาดเอกแบบเชิดต่อตัว ต้องไม่พลาดชม "โหมโรงเดอะมิวสิคัล" ที่โรงละครเคเเบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น ๗ สยามสเเควร์วัน ทุก ๆ ท่านนะครับ



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














พระราชวังพญาไทแสดงดนตรีไทยโบราณ



มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไทในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกับ รพ.พระมงกุฎเกล้า จัดงานบรรยายประกอบการแสดงดนตรีไทยโบราณ โดยมีการบรรยายธรรมหัวข้อ "โพธิญาณแห่งภัททกัปป์ ปัญจสัมพุทธศาสดา" เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา ในวันพฤหัสบดีที่ ๗ พ.ค. ๒๕๕๘ เวลา ๘.oo-๑๒.oo น. ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท และจัดแสดงดนตรีไทยในวันอาทิตย์ที่ ๑o พ.ค. ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.oo-๑๘.oo น. ณ ห้องประชุมชั้น ๑o อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา รพ.พระมงกุฎเกล้า ผู้สนใจเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย



ภาพและข้อมูลจาก
wikipedia.org














ไว้อาลัยแม่เนื่อง แฝงสีคำ ศิลปินแห่งชาติ ช่างทองสี่แผ่นดิน



สิ้นแล้ว นางเนื่อง แฝงสีคำ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ปี ๒๕๕๕ ผู้ได้ชื่อว่า ช่างทองสี่แผ่นดินสิ้นลมด้วยโรคชรา ในวัย ๑oo ปี ๗ เดือน ๗ วัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเนื่อง แฝงสีคำ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ปี ๒๕๕๕ ได้ถึงแก่กรรมลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.o๔ น. สิริอายุรวม ๑oo ปี ๗ เดือน ๗ วัน โดยบุตร ธิดาและญาติ ๆ กำหนดพิธีน้ำหลวงอาบศพพระราชทานในวันนี้ (๑๖ เมษายน ๒๕๕๘) ณ วัดป้อม อ.เมือง จ.เพชรบุรี และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ ๒๑ เมษายน และในวันที่ ๒๒ เมษายน เวลา ๙.oo น. จะมีพิธีบรรจุศพ ณ วัดป้อม เพื่อรอการขอพระราชทานเพลิงศพ


ทั้งนี้ นางเนื่อง แฝงสีคำ ได้เคยเข้ารับใช้ถวายงานในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยทำสร้อยคอเพื่อถวายเพื่อเป็นของที่ระลึกในวันอภิเษกสมรส และยังได้รับการยกย่องจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติประกาศเกียรติคุณให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาช่างฝีมือ ช่างทอง ปี ๒๕๓๑


โดยนางเนื่อง แฝงสีคำ ได้ชื่อว่าเป็น “ช่างทองสี่แผ่นดิน” (รัชกาลที่ ๖-๙) และยังได้รับเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ เข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี ๒๕๕๕ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์) ช่างทองโบราณ



ภาพและข้อมูลจาก
kapook.com














พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองลอง...."ถิ่นไทยงาม"



ครั้งแรกที่ได้ยินคำเชิญชวนของเจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ให้นึกสงสัยว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงมาทำพิพิธภัณฑ์? แล้วต้องได้รับอนุญาตจึงจะเข้าไปได้หรือ?? จนเมื่อเดินทางไปถึงสถานที่นั่นล่ะ จึงถึงบางอ้อ ก็เพราะพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองลองอยู่ในอาณาบริเวณบ้านส่วนตัวนั่นเอง โดยเจ้าของคนปัจจุบัน ก็คือ ณรงค์ชัย ประเสริฐศักดิ์ เป็นคหบดีในเมืองลองนี่เอง มิน่าล่ะ


เมืองลอง ที่ว่านี้ ก็คือ อ.ลอง ใน จ.แพร่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่ารัก ยังคงไว้ซึ่งความสงบ สวยงาม นอกจากเมืองนี้จะเป็นที่มาของตำนาน แพร่แห่ระเบิด ซึ่งเขียนไว้ใน "คอลัมน์ชวนเที่ยว" นสพ.คม ชัด ลึก ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๘ แล้ว ยังมีเรื่องราวดี ๆ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ


เมืองลอง แต่เดิมเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.ลำปาง อยู่ห่างจากตัว จ.แพร่ ประมาณ ๔o กิโลเมตร ตามตำนานเล่าขานว่า เป็นเมืองที่ตั้งมานานนับพันปี ก่อนสมัยพุทธกาล ส่วนที่เรียกเมืองลอง เพราะว่าพระนางจามเทวีได้หลงทางมาถึงบริเวณที่ตั้งเมืองจึงตรัสว่า "ลองขึ้นไปก่อนเถอะ" เหตุดังกล่าว จึงเรียกว่า เมืองลอง


พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองลอง ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดศรีดอนคำ (วัดห้วยอ้อ) จากเดิมเคยเป็นโรงฉายหนัง "ประเสริฐศักดิ์ราม่า" ผ่านทางเข้า จะมีการจัดวางเครื่องมือการเกษตรไว้ให้เห็น จนถึงปลายทางเป็นช่องขายตั๋วหนัง จากนั้นจึงจะถึงตัวเรือนไม้ที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็ประยุกต์มาจากโรงฉายหนังประเสริฐศักดิ์ราม่า ที่เลิกกิจการไปตั้งแต่ยุคที่มีวีซีดีเข้ามา


"หนึ่ง" สถาพร ชุ่มเชื้อ วิทยากรประจำพิพิธภัณฑ์พาชมอย่างละเอียด ตั้งแต่ด่านแรกที่เห็นเรือหงษ์สีทองสุกอร่าม ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากเงิน ทั้งพัด จาน ขันน้ำ สารพัดอย่าง ทำให้ได้ทราบว่า เครื่องเงินจะใช้วิธีดุนลายจากด้านใน นูนออกมาเป็นลวดลายสวยงามเมื่อมองจากด้านนอก ขณะที่เครื่องเงินทั่วไปจะแกะลายจากด้านนอก นอกจากนี้ยังมีชุดเครื่องแต่งกายของเจ้าบ่าวสมัยล้านนาที่อลังการงานสร้าง ปัญจรูปและสัตตภัณฑ์เชิงเทียนศิลปะล้านนา ตู้ขายทองสมัยก่อน ทั้งรุ่นแรก และรุ่นที่ ๒ ปัจจุบัน นำมาใช้วางโชว์ธนบัตร และเงินเหรียญแต่ละรุ่น แต่ละมูลค่า ในสมัยต่าง ๆ แล้วยังมีเครื่องชั่งเงิน ชั่งทอง ตั๋วสัญญาสัมปทานไม้ จิปาถะ


จากของเก่า ของโบราณที่เห็นด้านหน้า แต่พอไกด์ของเราเปิดประตูด้านหลังของอาคารหลังนี้เท่านั้น คอผ้าก็แทบจะกรี๊ด เพราะมี ซิ่นตีนจก และ ผ้าทอ หลากหลายลวดลายให้ได้ชม สวย ๆ ทั้งนั้น แล้วยังมี ผ้าโบราณ จากจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงเครื่องแต่งกายของประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนแต่ละประเทศให้ได้ชม รวมถึงชุดเก่ง คือชุดที่ชนะเลิศการประกวดชุดแต่งกายประจำชาติมิสทีนอินเตอร์เนชั่นแนล ปี ๒oo๔ และผ้าไหมยกดิ้นเงิน ดิ้นทอง ที่ได้รับรางวัลที่ ๑ อีกด้วย


ถัดจากห้องผ้า เป็นห้องตุง ที่มีหลายขนาดและรูปแบบไปจนถึงตุงประจำปีเกิด แล้วถึงจะเป็นห้องฉายหนังจำลอง ที่มีครบทั้งเครื่องฉายหนังและเก้าอี้ผู้ชม ออกจากห้องฉายหนังไปทางออกประตูด้านข้าง จะมีแถวจักรเย็บผ้า และโต๊ะตัดผมสมัยก่อนด้วย


ด้วยความรักและชื่นชอบในงานศิลปะ และเครื่องเรือนโบราณ ที่นี่จึงเป็นที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัวประเสริฐศักดิ์มาจัดแสดงเพื่ออนุรักษ์ของเก่า ภูมิปัญญาแต่ดั้งเดิม แล้วยังเพื่อให้คนรุ่นหลัง ๆ ได้เรียนรู้ด้วย



















ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














“เซรามิกน้ำดอกไม้” สุขสดชื่นกับ ภาษาศิลป์มิติที่ ๔ ของ “ภรดี พันธุภากร”



ได้ยินชื่อนิทรรศการ นอกจากจะชวนให้รู้สึกสุขสดชื่น ยังทำให้นึกไปถึงผลไม้หากินง่ายในช่วงหน้าร้อนนี้อย่าง "มะม่วงน้ำดอกไม้" อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน


อย่างไรก็ตาม “เซรามิกน้ำดอกไม้” นิทรรศการแสดงผลงานศิลปะประเภทเซรามิก ของ ภรดี พันธุภากร ในครั้งนี้ ศิลปินต้องการจะเชื่อมโยงภูมิปัญญาทางด้านเครื่องหอมกับงานศิลปะเซรามิคเข้าด้วยกัน


ภรดีมีความสนใจในเครื่องหอมจากดอกไม้เป็นทุนเดิม มีความรู้สึกซาบซึ้งกับภูมิปัญญา และโหยหาอดีต ประกอบกับเคยสร้างสรรค์ศิลปะเซรามิกใน ชุด “บันทึกของดอกไม้” จึงมีแนวคิดที่จะผสมผสานเชื่อมโยงระหว่างภูมิปัญญาทางด้านเครื่องหอม น้ำปรุง น้ำดอกไม้หอม ด้วยการทดลองการนำกระบวนการเปลี่ยนแปลงของดอกไม้ การสกัดสี สกัดกลิ่นจากดอกไม้ มาผสมผสานกับงานออกแบบสร้างสรรค์เซรามิก


ถ้าพอจะจำกันได้ ภรดีเป็นคนเดียวกับเจ้าของร้านหนังสือ “ท้ายตลาด” ร้านหนังสือเล็กๆในจังหวัดชลบุรี ที่นอกจากจะมีหนังสือที่คัดสรรมาอย่างดีให้บรรดาหนอนหนังสือเลือกซื้อ ภายในร้านยังมีการจัดแสดงและจัดเวิร์คชอปผลงานศิลปะประเภทเซรามิก เพราะไม่เพียงภรดีจะเป็นเจ้าของร้านหนังสือและเป็นนักอ่านตัวยง เธอยังเป็นศิลปินและอาจารย์สอนทางด้านเซรามิก ที่มหาวิทยาลัยบูรพา


ผลงานของภรดีที่จัดแสดงในนิทรรศการ "เซรามิกน้ำดอกไม้" ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น ๖ ชุด ได้แก่ น้ำดอกไม้ สะพรั่ง, แย้มกลีบ, บานแย้ม, ลาร่วงและในกระถาง


ศิลปะเซรามิกที่มีกรอบแนวคิดเชื่อมโยง กับวัฒนธรรมภูมิปัญญาทางด้านเครื่องหอม การแทนค่าดอกไม้ ความหอม ความสดชื่น สีสันที่สวยงาม ความพลิ้วไหวและกลิ่นหอมที่จรุงใจ นอกจากภรดีจะผ่านกระบวนการลองผิดลองถูกการทำเครื่องหอม จนได้น้ำปรุงดอกไม้ กลิ่นดอกบัว ดอกปีบ ดอกมะลิ และกลิ่นดอกไม้รวม รวมถึงทดลองทำออกมาในรูปแบบกลีเซอรีนหอม เจลหอม น้ำดอกไม้ น้ำปรุงดอกไม้ และบุหงางา


ภรดียังได้สร้างสรรค์เซรามิกรูปทรงอิสระ รูปทรงธรรมชาติ ที่มีเส้นสายที่ลื่นไหลหรือขมวดโค้ง ไม่มีเส้นตรง ไม่มีเส้นแบบขอบคม ไม่มีพื้นผิวระนาบเรียบ ผลงานแต่ละชิ้น แต่ละหน่วย ถูกจัดวางให้ประสานสัมพันธ์กันตามจังหวะ และพื้นที่ของการจัดวาง ใช้สีอ่อนบาง ใส ไล่น้ำหนักอ่อนถึงเข้ม ในกลุ่มสี แบบธรรมชาติ คือ สีเหลือง ชมพู แสด ม่วง แดง น้ำตาล และเขียว เพื่อให้ผู้ชมผลงานของเธอสามารถรับรู้เรื่องราวของดอกไม้ ด้วยทัศนสัมผัส รับรู้ถึงความหอม จากกลิ่นจรุงใจด้วยนาสิกสัมผัส เกิดความอิ่มเอมใจ สุนทรีรมย์ ในภาษาศิลป์มิติที่ ๔


“เมื่อก่อน ไม่แน่ใจว่าระหว่างจัดร้านหนังสือ กับจัดนิทรรศการเซรามิกนี่ จัดอันไหนจะเหนื่อยกว่ากัน...แต่วันนี้รู้แล้ว..ว่าจัดนิทรรศการเซรามิกเหนื่อยกว่า..หนักกว่า ก็เมื่อตอนทำร้านหนังสือท้ายตลาด...ทำจริง ๆ แค่ ๓ เดือน..เอง แต่งาน....เซรามิกน้ำดอกไม้.. นี้..ทำมา ๓ ปี และงานนี้อาจเป็นงานแรกและงานเดียวที่แสดงนิทรรศการเดี่ยว ดังนั้นพรรคพวกเพื่อนฝูง และผู้สนใจทั่วไป..ขอเรียนเชิญนะคะ”


ภรดีกล่าวเชิญชวนให้ไปชมผลงานของเธอที่จะจัดแสดงให้ชม ระหว่างวันที่ ๒๑ -๓o เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี ดังนั้นใครที่ยังไม่เดินทางกลับจากการไปเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ หรือ วันไหล ในละแวกนั้น เชิญไปรับเอาความสดชื่นระลอกสองก่อนกลับ



























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ความงาม 'ยะลา' ผ่านการลั่นชัตเตอร์.



เซเลบริตี้แนวติสต์ตัวพ่อ “ด้วง” ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกคนเก่งที่สร้างผลงานที่สวยงามมากมายทั้งไทยและต่างแดน ในปี ๒๕๕๖ ได้รวมตัวกับเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ ตั้งใจทำให้ยะลาเกิดบทสนทนาใหม่ในมุมมองของเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสวยงามและศิลปะ ผ่านนิทรรศการภาพถ่าย “ลองล่องยะลา” ด้วยมุ่งหวังจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ความสุขและความสงบสุขกลับมาสู่แผ่นดินอันงดงามทางใต้สุดของประเทศไทย ซึ่งนิทรรศการภาพครั้งนั้นได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนในวงกว้าง


ล่าสุดเขาและเพื่อน ๆ กลุ่มเดิม ได้จัดงานเปิดนิทรรศการภาพถ่ายในโครงการลองล่องยะลา ครั้งที่ ๒ ภายใต้ชื่อ “ลองล่องยะลา ฮาลาบาลา” โดยรวบรวมภาพถ่ายจากฝีมือการกดชัตเตอร์ของบรรดาผู้ร่วมทริปทั้งนักออกแบบ สถาปนิก ช่างภาพ และกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ จำนวน ๙ คน อย่าง สิริมา ไชยปรีชาวิทย์, สามารถ เมฆทิพย์พาชัย, บัลลังค์ ศิริิพิพัฒน์, พชร อะศวเมธิกาวพงศ์, นิศากร แก่นมีลผล, วันเอก กิจสมใจ ดุลปิรตรี เจ๊ะมะ และ รัมภาพร วรสีหะ ที่รวมตัวกันไปบันทึกภาพความงามหลังเลนส์ของผืนป่าฮาลาบาลา ซึ่งเป็นป่าฝนที่ยิ่งใหญ่ในด้านความมั่งคั่งของความหลากหลายทางชีววิทยา และอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดยะลา-จังหวัดนราธิวาส โดยมีปลัดเทศบาลยะลา กฤษฑวัฏ ฤทธิรงค์ พาเยือนในทุกจุดที่น่าสนใจ เพื่อออกมาเป็นภาพถ่ายแล้วมาถ่ายทอดเป็นนิทรรศการภาพถ่ายครั้งล่าสุดนี้ จำนวนทั้งหมด ๒o ภาพ โดยมีกฤษฑวัฎ ฤทธิรงค์ ปลัดเทศบาลนครยะลาให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่ายอย่างเป็นทางการ


ภาพเหล่านี้จัดแสดงจนถึงวันที่ ๒๖ เมษายนนี้ และชมส่วนหนึ่งของภาพถ่ายสวย ๆ ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ลองล่องยะลา















ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ศิลป์เชื่อมสัมพันธ์ไทย-ฟิลิปปินส์



สานต่อความสัมพันธ์อันดีมายาวนานถึง ๖๗ ปี ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษนี้ ห้างสรรพสินค้าเซน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย จัดงานนิทรรศการภาพถ่ายกลางแจ้งครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่อ “ฟิลิปปินส์ : มนต์เสน่ห์มุกแห่งมหาสมุทรตะวันออก” โดยได้รับเกียรติจาก โจเซลีน บาโตอน-การ์เซีย เอกอัครทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย และผู้แทนถาวรฟิลิปปินส์ประจำสหประชาชาติ ตัดริบบิ้นอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดให้ประชาชนชมฟรี ตั้งแต่วันนี้-๒๕ พฤษภาคม บริเวณลานน้ำพุหน้าห้างสรรพสินค้าเซน แอท เซ็นทรัลเวิลด์


นิทรรศการภาพถ่าย “ฟิลิปปินส์ : มนต์เสน่ห์มุกแห่งมหาสมุทรตะวันออก” จะนำพาทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ความประทับใจไปกับสุดยอดภาพถ่ายชิ้นมาสเตอร์พีซ จากผลงานการลั่นชัตเตอร์ของเหล่าช่างภาพที่สามารถสื่อความหมายในมุมมองอันลึกซึ้งทุกรายละเอียดอย่างตั้งใจ แสดงให้เห็นถึงความงดงามตระการตาของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนานและซับซ้อนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อารยธรรมโบราณ รวมถึงความอัศจรรย์ของมรดกทางธรรมชาติที่มีอยู่อย่างสมบูรณ์ในประเทศฟิลิปปินส์ที่หาชมได้ยากยิ่งกว่า ๕o ภาพ


มาร์ค เฮนริช ดับเบิลยู.โก หนึ่งให้ศิลปินที่นำผลงานมาร่วมแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสนำผลงานมาจัดแสดงนอกประเทศ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก นิทรรศการนี้มีผลงานมาจัดแสดงให้ชม ๑๒ ภาพ ซึ่งส่วนมากเป็นภาพธรรมชาติและภูมิทัศน์ของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีความหลากหลายทั้งชายหาด ทะเล ภูเขา ตึกสูง ฯลฯ


“เมื่อก่อนนี้ผมชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก โดยส่วนตัวถนัดและชอบการถ่ายภาพธรรมชาติและแลนด์สเคปมากกว่าอย่างอื่น แต่ตอนนี้ผมเข้าไปเป็นช่างภาพให้กระทรวงการท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เก็บภาพมาโปรโมทประเทศ นอกจากถ่ายภาพในแบบที่ถนัดแล้ว ยังต้องเก็บภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงอาหารการกินของคนในฟิลิปปินส์ เพื่อให้จับต้องได้มากขึ้น อย่างที่นำมาแสดงครั้งนี้ก็เน้นไปที่ภาพทิวทัศน์สวย ๆ แปลก ๆ ของฟิลิปปินส์ เพื่อให้คนไทยได้เห็นความสวยงามทางธรรมชาติที่มีมากมาย” ช่างภาพมากความสามารถเผย






อีกหนึ่งช่างภาพเจ้าของผลงาน ๖ ชิ้นในนิทรรศการครั้งนี้ อีริก ที.เบลทรัน เล่าว่า เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีด้านการถ่ายภาพมาหมาดๆ และเคยมีนิทรรศการโชว์ผลงานในประเทศมาหลายครั้ง แต่เป็นครั้งแรกที่มาจัดแสดงนอกประเทศ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ผลงานได้รับคัดเลือเข้ามาจัดแสดงถึง ๖ ภาพ จากทั้งหมด ๕o ภาพ ซึ่งคัดเลือกจากภาพถ่ายที่เปิดให้คนทั่วไปส่งเข้ามาแข่งขันกันกว่า ๑,ooo ภาพ


“ผมชอบถ่ายภาพคนและแลนด์สเคป โดยเฉพาะแลนด์สเคปจะถนัดเป็นพิเศษ จะเลือกถ่ายสถานที่แปลก ๆ ชอบถ่ายภาพที่ต้องเล่นกับแสง ภาพที่ออกมาจะได้มีความโดด โชคดีที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นเกาะ และมีจำนวนมาก ซึ่งแต่ละเกาะมีความแตกต่างกัน ทั้งภูเขา เทือกเขา ทะเลสาบ ภาพที่ถ่ายออกมาจึงมีความแตกต่างจากภาพถ่ายของคนอื่น” หนุ่มหลังเลนส์ กล่าว


สำหรับผลงานชิ้นไฮไลท์ภายในนิทรรศการก็อย่างภาพ “สเต็ป ออฟ เดอะ นอร์ท” ถ่ายโดย มาร์ค เฮนริช ดับเบิลยู.โก เป็นภาพนาขั้นบันไดแห่งเทือกเขาฟิลิปปินส์และเป็นมรดกโลกได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก, ภาพ “มายอน โวคาโน่” ถ่ายโดย เซลิโล พอล ดี.ซาน พรีโด สะท้อนภาพภูเขาไฟมายอน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ บนเกาะลูซอน, ภาพ “ปาฮิยาส มาเธอร์ แอนด์ ชายด์” ถ่ายโดย อัลฟอนโซ่ วิกตอริโอ้ จี.เรย์โน II เป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวด้วยเกียรติของนักบุญอีซีโดลาบราดอร์ ซึ่งเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเขตเทศบาลลุกบัน ในช่วงเทศกาลคนลุกบันจะตกแต่งบ้านด้วยผลไม้ พืชผัก และเชิญทุกคนรับประทานอาหารร่วมกัน, ภาพ “อาลีวัน เฟสติวัล” ซึ่งจัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี เป็นเทศกาลใหญ่ที่รวบรวมเทศกาลต่าง ๆ ไว้ในงานเดียว


ภาพ “ไวดิ้ง สแตร์เคส ออฟ เดอะ เนชั่นแนล มิวเซียม” ถ่ายโดย มาร์ค เฮนริช ดับเบิลยู.โก เป็นภาพพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของฟิลิปปินส์ ก่อตั้งขึ้นในปี ๑๙o๑ ซึ่งเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์, ภาพ “ฮอท แอร์ บอลลูน” การแข่งขันบอลลูนอากาศ หนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงของเมืองคลาร์ก ฟรีพอร์ตโซน จังหวัดปัมปังกา, ภาพ “ซันฟลาวเวอร์ ฟีลด์” ทุ่งดอกทานตะวันบนเนินเขากาวากาวาบานสะพรั่งช่วงเดือนเมษายน ที่ไร่ของเมืองลีเกา จังหวัดอัลเบย์ เป็นต้น







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














งานสีลม-เจริญกรุง แกลเลอรี่ ช็อปปิ้ง ไนท์



ต่อเนื่องความสุขหลังกลับจากท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ด้วยกิจกรรม “สีลม - เจริญกรุง แกลเลอรี่ ฮอปปิ้ง ไนท์”


กิจกรรมที่บรรดาแกลเลอรี่และพื้นที่ทางศิลปะหลายแห่ง ละแวก “สีลมและเจริญกรุง” ขยายเวลาให้คนรักงานศิลปะได้แวะไปชมนิทรรศการและผลงานศิลปะภายในแกลเลอรี่ ตั้งแต่ช่วงกลางวันไปจนถึงเวลา ๒๓.oo น. จากปกติเปิดให้เฉพาะช่วงกลางวันถึงเย็นย่ำ


หลังจากที่กิจกรรมเคยมีขึ้นมาแล้ว ๒ ครั้ง ล่าสุด “สีลม - เจริญกรุง แกลเลอรี่ ฮอปปิ้ง ไนท์ ครั้งที่ ๓” จะมีขึ้นใน วันศุกร์ที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo - ๒๓.oo น.


ไฮไลท์นิทรรศการที่แกลเลอรี่ทั้ง ๑๒ แห่ง ได้แก่ Artery Post Modern Gallery, Artha Gallery, ATTA Gallery, Bridge Café & Art Space, Jam Café, Kathmandu Photo Gallery, Modern Art Gallery, Number 1 Gallery, Serindia Gallery, Speedy Grandma, Soy Sauce Factory และ Thavibu Gallery เตรียมไว้ต้อนรับทุกคน อาทิ


- There Is No Box Exhibition ภาพวาดสีน้ำมันชุดใหม่ ผลงานของศิลปินชาวเวียดนาม บุย ทานห์ ทัม ณ Thavibu Gallery

- แลนด์สเคป ๒oo๗-๒o๑๔ งานแสดงภาพถ่าย โดย ปิยทัต เหมทัต ณ Serindia Gallery

- TOH: Experiencing a Workspace กิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟ อันเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการศิลปะ TOH: Me, My Work and Everything in Between ระหว่างเวลา ๑๘.๓o-๒๑.๓o น. ณ ATTA Gallery

- โครงสร้างใต้ผิวหนัง นิทรรศการแสดงผลงานประติมากรรม ของ นที ทับทิมทอง และ วิสุทธิ์ ยิ้มประเสริฐ ณ Bridge Art Space

- ๔o ปีก่อน เมื่อเขมรแดงเข้ามากุมอำนาจ นิทรรศการศิลปะแสดงเดี่ยวของ โรแลนด์ เนอเวอร์ ณ Soy Sauce Factory


สำหรับผู้ต้องการทราบ เส้นทาง แผนที่ และกิจกรรมต่าง ๆ ของแกลเลอรี่แต่ละแห่ง สามารถเข้าค้นหาเพิ่มเติมได้ที่ FB.galleryhoppingbkk



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














Colourful Colouryo#2



นิทรรศการเดี่ยวครั้งที่สองของ โยทะกา จุลโลบล ศิลปิน พิธีกรรายการ Daradaily Art show และคอลัมนิสต์ รวมถึงอดีตขวัญใจสื่อมวลชนในการประกวดราชินีช้างปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งนิทรรศการครั้งนี้ได้ห่างหายจากนิทรรศการครั้งแรกมากกว่า ๓ ปี ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา กับสีสันที่มากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต ดังนั้นในครั้งนี้จึงเป็นการรวบรวมผลงานมาจัดแสดงถึง ๒ คอลเลคชั่นด้วยกัน โดยคอลเลคชั่นแรกใช้ชื่อว่า “หน้ากากแรด (Rhino mask)” โดยศิลปินได้นำหน้ากากแรดมาแทนความหมายของการต่อสู้อุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิต


และคอลเลคชั่นที่สองในชื่อ“Real isn’t Real” จริงที่ไม่จริง คอลเลคชั่นนี้ศิลปินได้วาดภาพที่เป็นภาพ portrait โดยเน้นเส้นสายที่ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อนแต่เน้นที่สีสันสดใสเป็นแบบอัตลักษ์ของตนเอง และในขณะที่ใช้เส้นที่ดูเรียบง่าย แต่ภาพดังกล่าวก็สามารถโชว์ถึงอัตลักษณ์ของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน


ภายในงานยังมีผลงานของศิลปินรับเชิญมากมายได้แก่ อ.สมภพ บุตราช,อาจารย์เริงศักดิ์ บุณยวาณิชย์กุล, อาจารย์ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ, อาจารย์ธวัชชัย สมคง, อาจารย์อลงกรณ์ หล่อวัฒนา, อาจารย์วัชระ กล้าค้าขาย, อาจารย์ชัชวาล รอดคลองตัน, อาจารย์วุฒิกร คงคา และ คุณสุริยา นามวงษ์


เงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบทุนวาดภาพจิตรกรรมที่มณฑปวัดนางชีโชติการาม ภาษีเจริญ ขอเชิญท่านที่สนใจร่วมงานเปิดนิทรรศการวันที่ ๒๙ เมษายน เวลา ๑๘.๓o น. ณ มังคุดคาเฟ่ แกลเลอรี (ตลิ่งชัน)


Exhibition : Colourful Colouryo#2
Artist : Yotaka Jullobol
Date : 29 April 2015 – 28 June 2015
Venue : Mang kud café and gallery
Tel : 02-432-0968















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Song without words



เป็นการรวมตัวของศิลปินนามธรรมจากคณะศิลปะกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จิระพัฒน์ พิตรปรีชา, กฤษณะ ชัยกิจวัฒนะ และ อดิวิศว์ อังศธรรมรัตน์ซึ่งแต่ละบุคคลล้วนมีแนวทางการสร้างสรรค์เฉพาะตนอย่างชัดเจน แนวควมคิดและรูปแบบที่มีปฎิสัมพันธ์ต่อโลกภายนอก และโลกภายใจเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ การมองและรับรู้ของปัจเจกออกมาโดยผ่านศิลปะรูปแบบนามธรรม


พิธีเปิดนิทรรศการ วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. โดย คุณวรายุ ประทีปเสน ณ Artery Post Modern Gallery


Exhibition : Song without words
Artist : jirapat Pitpreecha, Kritsana Chaikitwattana, Adiwit Ansathammarat
Date : June 4-30, 2015
Venue : Artery Post Modern Gallery
Tel : 094-453-6298



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














๓ งานศิลป์สำหรับคน “รักษ์” ทะเล



ขณะที่หลายคนหนีอากาศร้อนเดือนเมษายน ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล คนอีกจำนวนหลายกลุ่ม ก็อยู่ในช่วงการตระเตรียมงาน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว รวมถึงปัญหาของทะเล สู่สาธารณะชนในวงกว้าง


เนื่องใน วันคุ้มครองโลก (Earth Day) ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ ต่อไปนี้คือตัวอย่างของ ๓ นิทรรศการศิลปะ ว่าด้วยเรื่องทะเล ที่ ART EYE VIEW คัดสรรมาแนะนำ ทั้ง ๓ งาน กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ และที่สำคัญสามารถเดินทางไปชมทั้ง ๓ งานได้ในวันเดียว เนื่องจากสถานที่จัดงานอยู่ไม่ไกลกันเกินไปนัก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส และเดินเท้าต่อด้วยระยะทางเพียงสั้น ๆ






งานศิลป์จากวัสดุเหลือใช้ สะท้อนวิกฤตท้องทะเล ของศิลปินชาวลาว



งานแรกเป็นของศิลปินชาวลาวนามว่า Aligna (อลิญญะ) ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อสื่อให้ผู้คนเห็นว่า ขยะคือหนึ่งในปัญหาของท้องทะเลในปัจจุบัน ความน่าสนใจในผลงานศิลปะของ Aligna คือการนำเอาวัสดุเหลือใช้ อาทิ ขวดน้ำ เศษพลาสติก หรือไม้แขวนเสื้อ มาสร้างเป็นงานศิลปะที่สวยงามอย่างดอกไม้ และเคยจัดแสดงผลงานในต่างแดนมาแล้วหลายประเทศ ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส และเม็กซิโก


เป็นที่น่าสนใจว่าศิลปินผู้เกิดมาในประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่เหตุใดจึงสนใจที่ทำงานศิลปะที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับทะเล ไปหาคำตอบได้ในนิทรรศการ Art for the Ocean ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo -๑๙.oo น. ณ HOF ART Residency Bangkok (ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง)


โดยในนิทรรศการครั้งนี้นอกจากศิลปินจะรังสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษเป็นรูปปลา มาจัดแสดง เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงวิกฤตของท้องทะเล ยังจัดให้มี “Workshop การสร้างงานศิลป์จากขยะ” สำหรับผู้สนใจ ในทุกวันของการจัดนิทรรศการ ระหว่าง เวลา ๑๖.oo-๑๙.oo น. ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้ทราบว่า ขยะที่เราคิดจะทิ้งไปเพื่อทำลายโลก สามารถเปลี่ยนไปเป็นอะไรได้มากกว่าที่คิด


ก่อนจะไปชมผลงานศิลปะชิ้นจริงของ Aligna ในนิทรรศการ ระหว่างนี้สามารถเข้าไปชมตัวอย่างผลงาน ได้ที่ aligna.fr






ปากบารา-อันดามัน สวรรค์ทะเลใต้



“ปากบารา” คือชื่อเรียกของ “อ่าวปากบารา” ตั้งอยู่ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล คนทั่วไปอาจเข้าใจว่าเป็นแค่ที่ตั้งท่าเรือที่เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และอุทยานแห่งชาติหมุ่เกาะเภตรา ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ และเกาะบูโหลน เท่านั้น ทั้งที่จริงในทางนิเวศวิทยาอ่าวปากบาราเปรียบเหมือนห้องเครื่องชั้นในของท้องทะเลสตูล ที่มีองค์ประกอบทางธรรมชาติครบครัน เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา


ในขณะที่หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะอาดัง - ราวี เกาะหลีเป๊ะ ฯลฯ รวมถึงร่องน้ำลึกต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปรียบเหมือนห้องเครื่องมรดกทรัพยากรทางทะเลชั้นนอก ที่สำคัญทางนิเวศวิทยาของ “อันดามันใต้”


แหล่งธรรมชาติทางทะเลอันมหัศจรรย์ทั้งสองเปรียบเสมือนคู่แฝดกัน แข่งขันกัน พึ่งพากัน อ่อนโอนผ่อนตามกัน สร้างสรรค์ปะการังแข็งและปะการังอ่อนเจ็ดสีทั้งบริเวณน้ำตื้นและน้ำลึก มีกระแสน้ำสร้างหาดหินงาม หาดทรายขาว เกาะหินซ้อน และสร้างโลกใต้ทะเลให้เป็นสวรรค์ที่นักท่องทะเลใฝ่ฝันถึง อีกทั้งยังมีแนวแหล่งฟอสซิลที่ทอดยาวจากบนฝั่งไปถึงเกาะตะรุเตา ทำให้หน่วยงานทั้งท้องถิ่นและส่วนกลางเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่นี้ด้วยการพิจารณาผลักดันให้อุทยานแห่งชาติฝั่งอันดามันเป็นมรดกโลก และผลักดันให้พื้นที่แหล่งฟอสซิลเป็นอุทยานธรณีวิทยามรดกของจังหวัดสตูล ของชาติ และของโลกด้วย


นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเล อาณาจักรแห่งท้องทะเลทั้งสอง “ตั้งแต่ชายฝั่งจรดก้นสมุทร” ที่แวดล่้อมด้วยป่าชายเลน หาดทราย สันดอน และเกาะแก่งต่าง ๆ คือ พื้นที่ให้กำเนิดสัตว์น้ำที่จะเติบโตขึ้นเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของมนุษย์ เป็นแรงดึงดูดผู้คนกลุ่มต่าง ๆ มาตั้งหลักแหล่งที่อยู่อาศัย จนสร้างอารยธรรมทางสังคมที่แตกต่างหลากหลายมาตั้งแต่โบราณกาล ทั้งชุมชนที่อยู่เฉพาะกับทะเล และชุมชนกึ่งเมืองในปัจจุบัน ดังนั้นการดำรงอยู่ของอ่าวปากบาราจึงเปี่ยมด้วยความหมายและความสำคัญอันยิ่งยวด






ร่ายยาวมาข้างต้น คือที่มาที่ไปส่วนหนึ่งของการจัดงาน ปากบารา-อันดามัน สวรรค์ทะเลใต้(Pakbara Paradiso) ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหาคร ในนาม เครือข่ายชุมชนรักอ่าวปากบาราและองค์กรร่วมจัดต่าง ๆ ที่ต้องการเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้สัมผัส รับรู้ และตระหนักได้ว่า “อ่าวปากบารา เป็นสวรรค์ที่ไม่ควรหลงลืม”


และถือเป็นการคัดค้าน โครงการท่าเรือน้ําลึกปากบารา ไปด้วยในตัว เนื่องจากมองว่าโครงการฯ จะทำให้อ่าวปากบาราเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด และกระทบต่อการดำเนินชีวิตคนสตูลในหลายด้าน


ตลอด ๓ วันของการจัดงาน นอกจากจะมีกิจกรรมเสวนา “ปากบารา อันดามัน สวรรค์ทะเลใต้” โดยผู้ที่เคลื่อนไหวจากนักอนุรักษ์หลายท่าน อาทิ ศศิน เฉลิมลาภ, เอกพงษ์ เหมรา, บรรจง นะแส, ดร.นสินี ทองแถม, คณะทำงานปากน้ำน่าอยู่ ฯลฯ ยังมีนิทรรศการศิลปะ ประเภทภาพถ่าย ภาพวาด ภาพยนตร์สารคดี และดนตรีสด จากศิลปินและนักดนตรีหลากหลายกลุ่มหลากหลายคน


อาทิ Reef Guardian Thailand, สห + ภาพ, Save The Earth Cinematography, เครือข่ายศิลปินรักษ์ทะเล, ศิลปินกลุ่ม Art Talk, มาโนช พุฒตาล, ไข่ มาลีฮวนน่า, โรเบร์โต๋, โก้ มิสเตอร์แซกแมน, วงกัวลาบารา, พจนาถ พจนาพิทักษ์ , บางลำพูแบนด์ ฯลฯ


ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและตารางเวลาของกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในงานครั้งนี้ได้ทาง หน้าเพจเฟซบุ๊ค Pakbara Paradiso ปากบารา-อันดามัน สวรรค์ทะเลใต้






ศิลปะจากศิลปิน ๒ ฝั่งทะเล



แก้วสุดา บุตรเผียร, เอกพงษ์ คงฉาง, กิตติ พิมเสน,วิษณุ เลิศบุรุษ, ศิริชัย พุ่มมาก, นิแอ นิแต, ศุภชัย ศรีขวัญแก้ว เหล่านี้คือรายชื่อของศิลปินกลุ่ม “ ๒ เล” ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของศิลปินรุ่นพี่ รุ่นน้อง ผู้มีถิ่นเกิดอยู่ที่ฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย สมาชิกในกลุ่ม บ้างก็เป็นอาจารย์สอนศิลปะ บ้างก็เป็นบุคลากรทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาอย่างต่อเนื่อง


ล่าสุดเพื่อเป็นการสะท้อนว่า ภาคใต้ โดยเฉพาะสองฟากฝั่งทะเลที่พวกเขาเกิดและเติบโตมา มีเอกลักษณ์ของศิลปะที่หลากหลาย มีทั้งชาวไทยพุทธ ไทยจีน และไทยมุสลิม อาศัยอยู่ และเพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปะสู่สาธารณชน ศิลปินกลุ่ม “๒ เล” จึงได้รวมตัวนำผลงานศิลปะประเภทจิตรกรรมและวาดเส้น มาจัดแสดงร่วมกัน


นิทรรศการ SEE 2 SEA ระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน - ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๒ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร. o-๒๒๑๘-๓๗o๙ และ o๘๕ -๙๔๕-๗๗๔๖







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














SELF+ ART Exhibition Therapy


SELF+ ART Exhibition Therapy
นิทรรศการ ศิลปะ จาก การบำบัด
by Pasin Singhasaneh

ดำเนินงานโดย ครูแป๊ะ อ.จุมพล ชินะประพัฒน์

๒๓ เมษายน ถึง ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ @ สถาบันปรีดี พนมยงค์

พิธีเปิด ๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.๓o น.

และ Workshop ศิลปะบำบัด เพื่อความเข้าใจ สำหรับ บุคคลทั่วไป

โดย ครูอุ๋น สายใจ ศรีลิ้ม และครูเชอรี่ แสงอุษณีษ์ นวะมะรัตน

ในวันที่ ๒-๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

สถาบันปรีดี พนมยงค์ o๒-๓๘๑-๓๘๖o-๑

Email: pridiinst@yahoo.com, miss.autis@gmail.com, singhasaneh@gmail.com



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














เกาหลีในใจฉัน



นิทรรรศการ "เกาหลีในใจฉัน" "Draw Korea with Your Mind" เป็นนิทรรศการในความร่วมมือระหว่าง คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ KOICA (Korea International Cooperation Agency : องค์การความร่วมมือระดับประเทศของเกาหลี )


เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย และเกาหลี อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงสัมพันธ์ภาพที่มีต่อกันมาอย่างช้านาน ซึ่งนิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการที่จัดแสดงผลงาน ศิลปะและวัฒนธรรม ของทั้ง ๒ ชาติ โดยจัดแสดงครั้งแรกที่่ กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้นำไปจัดแสดงตามภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย ได้แก่ จ.ภูเก็ต จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น จ.เชียงราย และ ครั้งสุดท้ายนี้ นำมาจัดแสดงที่ จ.เชียงใหม่ โดยการจัดแสดงตามที่ต่างๆในแต่ละครั้งนั้น ทาง KOICA จะได้รับความร่วมมือกับสถาบันในแต่ละจังหวัด ดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งครั้งนี้เองที่ KOICA ร่วมกับคณะวิจิตรศิลป์ จะนำเสนอผลงานของนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ ที่สร้างสรรค์ผลงานออกมา ในหัวข้อเดียวกันกับนิทรรศการ โดยผลงานที่จัดแสดงนั้นมิใช่เพียงแค่ ผลงานของนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงผลงานของนักศึกษาต่างสถาบันที่ทาง KOICA ได้สัญจรไปตามจังหวัดนั้น ๆ มาจัดแสดงด้วย


ซึ่งนอกจากผลงานศิลปะแล้ว ทาง KOICA ยังนำศิลปะและวัฒนธรรมประจำชาติมาจัดแสดงในนิทรรศการอีกด้วย เช่น การจัดแสดง เครื่องแต่งการประจำชาติ มัลติมีเดียในการนำเสนอประเภณีต่างๆของเกาหลี ซึ่งสิ่งนี้เองที่ KOICA ต้องการให้คนไทย มองเกาหลีอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้้น และ ทางคณะวิจิตรศิลป์เองก็เช่นกัน ที่นำเอาศิลปะและวัฒนธรรมของไทย มาแลกเปลี่ยนให้ได้ชม


นิทรรศการ "เกาหลีในใจฉัน" จะจัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณห้องแสดงงานชั้น ๒ ด้านหลัง ทุกวัน อังคาร - อาทิตย์ เวลา ๙.oo น. - ๑๗.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
thailandexhibition.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii
.oo
Free TextEditor




Create Date : 24 เมษายน 2558
Last Update : 1 พฤษภาคม 2558 9:39:17 น. 0 comments
Counter : 4141 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.