happy memories
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
ต้นไม้หมายวัด


66-ต้นไม้หมายวัด

ชื่อภาพ : ต้นไม้หมายวัด
สถานที่ : วัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา
เทคนิค : สีน้ำบนกระดาษ
ขนาด : ๒๘ x ๓๘ เซนติเมตร




ต้นไม้หมายวัด



คุณที่รัก


ว่าด้วยการจัดองค์ประกอบของการวาดภาพแล้ว ภาพนี้ไม่ถูกหลัก แต่ก็หามุมไม่ได้ เพราะข้างหน้าเป็นถนนและชุมชน ในใจคิดน่าจะมีปกาเกอญอสักคน หรือพระเถรเณรน้อยสักองค์มาเดินที่ถนน


แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ต่อเติมเสริมแต่ง ให้มันเป็นอย่างที่มันเป็นนั่นแหละ ทางเดินเล็ก ๆ ที่ตัดสนามมานั่นไง พอช่วยนำสายตาไปหาต้นไม้ใหญ่ที่หมายตาให้เป็นประธานของภาพได้


ต้นไม้นี้คือต้นศรีมหาโพธิ์ คนเมืองเหนือเรียก ต้นศรี หรือ สะหลี มีความหมายว่า ดี เลิศ ประเสริฐศรี


บางที่บางคนก็เรียกต้นโพธิ์ ก็คือต้นไม้เดียวกัน


พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมใต้ต้นโพธิ์นี้ ต้นโพธิ์จึงมีความสำคัญในแง่สัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา วัดวาอารามจึงนิยมปลูกต้นโพธิ์ไว้ในวัด บางวัดจัดเป็นสวนป่า เป็นที่เสวนา-ปฏิบัติธรรม


ถ้าพระพุทธเจ้าทิ้งมหาราชวังทิ้งห้องหับใหญ่โตรโหฐาน ออกธุดงค์มานั่งบนลานดินลานหินใต้ต้นไม้ใหญ่จนได้ตรัสรู้ธรรมบรรลุโสดาบัน ธรรมชาติก็ต้องมีอะไรดีแน่นอน


อย่างน้อยก็ออกซิเจนที่บริสุทธิ์สดชื่น ความรื่นรมย์เย็นสบายของร่มเงา เป็นเหย้าเรือนรวงรังของสรรพสัตว์นกกาได้อิงอาศัย เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุ เป็นปัจจัยช่วยเอื้อให้พระพุทธองค์ตรัสรู้ธรรม นอกเหนือจากการนั่งหลับตาสวดภาวนาเป็นแน่


มองแง่นี้ ธรรมชาติจึงมีความสัมพันธ์-และสำคัญยิ่งต่อวิถีชีวิตของมนุษย์


เห็นต้นศรีมหาโพธิ์ใหญ่ถึงสองต้นในบริเวณวัดจันทร์ รวมทั้งลานกว้างใหญ่ ก็ชวนให้รำลึกถึงวัดศรีถ้อย ที่บ้านเกิด


ที่หน้าวัดมีต้นศรี-สะหลีใหญ่เรียงรายหลายต้น นั่นคือที่มาของชื่อวัด 'ศรีถ้อย' ภูมินามหมายถึงอารามที่มีต้นศรียืนต้นเรียงรายอยู่ในบริเวณลานดินกว้างใหญ่ หน้าวัดเป็นแถวเป็นถ้อย (ถ้อย-ในภาษาถิ่นเหนือ หมายถึงแถว)


สงกรานต์ปีใหม่ ชาวบ้านแบกไม้ค้ำศรี ไปวางค้ำต้นค้ำกิ่งศรี หมายพลีใจกายบำรุงรักษาศาสนาไว้ให้ยืนยงคงมั่นสืบไป


ต้นศรีใหญ่วัดศรีถ้อยเป็นภาพจำฝังใจเช่นเดียวกับอุโบสถน้อยหลังงามที่มีพระนอน ฝีมือพ่อหนานสล่าพื้นบ้านพื้นเมือง ตอนผมบวชให้ยาย ผมไม่ได้อยู่กุฎิบน 'โฮง' เช่นพระเณรอื่น แต่ขออนุญาตเจ้าอาวาสจำวัดในโบสถ์น้อยนั้นตลอดพรรษาครึ่ง


น่าเสียดายที่ต้นศรีถูกโค่นไปหลายต้น รวมทั้งศาลารายรอบวิหารหลวงก็ถูกรื้อเรียบ เพื่อหลีกทางให้กับศาลาการเปรียญโอ่อ่าหลังใหม่ และโบสถ์น้อยหลังงามก็มีการต่อเติมเสริมงาม (แบบรู้เท่าไม่ถึงสกุลศิลป์)


ผมมาเห็นต้นศรีสะหลีใหญ่สองต้นที่วัดจันทร์นี้ ให้รู้สึกยินดีเป็นยิ่งนัก ยิ่งได้เห็นกำแพงแก้วเล็ก ๆ รายรอบ ก็ยิ่งชื่นชม


ศรีสองต้นนี้อยู่หลังอุโบสถ ซึ่งปกติคตินิยมชาวเหนือต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่ที่วัดจันทร์นี้ วัดตั้งอยู่บนเนิน ด้านหน้าเป็นลาดเชิงเขา เข้าใจว่าถนนสายเก่าไต่มาจากทางนั้น อุโบสถวัดเลยหันหน้าไปทางทิศเหนือนั้น (หรือผมหลงทิศ?)


ปัจจุบัน ลานกว้างร่มโพธิ์ใหญ่ก็กลายเป็นอาเขตหรือไม้หมายเมืองของอำเภอไป เพราะชุมชนใหญ่อยู่ตรงนั้นมีร้านรวงขายสินค้า, อาหาร มีธนาคารและจุดจอดรถโดยสารประจำทาง


ผมพูดว่าชุมชนใหญ่ แต่ขอให้คุณนึกภาพเมืองเล็ก ๆ ที่เห็นในฉากหนังคาวบอยที่คุณโปรดปรานไว้นะครับ ไม่ใช่นึกถึงตลาดเจ้าพระยาหรือชุมชนบางม่วง


โดยส่วนตัว ผมชอบที่แบบนี้แหละครับ เล็ก-เล็ก เรียบ-เรียบ ง่าย-ง่าย ไม่วุ่นวาย ไม่เยอะ มีให้กินให้ใช้เท่าที่จำเป็นแก่การยังชีวิต


ความไม่สมบูรณ์ของปัจจัยในการยังชีพ (ตามอัตตภาพ) นี่มันเคี่ยวคุณภาพชีวิตคนเรานะ คุณว่าไหม ไม่ว่าจะด้านไหน ความไม่สมบูรณ์หรือความขาดนั้น มันคือแรงบันดาลใจชั้นดีให้มนุษย์คิดค้นสร้างสรรค์ ทั้งยังจะเติมเต็มด้านในของชีวิตเขาอีกต่างหาก


"ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าไม่ละทิ้งวิถีชีวิตโลกอันรุ่มร้อน จรไปหาความวิเวกสงบเย็นใต้ต้นไม้หรอก..."


๕๕๕…คุณเห็นด้วยกับตรรกะแบบกำปั้นทุบดินของผมไหม


เรื่องและภาพ โดย พิบูลศักดิ์ ละครพล
จากคอลัมน์ "ผ่านตามาตรึงใจ" นสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๑๔ ก.ย. ๒๕๕๗
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์









คุณพิบูลศักดิ์ลงภาพสีน้ำงาม ๆ และถ้อยคำเพราะ ๆ ใน เฟซบุค
เห็นแล้วชอบมาก ๆ ขออนุญาตเอามารวมกับบล็อกนี้ด้วยกันค่ะ










ใครช่างสังเกต จะเห็นมดตัวหนึ่ง เกาะอยู่ตรงมุมขวาบนภาพ
สงสัยมันได้กลิ่นหอมของดอกไม้กระมัง













ตัดผม
ตัดคุณ
ตัดใจ


ตัดเขา
ตัดเธอ
ตัดใคร


ตัดยาก ตัดเย็น เข็ญใจ
ปลงแล้ว ก็ไป ตัดผม














สิ่งประเสริฐสุด ที่จิตวิญญาณแห่งมนุษย์
ได้กระทำในโลกนี้
คือการดูและบอกสิ่งที่เห็นได้ ด้วยวิธีเรียบง่ายที่สุด
ผู้คนนับร้อยอาจพูดคุยกับผู้คนที่คิดเป็น
และผู้คนอีกนับพันที่อาจคิดให้กับคนที่อาจเห็น
การเห็นอย่างแจ่มแจ้ง เป็นกวี เป็นปรัชญา เป็นศาสนา-
ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน


จอห์น รัสกิน
ความเรียบง่ายไร้กาลเวลา จอห์น เลน เขียน สดใส ขันติวรพงศ์ แปล


ทัศนียภาพแห่งกวีนิพนธ์ยามเช้า
มาชา
สีน้ำบนกระดาษ 28x38cm.














ฉันคือสวนดอกไม้ในความเดียวดายของเธอ


ดูอาร์ตเวิร์คเก่าๆแล้วเหงาใจขึ้นมาจริง ๆ
ตั้งสติ นิ่ง ๆ แล้วสวดภาวนาให้เอาชนะอุปสรรคทุกสิ่ง














ขออนุญาตคุยกับแฟนนักอ่านเป็นการเฉพาะ
(ถ้าเขียนรู้เรื่องดีก็จะถือเป็นคำนำหนังสือเสียเลย)


ฉันคือสวนดอกไม้ในความเดียวดายของเธอ


ชวนให้คิดว่าเป็นชื่อนวนิยายรักหักอกใช่ไหม
ทำไงได้ ผมจะเปลี่ยนชื่อใหม่อย่างไร ใครต่อใครก็ปักใจแต่ชื่อนี้
(อาจเป็นเพราะมันมีที่มาจากบทเพลงรักของผม)


หนังสือเล่มนี้รวบรวมเรื่องที่ผมเขียนเกี่ยวกับ-
"ดอกไม้ในความคิดถึง"
ดอกไม้ที่ผมได้พานพบและผูกพัน
รวมทั้งหมด ๕๐ กว่าตอน เกรงว่าจะหนาและราคาแพงไป
เพราะดำริจะพิมพ์สี่สี จึงแยกเป็นสองเล่ม เล่มหลังก็น่าจะชื่อ
"เธอคือดอกไม้ในความเดียวดายของฉัน"(เป็นอันว่าความเดียวดายหายกัน
คิดไว้ดังนี้ อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ตามประสาคนโลเลใจง่ายและหูเบา)














ฉันคือสวนดอกไม้ในความเดียวดายของเธอ
ต้องขอโทษคุณผู้อ่านถ้าทำให้ท่านรอคอย


ทีแรกสำนักพิมพ์"พเนจร"จะจัดพิมพ์
แต่ผู้เขียนก็โลเลจับจดแถมเกิดความไหวหวั่นไม่เชื่อมั่นในผลงานตัวเอง
เกรงว่าจะทำให้ฐานะกระยาจกเข็ญใจลงไปอีก แต่กลัวเสียหน้า
จึงเลี่ยงไปว่าฝีมือวาดภาพยังไม่ถึง
สำนักพิมพ์จึงไปจ้างศิลปินมาวาดภาพประกอบใหม่ทั้งหมด
หมดเงินก้อนโตไป ตอนนั้นก็เกิดมีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งสนใจใคร่จัดพิมพ์
ความมั่นใจผู้เขียนก็กลับคืนมา ตกลงปลงใจ
และไปบอกศาลาน้องคนจัดอาร์ตเวิร์คที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ยอมเสียค่าจัดทำ แต่น้องเขาก็มีน้ำใจยิ่งนัก
ไม่ขอรับค่าแรงใดๆทั้งสิ้น คะยั้นคะยอหนักเข้า
ก็ขอแค่ภาพเขียนเล็กๆตอบแทนสักภาพก็พอ


กำลังจะจัดส่งต้นฉบับให้บรรณาธิการ ก็มีพรายกระซิบมาบอกว่า
สำนักพิมพ์ดังกล่าวที่ว่านั้นง่อนแง่นเต็มที เบี้ยวค่าเรื่องนักเขียนเปรอะไปหมด
ผู้เขียนซึ่งใจฝ่ออยู่แล้ว ฝ่อหนักเข้าไปอีก


หมดอารมณ์ ทิ้งต้นฉบับไว้เดียวดายเป็นเวลานาน
และพาลไปถึงเล่มอื่นๆที่ตระเตรียมจะออกต่อเนื่องกันไป (ช่างใจเสาะแท้)
(อ่านต่อฉบับหน้า)














ฉันคือสวนดอกไม้ในความเดียวดายของเธอ
ขออนุญาตคุยกับแฟนนักอ่านเป็นการเฉพาะ (๓)


ขณะที่ผู้เขียนอ่อนเปลี้ยเพลียใจอยู่นั้น
เรื่องสลดหดหู่ประดาก็ตั้งกองพาเหรดมา
ล้วนแล้วแต่แรงและเยอะจวนเจียนสติแตก


อ้อ ลืมเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะทำอาร์ตเวิร์คที่เห็นอยู่นี้
หลังจาก ริมฝั่งแม่น้ำหัวใจสลาย ออกได้ไม่นาน
ก็ได้ส่งหนังสือเล่มนี้ไปให้ช่างทำอาร์ตเวิร์ค (ที่เป็นเพื่อนของเพื่อน)
จัดทำมาก่อน กะว่าจะทิ้งระยะสักเดือน ก็จะออกเล่มนี้
รออาร์ตเวิร์คเสร็จสรรพเรียบร้อยด้วยใจระทึกอยู่นานร่วมเดือน


จู่ ๆ เพื่อนของเพื่อนที่ว่ายอดฝีมือนั้น ก็พลันเปลี่ยนใจ
ไม่ว่าง งานล้นมือ(คือไม่อยากทำ)ซะงั้น


อือม์ ไม่รู้จะเล่าทำไมเรื่องอุปสรรค ที่ผ่านพ้นไปแล้ว
ไม่เกิดมรรคผลอันใด ดีแต่จะลดทอนกำลังใจ (และกลายเป็นตาแก่ขี้บ่นไปได้ง่าย ๆ)


สรุปแว่...สู้ ๆ ถ้าเอาชนะเมล์เจ้ากรรมนายเวร
เพียรพยายามกดส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์ ได้สำเร็จลุล่วงในวันนี้
แม้จะไม่ทันงานหนังสือ แต่ปลายเดือนตุลาคมนี้
ท่านน่าจะได้อ่าน ฉันคือสวนดอกไม้ในความเดียวดาย (ของผู้เขียน) เสียที
บอกเล่าเก้าสิบให้แฟนานุแฟนฟังเพียงเท่านี้







บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะค่ะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า กรอบจากคุณsomjaidean100

Free TextEditor




Create Date : 14 กันยายน 2557
Last Update : 14 กันยายน 2557 22:25:47 น. 0 comments
Counter : 1847 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.