happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
10 ธันวาคม 2556
 
All Blogs
 
ตามรอยพระบาทสู่ "วัยเยาว์ของพระเจ้าอยู่หัว" (๒)





ตามรอยพระบาทสู่ "วัยเยาว์ของพระเจ้าอยู่หัว" (๑)






เมื่อโสมส่อง




เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อม ขอถวายพระพรชัยมงคล ถวายเป็นราชสักการะ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช เทวาภินิหารทั้งปวง ได้โปรดอภิบาล ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิภัยพิบัติ ขอจงทรงพระเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการเทอญ



ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุ





ช่วงนี้เป็นวันเฉลิมฯ มีทั้งงานที่จัดเฉลิมฉลองและงานิทรรศการอยู่หลายงาน คลิกเข้าไปตามข่าวได้ที่นี่ค่ะ

เสพงานศิลป์ ๖๘
เสพงานศิลป์ ๖๙



บล็อกเสพงานศิลป์ล่าสุด

เสพงานศิลป์ ๗o



บล็อกผ่านตามาตรึงใจของคุณปอนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ

สายหมอกและดอกไม้













เยือนสวิส ย้อนวันวาน
ตามรอยพระบาทสู่ "วัยเยาว์ของพระเจ้าอยู่หัว" (๒)

เขียนโดย พิชามญชุ์



"…ในสมัยนั้นที่โลซานน์มีเจ้านายจากประเทศต่าง ๆ มาประทับอยู่มากมายหลายราชวงศ์ด้วยกัน แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดคือจากราชวงศ์ไทย เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะทุกคนที่นี่รักท่าน มีคนสวิสเป็นจำนวนมากที่มีความรู้สึกพิเศษให้กับเจ้านายไทย


…เราจะเห็นหนุ่มน้อยสองพระองค์ขี่จักรยานตามท้องถนนที่โลซานน์เป็นประจำ..."
เมอร์ซิเออร์แบร์นาร์ บองนี่ หนึ่งในพระสหายของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้กล่าวถึงภาพคุ้นตาของชาวโลซานน์ที่มักเห็น "หนุ่มน้อยสองพระองค์" ขึ่จักรยานไปตามถนนสายต่าง ๆ และทรงใช้ชีวิตเหมือนเช่นชาวสวิสธรรมดาทั่วไป






หลังจากสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ สิ้นพระชนม์ หม่อมสังวาลย์ มหิดล​ ณ อยุธยา ทรงนำพระโอรสและพระธิดาเสด็จฯ กลับมาประทับที่โลซานน์อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยเมื่อแรกมาถึง จะต้องทรงหาบ้านที่ประทับและจัดการในเรื่องต่าง ๆ จึงได้นำพระโอรส-ธิดาไปฝากที่สถานรับเลี้ยงเด็กชอง โซเลย์ราว ๒ เดือนก่อน หลังจากนั้นทุกพระองค์จึงทรงย้ายเข้าไปอยู่แฟลตเลขที่ ๑๖ ถนนทิสโซต์ (Tissot) แฟลตแห่งนี้เป็นแฟลตขนาด ๓ ห้องนอน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองโดยใช้เวลาเดินเพิียง ๑๕ นาที แต่บรรยากาศเงิียบสงบ ทรงใช้แฟลตแห่งนี้เป็นที่ประทับในช่วงปี ๒๔๗๖-๒๔๗๘


สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงนิพนธ์ถึงแฟลตแห่งนี้ไว้ในหนังสือ "เจ้านายเล็ก ๆ-ยุวกษัตริย์" ว่า "เป็นตึกขนาดใหญ่ มีแฟลตหลายชุด แม่เช่าที่ชั้นล่างเพราะเกรงว่าลูกอาจรบกวนคนที่พักอยู่ข้างใต้ด้วยการวิ่งหรือกระโดด ใต้แฟลตของเรายังมีโรงรถอีก" ที่แฟลตแห่งนี้เจ้านายเล็ก ๆ ทั้งสามพระองค์โปรดเฉลียงด้านนอกมากเป็นพิเศษ โดยใช้เป็นที่ประทับเล่นของเล่น ส่วนด้านหลังโรงรถเป็นที่ที่ได้ทรงหัดขี่จักรยาน






ที่แฟลตเลขที่ ๑๖ ถนนทิสโซต์นี้เป็นสถานที่ที่ทุกพระองค์ประทับอยู่อย่างคนธรรมดา หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา ซึ่งต้องทรงทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวในขณะนั้นได้ทรงปลูกฝังพระโอรส-ธิดา ได้ใช้ชีวิตคนสามัญ รู้จักทำงานบ้าน ทำสวน ดังปรากฏภาพของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงล้างเฉลียงบ้านด้วยพระองค์เองในหน้าร้อน แม้ว่าจะมีพระชันษาเพียง ๖ ปีเท่านั้น





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์
ทรงทำความสะอาดเฉลียงที่แฟลตบนถนนทิสโซต์



ปัจจุบันแฟลตเลขที่ ๑๖ บนถนนทิสโซต์นี้ยังตั้งอยู่ ณ ที่เดิม เลขที่ ๑๖ อาคารสีเหลืองนี้ปัจจุบันเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่ยังคงเงียบสงบอยู่ในย่านที่ไม่พลุกพล่าน หน้าประตูทางเข้ามีเลขที่ ๑๖ เขียนไว้ชัดเจน และดูเหมือนว่าการที่มีคนไทยมาเดินด้อม ๆ มอง ๆ หรือถ่ายรูปที่หน้าแฟลตแห่งนี้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้พบเห็นไปเสียแล้ว เพราะผู้คนในย่านนี้ส่วนใหญ่จะทราบว่าแฟลตแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ไทยในอดีต และมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เมื่อเดินทางมาสวิตเซอร์แลนด์ก็มักจะเดินทางมา "ตามรอยพระบาทในหลวง" ด้วยการไปเยี่ยมชมสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านและสมาชิกในราชสกุลมหิดล





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับที่เฉลียงที่แฟลตบนถนนทิสโซต์



ขณะที่ประทับอยู่ที่แฟลตถนนทิสโซต์นี้ เจ้านายน้อย ๆ ทั้งสามพระองค์ได้ทรงเข้าเรียนในโรงเรียนประถมเมียร์มองท์ (Ecole Miremont) ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากแฟลตเพียง ๑o นาที


ขณะที่ทรงศึกษาที่โรงเรียนเมียร์มองท์ ในระหว่างที่โรงเรียนเปิดเทอมในฤดูหนาว ทั้งสามพระองค์ได้เสด็จไปเรียนที่มองจัวต์ (Montjoie) ซึ่งภรรยาเจ้าของโรงเรียนเมียร์มองท์เป็นผู้ดำเนินการทำเป็นบ้านพักบนภูเขา เปิดรับสอนเด็กในฤดูหนาวประมาณ ๒o คน เจ้านายทั้งสามพระองค์ได้ไปอยู่มองจัวต์ได้ทรงหัดเล่นสกีและเล่นสเก็ต ปัจจุบันโรงเรียนมองจัวต์ไม่มีอยู่แล้ว เหลือเพียงก๊อกน้ำ ซึ่งเจ้าของบ้านบอกว่าเป็นบริเวณเดียวกับที่เคยเป็นโรงเรียนในอดีต และได้สร้างชาเลต์หรือกระท่อมไม้ขึ้นมาใหม่ โดยที่ติดป้ายชื่อโรงเรียนไว้เพื่อให้คนทั่วไปทราบว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นโรงเรียนมองจัวต์ และเคยเป็นที่ประทับในช่วงเปิดเทอมในขณะที่ทรงพระเยาว์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของประเทศไทย





ขณะกำลังจะเสด็จฯ ไปเล่นสกี หน้าแฟลตบนถนนทิสโซต์



ขณะที่สมาชิกราชสกุลมหิดลประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สถานการณ์ในเมืองไทยก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสละสมบัติ และสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบให้อัญเชิญ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อไป ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ ๙ พรรษา


สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้ทรงเล่าไว้ในหนังสือเรื่อง "แม่เล่าให้ฟัง" ความตอนหนึีงว่า


"เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ (นับตามปฏิทินวันเก่าหรือ ค.ศ. ๑๙๓๕) มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตธรรมดา ๆ ต้องเปลี่ยนไปบ้าง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสละราชสมบัติ และรัฐบาลได้อัญเชิญ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ น้องชายคนเล็กและข้าพเจ้าก็เปลี่ยนจากพระองค์เจ้ามาเป็นเจ้าฟ้า แม่ก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่ แต่เนื่องจากเป็นมารดาของพระเจ้าแผ่นดิน ก็ตั้งขึ้นเป็นพระราชชนนี และเพื่อให้สอดคล้องกับคำว่าชนนี แม่เลยเปลี่ยนเป็นศรีสังวาลย์แทนสังวาลย์ 'พระราชชนนีศรีสังวาลย์' ซึ่งแม่ไม่ชอบเลย"





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉายที่โรงเรียนมองจัวต์
ที่เปิดรับสอนเด็กในฤดูหนาว



การรับราชสมบัติในครั้งนี้ได้นำความลำบากใจมาสู่ หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (ต่อมาภายหลังได้ดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์) ด้วยมิทรงปรารถนาในลาภยศ สรรเสริญใด ๆ แต่ต้องทรงรับเพราะเป็นหน้าที่ที่พึงมีต่อบ้านเมือง และเป็นที่แน่นอนว่าการเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติในครั้งนี้ได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ "ครอบครัวมหิดล" ซึ่งได้พยายามปฏิบัติตนเป็นบุคคลธรรมดาในประเทศอันเงียบสงบอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ความเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มตั้งแต่การติดตามสืบเสาะถ่ายภาพของนักข่าวหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ และการเดินทางมาเยือนของตัวแทนรัฐบาลไทย...





วิลล่าวัฒนาในอดีต



เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงสงขลานครินทร์ ได้ทรงเล่าผ่านหนังสือ "เจ้านายเล็ก ๆ ยุวกษัตริย์" ว่า


"ในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๔๗๗ คณะรัฐมนตรีได้มีโทรเลขอัญเชิญ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ให้ขึ้นทรงราชย์ ซึ่งมิได้ทรงตอบจน สมเด็จพระพันวัสสาฯ ได้มีรับสั่งมาให้รับ โดยกรมขุนชัยนาทนเรนทร..." ซึ่งต่อมา เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ และ ดิเรก ชัยนาม ได้มาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ดังปรากฏในพระหัตถเลขาฯ ของ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระยศในขณะนั้น) กราบทูล สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ลงวันที่ ๑o เมษายน ๒๔๗๘ โดยได้ทรงแสดงเจตนาอย่างแน่วแน่ที่จะให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้ทรงใช้ชีวิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างคนธรรมดา มิใช่ "กษัตริย์" ยิ่งไปกว่านั้น จดหมายฉบับนี้นับเป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างดีที่สุดถึงความเป็นแม่ที่ประเสริฐ ทรงอภิบาลพระโอรส-ธิดาอย่างแม่ที่รักลูก และทรงเปี่ยมด้วยพระสติปัญญาอันล้ำเลิศอย่างยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน





ครอบครัวเล็ก ๆ ในสวนหลังพระตำหนักวิลล่าวัฒนา



"…หม่อมฉันได้พูดกับพระยาศรีฯ และ นายดิเรก ชัยนาม ด้วยถึงเรื่องร่างกายและการศึกษาต่อไป ทีแรกพระยาศรีฯ เห็นว่านันทไม่ควรไปโรงเรียน ให้มีครูมาสอนที่บ้าน หม่อมฉันก็ตอบไปทันทีว่าหม่อมฉันเห็นตรงกันข้าม เพราะการเรียนคนเดียวจะทำให้เด็กไม่อยากเรียนเพราะไม่มีคนแข่ง และไม่สนุกเลยที่ไม่ได้มีเพื่อน จะทำให้นันทไม่มีความสุขที่ต้องแบกยศพระเจ้าแผ่นดินจนไม่มีเวลาจะเป็นเด็ก และพระเจ้าแผ่นดินก็จำเป็นมากที่จะต้องปะปนกับคนอื่น จะได้รู้นิสัยคนทั่วไป จะเป็นประโยชน์สำหรับบ้านเมืองที่มีการปกครองอย่างประชาธิปไตย





ปัจจุบันเจ้าของบ้านได้รื้อพระตำหนักวิลล่าวัฒนาไปแล้ว เนื่องจากสภาพทรุดโทรม
และสร้างใหม่เป็นอาคารอพาร์ตเม้นต์ ๓ ชั้น สำหรับให้เช่าพักอาศัย
ตั้งชื่อว่า "อาคารเลขที่ ๕๑" (Chamblandes 51)



เจ้าพระยาศรีฯ ก็เห็นด้วย

เมื่อเจ้าพระยาศรีฯ จะไปจากโลซานน์ หม่อมฉันก็บอกให้เป็นที่เข้าใจอีกว่า ทั้งลูกและหม่อมฉันไม่มีความต้องการยศและลาภเลย แต่การที่นันทต้องรับเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็เพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ต่อบ้านเมือง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต่อไปขอให้พูดกันดี ๆ อย่าบังคับและตัดอิสรภาพจนเหลือเกิน และสำหรับร่างกายและการศึกษาแล้วขอให้ได้เต็มที่ เวลานี้เป็นเด็กก็ขอให้เป็นเด็ก พระเจ้าแผ่นดินที่ร่างกายไม่แข็งแรงและโง่ก็ไม่เป็นสง่าสำหรับประเทศ..."







หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนา และ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ทุกพระองค์ได้ทรงย้ายที่ประทับจากแฟลตที่ถนนทิสโซต์ไปอยู่ที่ "วิลล่าวัฒนา" เนื่องจากรัฐบาลไทยมีความประสงค์ให้ประทับอยู่อย่างสมพระเกียรติ วิลล่าวัฒนาแห่งนี้ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ได้ทรงตั้งขึ้นตามสร้อยพระนามเดิมของ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา) และ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา






วิลล่าวัฒนา แห่งนี้เป็นบ้าน ๓ ชั้น มี ๑๓ ห้อง ตั้งอยู่บนเนินลาดในเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ มีบริเวณและสวนผลไม้ หันหน้าไปทางทะเลสาบเจนีวา (ทะเลสาบเลอ มอง) และมองเห็นเทือกเขาาแอลป์ มีสวนรอบบ้าน ในจำนวนห้องทั้งหมด ๑๓ ห้อง มีห้องหนึ่งของบ้านที่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้ทรงบันทึกว่า "เมื่อสองพระองค์เจริญขึ้น แม่ได้ซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือช่างไม้อย่างครบถ้วนให้ใช้ในห้องด้านนี้" อาจกล่าวได้ว่าห้องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงหัดทำงานของช่างไม้ จนต่อมาทรงมีพระปรีชาสามารถในการประกอบเรือใบและงานไม้อื่น ดังเช่นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่คุ้นตาของพสกนิการชาวไทย นั่นคือภาพที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบเรือใบ เป็นต้น





จากห้องเล็ก ๆ ที่ทรงฝึกงานไม้ในพระตำหนักวิลล่าวัฒนา สู่พระปรีชาสามารถในการต่อเรือ



ในเวลานั้น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเช่าบ้านหลังนี้จากเจ้าของในราคาเดือนละ ๘,ooo ฟรังก์สวิส โดยทรงย้ายเข้ามาที่วิลล่าวัฒนา เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ และทรงใช้ชีิวิตที่นี่เป็นเวลานานถึงสิบกว่าปี และเป็นช่วงเวลาสิบกว่าปีที่มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น ณ วิลล่าวัฒนาแห่งนี้มากมาย


สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงแรกที่ย้ายไปประทับที่วิลล่าวัฒนาว่า


…"รัชกาลที่ ๘ ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน การเปลี่ยนแปลงก็เป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอกมากกว่า เราต้องย้ายไปอยู่บ้านที่หรูหรากว่าแทนที่จะอยู่แบบเล็ก ๆ ต้องมีราชองครักษ์ มีราชเลขาฯ ต้องรับแขก ต้องรู้จักอะไรมากขึ้นหน่อย คำพูดก็ต้องเปลี่ยนไป ต้องอะไรหลายอย่างแต่ภายในยังเหมือนเดิม ความมุ่งหมายที่จะเป็นคนดียังเหมือนเดิม อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอกคือ ท่าน (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ได้ทำสิ่งที่เริ่มไว้แล้วคือ ตั้งแต่เมืองไทยจนถึงเมืองนอก เมื่อไปท่านก็ได้พูดไว้ว่าเรียนหนังสือให้ดีจะได้รับความรู้มาช่วยประเทศชาติ ช่วยคนไทย สงสารคนไทยที่ยังยากจนที่ยังเคราะห์ร้ายกว่าเรามาก อันนี้เป็นการเตรียมต่อเนื่องจากเก่าไม่ใช่ของที่ใหม่..."






ความเปลี่ยนแปลง "ภายนอก" ประการแรกอันเนื่องมาจากการขึ้นครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ก็คือการที่ครอบครัวเล็ก ๆ นี้ได้ตกอยู่ในความสนใจของสาธารณชนทั่วไปมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อมวลชนในสวิตเซอร์แลนด์เองและสื่อมวลชนต่างชาติโดยเฉพาะในยุโรป รวมไปถึงรัฐบาลสวิส และบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดยในช่วงแรก ๆ ที่ขึ้นครองราชย์ ได้มีนักหนังสือพิมพ์ และสำนักข่าวโทรทัศน์ขอพระราชทานพระราชานุญาตฉายพระรูป และถ่ายทำสารคดีทางโทรทัศน์ รัฐบาลสวิสได้ส่งตำรวจลับของรัฐโวด์ (รัฐที่เมืองโลซานน์ตั้งอยู่) มาถวายพระเกียรติโดยเชิญเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชมโรงงานผลิตช็อกโกแลต ทำให้ทรงพระเกษมสำราญมาก





ในปัจจุบันมีการสร้างชาเลต์จำลองขึ้นมาใหม่ที่โรงเรียนมองซัวต์



สำหรับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้ากัลยาณิวัฒนา ได้ทรงพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือ "เจ้านายเล็ก ๆ-ยุวกษัตริย์" ว่า "ข้าพเจ้าได้กราบทูลถาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ว่าทรงมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อพระองค์เจ้าอานันทฯ เสด็จขึ้นครองราชย์ รับสั่งว่าไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ ทรงจำได้ว่าสององค์พี่น้องทรงเห็นว่าตลกดีที่มีผู้มาเฝ้าฯ วางท่าสง่าผ่าเผยอย่างทางการเหลือเกิน..."


เมื่อครอบครัวเล็ก ๆ ที่เคยอยู่อย่างสุขสงบ ต้องอยู่ในความสนใจของสาธารณชนเช่นนี้ การใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาสามัญซึ่งเป็นสิ่งที่ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ทรงมุ่งหวังมาตลอด จึงไม่อาจทำได้ตามพระประสงค์ได้ทั้งหมด แต่ สมเด็จพระราชชนนี ก็ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างพอดีและเหมาะสมในการจัดการชีวิตทั้งในบ้านและนอกบ้าน อาทิ ในระหว่างที่ประทับอยู่ที่วิลล่าวัฒนานี้ รัฐบาลไทยได้ถวายเงินแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีละหนึ่งแสนบาท ซึ่ง สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ได้ทรงใช้เงินจำนวนนี้ในเรื่องเกี่ยวกับการอยู่อาศัยเพื่อให้สมพระเกียรติเท่านั้น





ก๊อกน้ำที่โรงเรียนมองจัวต์



"เงินส่วนของนันทนี้ หม่อมฉันจะใช้สำหรับเป็นค่าบ้าน รถยนต์ การเรียนและเงินเดือนคนใช้ ส่วนการรับประทาน เครื่องแต่งตัวและอื่น ๆ หม่อมฉันจะเอาเงินส่วนตัว หม่อมฉันไม่อยากเอาเงินที่เป็นส่วนของนันทมาใช้สำหรับทั้งหมด เพราะไม่ชอบในการที่จะให้ใคร ๆ ว่างกเงิน แต่จำเป็นที่จะต้องเอามาใช้เพราะการกินอยู่จะต้องทำให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน จะใช้เงินส่วนตัวก็ไม่พอเป็นแน่.. หม่อมฉันไม่ชอบในการที่อยู่หรูหราเปลืองเงินมาก แต่มันเป็นการจำเป็นที่จะต้องทำบ้าง พอไม่ให้น่าเกลียด" (พระหัตถเลขาฯ ของ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ที่ทรงมีถึง สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘)


จากพระหัตถเลขาฯ ดังกล่าวสะท้อนถึงทัศนคติของพระองค์ในเรื่องความมัธยัสถ์ โดยสมเด็จพระราชชนนีทรงอบรมพระโอรส-ธิดา ให้มีความเป็นอยู่เรียบง่ายเหมือนเด็กธรรมดาสามัญทั่วไป แม้ว่าพระโอรสองค์หนึ่งจะเป็นพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีที่ทรงอบรมพระโอรสได้ โดยสมเด็จพระราชชนนีทรงมีพระประสงค์ให้พระราชโอรส-ธิดารู้จักค่าของเงิน อาทิ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระอนุชาทรงอยากได้วิทยุ ก็ต้องทรงประกอบวิทยุเล็ก ๆ ขึ้นมาเอง นอกจากนั้นสมเด็จพระราชชนนีโปรดการทำสวน ที่สวนด้านหลังพระตำหนักวิลล่าวัฒนา ได้ทรงสอนพระโอรส-ธิดาให้ทำงานในสวนและไม่ทรงรังเกียจการทำงานทุกประเภทที่สุจริต






อาจกล่าวได้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระอนุชาทรงมีวันเวลาในขณะที่ทรงพระเยาว์ที่เป็นสุขในขณะที่ประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากทั้งสองพระองค์ได้ทรงมี "เวลาที่จะเป็นเด็ก" ภายใต้การอภิบาลของสมเด็จพระราชชนนี ได้ทรงหัดเล่นสกี ได้ทรงหัดเล่นดนตรี เล่นแผ่นเสียง ทรงสนพระทัยรถแข่ง เรือรบ และการถ่ายภาพตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป และเมื่อทรงสนพระทัยในสิ่งใดก็จะทรงศึกษาอย่างถ่องแท้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นพระราชอนุชานั้นทรงมีความสนพระทัยการกั้นน้ำสร้างเขื่อน ตั้งแต่เมื่อครั้งประทับอยู่ที่โรงเรียนเลอ ฟัวเย่ ในปี ๒๔๗๗ ขณะนั้นทรงมีพระชันษาเพียง ๗ ปี


"ได้ทรงสังเกตและจำวิธีที่เขาใช้ในการนำน้ำมาใส่ในอ่างให้เด็กเล่น เขาไปเอาน้ำมาจากลำธารที่ไหลใกล้ ๆ ทำทางตื้น ๆ ให้น้ำไหลลงมาได้ เอาดินเหนียวใส่ลงไปในทางและเอาขวดไปถูให้เรียบ" (จากหนังสือเจ้านายเล็ก ๆ-ยุวกษัตริย์)






ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา บรรยายไว้ในหนังสือ "ทำเป็นธรรม" ว่า


"…เมื่อพระชันษาประมาณ ๓ พรรษา เริ่มสนพระทัยและโปรดที่จะทำบ่อน้ำเล็ก ๆ ให้มีทางน้ำไหลไปตามต้องการ ทรงช่วยกันทำกับพระเชษฐา (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) ทำคลอง ทำเขื่อนเก็บน้ำ และรอบ ๆ บ่อหากิ่งไม้มาปักเป็นการปลูกต้นไม้ และประมาณ ๗-๘ พรรษา จึงได้ทรงสังเกตเห็นในการที่ผู้ใหญ่นำน้ำใส่อ่างให้เด็กเล็ก วิธีที่จะนำน้ำจากที่แห่งหนึ่งมาสู่ที่อีกแห่งโดยทำให้ที่รับน้ำต่ำกว่า และทางให้น้ำไหลมาตามทางตลอดทาง ทำทางให้เรียบกันน้ำซึม โดยใช้ดินเหนียวปะหน้าและถูให้เรียบใช้วัสดุที่กลมเกลี้ยงให้เรียบ เพื่อน้ำจะได้ไหลได้สะดวก ไม่มีก้อนดินหรือหินขรุขระกีดขวาง และทรงจำวิธีที่เขาทำได้จนบัดนี้..."






กล่าวได้ว่าด้วยประสบการณ์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์เกี่ยวกับน้ำและเขื่อนนี้เองที่ส่งผลให้ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่สร้าง "ประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม" ในด้ายการชลประทานอย่างมากมายเหลือคณานับ ด้วยทรงมีความสนพระทัยเรื่อง "น้ำ" เป็นลำดับต้น ๆ เพราะทรงทราบว่าน้ำคือปัญหาสำคัญของประเทศไทยซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรม มีพระราชดำริมากมายเกี่ยวกับการจัดการ "น้ำ" เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำในการทำการเกษตรอย่างพอเพียง และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ทรงรอบรู้ทุกเรื่องการจัดการน้ำทุกรูปแบบ โครงการน้ำในพระราชดำริจึงปรากฎครอบคลุมปัญหาในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การสงวนรักษาแหล่งต้นน้ำต่าง ๆ การจัดการทรัพยากรน้ำที่มีอยู่แล้ว การแก้ปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม และภัยจากน้ำทะเลท่วมล้ำแผ่นดิน ตลอดถึงการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำน้ำมาใช้ใหม่ เป็นต้น


จากวัยเยาว์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจากแม่น้ำลำธารสายหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ มาสู่โครงการน้ำในพระราชดำริอันสร้างประโยชน์แก่ปวงชนชาวไทย สู่พระราชสมัญญาว่า "ราชันย์แห่งสายน้ำ"...บางทีสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตมาแล้วตั้งแต่ต้นแล้วก็เป็นได้



พระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์
รูปและข้อมูลจาก สกุลไทยรายสัปดาห์ ฉบับที่ ๓o๗๙



บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

TextEditor





Create Date : 10 ธันวาคม 2556
Last Update : 13 สิงหาคม 2559 23:16:44 น. 19 comments
Counter : 10578 Pageviews.

 
หลายภาพในบล็อกคุณไฮกุ
เป็นภาพประวัติศาสตร์จริงๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:11:14:02 น.  

 
ว่าง ๆ มาสอนไฮกุบ้างนะคะ เพราะว่าสนใจเรื่องการแต่งกลอนค่ะ


โดย: cyberlifenlearn วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:11:50:52 น.  

 
เป็นการบันทึก ... ตามรอยพระบาทสู่ "วัยเยาว์ของพระเจ้าอยู่หัว"
ได้น่าสนใจและประทับใจในวัยเยาว์ อ่านแล้วอยากย้อนอดีต
ขอบคุณมากค่ะ เป็นบล๊อกที่มีคุณค่าแห่งความทรงจำที่สุดค่ะ

วันนี้เราหมดโค้วต้าโหวตซะแร๊ววว..
จะกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งค่ะ


โดย: tui/Laksi วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:14:41:02 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไฮกุ มาอวยพรวันเกิดย้อนหลังค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะมัวแต่ยุ่งๆไม่ได้เข้ามาอวยพรเลยค่ะขอให้คุณไฮกุมีความสุข คิดสิ่งใดสมปรารถนาตลอดไปนะคะ




More Birthday Cakes Comments


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:21:20:50 น.  

 
อ่านเพลินเลย ชอบมาก ความจริงก็ได้อ่านเรื่อง
นี้บ่อยๆ แต่ก็ยังอ่านเพลินทุกที ขอบคุณที่นำมา
เรียบเรียงประกอบภาพให้น่าอ่านยิ่งขึ้น



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:21:50:10 น.  

 
อิ่มเอมค่ะคุณไฮกุ หลายภาพที่ยิ้มเลย
ขอบคุณนะคะที่เก็บเรื่องราวดีๆมาให้ชม



เลือกหมวดไม่ถูก นิคจัดบุ๊คมาละกันค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้า(น)ป่า Music Blog ดู Blog
haiku Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:22:17:42 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณไฮกุ ตื่นแล้วรีบมาอ่านและชมภาพอีกครั้ง
ขอบคุณมากนะค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog


โดย: tui/Laksi วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:5:09:02 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:6:52:00 น.  

 
ภาพแรกสวยค่ะพี่ไฮกุ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กิ่งฟ้า Literature Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


สวัสดีวันอากาศเย็นๆค่ะ
น่านอนจัง อิอิ




โดย: ญามี่ วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:10:04:39 น.  

 
ตามมาอ่านเรื่องราวดีๆตามคำเชิญของคุณไฮกุค่ะ

รักในหลวง
ทรงพระเจริญ


โดย: Love At First Click วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:14:37:19 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 3 ทรงพระเจริญค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 11 ธันวาคม 2556 เวลา:23:32:30 น.  

 
แวะาอ่านเรื่องราวดีดีค่ะคุณไฮกุ ใกล้ปีใหม่อีกแล้ว อีประมาณ ๑ สัปดาห์คงได้ส่ง สคส.ไปให้


โดย: sawkitty วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:14:29:15 น.  

 
ส่วนมากเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลยค่ะ

คงต้องไปหามาไว้จริงๆ บ้างแล้วค่ะ "แม่เล่าให้ฟัง" "เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์" แม่เล่าให้ฟัง จำได้ว่าเคยมีนานมาแล้ว สมัยเรียนหนังสืออยู่เลยหายไปไหนไม่รู้ค่ะ

ขอบคุณ คุณไฮกุนะคะ รวบรวมมาให้อ่าน ให้ชมกัน

ไลค์ 4 ก่อนค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:19:58:37 น.  

 
หวัดดีค่าคุณไฮกุ
เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์จริงๆนะคะ
ภาพเก่าสมัยพระเยาว์ มีอารมณ์ขันมากๆ ด้วย
เป็นภาพที่หาดูได้ยาก
แต่ดูแล้วมีความสุขจริงๆค่า


โหวตให้ค่า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
กิ่งฟ้า Travel Blog ดู Blog
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
AppleWi Dharma Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:21:18:58 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนครับ

โหวต และไลค์ส่งกำลังใจไปให้คุณไฮกุด้วยครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
haiku Art Blog ดู Blog


โดย: **mp5** วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:22:41:17 น.  

 
สวยงามมาก ขอบคุณคับ


โดย: เอ (Ketta2233 ) วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:23:03:19 น.  

 
คุณก๋า...ต้องชมคนเขียนสารคดีค่ะ สรรหาพระบรมฉายาลักษณ์และรูปภาพเก่า ๆ ที่หาชมได้ยาก เห็นแล้วประทับใจมากค่ะ


คุณทราย...เราเขียนบล็อกเกี่ยวกับความหมายและวิธีแต่งไว้ในบล็อกนี้ค่ะ ความหมายของไฮกุ คลิกเข้าไปอ่านได้เลยค่ะ


คุณตุ้ย...เป็นปลื้มกับเม้นท์ของคุณตุ้ยมากค่ะ ได้กำลังใจในการเขียนบล็อกแบบเต็ม ๆ เลยค่า ขอบคุณมาก ๆ ที่โหวตให้นะคะ


คุณกิ่ง...ต้องขอบคุณที่แวะมาอวยพรวันเกิดให้จ้า เค้กที่หอบมาฝากสวยเชียว มีหัวใจสีแดงแจ้งรักด้วย น่ารักจังจ๊ะ


พี่หนูหล่อ...แอบดีใจที่บล็อกยาว ๆ แบบนี้คุณพี่บอกว่าอ่านเพลิน บทความในสกุลไทยอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์ และลงรูปภาพรวมไว้ด้วยกันหน้าเดียว ต้องค่อย ๆ เรียบเรียงให้ตรงกับข้อความในแต่ละตอน ค่อนข้างลำบากนิดนึง แต่ก็ทำด้วยความสุขมากค่ะ เหมือนได้ค่อย ๆ ตามรอยพระบาทราชสกุลมหิดลในแต่ละช่วงชีวิต จนอยากจะได้เดินทางไปชมสถานที่จริงให้เห็นกับตาเลยค่ะ


คุณนิค...ด้วยความยินดีจ้า ขอบคุณมาก ๆ ที่โหวตให้นะคะ ที่จริงหมวดนี้ไม่ต้องโหวตให้ก็ได้ค่ะ เราทำบล็อกนี้เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี แล้วอีกอย่าง ไม่รู้่ว่าจะเลือกให้ตรงกับหมวดไหนดี ก็เลยไม่ได้บอกว่าให้โหวตให้


น้องญามี่...พี่ก็ชอบพระบรมฉายาลักษณ์องค์แรกเหมือนกันค่ะ ในหลวงรัชกาลที่เก้าตอนยังทรงพระเยาว์น่ารักมาก ๆ

เห็นภาพเจ้าหมาน้อยแล้วแอบยิ้มเลย ขอบคุณมากที่โหวตให้นะจ๊ะ


คุณน้ำอ้อย...ขอบคุณที่แวะมาอ่านตามคำชวนนะคะ


คุณอุ้ม...ขอบคุณมากที่กดไลค์ให้ค่า


คุณสาว...ขอบคุณที่แวะมาอ่านบล็อกนี้นะคะ แล้วก็ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับสคส.ด้วยจ้า


คุณหนู...เรามีหนังสือทั้งสองเล่มแล้วค่ะ อ่านแล้วชอบมาก ๆ พูดแล้วนึกอยากอ่านอีกรอบเลยค่ะ

ขอบคุณมากที่กดไลค์ให้นะคะ


คุณริน...เนอะ เนอะ เวลาเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงสมัยทรงพระเยาว์จะเรียกรอยยิ้มได้จริง ๆ ค่ะ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า "แอ็กท่าถ่ายรูปได้น่ารักสุด ๆ "


คุณmp5…ขอบคุณมากที่โหวตให้นะคะ


คุณเอ...ขอบคุณที่แวะมาอ่านบล็อกนี้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกันค่ะ


โดย: haiku วันที่: 12 ธันวาคม 2556 เวลา:23:27:42 น.  

 
ขอบคุณมากที่ได้นำภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตื่นเต้นประทับใจมากค่ะ


โดย: arngchoi (angsuporn ) วันที่: 13 ธันวาคม 2556 เวลา:20:47:39 น.  

 
ขอบคุณคุณ arngchoi ที่แวะมาอ่านบล็อกนี้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกันค่ะ


โดย: haiku วันที่: 13 ธันวาคม 2556 เวลา:23:13:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.