happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
5 พฤศจิกายน 2560
 
All Blogs
 
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง ร.๙ ในนิตยสาร Point de Vue









รักในดวงใจนิรันดร์







น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ


ย้อนรำลึกแรกพระองค์ทรงครองราชย์
บรมนาถนวมินทร์ปิ่นสยาม
ปฐมราชโองการประศาสน์พระนาม
เพื่อสร้างความสุขปกพสกไทย

บรรลุเจ็ดสิบปีที่ครองฉัตร
เปล่งพระราชจริยวัตรนิรัติศัย
พระเสโทท่วมทั้งองค์พระทรงชัย
โลกซึ้งในผองพระราชกรณี

กว่าสี่พันสี่ร้อยโครงการหลวง
ไทยทั้งปวงประสบสุขทุกถิ่นที่
ทศพิธราชธรรมนำชีวี
ด้วยพระปรีชาชาญมองการณ์ไกล

ทรงเป็นนักปกครองกรองธรรมนิติ
ยุติธรรมดับวิกฤตพิชิตพิสัย
เลิศกษัตริย์รัฐประชาธิปไตย
ธำรงไทยเทิดธรรมเด่นดำรง

พระทรงญาณชาญเกษตรเศรษฐกิจ
ทรงสัมฤทธิ์ทฤษฎีที่สูงส่ง
เฉก “เกษตรผสมผสาน”อันยืนยง
เกษตรคงคู่ถิ่นแผ่นดินไทย

ทรงเป็นนักธรณีที่เชี่ยวชาญ
ประเมินการณ์ดินน้ำล้ำวิสัย
ทั้งลมฟ้าอากาศธาตุวิจัย
ลบแล้งได้ด้วยฝนหลวงร่วงเมฆา

พระทรงเป็นยิ่งปราชญ์ทุกศาสตร์ศิลป์
โลกระบิลวิสัยทัศน์วิวัฒน์หล้า
จึ่งรางวัลสิทธิบัตรหลากอัตรา
เหรียญ “สูงสุดการพัฒนาฯ”เหนือค่าใด

ยิ่งเนิ่นนานปีทองทรงครองรัฐ
พระครองธรรมนำพิพัฒน์จรัสสมัย
เป็น “พลังแห่งแผ่นดิน” ปิ่นฉัตรไชย
พระรักไทยเหนือชีวิตจิตวิญญาณ

หากเพราะเหตุที่พระองค์ทรงงานหนัก
มิผ่อนพักพระวรกายคล้ายหักหาญ
เหมือนฟ้าฟาดทุกดวงใจไทยแหลกลาญ
เทพถึงกาลกลับสวรรค์ครรไลลา

พระประชวรมวลประชาแสนกำสรด
ข่าวสวรรคตโลกโศกศัลย์ทั่วแหล่งหล้า
ผองพสกได้แต่ร่ำฟายน้ำตา
นัอมบูชาสู่สวรรคาลัยนิรันดร์


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

ช้าพระพุทธเจ้า บริษัทหนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด
นายประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ ร้อยกรองถวาย
จาก naewna.com











ถือเป็นความรู้สึกหนึ่งเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศ  ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน  แต่วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  เมื่อวันที่ ๒๖  ต.ค. ๒๕๖๐  จะยังอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน  เพราะเป็นวันที่นำมาซึ่งน้ำตาของคนไทยหลายสิบล้านชีวิต  และทุกหมู่เหล่าที่ได้ร่วมกันเฝ้าติดตามพระราชพิธีดังกล่าวอย่างใจจรดใจจ่อ  รวมถึงอีก ๒๐ ล้านคนที่เข้าร่วมในพระราชพิธีฯตามจุดต่าง ๆ

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊กของผู้ที่ใช้ชื่อว่า  “Jaeng  Moon”  ได้แชร์โพสต์เรื่องราวที่ปรากฏในนิตยสารฉบับหนึ่งของฝรั่งเศส  ลงในเพจพิพิธประวัติศาสตร์   มีใจความสำคัญและภาพปรากฎที่ทำให้เห็นว่าองค์พ่อหลวงของคนไทย คือ พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่  ไม่ใช่เฉพาะกับคนไทยในประเทศ  หากแต่พระองค์ยังเป็นที่เคารพจากสากลโลก  ด้วยพระราชกรณียกิจ  พระปรีชาสามารถ  และพระเมตตาที่พระองค์มีต่อพสกนิกรตลอดช่วง ๗๐ ปีแห่งการครองราชย์

“วันนี้ขอแวะไปเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นยังอีกฟากหนึ่งของโลกคือที่ประเทศฝรั่งเศสสักแป๊บนะ นิตยสาร Point de Vue ฉบับวันที่ ๑-๗ พฤศจิกายน ๒๐๑๖ ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยคอลัมนิสต์ชื่อ Antoine Michelland

ทางนิตยสารได้อุทิศหน้า ๑๖-๒๕ ทั้งหมด ๑๐ หน้าเพื่อร้อยเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับงานพระราชพิธีที่จัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเพื่อให้ชาวฝรั่งเศสได้อ่านและรับทราบกันถึงความรักและการถวายความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้ของปวงชนชาวไทยแด่องค์พ่อหลวง โดยบรรยายไว้ตั้งแต่หน้าแรกว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเสด็จสู่สวรรคาลัย และ “วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความอาดูรทั้งปวงบนโลกใบนี้” 

เชื่อว่าผู้เขียนเรื่องนี้คงอยู่ประเทศไทยในช่วงงานพระราชพิธี เพราะบรรยายความงามของพระราชพิธีได้อย่างสมพระเกียรติ และด้วยการใช้ถ้อยคำที่ให้ความเคารพอย่างสูง ทั้งยังอธิบายความเชื่อของไทยหลายเรื่อง อาทิ คติความเขื่อกษัตริย์คือสมมติเทพ โดยบอกว่า พระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์สมมติเทพของพระนารายณ์ 

เนื้อหาในบทความเกี่ยวกับพระราชพิธีเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศในวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ในแต่ละหน้าของบทความได้เล่าเรื่องผ่านภาพพร้อมเขียนบรรยายรายละเอียดของพระราชพิธี ซึ่งผู้เขียนน่าจะได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพราะสามารถเขียนได้เหมาะสมและให้ความเคารพต่อโบราณราชประเพณีเกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพ อาทิ การอธิบายลำดับงานตามหมายกำหนดการได้ครบถ้วน การเขียนอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างพระเมรุมาศตามคติไตรภูมิพระร่วง ที่จำลองพระเมรุมาศเป็นเสมือนเขาพระสุเมรุและสัตบริภัณฑ์เพื่อส่งเสด็จสู่ทิพยวิมาน หรือประติมากรรมปูนปั้นลวดลายประดับตกแต่งพระเมรุมาศ เช่นครุฑยืนรอบพระเมรุมาศ รวมถึงอธิบายถึงการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ว่าในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีการแสดงมหสพสมโภชในงานออกพระเมรุพระบรมอัฐิด้วย โดยมีจุดประสงค์ให้เป็นเครื่องปลอบประโลมคลายทุกข์โศกแก่ประชาชน และเพื่อเป็นการส่งเสด็จเจ้านายสู่สรวงสวรรค์อย่างสมพระเกียรติที่สุด

ส่วนภาพประกอบเป็น  ภาพพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งภาพริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศที่งามสมพระเกียรติ ภาพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปในการเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศ ภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่เสด็จในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง ภาพพระมหาพิชัยราชรถขณะอัญเชิญพระบรมโกศ ภาพพระบรมวงศ์  พระประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ และภาพประชาชนคนไทยที่หมอบกราบลงกับพื้น 

บรรทัดสุดท้ายผู้เขียนได้บรรยายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนี้ “เป็นเพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงเป็นทั้งพ่อหลวง เป็นพระมหากษัตริย์ และเป็นองค์เทพยดาของปวงชนชาวไทย และวันนี้พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยอย่างแท้จริงแล้ว”

























































































พระบรมฉายาลักษณ์ พระรูป ภาพและข้อมูลจาก
tnews.co.th 1
tnews.co.th 2
twitter.com
matichon.co.th
becteroradio.com
komchadluek.net











"พ่อของแผ่นดิน" ตราบนิรันดร์



พ่อ.............

เสด็จคืนสู่ "ทิพยดุสิตสถาน" แล้ว

รู้ทั้งรู้...........

ว่าพ่อนั้น ด้วยทศบารมีธรรม สู่ภาวะองค์พระโพธิสัตว์ "มหาภูมิพล" แล้ว

แต่ลูก ผู้ยังจมลึกอยู่ในห้วงโอฆสงสาร

แม้เข้าใจ แต่มิอาจหักใจ

อกลูกทั้งแผ่นดินยามนี้.......แห้งโหยยิ่งนัก!

การพร่ำรำพรรณ ไม่เกิดประโยชน์ใด ก็ทราบอยู่ แต่ลูกทั้งแผ่นดิน เกิดมาก็เห็นพ่อ อยู่กับพ่อ

ต่อแต่นี้..........

พ่อนั้น มี แต่พ่อไม่อยู่แล้ว

ในความอาลัยถึงพ่อนั้น ลูกคนไหน จะตัดโศก-หักเศร้า ใจไม่เหงา น้ำตาไม่รื้นได้เล่า?

๑๓ ตุลา.๕๙ ฟ้าผ่ากลางใจลูกปานสลายมาครั้งหนึ่ง

แต่ ๑ ปี ที่ผ่าน

ในจิตร้าวราน สรีระพ่อ ยังเป็นสรณะให้ลูกยึด

ครั้นถึง ๒๖ ตุลา.๖๐ นี้.................

จากดิน คืนดิน, จากน้ำ คืนน้ำ, จากลม คืนลม และจากไฟ คืนไฟ แห่งไตรลักษณ์

-อนิจจัง ทุกอย่าง ไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา

-ทุกขัง ทุกอย่าง ถ้ายึด เป็นทุกข์

-อนัตตา ทุกอย่าง ว่างเปล่า ที่เห็นเป็นรูป นั่นเพียง ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ "กาย-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ" ประกอบกันขณะหนึ่งเท่านั้น

แต่ ๒๖ ตุลา. จิตกาธาน ณ พระเมรุมาศนี้

"จิตใต้สำนึก" ลูกทุกคน เหมือนได้รับสัญญาณย้ำเตือน

ต่อแต่นี้ ไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้วนะ

เหลือแต่พระบรมราชสรีรางคาร คือเถ้า กองหนึ่งเท่านั้น

อดย้อนคิดใน "ธรรมรำลึก" ไปเมื่อครั้งพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไม่ได้

ก่อนปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสบอกแก่พระสงฆ์ผ่าน "พระอานนท์" ว่า

"ดูก่อนอานนท์..........

ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และบัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละ จักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไปแล้ว"

และตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทว่า

"ภิกษุทั้งหลาย..........

บัดนี้เราขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา

ท่านทั้งหลาย จงทำหน้าที่อันเป็นประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

จากนั้น พระพุทธองค์ไม่ตรัสอะไรอีกเลย กระทั่งนิพพานในเวลาสุดท้ายในคืนเพ็ญวิสาขะ คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖

ย้อนรอยบาทพระพุทธองค์เช่นนี้แล้ว.............

ก็มาใคร่ครวญทวนทบคำสอนของพ่อ "พระมหาภูมิพล" พระผู้จุติลงมาทำเพ็ญตบะบารมีธรรมในโลกมนุษย์ มุ่งสู่พุทธภูมิ

บนบัลลังก์กษัตริย์แห่งสยาม........

พ่อ "พระมหาภูมิพล" ทรงเดินตามรอยบาทพระพุทธองค์ไม่ผิดเพี้ยน

พ่อไม่อยู่ ก็จริงอยู่......

แต่ "ทุกคำสอน" พ่อ ทุกโครงการของพ่อ กว่า ๔ พันโครงการ ที่กระจายไป ทั้งในประเทศ และต่างประเทศหลายประเทศ

.........ยังอยู่

และนั่น "งานของพ่อ" คงอยู่ เท่ากับพ่อยังอยู่

ยิ่งถ้าลูกทุกคน เดินตามแนวพ่อสอน และที่พ่อแนะแนวทางไว้ให้

ประเทศชาติและลูกทุกคน จะเป็นสุข ด้วยสำเร็จ!

พ่อสอนอะไร.....?

พ่อสอนให้ทุกคน เอาตัวเองให้ยั่งยืนก่อน แล้วสังคมและประเทศชาติ ก็จะยั่งยืน-มั่งคั่งตาม ด้วย "เศรษฐกิจพอเพียง"

พ่อสอนให้ทุกคน "รู้ รัก สามัคคี"

ฟังแค่ รู้ รัก สามัคคี อาจเข้าใจว่า "พ่อบอกให้ลูกทุกคนรักสามัคคีกัน"

ความจริง "ลึกซึ้ง" กว่านั้น

ลึกซึ้งอย่างไร?..............

ขอน้อมนำพระราชดำรัสพระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวา.๓๔ ตอนหนึ่งมาให้อ่านกัน

"…อีกอย่างหนึ่ง ที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้ ก็ได้พูดแล้วตอนแรกได้พูดว่า คนไทยเราที่รักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้ ก็โดยอาศัยการที่ “รู้จักความสามัคคี และรู้จักทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ประสานส่งเสริมกัน”

ความจริงเขียนไว้ว่า “รู้รักความสามัคคี"

การที่จะรู้จักสามัคคีก็ลำบากมาก เพราะคนมากๆ รู้จักกันทั่วถึงไม่ค่อยได้

แต่ “รู้ รัก สามัคคี” ควรจะใช้ได้

เพราะหมายความว่า ทุกคนถือว่าตนเป็นคนไทย มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทุกคนรู้ว่า ต้องมีความสามัคคี

“รู้” ก็คือ “ทราบ” ทราบความหมายของสามัคคี

“รัก” คือ “นิยม” นิยมความสามัคคี

เพราะเหตุใดคนไทยจึง “รู้ รัก สามัคคี” ก็เพราะคนไทยนี่ฉลาดไม่ใช่ไม่ฉลาด คนไทยนี่ฉลาด

รู้ว่า ถ้าหากเมืองไทยไม่ใช้ความสามัคคี ไม่เห็นอกเห็นใจกัน ไม่ใช้อะไรที่จะพอรับกันได้ พอที่จะใช้ได้ ก็คงจะไม่ได้ทำอะไร หมายความว่า ทำมาหากินก็ไม่ได้ เพราะว่า ไม่มีความสงบ จะต้อง “รู้ รัก สามัคคี”

หมายความว่า รู้จักการอะลุ้มอล่วยกัน แม้จะไม่ใช่ถูกต้องเต็มที่

คือหมายความว่า ไม่ถูกหลักวิชาเต็มที่ ก็จะต้องใช้ เพราะว่าถ้าไม่ใช้ ก็ไม่มีอะไรใช้ อาจมีสิ่งที่มีอยู่แล้ว ที่จะใช้ไปได้ชั่วคราว คุณภาพอาจไม่ค่อยดีนัก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่ว่า จะต้องใช้อะไรที่พอใช้ได้ไป ไม่อย่างนั้น ไม่มีวันที่จะมีชีวิตรอดได้

ตอนนี้ ถ้าราษฎร “รู้ รัก สามัคคี” เขาจะเข้าใจว่า เมื่อเขามีรายได้ เขาก็จะยินดีเสียภาษี เพื่อช่วยราชการให้สามารถทำโครงการต่อไป เพื่อความก้าวหน้าของประเทศชาติ

ถ้าราษฎร “รู้ รัก สามัคคี” และรู้ว่า “การเสียคือการได้” ประเทศชาติก็จะก้าวหน้า

เพราะว่า การที่คนอยู่ดี มีความสุขนั้น เป็นกำไรอย่างหนึ่งซึ่งนับเป็นมูลค่าเงินไม่ได้

การปฏิบัติโดยวิธีการที่อาจไม่ถูกหลักวิชานัก แต่ประกอบด้วยความเมตตา ด้วยความสามัคคี คือ “รู้ รัก สามัคคี” นี้เอง ก็คงจะทำให้อยู่กันได้ต่อไป

ความจริงประเทศไทยนี้ ก้าวหน้ามามากแล้ว และก็ก้าวหน้ามาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เร็วเกินไป ไม่ช้าเกินไป

สิ่งที่สำคัญก็คือ ต้องใช้หลักที่พูดเมื่อวานนี้ แต่พูดผิดพลาดไป วันนี้ จึงมาแก้เสียยืดยาว

แก้คำเดียว แก้คำว่า "จัก" เป็น “รัก” หรือ “รัก” เป็น “จัก” ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจว่า เมื่อวานนี้ พูดผิด ยอมรับ...เขียนไว้อย่างดีว่า “คนไทย รู้ รักสามัคคี”

ไปพูดว่า “รู้จักความสามัคคี” ซึ่งก็ไม่ผิดนัก

แต่ “รู้รักความสามัคคี” นั้น ซึ้งกว่า

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เข้าใจว่า ท่านทั้งหลายก็จะซึ้ง และ “รู้ รักความสามัคคี”…”

แล้วพ่อสอนอะไรอีก?

พ่อสอนว่า การสร้างบ้านเมือง การสร้างตนเอง มิใช่สร้างวันเดียว ต้องใช้เวลา ใช้ความเพียร ใช้ความอดทน ความเสียสละ

พ่อสอนให้รู้จักใช้ความพอดี ว่าการสร้างฐานะนั้น ต้องยึดหลักค่อยเป็น-ค่อยไป รอบคอบ พอดีๆ ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง

พ่อสอนให้รู้ตัว การรู้ตัวเองเสมอ จะทำให้เป็นคนมีระเบียบ และระเบียบนั้น จะสร้างความสำเร็จ-ความเจริญให้ตัวเองและส่วนรวมได้

พ่อสอนให้รู้จักรับและรู้จักให้ เมื่อรับสิ่งของใดมา ก็ต้องพยายามให้

การให้นั้น ควรให้ด้วยพยายามสร้างสามัคคีในหมู่คณะและในชาติ จะให้-จะช่วย ที่ไหนก็ได้ ด้วยใจเผื่อแผ่จริงๆ

พ่อสอนให้พูดจริง-ทำจริง คนหนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงจะพบความสำเร็จ ได้รับศรัทธา ความเชื่อถือ ความยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่น

พ่อสอนให้ทำหนังสือเป็นออมสิน หนังสือเหมือนธนาคารความรู้และออมสิน เป็นสิ่งทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้

สะสม-ศึกษาหนังสือ เท่ากับสะสมความรู้และทุกสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา-คิดมา

พ่อสอนให้ซื่อสัตย์ เพราะความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง

เด็กๆ ต้องฝึกฝน-อบรม ให้เกิดมีขึ้นกับตนเอง จะได้โตขึ้นเป็นคนดี มีประโยชน์ ชีวิตสะอาด เจริญมั่นคง

พ่อสอนให้ชนะใจตนเอง ต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจว่ามันชั่ว-มันเสื่อม ต้องฝืน-ต้องต้าน ความคิดและความประพฤติที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ

ต้องกล้าและบากบั่น ที่จะทำในสิ่งที่เราทราบว่า เป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม

ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง เมื่อวานนี้ ศิลปะ-วัฒนธรรม-ประเพณี บ่งถึงไทย "ชาติอารยะ"

และการที่ คนไทย "ทั้งชาติ" ใจรวมศูนย์ที่พ่อ ทำให้โลกรับรู้ด้วยประจักษ์

ว่าที่ประชาชนรัก "องค์พระมหาภูมิพล" นั้น มิเพียงเพราะพ่อเป็น "พระเจ้าแผ่นดิน"

หากแต่รักเพราะ...........

"พ่อ-องค์พระมหาภูมิพล" เป็นพ่อของคนไทยทุกคน พ่อยอมลำบากทุกอย่าง ด้วยหวังให้ลูกอยู่สบาย

พ่อป่วย ด้วยติดเชื้อร้ายจากบุกป่า-ฝ่าดอย เรื้อรังจนนำมาสู่วาระสุดท้าย

นั่นมิใช่เพราะ "เพื่อลูก" ดอกหรือ? พ่อจึงเป็นเช่นนั้น

พ่อไม่เคยปริปากแม้แต่คำเดียว!

"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม ยังประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม"

จะว่าสัจจะแห่งองค์พระมหากษัตริย์ เป็นประจักษ์ ก็ถูกต้อง

แต่คนไทยทั้งมวล ผูกพันองค์พระมหาภูมิพล จากน้ำพระทัยรักและเมตตา "ของพ่อมีต่อลูก" โดยแท้

ผนวกเข้ากับความเป็น "พระเจ้าแผ่นดิน"

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" จึงทรงเป็น

"พ่อของแผ่นดินไทย" ตราบนิจนิรันดร์.


ข้อมูลจาก
คอลัมน์ "คนปลายซอย" โดย เปลว สีเงิน
นสพ.ไทยโพสต์ ๒๗ ต.ค. ๒๕๕๙
thaipost.net











บีจีและไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ KungHangGerman

Free TextEditor





Create Date : 05 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2560 22:43:01 น. 0 comments
Counter : 3975 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณโอพีย์, คุณtuk-tuk@korat, คุณmambymam, คุณtoor36, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณเนินน้ำ, คุณชีริว, คุณผีเสื้อยิปซี, คุณหอมกร, คุณSai Eeuu, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณวลีลักษณา, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณเริงฤดีนะ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณInsignia_Museum, คุณดาวริมทะเล, คุณสองแผ่นดิน, คุณRinsa Yoyolive, คุณอุ้มสี, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณกะว่าก๋า, คุณmoresaw, คุณdiamondsky, คุณlovereason, คุณเกศสุริยง, คุณThe Kop Civil, คุณnewyorknurse, คุณClose To Heaven, คุณruennara, คุณMaeboon, คุณหงต้าหยา, คุณJinnyTent, คุณ**mp5**, คุณคนผ่านทางมาเจอ


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.