กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อจะแบ่งปันประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่เคยอาศัยในฟินแลนด์ จขกท เห็นว่าอาจจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆใน Bloggang และเปิดโลกทัศน์ให้คนที่ใฝ่ฝันจะมาอาศัยในต่างแดนได้ศึกษาและเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ทุกอย่างที่จะเล่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเราและบางอย่างเราก็รู้จากการสังเกตและถามจากคนรอบข้าง บางทีอาจจะกระทบใครบางคนต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ

เริ่มแรกเลยนะคะฟินแลนด์เคยเป็นเมืองขึ้นของสวีเดนและต่อมาก็ขึ้นกับสหภาพโซเวียต เพิ่งจะประกาศอิสรภาพเมื่อ 99 ปีที่แล้ว (ปี1917) เมื่อก่อนมีเมืองหลวงอยู่ในเมืองตุระกุ เกิดสงครามเมืองเสียหายหนักเลยย้ายมาตั้งเมืองหลวงใหม่คือ เฮลซิงกิเมืองหลวงในปัจจุบันนี้... ภาษาที่ใช้มี 2 ภาษาคือฟินนิชกับสวีดิช ส่วนมากก็จะพูดฟินนิชกันมากกว่า... ประชากรก็มีแค่ 5.5 ล้านคนเท่านั้นคะ

ฟินแลนด์มีบาดแผลจากการสงครามหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าใจมาก.. ตั้งแต่สงครามโลกไปจนถึง สงครามกลางเมืองคือฝ่ายชนชั้นแรงงานกับ ฝ่ายรัฐบาล , พ่อค้านายทุน สุดท้ายฝ่ายรัฐบาลเอาชนะด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพของเยอรมัน จับฝ่ายแพ้เรียงแถวยิงหัวรายตัวเลยทีเดียว ==

 ทหารหญิง

 เด็กก็เป็นทหาร

ด้วยโรคระบาด จำนวนมากในช่วงสงคราม ด้วยความที่เป็นเมืองหนาว เค้าอดกันถึงขนาดเอาเปลือกไม้มาทำเป็นขนมปังเลยทีเดียว ทุกวันนี้ยังมีขายแต่มีแป้งเยอะกว่าสมัยก่อน

 ขนมปังมีส่วนผสมของเปลือกไม้ เชื่อว่าดีต่อสุขภาพ

หลังสงครามและความสูญเสียผ่านไป เค้าก็ได้เริ่มพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง กว่าจะมาเป็นรัฐสวัสดิการอย่างทุกวันนี้สู้กันแบบแหลกกันไปข้างนึงเลย

ฟินฯมีหลากหลายฤดูแต่ส่วนมากจะมีหน้าหนาวที่ยาวนาน.....ช่วงนี้ผักผลไม้จะแพงนิดนึง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

หน้าร้อนนี่ไม่ต้องพูดถึง ปาร์ตี้กันเยอะฝุดๆ จากที่เป็นคนเงียบๆกันเหล้าเข้าปาก พูดน้ำไหลไฟดับ... อีกส่วนนึงก็ใส่บิกินี่น้อย นอนตากแดดทั้งวันเพื่อสีผิวในฝันคือสีดำ เอ้ย สีแทน &&

สภาพสังคมและผู้คนที่นี่ เป็นสังคมเสรีมีความเท่าเทียมกัน ผู้คนส่วนมากจะเป็นมิตร ,ขี้อาย ,รักสันโดษ, เชื่อถือได้(รึเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ)

มีเพื่อนบ้านดีเหมือนถูกล็อตตอรี่รางวัลที่ 1 อันนี้จริงนะ ถ้าใครพักในอพาทเม้นท์ หรือคอนโดมีกฎระเบียบ ต้องทำตามหลัง 4 ทุ่มห้ามเสียงดัง ถ้าจะทำไรอย่างจัดปาร์ตี้ต้องแจ้งให้เพื่อนร่วมตึกทราบ ที่เค้าทำกันก็ติดป้ายเลยจ้าตรงบอร์ดข้างล่างตึกนั่นแหละ

ที่พักส่วนมากจะมีห้องซักผ้าส่วนรวมมีเครื่องซักเครื่องอบ จะใช้ก็ต้องจองเวลา ที่นี่แหละค่าแหล่งรวมดราม่า คนที่นี่ไม่เถียงกันให้หนวกหู ใช้เขียนสื่อความในใจเอาจ้า

บางคนถ่ายรูประเบียงเพื่อนบ้านที่ยังติดไฟคริสมาสต์ ตอนเดือนเมษาฯ แล้วปริ้นออกมาติดประจานพร้อมคำถาม " นี่มันเลยคริสมาสต์มาหลายเดือนแล้ว ทำไมยังติดไฟสลับสีอยู่" ??? เจ้าของระเบียงตอบกลับ "เรื่องของอั๊ว ถ้าลื้อมีปัญหามาที่ห้องหมายเลข &&&&& เวลา  &&&&&& อย่ามัวแต่หดหัว"

มองอีกมุมนึงอาจเป็นเพราะที่นี่มีร้านนวดเยอะ ขนาดเมืองเล็กๆยังมีให้เห็น..แถมเขายังจัดทำรายการทีวีออกอากาศมาแฉ เรื่องร้านนวดแอบแฝง

คนที่นี่ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับข่าวที่ได้รับ คนรอบข้างเราที่ตรงๆหน่อยก็เริ่มมีคำถาม เราก็บอกไม่รู้ไม่เคยทำจะรู้ได้ไง (อยากจะบอกเหลือเกิ๊นว่า ถ้าอยากรู้นักก็ไปเคาะประตูถามร้านนวดเอง ซิยะ !!!) 5555

คนที่ปากสว่างก็ล้อเลียน พูดแดกดัน กระทบกระเทียบให้เรา เราได้ยินเองกะหูและเพื่อนเกย์ที่สนิทกะเราเค้ามาเล่าให้ฟังอีกทีนึง

เราเลยยื่นคำขาดไปถ้าไม่หยุดเราจะไปบอกหัวหน้า ผู้บริหารเราก็รู้จัก แถมเราจะฟ้องศาลในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความอับอาย ที่เค้าเรียกกันว่า "BULLY" ทีนี้ละพากันมาขอโทษขอโพยกันใหญ่ ถ้าเพื่อนๆเจออย่างนี้อย่ายอมนะคะ ที่นี่คนที่อ่อนแอเค้ายิ่งจะแกล้งหนัก....

กฎหมายของฟินฯยังไม่ได้ห้ามการค้าประเวณี ถ้าอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่อย่าทำแบบโจ่งแจ้งนะจ๊ะ เค้ารับมะได้ ประมาณว่า..คุณจะทำก็ทำไปแต่ต้องเสียภาษีรายได้นะคะ จะมาแอบทำหลีกเลี่ยงภาษีไม่ได้ เข้าปิ้งอย่างเดียวนะจะบอกให้

ที่นี่อยู่ได้ด้วยเงินภาษีของ ปชช. ฉะนั้นแล้วอะไรๆก็ต้องเสียภาษี

ว่าด้วยเรื่อง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เราได้ยินมาว่าเด็กสาวฟินน์หาแขกผ่านเว็ปไซด์  เพื่อจะมีเงินแต่งตัว ซื้อกระเป๋าหรูๆอวดเพื่อนๆ บางคนอายุไม่ถึงแต่ตัวโต ก็แอบแฝงทำก็มี ถ้าโดนจับได้นี่ผู้ซื้อติดคุกหัวโตเลยนะจ๊ะ

อีกส่วนนึงเค้าหาแขกกันตามสถานที่ช้อปปิ้ง ชื่อมันคือ "กั้มปิ" ถ้าเปรียบกับไทยก็คล้ายๆ สยามแหละ แหล่งรวมวัยรุ่น (อันนี้เค้าก็ทำเป็นรายการประเภทเรื่องจริงผ่านจอ ออกอากาศเหมือนกัน)

สาวฟินน์นี่รักสบายเกือบทุกคน มีข่าวลือจากวงในว่าพวกที่ติดอันดับนางงามบางคน จะมีเครื่องบินส่วนตัวมารับไปปรนเปรอ แขกอาหรับรวยๆ ไม่ว่าใครก็ใครล่ะอยากได้อยากมีกันเนอะๆ

ที่จขกท เล่ามาอาจจะมีแต่เรื่องเครียดๆ ตามจริงแล้วสังคมเค้าเป็นแบบจริงจัง ไม่มีโลกสวย สายรุ้ง ผีเสื้อบินฟรุ้งฟริ้งสวยงาม..ความที่จริงจังทุกสิ่งอย่างทำให้คนเป็นโรคเครียดกันเยอะ เป็นโรคจิต ซึมเศร้าก็แยะ อย่างบางคนเรียกได้ว่าเป็นโรคจิตเสพความทุกข์ของคนอื่นเป็นอาหาร

อีกอย่างที่ต้องรู้คือ เค้ามีงานอดิเรกเป็นการแกล้งกันเอง เกลียดกันเอง และสุดยอดของความขี้อิจฉา แม้แต่พี่น้องร่วมท้องกันมายังกลัวอีกคนจะได้ดีกว่า เพื่อนร่วมงานก็คอยเลื่อยขาเก้าอี้กันและกัน นี่อาจเป็นอีกเหตุผลนึง คนที่นี่ถึงไม่อยากสนิทกะใคร ถ้าไม่รู้จักกันมาแต่อ้อนแต่ออกประมาณว่าเดี๋ยวเอ็งจะเอาเรื่องข้ามาแฉ...

ที่เราเคืองที่สุดเห็นจะเป็น ยายอ้วนเพื่อนร่วมงานเก่ามันเคยว่าให้ได้ยินว่าเมืองไทย ไร้สาระ งมงาย ถึงขนาดดูถูกว่าเราๆ หมอบกราบ และชอบคลานสี่ขาเหมือนน้องหมาเลย เราไม่เคยมีเรื่องกะเค้านะ

เรานี่ขึ้นเลย อยากจะมี สปาต้าเหมือน ลีน่า จัง 555(แอบโหดอีก) ฝากไว้ก่อนเถอะอึ่งยืน คริคริ

สำหรับการศึกษาของที่นี่นั้นเรียนฟรี ก็จริงแต่ค่ากิจกรรมต้องจ่ายเองค่ะ สถานเลี้ยงเด็กต้องจ่ายเองอีกเหมือนกัน เค้าจะคำณวนจากรายได้ของพ่อแม่รวมกันแล้วคิดออกมาเป็นจำนวนที่ต้องจ่าย ครอบครัวไหนที่มีรายได้น้อยจริงๆถึงจะฟรีคะ

การรักษาพยาบาลเค้ามีระบบที่ชัดเจน สถานีอนามัยในเขตที่อาศัยอยู่เป็นที่แรกที่ต้องไป หมอทั่วไปก็จะเขียนใบส่งตัวไปที่ รพ หรือหมอ เฉพาะทางอีกทีนึง

มีข่าวจับคนที่ปลอมแปลงเอกสารทำงานเป็นหมอ เขียนใบสั่งยาให้คนไข้เกินขนาด ตายหลายรายแล้ว...

อ้อ ..อีกเรื่องคนไทยที่จะมาเก็บผลไม้ป่า เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เพราะแต่ละปีคาดเดาได้ยากว่าจะมีผลไม้เยอะหรือเปล่า คนในบางพื้นที่ก็หวงผลไม้ป่าโดยเฉพาะทาง ลับแลนด์ เค้าเคยให้สัมภาษณ์ทางสื่อทีวีว่าปล่อยให้มันเน่าอยู่ในป่าดีกว่าให้คนต่างชาติเก็บ                                    ผลเบอร์รี่สีเหลืองมีราคาแพงมากแล้วเกิดไม่เยอะ เค้าก็มีเคือง ถ้าเก็บไปหมด

Create Date : 30 เมษายน 2559
Last Update : 15 พฤษภาคม 2559 2:58:20 น.		3 comments
Counter : 1343 Pageviews.
Share Tweet