เครื่องบินมาเลย์ที่หายไป ปริศนาชะตากรรม 239 ชีวิต-มุ่งปมโดนจี้เปลี่ยนเส้นทาง
รายงานพิเศษ
การค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของ "สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์" เที่ยวบินเอ็มเอช 370 บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต ที่หายไปตั้งแต่เดินทางออกจากมาเลเซียไปจีนเมื่อวันเสาร์ที่ 8 มี.ค. ผ่านพ้นเกิน 1 สัปดาห์แล้ว ท่ามกลางการค้นหาของหน่วยงานนานาชาติกว่า 12 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก และการเฝ้ารอของญาติผู้โดยสารกว่า 13 ชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่มีมากที่สุด 153 ราย ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
วันเสาร์ที่ 8 มี.ค.2557
เวลา 12.41 น. ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 บินออกจากสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง ระยะทางการบิน 4,350 กิโลเมตร มีกำหนดลงจอดเวลา 06.30 น. ในวันเดียวกัน
ราว 45 นาทีหลังบินขึ้น หอบังคับการบินซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ระบุว่า ขาดการติดต่อกับเครื่องบินซึ่งอยู่ระหว่างมาเลเซียและเวียดนาม โดยไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ขณะที่สภาพอากาศแจ่มใสดี
มาเลเซีย แอร์ไลนส์แถลงข่าวว่า เครื่องบินขาดการติดต่อ สัญญาณสุดท้ายมาจากพิกัดห่างจากชายฝั่งเมืองโกตา บารู ทางตะวันออกของมาเลเซีย โดยเครื่องบินมีเชื้อเพลิงสำหรับบินได้ราว 7 ชั่วโมงครึ่ง
มาเลเซียกับเวียดนามประสานความร่วมมือในการค้นหา ขณะที่จีน สหรัฐ สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ช่วยค้นหา
ทัพเรือเวียดนามระบุว่าพบคราบน้ำมันและกลุ่มควันในน่านน้ำ และระบุว่าเครื่องบินตกใกล้เกาะโถเจา แต่กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแถลงปฏิเสธ
เรือค้นหาของมาเลเซียไม่พบซากใดๆ บริเวณที่เครื่องบินขาดการติดต่อ
เว็บไซต์ flightaware.com เผยให้เห็นสัญลักษณ์ของเครื่องบินลำนี้ บินขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย และไต่ระดับไปที่ความสูง 35,000 ฟิต แต่นาทีต่อมาก็หายไป
พบว่าผู้โดยสาร 2 รายใช้หนังสือเดินทางปลอมจากเล่มที่ถูกขโมยในประเทศไทย
วันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค.
มาเลเซียค้นหานอกชายฝั่งรัฐกลันตัน หลังจากมี ผู้พบชิ้นส่วนขนาดเล็กลอยในทะเล
คณะกรรมการความปลอดภัยการคมนาคมแห่งชาติสหรัฐส่งทีมมาช่วยเหลือพร้อมเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ
เรดาร์ชี้ว่าเครื่องบินอาจบินวกกลับ ก่อนหายไป แต่มาเลเซีย แอร์ไลนส์ระบุว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงระบบของโบอิ้ง 777 ต้องส่งสัญญาณเตือน
มีการสันนิษฐานว่า เครื่องบินอาจเกิดการแตกตัว กลางอากาศทำให้ไม่เหลือเศษชิ้นส่วนใดๆ
ตำรวจภูเก็ตพบตัวนายลุยจิ มารัลดี ชาวอิตาลีที่ถูกขโมยพาสปอร์ต อยู่ในไทย
วันจันทร์ที่ 10 มี.ค.
สหรัฐตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมสอดแนมและไม่พบว่ามีสัญญาณของการระเบิดใดๆ กลางอากาศ
เรือและเครื่องบินของ 7 ประเทศออกค้นหาใน ทะเลรอบมาเลเซียและทางใต้ของเวียดนาม โดยมีข้อสันนิษฐานถึงการระเบิดและจี้เครื่องบิน
ผลการตรวจสอบคราบน้ำมันที่เวียดนามชี้ว่าเป็นน้ำมันเตา ไม่เกี่ยวกับเครื่องบิน
วันอังคารที่ 11 มี.ค.
ตำรวจมาเลเซียเปิดภาพผู้ต้องสงสัยชาย 2 คนที่ถือหนังสือเดินทางที่ถูกขโมย เป็นชาวอิหร่านทั้งคู่ คือ นายพูรี นัวร์โมฮัมมาดี อายุ 18 ปี และ นายเดลาวาร์ เซย์อิด โมฮัมหมัด เรซา อายุ 29 ปี ส่วนตำรวจไทยเปิดเผยว่า ทั้งสองนายใช้พาสปอร์ตที่ถูกขโมยไปของชายออสเตรียและอิตาลี ตั๋วใบหนึ่งมีปลายทางไปยังนคร แฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมนี ส่วนอีกใบไปกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก แต่ทั้งคู่ใช่หนังสือเดินทางตัวจริงเข้าประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.พ.
อินเตอร์โพลแจ้งว่า ยิ่งได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้สรุปได้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวกับการก่อการร้าย ชายอิหร่านทั้งคู่เป็นแค่ผู้อพยพที่ต้องการไปใช้ชีวิตใหม่ใน ต่างประเทศ รายที่อายุ 18 ปี มีแม่รออยู่ที่นครแฟรงก์เฟิร์ต
วันพุธที่ 12 มี.ค.
ตำรวจมาเลเซียแถลงความเป็นไปได้ใน 4 ประเด็น 1.จี้เครื่องบิน 2.วินาศกรรม 3.ปัญหาจิตวิทยาของผู้โดยสารและลูกเรือ และ 4.ปัญหาระหว่างผู้โดยสารกับลูกเรือ
กองทัพมาเลเซียเปิดเผยว่า หลังจากเครื่องบิน ส่งสัญญาณติดต่อครั้งสุดท้าย ได้บินวกกลับมาทาง ทิศตะวันตก เข้าสู่ช่องแคบมะละกา ทางชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย
สาวออสเตรเลีย จอนตี้ รูส เปิดตัวว่า ผู้ช่วยกัปตันเครื่องบินลำเกิดเหตุ นายฟาริก อับ ฮามิด วัย 27 ปี เคยชวนตนและเพื่อนให้เข้าไปถ่ายรูปและนั่งอยู่ในห้องนักบิน ตลอดเส้นทางภูเก็ต-กัวลาลัมเปอร์ เมื่อปี 2553
มาเลเซียขยายขอบเขตการค้นหาออกไปอีกหลายร้อยกิโลเมตรยังทะเลอันดามัน ด้านเหนือของอินโดนีเซีย
จีนระบุว่าภาพถ่ายดาวเทียมพบวัตถุขนาดใหญ่ 3 ชิ้นลอยในบริเวณที่ต้องสงสัยว่าเครื่องบินตกในทะเลจีนใต้
วันพฤหัสบดีที่ 13 มี.ค.
มาเลเซียส่งเครื่องบินไปตรวจสอบตามที่จีนอ้าง แต่ไม่พบสิ่งใด
กระทรวงคมนาคมมาเลเซียสืบสวนกรณี มีข่าวพบโทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารหลายคนยังมีสัญญาณติดต่อได้แต่ไม่มีผู้รับสาย
แหล่งข่าวจากบริษัทโรลสรอยซ์ซึ่งผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินลำนี้ จับสัญญาณจากเครื่องยนต์ได้ว่ายังทำงานอยู่หลังจากหายไปจากจอเรดาร์ 4 ชั่วโมง และมีนักวิจัยระบุว่าเชื้อเพลิงที่มีสามารถบินออกจากเส้นทาง ได้ไกล 1,600 กิโลเมตร
วันศุกร์ที่ 14 มี.ค.
กองทัพเรือสหรัฐส่งทีมลาดตระเวนออกไปค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย ฝั่งตะวันตก หลังมีข้อสันนิษฐานว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำนี้อาจบินนานกว่าและไกลกว่าที่คิดไว้
ขณะที่หน่วยงานต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐ เผยผ่านซีเอ็นเอ็นว่า น่าจะมีคนบนเครื่อง ไม่นักบินก็คนอื่นใดบนเครื่อง จงใจปิดเรดาร์ และนำเครื่องบินออกนอกเส้นทาง ข้ามกลับมายังฝั่งทะเลอันดามัน และบินต่อไปอย่างน้อย 4-5 ช.ม.
กองทัพอินเดียส่งเรือมาช่วยค้นหาตามที่มาเลเซียร้องขอ
เครื่องบินมาเลย์ที่หายไป ปริศนาชะตากรรม 239 ชีวิต-มุ่งปมโดนจี้เปลี่ยนเส้นทาง __________ คลิกชมภาพและอ่านต่อ....
Create Date : 16 มีนาคม 2557 |
Last Update : 16 มีนาคม 2557 11:50:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2231 Pageviews. |
|
|
|
|
|