กระแส "กินคลีน" มาแรง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอาหารเลียนแบบชาวตะวันตก ทำให้อาหารประกอบด้วยพืชผักที่ราคาแพง
พฤติกรรมของคนไทยนิยมกินอาหารนอกบ้านมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอาหารรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด และยังใช้ชีวิตซ้ำเดิม มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย มีความเครียดสูง และพักผ่อนน้อย
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน
อ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บรรยายพิเศษเรื่อง "กินคลีนอย่างไทย กินอย่างไรในยุคเร่งรีบ"
โดยเน้นว่า หลักสำคัญคือ การกินเป็น ก่อสุข เน้นกินแบบธรรมชาติ
สูตรการกินคลีนที่ อ.สง่า แนะนำ เริ่มจากการกินอาหารด้วยสูตร 6:6:1 นั่นคือ กินน้ำตาลพอดีที่วันละ 6 ช้อนชา กินไขมันพอดีที่วันละ 6 ช้อนชา และกินเกลือวันละไม่เกิน 1 ช้อนชา
หลักคือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น" ควรปรุงแต่งอาหารให้น้อย ไม่ใช้วิธีการปรุงอาหาร ที่ซับซ้อน เน้นการกินอาหารประเภทต้ม แกง ยำ ตุ๋น และนึ่ง
การทำอาหารกินเองต้องเริ่มจากการเลือกวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัยไร้สารพิษ วิธีการปรุงสะอาด และที่สำคัญคือ เครื่องปรุง ซึ่งก่อนซื้อทุกครั้งควรดูฉลากโภชนาการโดยละเอียด และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่โซเดียมต่ำ หากกินโซเดียมมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
น้ำมันควรเลือกให้ตรงกับวิธีการปรุงอาหาร อย่าง น้ำมันถั่วเหลืองมีจุดอิ่มตัวต่ำเหมาะกับการผัด น้ำมันปาล์มมีจุดอิ่มตัวสูง เหมาะกับการทอด ส่วนน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่มีจุดอิ่มตัวต่ำมาก เหมาะกับการปรุงอาหารทุกประเภท
เมนูง่ายๆ เช่น "ยำเห็ดสามสี" ประกอบด้วย เห็ด 3 ชนิด ปรับเปลี่ยนไปใช้เห็ดตามชอบได้ เช่น เห็ดหูหนู เห็ดเข็มทอง ใส่หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย หอมหัวแดง ต้นหอม เป็นส่วนประกอบ
เมนูนี้มีคุณค่าสารอาหารมาก และมีพลังงานรวมเพียง 142.6 กิโลแคลอรี เหมาะกับผู้หญิงที่อยากลดน้ำหนักและสุขภาพดี
เมนูต่อมาคือ ข้าวต้มปลาไรซ์เบอร์รี่ที่มีวัตถุดิบเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปลากะพง ขิงซอย ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว น้ำซุปจากกระดูกปลา
เป็นเมนูคุณค่าทางอาหารสูง มีการปรุงแต่งน้อยและย่อยง่าย
กระแส "กินคลีน" มาแรง กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น