ขยะก้อนโตในประเทศของเราล้วนมาจากขยะในมือของทุกคน ปัญหาขยะล้นโลก ณ ตอนนี้เป็นปัญหาที่เรียกว่าเป็น "ปัญหาใหญ่" แต่ ถูก "เมิน" จากสังคมส่วนใหญ่บนโลก แต่วันนี้ กลุ่มเยาวชนกรีนพีชเรานั้นได้ตระหนักถึงปัญหานี้แล้ว เราจะไม่เมินเฉย เหมือนใคร เราได้พาน้องๆ จำนวน 30 คนในโครงการ English Access Microscholarship Program ที่จัดโดยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ Regional English Language Office of the US Embassy ไปอบรมที่ศูนย์รีไซเคิลขยะชุมชนพบสุขเพื่อสร้างแรงบันดาลใจการลดขยะบนโลกให้กับน้องๆเยาวชน โดยหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนนิสัยการทิ้งขยะเดิมๆและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการลดขยะบนโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้จักชุมชนพบสุข ชุมชนนี้ไม่ได้เป็นแค่หมู่บ้านธรรมดาๆ แต่เป็นชุมชนต้นแบบของการแยกขยะรีไซเคิล โดยแต่ละบ้านจะแยกขยะในบ้านของตัวเอง จากนั้นขยะจะถูกศูนย์รีไรเคิลประจำชุมชนมาทำการรวบรวมแล้วเก็บขยะเพื่อนำมาใช้ประโยช์ใหม่ โดยในช่วงเช้าวันนี้ ทางศูนย์ได้สอนและอธิบายวิธีการที่เราจะสามารถจัดการขยะที่บ้านของตัวเอง คือ
1) การแยกขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก และกระดาษ : สามารถนำมาใช้ใหม่ หรือนำไปขายได้ที่ร้านรับซื้อขยะใกล้บ้าน การแยกขยะจะทำให้ปริมาณขยะในประเทศนั้นลดลงอย่างมหาศาล อีกทั้งทำให้ลดมลภาวะจากการเผาขยะ
2) การทำปุ๋ยจากขยะเปียก : เราสามารถนำขยะเปียกหรือเศษอาหารของเรามาใช้ประโยชน์ได้โดยการนำมาหมักทำเป็นปุ๋ย และแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านได้ใช้
สำหรับใครที่สนใจอยากทำปุ๋ยจากขยะเปียก พี่อเนก ประธานศูนย์รีไซเคิลชุมชนพบสุข ได้อธิบายขั้นตอนไว้ดังนี้
1. นำขยะเปียกผสมกับจุลินทรีย์แห้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน (อัตราส่วน ขยะเปียก 1 กิโลกรัม/จุลินทรีย์แห้ง 1 กำเมือ)
2.นำขยะเปียกที่คลุกจุลินทรีย์แห้ง ตักใส่ถุงตาข่ายและนำไปใส่ถังหมัก ปิดฝาถังให้สนิท
3.หมัก 7 วัน จากนั้นน้ำหมักที่ได้จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ ดังนี้
- น้ำขยะหมัก 10 ซีซี ผสมน้ำ 500-1,000 เท่า สามารถเป็นปุ๋ยหมักช่วยบำรุงดอกและผลได้อย่างดี
- ขัดพื้นห้องน้ำ ขจัดกลิ่น ป้องกันส้วมเต็ม
นอกจากนี้ กากของขยะหมักสามารถทำเป็นปุ๋ยจุลินทรีย์ชีวภาพได้ ด้วยการนำไปผสมกับเศษไม้ใบไม้จากชุมชนที่ย่อยแล้วโดยมีความชื้นที่ 60% นำใส่ ROTARY DRUM ทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน
หลังจากกิจกรรมในช่วงเช้า เราเดินทางออกจากศูนย์คัดแยกขยะชุมชนพบสุขมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เยาวชนกรีนพีซที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินรายการในวันดังกล่าวต่างรีบหยิบบทพูดที่ได้รับแจกไปขึ้นมาซ้อมรับส่งบทกันบนรถอย่างตั้งอกตั้งใจ และ ณ ปลายทางของเรานั้น น้องๆ ที่เดินทางมาถึงก่อนก็กำลังส่งเสียงเริงร่าตามประสาเด็กรออยู่หน้าห้องประชุมที่ถูกล็อกไว้ ไม่นานเมื่อประตูถูกเปิดออก ทุกๆ อย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะเลือกใช้การขับเสภาพรรณนาเรื่องราวในวันนั้นให้ผู้อ่านได้ฟังกันในวันนี้
หลังจากได้เรียนรู้กระบวนการแยกขยะอินทรีย์หรือเศษอาหารจากแต่ละครัวเรือนมาเข้าสู่กระบวนการทำเป็นปุ๋ยหมักและน้ำชีวภาพผ่านการบรรยายและสาธิตซึ่งนำโดยคุณเอนกไปแล้วในช่วงเช้า บ่ายนี้เป็นหน้าที่ของเยาวชนกรีนพีซบ้างที่จะให้ภาพรวมที่กว้างขึ้น ทั้งที่เกี่ยวกับปัญหาขยะและการจัดการขยะผ่านกิจกรรมสนุกๆ ซึ่งตระเตรียมกันมาเป็นอย่างดี เริ่มด้วยการฉายภาพที่อยู่ของขยะจากทั่วทุกมุมโลก แล้วชวนให้ทบทวนร่วมกันว่า แม้ทุกคนรู้จักขยะและแทบทุกคนเห็นตรงกันว่ามันควรถูกกำจัดมากกว่าการอยู่ร่วมกับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วมีขยะจำนวนมหาศาลถูกทิ้งไว้ในที่ที่ไม่ควรทิ้งหรือไม่ก็ถูกจัดการด้วยวิธีที่ไม่ยั่งยืนเช่นการกองรวมไว้เป็นภูเขาอย่างที่เราหลายคนคงจะนึกภาพออกได้อย่างไม่ยากเย็น เมื่อน้องๆ ได้รู้แล้วว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่เผชิญอยู่กับปัญหาขยะ กิจกรรมต่อมาได้ชวนให้น้องๆ ช่วยกันคิดว่าในหนึ่งวันคนเมืองอย่างเราท่านสร้างขยะกันมากน้อยเพียงใด ด้วยการแข่งทายกันว่าตัวละครสมมติในโจทย์ซึ่งเป็นสาวออฟฟิศวัยยี่สิบต้นๆ ได้สร้างขยะอะไรบ้างในหนึ่งวัน เมื่อถูกเปิดเผยในตอนเฉลยพบว่าขยะทั้งหมดนั้นรวมกันกว่า 35 ชิ้น และอาจสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของน้ำหนักขยะที่ชาวเอเชียสร้างขึ้นในหนึ่งวันกว่า 1.5 กิโลกรัมต่อคนจากข้อมูลของธนาคารโลกด้วย
ถัดจากการพิจารณาภาพรวมของปัญหาขยะแล้ว ถึงเวลาที่น้องๆ ต้องใช้พลังงานที่มาจากขนมช่วงเบรกแสนอร่อยไปกับการสัมผัส ความยากลำบาก ในการจัดการขยะ โดยการแจกจ่ายขยะจริงให้แต่ละกลุ่มไประดมสมองจัดการช่วยกันทำให้ขยะหนึ่งชิ้นนั้น หายไป ซึ่งพี่ๆ เยาวชนกรีนพีซก็เป็นอันต้องประหลาดใจว่า แม้ในระยะเวลาอันจำกัดโดยปราศจากเครื่องมือกำจัดขยะนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ขยะหนึ่งชิ้นจะหายไปได้จริงๆ แต่น้องๆ กลุ่มหนึ่งกลับจัดการให้ขยะที่ได้รับแจกหายไปได้! ด้วยการดัดแปลงเป็นหุ่นไล่กา แม้กะประมาณกันด้วยสายตาแล้วจะมีขนาดไม่ต่างจากอีกาที่โฉบเฉี่ยวบินจริงเหนือท้องนาหรืออาจเล็กกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่การคิดไกลไปถึงการทำให้ขยะกลับมามีประโยชน์อีกครั้งเพื่อกำจัดขยะอย่างที่น้องๆ ได้ทำสำเร็จจนได้คะแนนกันไปนั้นสร้างความประทับใจให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก และหากนี่คือศรีธนญชัยก็คงเป็นศรีธนญชัยที่รักโลกมากกว่าใคร
ในช่วงสุดท้ายของกิจกรรม หลังจากพี่ๆ เยาวชนกรีนพีซได้ช่วยกันสรุป ความจำเป็นและประโยชน์ของการแยกขยะ ซึ่งผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //bit.ly/1v7eNuB น้องๆ ได้ร่วมเล่นเกมแยกขยะโดยนำขยะที่ได้ช่วยกันวาดขึ้นมาในกิจกรรมก่อนหน้านี้ไปทิ้งลงถังให้ถูกต้อง แล้วจึงปิดท้ายด้วยการบรรยายสรุปโดย พี่เนะ อาสาสมัครอารมณ์ดีจากกรีนพีซที่ได้ชวนน้องๆ มาทบทวน 4R ที่ว่าด้วยการลดการสร้างขยะ การนำมากลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิลและการซ่อมแซมเพื่อใช้งานต่อ พร้อมสวมบทเป็นคุณครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนวัยใสช่วยกันตวงแบ่งกากน้ำตาลและจุลินทรีย์อีเอ็มเพื่อกรอกลงไปรอน้ำซาวข้าวในขวดที่เตรียมกันมาตามสูตรที่ได้จากศูนย์คัดแยกขยะหมู่บ้านพบสุขในช่วงเช้า ที่สามารถนำไปใช้ราดห้องน้ำ บำบัดน้ำเสีย หรือผสมให้เจือจางเพื่อรดน้ำต้นไม้ก้ยังได้
ไม่เฉพาะชาวบ้านที่พบสุขเพราะมีการจัดการขยะอย่างถูกต้องในหมู่บ้านที่ชื่อว่าพบสุข แต่เรื่องราวของความสุขที่เราทั้งเยาวชนกรีนพีซและน้องๆ ได้พบกันในวันนั้นยังมีอีกมากมายเกินกว่าที่ผมจะเขียนบรรยายเพื่อส่งต่อความสุขนั้นไปยังท่านผู้อ่านได้ แม้ต่อพื้นที่ให้มากกว่านี้ก็ตาม ผมจึงต้องกราบขออภัยและถือโอกาสเชิญชวนให้ทุกท่านติดตาม เพื่อคว้าโอกาสในการเข้ามาสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้ด้วยตัวท่านเองกับกรีนพีซในครั้งหน้า โดยเฉพาะถ้าคุณผู้อ่านเป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-23 ปี สามารถสมัครมาเป็นเยาวชนกรีนพีซได้ที่ //bit.ly/1EAzTXk แล้วจะได้มาพิสูจน์กันว่า ทำไมการได้ออกไปทำกิจกรรมทั้งวันในวันอาทิตย์กลับไม่ทำให้รู้สึกว่าการพักผ่อนได้หายไป แต่กลับรู้สึกได้ถึงความสุข เมื่อทุกๆ อย่างที่ดำเนินมาตลอดทั้งวันได้รับการสรุปด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าน้องๆ ทุกคน จนต้องขีดเส้นใต้ ทำตัวหนาและถ้าจะให้ดีปรับเป็นตัวเอนด้วยว่า อย่าพลาด!
มนพงศ์ พรหมพิทักษ์ และ ธีรเมธิศวร์ เหลืองอุบล เยาวชนกรีนพีซ