Yolo
Group Blog
 
All Blogs
 
ชีวิตการเรียนที่อเมริกา #3

ชีวิตการเรียนที่อเมริกา #3

61. คุณเช็คอากาศก่อนออกนอกบ้านทุกวัน เพราะอุณหภูมิมันจะไม่แน่นอน ไม่เหมือนที่เมืองไทย อุณหภูมิมันพอๆกันทุกวัน แค่ต้องนึกว่าวันนี้แอร์จะหนาวไหม เอาเสื้อหนาวไปหน่อยแล้วกัน
62. คุณจะยังงงกับการแปลงหน่วยอยู่ตลอดเวลา ระหว่าง Lbs --> kg. / Miles --> Km.
63. วีซ่าอเมริกาเป็นหนึ่งในวีซ่าที่กระบวนการยุ่งยากที่สุดที่เคยทำมา
64. ถ้าคุณพลาด deal shopping ของ แบล๊ก พรายเดย์ ไม่ต้องกลัว เพราะมันยังมี Cyber Monday ให้คุณช๊อปต่ออีกขยักหนึ่ง และ deal บางอย่างตอน labor day อาจจะดีกว่า แบล๊ก พรายเดย์ ด้วย
65. พี่มืดบางคนก็ดำรงชีพด้วย food stamp และวันๆก็ไม่ได้ทำอะไร
66. การเดินบนหิมะตอนมันเคลือบไปบนถนนแล้วลื่นๆ (Black Ice) น่ากลัวมาก หัวฟาดพื้นได้ง่ายๆ
67. คุณจะเริ่มจ่ายทุกอย่างด้วยบัตร และมีพกเงินสดเพียงเล็กน้อย หรือเมื่อคุณจ่ายด้วยเงินสด คุณก็จะรับเงินทอนที่เป็นเหรียญมาแบบไม่นับ และแยกเหรียญเก็บไว้ในกล่อง คุณสะสมจนมีเหรียญเยอะมาก คุณไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้วเหรียญมันหน้าตายังไง (ถ้าไม่ได้ทำงานร้านอาหาร)
68. ไส้กรอกที่นี่เค็มมาก
69. คุณจะเข้าใจมุกตลกในซีรีย์อเมริกันบางอันที่ ถ้าไม่ได้มาอยู่นี่จะไม่เข้าใจมันเลย (โดยเฉพาะมุกใน 2 Broke Girls)
70. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีปลั๊กออกมาโดยตรงจากเครื่องส่วนใหญ่จะใช้ไฟ 110v แต่ถ้ามีสายแยกก่อนที่จะเชื่อมกับเครื่องที่ถอดออกได้ ส่วนใหญ่จะใช้ 110-220v
71. เบียร์ที่อเมริกาสามารถบิดเกลียวหมุนเปิดขวดได้เลยไม่ต้องใช้ที่เปิดขวด และที่นี่เหมือนสวรรค์คนชอบเบียร์ เพราะคุณสามารถหาซื้อเบียร์จากทั่วโลกได้ที่นี่ คุณสามารถกินเบียร์วันละยี่ห้อได้เลย
72. Starbuck ที่นี่ราคาเท่าที่เมืองไทย และไม่ใช่ร้านกาแฟที่ซื้อกันเพื่อให้ดูมีคลาสขึ้นเหมือนเมืองไทย ที่นี่ฝรั่งเขากินกันเหมือนเรากิน Amazon
73. การเอาของปลอมมาใช้ที่นี่เขาจะ assume ว่าเราใช้ของจริง แต่ถ้าซื้อของจริงจากที่นี่ไปใช้ที่เมืองไทย อาจมีคน assume ว่าเรากำลังใช้ของปลอม
74. การที่คนอเมริกันบอกว่าอาหารของเขา unhealthy นั้นไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วที่นี่เป็นที่รวมอาหารจากทั่วทุกมุมโลก ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกกินแบบไหน คุณดันไปเลือกกินที่มัน unhealthy เอง แหล่งอาหารที่คุณมีเนี่ย มันก็ดีกว่าหลายประเทศในโลกใบนี้ และอาหารอเมริกันที่ไม่ใช่ฟาสฟูดที่มัน healthy เนี่ย มันก็มี
75. biscuit ที่นี่ไม่ใช่ cookie มันจะเป็นขนมปังก้อนๆเค็มๆหน่อย
76. ราคาน้ำอัดลมในตู้กดจะแพงมาก (1$-2$ หรือ 30-60บาท/bottle) ส่วนน้ำอัดลมที่ supermarket ก็จะถูกมากกกกก โดยเฉพาะช่วงมีโปร อาจซื้อได้ pack 12 cans x 4 packs ในราคา 10$ นั้นหมายถึงตกกระป๋องละประมาณ 7 บาทเท่านั้น
77. ตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยเจอคนจีนกับคนอินเดียที่เป็นตุ๊ดเลย ไม่รู้เพราะว่าเขาแอบกันดี หรือเขาเลือกไปอยู่มหาลัยอื่นอย่างแถบแคลิฟอร์เนีย หรือ นิวยอร์คกันหมด (รัฐที่อยู่นี้แอบ conservative)
78. คุณแอบเอามือถือออกมากดเพื่อคำนวณตอนจ่ายทิป เพราะกะไม่ถูก
79. คุณเริ่มลองตัดผมด้วยตัวเองเพราะค่าตัดผมแพง คุณเริ่มค้นหาคนที่สามารถตัดผมให้คุณได้ คุณเริ่มไม่แคร์กับทรงผมตัวเองมากนัก
80. เพื่อนชาวอินเดียของคุณ อาจทักว่าชืื่อคุณเหมือนคนอินเดีย นั่นเพราะคนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แล้วพระพุทธเจ้าเกิดที่อินเดีย
81. ครั้งแรกที่เพื่อนอเมริกาใต้เข้ามาทักทายคุณด้วยการโผกอดและหอมแก้ม จนเกือบจะเอาปากมาจูบคุณอยู่แล้ว คุณเกิดอาการตกใจนิดหน่อย (ไม่ใช่ว่าที่มาหอมแก้ม แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่จูบให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย 55, อันนี้ล้อเล่น) แต่หลังๆคุณเริ่มชินในการทักทายแล้วต้องกอด จนตอนหลัง มันคือคุณเอง ที่เป็นคนที่เริ่มโผเข้ากอดเพื่อนก่อนเลย (และแอบลวนลามเล็กน้อย 55, อันนี้ล้อเล่นอีกเหมือนกัน)
82. ของใน supermarket ยิ่งคุณซื้อเยอะมันจะยิ่งถูกมาก ทำให้คุณมักซื้อมาเยอะเกินความต้องการ เช่น ผักสลัด ถ้าคุณซื้อแพ๊คเล็กอาจจะ 2$ แต่ถ้าคุณเพิ่มเงินอีกเป็น 5$ แต่ไปซื้อที่ Sam's club คุณจะได้ผักสลัดเพิ่มอีก 4 เท่า
83. ใครบอกว่าของกินที่อเมริกาแพง ให้ย้อนกลับดูข้อ 56./76./82. ของใน supermarket ไม่ได้แพงอย่างที่คิด อาหารที่แพงคือการกินข้าวนอกบ้านที่ร้านอาหาร(ที่ไม่ใช่ฟาสฟูด) ที่มีพนักงานบริการ ซึ่งของสด tropical บางอย่างก็ราคาแพง ซึ่งมันก็สมเหตุสมผล เพราะมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล แต่ประเด็นคือคนที่นี่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแพง เพราะที่ส่งออกจากเอเชีย ถูกนำเข้ามาในอเมริกา ราคาก็จะอัพขึ้นไปอยู่ที่ราคาปกติของชาวอเมริกัน คนที่รู้สึกว่ามันแพงจะมีแต่คนเอเชียเท่านั้น
84. ซื้อของที่นี่ไม่ต้องคิดมาก ถ้าซื้อมาแล้วไม่ถูกใจสามารถเอาไปเปลี่ยน/แลกคืนได้ เป็นแบบ customer power มาก
85. คุณจะรู้สึกจนหนักลงไปอีก (จากที่กล่าวในข้อ 6.) เมื่อเพื่อนฟินแลนด์และเพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกว่า ค่าอาหารที่อเมริกาถูกกว่าบ้านเขาอีก
86. นั่นทำให้รู้สึกว่า จริงๆแล้วการที่คนไทยบอกว่าการอยากเที่ยวโลกนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยากนั่น ยุโรปค่าครองชีพแพงนั่น ไม่จริง ขึ้นอยู่ว่าเราชอบการท่องเที่ยว อยากเที่ยวขนาดไหนมากกว่า เพราะถ้าคนไทยมีเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เป็นปีละหลายหมื่นคน นั่นหมายความว่าคุณกำลังไปเที่ยวในหนึ่งในประเทศที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ถ้าคุณไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ คุณก็ไปได้ทุกแห่งในโลก เพราะที่อื่นๆก็ถูกกว่านั้นหมด ปัญหาคือค่าเครื่องบิน ที่ถ้าไปไกลอย่างยุโรป มันก็ควรจะแพงกว่า ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะมันก็ไกลกว่า คุณก็ควรจะต้องจ่ายค่าเครื่องแพงกว่าไม่ใช่หรอ
87. นมที่เขียนข้างขวด 2% ไม่ได้มี fat น้อยกว่า 1% / จริงๆ นม 1% low fat นั่นมี fat น้อยกว่า 2% เพราะว่าเขาหมายถึง low fat 1% คือ fat เหลือ 1 % แต่ 2% Reduced Fat หมายถึงลด fat ไปจนเหลือ 2% / ดังนั้นถ้าเรียงตาม fat content จะเป็นว่า Half & Half (~10-18%) > Whole Milk (~3%) > 2% Reduced fat (~2%) > 1% Low fat (~1%) > Skim Milk or No fat
88. ถ้าคุณซื้อไก่แบบไม่ skinless มา จะเหมือนคุณซื้อโคตรหนังและมันไก่ติดมาด้วย ถึงแม้คุณซื้อ skinless มา คุณก็ยังจะต้องมานั่งแซะมันออกอีก เพราะมันเยอะมาก ไก่ที่นี่มันไม่ใช่ไก่เนื้อ แต่เป็นไก่มัน
89. คุณสับสนว่าจะซื้อ Unsalted หรือ Salted Butter ดี (ปกติแล้ว Unsalted จะถูกใช้กับการทำขนม ส่วน Salted จะใช้กับพวกทาขนมปัง)


Create Date : 01 กันยายน 2557
Last Update : 1 กันยายน 2557 23:08:07 น. 1 comments
Counter : 877 Pageviews.

 
ว้าวคุณเก็บรายละเอียดได้ดีจังคะ

มีเพื่อนญี่ปุ่นบอกมาเรียนเมกา เพราะค่าเทอมถูกกว่า คือเอิ่ม มาอยู่แบบราชา ห้องใหญ่มาก มีรถสปอร์ต มีเครื่องเสียง ทีวี แบบจัดสังสรรค์ เราก็นะ ฮ่าๆ ก๊วนคนไทยทำอาหารกินกันเองแบบ pot luck

เรื่องไส้กรอกนี่ เห็นด้วยเลยคะ เค็มมากๆ หลังเราจะดูปริมาณโซเดียมก่อนซื้อ

เรื่อง Starbuck นี่ก็แปลก อาจเพราะร้านกาแฟที่เมกาก็ราคานี้กันหมด ไม่แตกต่าง แต่พอราคา Starbuck มาเทียบกับกาแฟไทย มันแพง เลยดูไฮโซหรือยังไงก็ไม่ทราบ


โดย: xyzjung วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:36:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Journey Addict
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add Journey Addict's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.